ภาพประกอบโดย : สุภี ปสุตนาวิน เสียงนกกลางคืนร้องขึ้นในยามดึก ผมกระชับผ้าห่มคลุมกายเหลือไว้เพียงใบหน้าเพื่อให้มองเห็น ผมเย็นพัดมากระทบใบหน้าแต่ละครั้ง รู้สึกเย็นเยือกเข้าไปถึงหัวใจ ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่หนาวจัด ชาวนากำลังเก็บเกี่ยวข้าว ผมไม่ชอบมันเลย ในการที่ต้องมานั่งทนหนาวกลางดึกเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่นายสอนลูกชายตาก้อนขอร้องให้ผมช่วยยิงหมูป่าที่ลงกินและเหยียบย่ำข้าวในนา ผมมองลอดใบไม้สดที่บังหวังมองฝ่าความมืดที่มีเงาของแสงจันทร์ไปทางต้นเสียง หมูป่าหลายตัวกำลังดาหน้ากันเข้ามา ฝูงหมูกำลังบ่ายหน้าลงในแปลงนา ผมสอดปืนออกไปหมายเอาหมูตัวใหญ่เขี้ยวยาวงอโค้งเป็นเป้า แล้วกระดิกไก ปืนของผมไม่ลั่นเลยสักนัด รู้สึกแปลกใจ ต่อมาภายหลังจึงรู้ว่ามันเป็นเขี้ยวหมูตันที่ปืนยิงไม่ออก ตาสุ่ยเพื่อนตายของผมพยายามตามล่าอยู่หลายวัน ในที่สุดก็พิชิตมันลงได้ แต่ก็มีกรรมวิธีล้างอาถรรพ์ ยุ่งยากพอสมควร แต่ก็คุ้มค่าเมื่อนึกถึงเขี้ยวหมูตันที่เป็นของหายาก เราได้เขี้ยวหมูตันสองเขี้ยวมาไว้เป็นกรรมสิทธิ์ ทำให้ผมรอดตายจากกระสุนปืนในเวลาต่อมา อย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ..ผืนนาของตาก้อนเป็นพื้นที่ลาดต่ำคล้ายท้องเรือ ยาวไปตามป่าตามโคกระยะไกลมาก ยามฝนตกแต่ละครั้งน้ำฝนก็จะไหลลงมารวมกันเพราะเป็นที่ลุ่ม และลาดเอียงคล้ายลำห้วยกว้าง ๆ ตื้น ๆ แบน ๆ ตาก้อนและพวกลูก ๆ ช่วยกันปั้นคันนากักเก็บน้ำเอาไว้เป็นขั้น ๆ เหมือนขั้นบันไดลดหลั่นกันไป เวลาจะปักดำก็ไขน้ำจากที่สูงลงมาที่ต่ำ ครอบครัวของตาก้อนเป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกที่กำลังเป็นหนุ่มเป็นสาวหลายคน จึงมีแรงงานก่อสร้างได้มากกว่าคนอื่น ๆ มองจากปลายนาทางนี้ ไปสุดปลายนาทางโน้นไกลมากทีเดียว ปีนั้นข้าวกำลังแก่ถูกหมูป่ารบกวน เจ้าของกลุ้มใจแทบจะคลั่ง มันทั้งกินทั้งเหยียบย่ำต้นข้าวพัลวันไปหมด ยากแก่การเก็บเกี่ยว เคยมีคนตั้งคำถามพวกผู้หญิงว่า มีผัวขี้เหล้ากับเกี่ยวข้าวหมูกวนจะเลือกเอาอย่างไหน ‘ข้าวหมูกวน’ ก็คือข้าวถูกหมูรบกวนนั่นเอง พวกผู้หญิงมักจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “เกี่ยวข้าวหมูกวนดีกว่า เพราะเกี่ยวหมูกวน ถึงแม้จะยากลำบากพอ ๆ กันกับผัวขี้เหล้า แต่ก็มีเวลาสิ้นสุด แต่มีผัวขี้เหล้า ไม่มีวันสิ้นสุดลำบากไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายจากกัน” ผมฟังดูแล้วก็น่าเห็นใจผู้หญิง เวลาเกี่ยวข้าวหมูกวนต้องใช้เคียวค่อยเกาะค่อยเล็ม เอาทีละรวงสองรวง เพราะต้นข้าวยุ่งเหยิงเสียเวลามาก วันหนึ่งนายสอนลูกตาก้อนมาบอกผมว่า “นายครับช่วยไปยิงลูกหมูป่าให้ด้วย แบบนี้ฉิบหายแน่ มันทั้งกินทั้งเหยียบย่ำ ผมกับพ่อกลุ้มใจจริง ๆ ไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร” “ลงกินได้กี่วันแล้ว” ผมถาม “หลายวันแล้วครับ ข้าวกำลังสุก ปีนี้ผมคิดว่าพอจะลืมตาอ้าปากได้ เพราะได้ปักดำมากพอสมควร แต่ต้องมาเป็นอย่างนี้” เมื่อผมกับตาสุ่ยไปสำรวจดูที่นาของนายสอน ปรากฏว่าเสียหายมากอย่างที่นายสอนว่า นอกจากหมูป่าจะลงมารบกวนแล้ว พวกนกป่านานาชนิดก็พากันจิกกินเมล็ดข้าวเป็นฝูง ๆ ยิ่งพวกนกกระจาบแล้วบินขึ้นลงแต่ละครั้ง เหมือนผึ้งแตกรัง ตอนเช้า ๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องไปช่วยกันไล่นกเคาะไม้ดังโป๊ก ๆ ตลอดเวลา ทำหุ่นไล่ใหม่ ๆ นกก็กลัว นานวันเข้ามันก็ชินชาไปเอง หุ่นก็ไร้ความหมาย บางแห่งนกลงกินเมล็ดข้าวแทบจะหมดไปทั้งรวงก็มี เนื่องจากผืนนายาวใหญ่ล้อมรอบไปด้วยป่าใผ่ ป่าเต็งรังและพุ่มหนาม ตลอดทั้งเถาวัลย์ที่พันเกี่ยวรกทึบทั้งสองข้าง จึงเป็นที่อาศัยหรือหลบภัยของพวกนกป่าและสัตว์ป่าอื่น ๆ เป็นอย่างดี นกป่าพวกนี้ก็รู้ พอเราไล่ตรงนี้มันก็บินเข้าป่าไผ่ พอคนเดินไปไล่ทางโน้นมันก็บินกลับมาลงที่เก่า ทำความปวดหัวไม่น้อย วันนั้นตาสุ่ยใช้ลูกหว่านยิงนกได้หลายตัว นายสอนพาผมกับตาสุ่ยเดินสำรวจไปทั่วบริเวณผืนนา เห็นรอยหมูป่าทั้งเก่าและใหม่ลงเหยียบย่ำ จึงช่วยกันขัดห้างไว้คนละห้างห่างกันราวห้าเส้นสำหรับผมและตาสุ่ย ส่วนนายสอนนั้นแยกไปอยู่สุดปลายนาอีกห้างหนึ่ง เราพยายามอยู่สองคืนเต็ม ๆ ไม่มีหมูป่ามาให้เรายิง ป่าทั้งป่าเงียบเหมือนมันจะรู้ เราขัดห้างตรงนี้มันไปลงตรงโน้น เราขัดห้างตรงโน้นมันกลับมาลงตรงนี้ เล่นเอาเถิดกันอยู่ถึงสองคืนเต็ม ๆ พอถึงคืนที่สามเราเปลี่ยนแผนใหม่ ตรงที่เราไม่ได้นั่งห้างก่อไปเอาไว้ หาเสื้อผ้าเก่า ๆ มาแขวนไว้ เพื่อให้หมูได้กลิ่นคราวนี้ได้ผล คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย ดวงดาวกระจ่างฟ้า มองเห็นหมู่ดาวเต้นระยิบระยับ แต่บริเวณชายป่ายังบดบังด้วยเงาของแสงจันทร์จากต้นไม้ใหญ่น้อยปกคลุมมองดูอึมครึม ลมดึกพัดมาอ่อน ๆ ผมนั่งอยู่บนห้างคอยเงี่ยหูฟัง ได้ยินแต่เสียงจั๊กจั่นเรไร กบเขียดส่งเสียงร้องสักครู่ก็เงียบไป หูผมได้ยินเสียงสวบสาบมาทางด้านหลังจึงหันกลับไปมอง เพ่งสายตาฝ่าความมืดไปที่ชายป่าก็เห็นเงาตะคุ่ม ๆ เคลื่อนเข้ามา การนั่งห้างต้องระวังที่สุด เรื่องการจามหรือไอ การจุดบุหรี่สูบ อย่าได้ทำพร่ำเพรื่อ สัตว์มันก็มีสัญชาตญานระวังภัย เงาที่ผมเห็นเคลื่อนเข้ามา ๆ ผ่านป่าไผ่ที่รกทึกมายังแปลงนา ตัวหัวหน้าใหญ่มากมีหมูรุ่นตามมาห้า-หกตัว ผมใจเต้นระทึก อดนอนมาหลายคืน เพิ่งจะมีโอกาสคืนนี้เอง ผมรีบสอดนิ้วลงในโกร่งไกปืนตัดสินใจว่าจะยิงก็กลัวพลาด มีต้นไม้ใหญ่บังอยู่ผมนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว กลัวจะเกิดเสียงดัง |
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2016-6-28 10:55
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
lnw ตอบกลับเมื่อ 2016-7-4 08:54
พี่ Nujeab ไม่มีเรื่องราวๆ ดี ๆ มาแบ่งปั่นให้น้องๆอ่านบ้าง หรา คับ
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |