Baan Jompra
ชื่อกระทู้: วิญญาณสร้างโบสถ์ [สั่งพิมพ์]
โดย: Sornpraram เวลา: 2016-5-17 08:37
ชื่อกระทู้: วิญญาณสร้างโบสถ์
วิญญาณสร้างโบสถ์
เรื่องผีเรื่องวิญญาณเป็นเรื่องเร้นลับสำหรับมนุษย์โลกโดยทั่วไป ผีหรือวิญญาณอยู่อาศัยคนละมิติหรือภพภูมิกับโลกมนุษย์ แต่บางครั้งก็เกิดการเหลื่อมซ้อนทางมิติ ทำให้พบเห็นผีได้บางภาวะ หรือผี วิญญาณมีเจตนาแสดงตนให้ผู้หนึ่งผู้ใดรู้เห็นเป็นการเฉพาะตัว
เรื่องผีที่มาปรากฏเป็นเรื่องราวมีหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดเจนมีมากมายหลายรูปแบบ เช่นผีมาช่วยสร้างวัดสร้างโบสถ์ดังจะเล่าให้ได้รับรู้ดังต่อไปนี้
ผีที่มาช่วยสร้างวัดเป็นเรื่องของหลวงปู่วงศ์วัดบ้านค่ายอำเภอแกลงจังหวัดระยอง เมื่อหลวงปู่วงศ์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านค่ายใหม่ ๆวัดมีสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างยิ่ง ท่านคิดจะบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัดให้ดีขึ้นก็ขาดทุนทรัพย์ครั้นจะออกปากเรี่ยไรขอบริจาคจากศรัทธาญาติโยมโดยตรงก็มิใช่วิสัยของสมณะประกอบกับเวลานั้นชาวบ้านญาติโยมละแวกนั้นทำมาหากินอัตคัดทางวัดจะไปขอความช่วยเหลือก็กระไรอยู่
หลวงปู่วงศ์เป็นพระปฏิบัติภูมิจิตภูมิธรรมของท่านสูงยิ่งกล่าวกันว่าท่านได้อภิญญาจิตสามารถหยั่งรู้ได้ในภาวะที่คนธรรมดาไม่มีทางรู้ได้หลวงปู่วงศ์รู้ว่ามีสมบัติอันมีค่าของผู้ที่ตายแล้วฝังดินไว้จำนวนมากมาย ในอาณาบริเวณของวัดบ้านค่าย และวิญญาณเจ้าของทรัพย์ที่ตายไปแล้วก็ยังวนเวียนเฝ้าทรัพย์ของตนอยู่ ดังนั้นท่านจึงติดต่อกับวิญญาณเหล่านั้นขอยืมสมบัติผีมา สร้างวัด เมื่อผีเจ้าของทรัพย์ตนใดตกลงให้ยืมเขาก็จะนำสมบัติอันมีค่ามาวางไว้ให้ในที่ต่าง ๆ วางไว้ใต้ธรรมาสน์วางไว้หลังพระประธานและที่อื่น ๆ ซึ่งเป็นที่ลับตา
หลวงปู่วงศ์ได้นำสมบัติเหล่านั้นไปเปลี่ยนเป็นเงินแล้วใช้เป็นทุนบูรณะวัดขึ้นมาทีละส่วน เมื่อชาวบ้านญาติโยมรู้ว่าผียังช่วยสร้างวัดต่างก็เกิดจิตศรัทธามาร่วมบริจาคปัจจัยกันเป็นจำนวนมากทำให้หลวงปู่วงศ์สามารถปฏิสังขรณ์วัดบ้านค่ายให้มีเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์กระทำศาสนกิจและชาวบ้านใช้เป็นสถานที่กระทำศาสนพิธีได้ครบถ้วนสมบูรณ์คือมีโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และกุฏิจำพรรษาของพระเณร
