จนกระทั่งปี พ.ศ.1503 (ทางจีน ตรงกับวันที่ 23 เดือน 3) ท่านผู้หญิงของผู้ตรวจราชการเมืองฮกเกี้ยนก็ได้กำเนิดบุตรหญิงอีกคน ที่ตำบล หงหลอ บนเกาะ เหมยโจว ในมณฑลฮกเกี้ยน หลังจากเจ้าแม่ได้จุติมาสู่โลก ได้ครบ 1 ขวบก็ไม่เคยร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว และเป็นเด็กที่ฉลาด อายุได้ 6 ขวบ มีอาจารย์มาสอนวิชาให้ ก็สามารถท่องตำราครั้งเดียว ก็จำได้หมด และถ้ามีเวลาว่างจากการเรียนหนังสือก็จะศึกษาธรรม จากท่านผู้หญิงผู้เป็นแม่ จนอายุได้ 13 ปี ได้มีนักพรตชราแนะนำท่านผู้หญิงว่าถ้าบุตรีได้รับการชี้แนะทางธรรม อีกหน่อย ก็จะสำเร็จบรรลุอริยผล จากนั้นนักพรตก็ได้เป็นผู้ชี้แนะทางธรรมจนเจ้าแม่ซึ้งในธรรมเป็นอย่างดี
เมื่ออายุได้ 16 ปี ขณะที่เจ้าแม่กับสาวใช้เดินเล่นในสวนใกล้ ๆ บ่อน้ำก็ได้มีเซียนตนหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏร่างจากบ่อน้ำลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า สาวใช้ต่างวิ่งหนีกันหมดเหลือแต่เจ้าแม่ที่ยืนสงบนิ่งแล้วคุกเข่าลง จากนั้นเซียนก็ได้มอบคัมภีร์ให้เล่มหนึ่ง เจ้าแม่ได้ศึกษาคัมภีร์จนชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างพิสดาร ช่วยปกป้องขจัดมารคุ้มครองชาวประชา เหินฟ้าไปตามท้องทะเลช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมทะเลซาบซึ้งในน้ำใจ และความดีของเจ้าแม่จึงร่วมกันสร้างศาล ไว้เพื่อสักการบูชาจนกระทั่งปี พ.ศ.1523 (ทางจีนตรงกับวันที่ 8 เดือน 9) เจ้าแม่เบื่อความวุ่นวายทางโลก จึงอยากจะอยู่อย่างสงบ จึงได้เดินทางสู่ เหมยซาน (ภูเขาเหมย) บรรดาญาติพี่น้องเห็นเจ้าแม่เดินเหมือนมีก้อนเมฆปรากฏใต้ฝ่าเท้า มีลมพัดผ่านจนร่างเจ้าแม่ค่อย ๆ หายไปในกลีบเมฆจนไม่เห็นร่องรอยตั้งแต่นั้นมารวมเวลาพันกว่าปีแล้ว
สำหรับความเป็นมาของศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะที่อำเภอสุไหงโก-ลก นั้น สืบเนื่องมาจากชาวฝรั่งเศสได้สัมปทานหาทองคำที่เขาโต๊ะโมะ อำเภอสุคิริน มีกัปตัน "คิว" เป็นหัวหน้า
คนงานและเป็นผู้ที่เคารพนับถือเจ้าแม่มาก่อนเวลาจะสำรวจขุดหาแหล่งทองคำจะอัญเชิญเจ้าแม่มาประทับทรง และมีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าแม่ในร่างทรงบอกว่าบริเวณที่สำรวจห้ามขุดแต่ชาวฝรั่งเศสไม่เชื่อ จึงทำให้คนงานถูกดินพังทลายฝังเป็นร้อย ๆ คน จนชาวฝรั่งเศสเชื่อและนับถือ อีกทั้งลงทุนให้กัปตันคิวไปเมืองจีน อัญเชิญองค์จำลองของเจ้าแม่มาบูชาที่เขาโต๊ะโมะและสร้างศาลที่ประทับให้
จากนั้นเมื่อประทับทรงเจ้าแม่ก็ชี้แนะ จนขุดพบแร่ทองคำบริสุทธิ์จริงๆทำให้ชื่อเสียงของเจ้าแม่ดังระบือไปทั่วและชาวบ้านแถบนั้นได้ขนานนามเจ้าแม่ว่า "เจ้าแม่โต๊ะโมะ" ตั้งแต่นั้น
มา ต่อมาไม่นานกัปตันคิว ได้เสียชีวิตลงและเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา(สงครามโลกครั้งที่ 2) ผู้คนจึงหนีภัยสงครามไปคนละทิศละทางโดยลืมเอาองศ์จำลองของเจ้าแม่ พร้อมหน้าในคืนนั้นผู้ที่เอาองศ์จำลองไปทิ้งเกิดปวดท้องอย่างรุนแรงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลังจากสงครามยุติ "กำนันฟ้า"ลูกชายกัปตันคิวได้ขึ้นไปยังเขาโต๊ะโมะอัญเชิญกระถาง ธูปลงไปไว้ ที่หมู่บ้านเจ๊ะเหย อำเภอแว้ง เพื่อให้ชาวบ้านได้สักการบูชา ต่อมาผู้ใหญ่บ้านชื่อ "จุกไท่"
ได้นำกระถางธูป ไปไว้ที่บ้านสามแยก อำเภอแว้ง และได้ทำองค์จำลองเจ้าแม่ขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งจัดงานฉลองให้เจ้าแม่เป็นงานประเพณีเรื่อยมา จนกระทั่งเจ้าแม่ได้ประทับทรงบอกว่า เมื่อจัดงานครบ 5 ปีแล้ว ให้นำองค์จำลองพร้อมกระถางธูปไปไว้ที่อำเภอสุไหงโก-ลก จากนั้น นายสรรกุล กับ เถ้าแก่กังร้านบึงจีบฮวด พ่อค้าในอำเภอสุไหงโก-ลก ฝันเห็นหญิงคนหนึ่งบอกให้หาคนบริจาคที่ดินสร้างศาล จึงนำความฝันไปเล่าให้คนจีนฟังและบอกลักษณะการแต่งกายของผู้หญิงที่ฝันเห็นจึงทราบว่าที่แท้เป็นองค์เจ้าแม่โต๊ะโมะ ที่มาเข้าฝันนายสรรกุล
จึงบริจาคที่ดินสร้างศาลให้ และวันที่ 15 มกราคม 2495 เป็นวันเริ่มก่อสร้างศาลจนแล้วเสร็จและตั้งชื่อว่า "ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ" พร้อมมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารกิจการภายในศาล และถือเอาวันทางจีน วันที่ 23 เดือน 3 ซึ่งเป็นวันเกิดของเจ้าแม่จัดงานฉลอง เป็นประจำทุกปีติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
งานประเพณีศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ นอกจากจะจัดขึ้นเป็นประเพณีท้องถิ่นติดต่อกันมาช้านานแล้ว ก็ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนราธิวาสไปด้วย.
http://www.dooasia.com/narathiwat/075k004.shtml