หลังจากบูรณะวัดบ้านค่ายเสร็จเรียบร้อยหลวงปู่วงศ์ก็รวบรวมปัจจัยนำไปซื้อเครื่องประดับอันมีค่าของผีที่มีลักษณะเหมือนกันมีค่ามาคืนกลับไป เวลาเอาคืนท่านก็จะนำไปวางในที่ลับตาจากนั้นเครื่องประดับอันมีค่าก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยผีบางตนก็ไม่เอาสมบัติคืนหากถวายให้กับท่านเพื่อร่วมทำกุศลความดีด้วย นี่คือเรื่องผีร่วมสร้างวัดกับหลวงปู่วงศ์วัดบ้านค่ายจังหวัดระยอง
และที่อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐมประมาณปี 2507 - 2508โบสถ์วัดกลางบางแก้ว (ชาวบ้านเรียกว่า"วัดกลาง") ชำรุดทรุดโทรมอย่างหนักเพราะสร้างมานานนับ 100 ปีเห็นจะได้ สภาพของโบสถ์แสดงว่าอาจจะถล่มลงมาเมื่อใดก็ได้ กระทั่งพระเณรไม่กล้าเข้าไปทำศาสนกิจภายในโบสถ์ เจ้าอาวาสขณะนั้นมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้มากท่านต้องการจะสร้างโบสถ์ใหม่เป็นที่สุดแต่ขาดทุนรอนในการสร้างปัจจัยซึ่งญาติโยมทำบุญถวายมาได้เก็บออมไว้ส่วนหนึ่ง หากมีจำนวนน้อยไม่พอสร้างจำเป็นต้องเก็บสะสมอีกเป็นเวลานานซึ่งไม่รู้ว่ากี่ปีจึงจะพอค่าก่อสร้าง
เช้าวันหนึ่ง เจ้าอาวาสได้ยินสุนัขเห่ากระโชกที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่งคล้ายกับว่ามันพบเห็นอะไรผิดปกติแล้วสุนัขตัวนั้นก็วิ่งมาตะกายที่เจ้าอาวาสแสดงกิริยาประหนึ่งจะให้ท่านไปดูแต่ท่านเฉยเสีย สุนัขแสดงกิริยาวิ่งไปเห่าไปและวิ่งกลับมาหาเจ้าอาวาสหลายครั้งหลายหนจนท่านสงสัยจึงได้ลุกเดินไปดูที่โคนต้นไม้
บริเวณที่สุนัขเห่าเป็นเนินดินติดกับโคนต้นไม้มีพงหญ้ารกเรื้อปกคลุมอยู่ด้านบน ที่เนินนั้นมีรอยดินยุบลงไปเป็นโพรงหญ้าคลุมผิวดินเหมือนมีใครเปิดเลิกป่าหญ้าขึ้นไป ในโพรงดินมีไหและโอ่งใบย่อม ๆ อยู่ 2 - 3 ใบวางระเกะระกะอยู่บนพื้นดินก้นโพรง ไหและโอ่งมีฝาปิดสนิทอยู่ก็มีฝาเปิดเผยอแง้ม ๆ ก็มี เจ้าอาวาสจึงก้าวลงไปในโพรงลองเปิดฝาโอ่งที่แง้ม อยู่ก็ถึงกับตกตะลึง เพราะภายในโอ่งนั้นมีเงินโบราณและทองรูปพรรณมีราคาสูงบรรจุอยู่เต็ม ส่วนโอ่งไหใบที่ปิดฝาแน่นสนิทลองขยับดูรู้สึกหนักอึ้งแสดง
โดย: Sornpraram เวลา: 2016-5-17 08:37
ว่าต้องมีสิ่งของบรรจุอยู่หากเป็นสมบัติของมีค่าใส่อยู่ภายในจะต้องมีราคามหาศาล ท่านเจ้าอาวาสตระหนักว่า ตัวท่านเป็นพระภิกษุไม่อาจจะแตะต้องสมบัติอันล้ำค่าเหล่านี้ได้เพราะเจ้าของเขาไม่ได้ถวายหรือยกให้ท่านจึงเกลี่ยดินข้าง ๆลงมาปิดและใช้เศษหญ้าใบไม้วางปิดทับเอาไว้ให้ลับตาคน จากนั้นก็กลับกุฏิไม่บอกกล่าวเล่าให้ใครฟัง
เงินทองของมีค่าที่ใส่ไหใส่โอ่งเหล่านั้นน่าจะมีคนเก่าแก่แต่โบราณเอามาฝังดินซุกซ่อนไว้ ณ ที่ตรงนั้นและเจ้าของคงเสียชีวิตไปนานแล้ว การที่อยู่ดี ๆ เกิดดินยุบเป็นโพรงและสุนัขไปพบเห็น เป็นเรื่องที่อาจจะเกิดจากความบังเอิญก็ได้หรือมีอื่นใดแอบแฝงอยู่ก็ยากจะหยั่งรู้ได้
วันนั้นพอถึงช่วงบ่ายไม่มีแขกหรือญาติโยมมาสนทนาปราศรัยอีก เจ้าอาวาสจึงเอนกายจำวัดพักผ่อนหลับสนิทจิตเข้าสู่ภวังค์ ท่านเจ้าอาวาสได้เกิดสุบินฝันไปว่า มีชายผู้หนึ่งแต่งกายแบบคนโบราณมาพบท่านแล้วนมัสการบอกกล่าวว่าเขาเป็นเจ้าของสมบัติในโอ่งในไหเหล่านั้นและเขาได้ฝันดูท่านอยู่นานรู้ว่าท่านมีจิตศรัทธาต้องการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แต่เนื่องจากญาติโยมชาวบ้านอัตคัดขัดสนท่านจึงสร้างไม่ได้ สำหรับทรัพย์สมบัติที่ท่านเห็นอยู่เมื่อเช้านั้นเขาได้ฝังไว้นานแล้วปล่อยทิ้งไว้ก็ไร้ประโยชน์ จึงขอถวายท่านเพื่อให้ท่านนำไปใช้จ่ายในการสร้างพระอุโบสถ คืนนี้เมื่อปลอดคนแล้วขอให้ท่านนำพระลูกวัดไปขุดเอาสมบัติเหล่านั้นขึ้นมาเถิด เขาขอถวายให้เป็นสมบัติของสงฆ์ทั้งหมดเพื่อบำรุงพระศาสนาต่อไป แล้วบุรุษลึกลับในฝันก็หายไป
เจ้าอาวาสวัดตื่นนอนแล้วทบทวนความฝันที่ผ่านมาเชื่อว่าเจ้าของทรัพย์ที่แท้จริงคงมาอนุญาตและถวายทรัพย์ทั้งหมดให้เป็นสมบัติของสงฆ์จริง ดังนั้นพอถึงกลางคืนสงัดคนแล้วท่านจึงนำพระลูกวัดไปขุดเอาโอ่งและไหใส่สมบัติขึ้นมาแล้วขนมาไว้ในกุฏิ
จากทรัพย์สมบัติของผีทำให้การก่อสร้างพระอุโบสถวัดกลางบางแก้วเริ่มต้นดำเนินงานได้และสามารถก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในวันต่อมานี่คือเรื่องผีช่วยสร้างพระอุโบสถวัดกลางบางแล้วอำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม ดังที่ได้พรรณนามาตั้งแต่ต้น
สมบัติผีหรือทรัพย์สมบัติที่มีเจ้าของแต่เจ้าของได้เสียชีวิตตาไปนานแล้วมักจะกล่าวกันว่าเป็นสมบัติอาถรรพ์ ผู้ใดไปพบเห็นแล้วไม่ขออนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของถือสิทธิ์ยึดครองนำมาเป็นของตนเองมักจะพบกับความน่ากลัวต่าง ๆ หรือเกิดความวิบัติในภายหลัง เรื่องเช่นนี้มีส่วนความเป็นจริงอยู่มากเพราะสมบัติอันมีค่าทั้งหลายที่เจ้าของนำไปฝังดินซุกซ่อนไว้เนื่องมาจากเหตุหลายประการเช่น เจ้าของทรัพย์กลัวโจรผู้ร้ายจะมาปล้นแย่งชิงไปไม่มีที่ใดจะซุกซอนได้อย่างปลอดภัยเท่ากับฝังดินจึงได้นำทรัพย์สมบัติไปซ่อนไว้หรือเกิดศึกสงครามตนเองจำเป็นต้องอพยพหลบหนีภัยสงครามไม่มีปัญญาขนทรัพย์สมบัติเอาไปได้ทั้งหมดจึงได้นำไปฝังดินซุกซ่อนไว้ ตั้งใจว่าถ้าศึกสงครามยุติลงเมื่อใดก็จะย้อนกลับมาขุดเอาสมบัติอีกครั้ง แต่ตนเองเกิดล้มตายไปเสียก่อนทรัพย์สมบัติจึงถูกฝังดินไว้ต่อไปโดยไม่มีใครขุดขึ้นมา อีกประการหนึ่งในสมัยโบราณไม่มีสถาบันการเงินรับฝากเงินเช่นปัจจุบันวิธีเก็บงำทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก ๆ ไม่มีวิธีไหนปลอกภัยเท่ากับเอาใส่โอ่งใส่ไหฝังดินไว้ในที่เร้นลับไม่ให้ผู้อื่นรู้เห็นแม้แต่ลูกเมียก็ไม่ยอมบอกที่ซ่อน ครั้นเมื่อตนเองเจ็บไข้ตายไปทรัพย์สมบัติเหล่านั้นจึงกลายเป็นความลับตายตามไปด้วย
เจ้าของทรัพย์ที่นำสมบัติอันมีค่าไปฝังดินไว้แล้วตัวเองตายไปจิตของผู้ตายจะยึดเหนี่ยวอยู่กับทรัพย์สมบัติของตนอย่างเหนี่ยวแน่นเป็นกิเลสความโลภอันแรงกล้าแม้จะตายแล้วแต่จิตวิญญาณมักไม่ยอมจากไปไหน ยังคงหลงติดวนเวียนอยู่กับสมบัติเหล่านั้นหากมีใครมาละเมิดขุดเอาทรัพย์ของตนไปก็เกิดความโกรธแค้น และจะแสดงฤทธิ์ทำอันตรายต่อผู้ที่มาเอาสมบัติไปต่าง ๆ นาๆ ดังนั้นสมบัติผีจึงไม่มีใครกล้าไปขุดค้นเสาะหา เว้นแต่ว่าเจ้าของทรัพย์อนุญาตยกให้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้ ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและ วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) ทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา
http://www.vcharkarn.com/vblog/38847
โดย: ธี เวลา: 2016-5-23 20:38
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2016-5-23 20:41
บางครั้งผีก็ให้ทรัพย์คนบางคนด้วย จำได้ว่า มีเรื่องเล่าสมัยที่ยังเด็กว่ามี ชายคนหนึ่งไปร่อนทอง ร่อนจนเหนือยก็ไม่ได้ทอง จึงเดินไปนอนพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ฝันว่า มีชายคนหนึ่งมายืนมองและต่อว่า "ขี้เกียจยังงี้จะหาทองได้ไง กูเอาขึ้นมาไว้แล้วที่ตรงนั้น มึงไปหาเอา" และชี้มือไป ชายคนนั้นตื่นขึ้นมาและได้ไปดูตามที่ฝัน พบทองตั้งอยู่กองใหญ จึงเก็บนำกลับบ้านและขายทองซื้อบ้าน ที่ดินและทำบ้านเช่า ทำบุญสร้างโบสถ์ คิดว่าคงกลายเป็นคนรวยคนหนึ่ง เป็นเรื่องแปลก แต่ได้ยินมาจึงเล่าให้ฟังครับ วาสนาคนจะรวย "แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งวาสนายากนัก"......(เรื่องเล่า)...บางคนเห็นศาลพระภูิมิเก่าเห็นมีใบไม้กองเต็มไปหมดก็นึกสงสาร ได้ทำความสะอาด ตกดึกฝันว่ามีชายแก่มาหาและขอบคุญ บอกหวยให้ เขาซื้อตามความฝันก็ถูกหวย ...
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |