Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
คงกระพัน กับ เมตตา แบบไหนเสกยากกว่ากัน ?
[สั่งพิมพ์]
โดย:
รามเทพ
เวลา:
2016-4-18 16:04
ชื่อกระทู้:
คงกระพัน กับ เมตตา แบบไหนเสกยากกว่ากัน ?
การพุทธาภิเษกวัตถุมงคลแบบเมตตามหานิยม
ถาม :
พุทธาภิเษกวัตถุมงคลแบบเมตตามหานิยม ?
ตอบ :
ทำยากที่สุดเลย อย่างอื่นง่าย แต่เมตตายาก
เพราะว่าตัวเมตตานี่ต้องออกจากใจของเราจริงๆ ถ้ากำลังใจเราเมตตาไม่ถึง ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จหรอก
ถาม :
คำว่าเมตตาถึง ?
ตอบ :
ต้องเคยปฏิบัติเกี่ยวกับพรหมวิหาร ๔ มาจนคล่องตัว
ถ้าเป็นอย่างอื่นไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด ใช้แค่อุปจารสมาธิ ขนลุกก็ใช้ได้แล้ว
ถาม :
พระที่เสกวัตถุมงคลทางด้านเมตตา โยมควรตั้งกำลังใจอย่างไรถึงได้อานุภาพสูงสุดครับ ?
ตอบ :
ตั้งว่ากูจะทำชั่วให้ได้..! ถ้าเราตั้งใจชั่วขนาดนั้นแล้ว อานุภาพพระยังรักษาให้คนเขาเมตตาเราได้ ก็แสดงว่ามีอานุภาพสูงสุด ตูว่าตูอธิบายชัดที่สุดแล้วนะ
ตำรานี้เขาเรียกว่าถามแบบมักง่าย คงได้รับการครอบครูมาจากบ้านสบายใจ ไอ้ถามทำนองนี้คือไม่ยอมใช้สมองคิด..!
ถาม :
ก็ผมโง่นี่ครับ ?
ตอบ :
ไม่ใช่โง่..แต่ฉลาดเกินไป จนไม่ยอมคิดเอง พวกโง่ๆ เขาต้องหัดคิดเอง วันนี้ทำไมโดนหลายยกแท้วะ ? อยู่ ๆ ก็ยื่นหัวมาให้ตี..!
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๗
โดย พระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สฺธมฺมปญฺโญ),ดร.
โดย:
รามเทพ
เวลา:
2016-4-18 16:25
ท่านเอ่ยว่า..
“รู้ไหมว่า การเสกเมตตานั้นยากที่สุด
คงกระพันแค่ขนลุกก็ขลังแล้ว”
สมัยเมื่อผมยังไม่ประสานักบนถนนสายขลังแห่งนี้ เวลาปรากฎคำชี้นำถึงแหล่งที่อยู่พระเครื่องรางชั้นยอดอย่างที่ได้พยายามเสาะหากันมาตลอด
ประโยคหนึ่งที่คุ้นหูมากก็คือ
“ของหลวงปู่วัดนั้นขลังมากนะ เขาลองกันมาเยอะแล้ว ถึงกับยิงไม่ออก”
จิตผมก็ต้องวูบไหวตาม... อยู่ไกลแค่ไหนต้องดั้นด้นไปจนได้
ทำไมล่ะ...
ก็เพราะมันเป็นประโยคที่เปล่งออกมาแล้วกระชากใจซะเหลือเกิน แลดูคล้ายกับว่าเป็นเครื่องการันตีชั้นยอดถึงความเก่งกาจในวิชาอาคมของหลวงพ่อหลวงปู่องค์นั้นอย่างจริงๆจังๆ
ประมาณว่าถ้ายังเสกของให้กันปืนไม่ได้ยังไม่ถือว่าเก่ง ว่างั้นเถอะ!!
ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ...ในตอนนั้น
เมื่อโอกาสชักนำให้ได้มายืนดูการทดลองขลังที่เชิงเขาวัดเก่าแห่งหนึ่งในปลายปี
ผมเห็นผู้นิยมขลังกำลังตั้งท่าจะลองปืนกับวัตถุมงคลกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด โดยมีตะกรุดดอกหนึ่งพร้อมชื่อเสียงหลวงปู่ผู้เสกเป็นเดิมพัน
ผลปรากฎว่า... กระจายไม่มีเหลือ!!
ผู้ที่เป็นคนลองก็ถือปืนอย่างย่ามใจ ส่วนผู้เป็นเจ้าของนั้นเล่า ก็ได้แต่หน้าถอดสี ทั้งเสียหน้า เสียใจ และเสียของรัก...
เมื่อทุกฝ่ายแยกย้ายกันไปหมด ผมได้เดินเลียบๆเคียงๆไปเก็บเศษตะกรุดนั้นขึ้นมาพิจารณา
พลัน.. ความรู้สึกอย่างหนึ่งก็ประเดประดังเข้ามาอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่หันหลังเดินกลับออกมาอย่างคนอกหัก
ทำไมเป็นงั้น...
ก็ตะกรุดที่ผมคลี่ออกมาดูนั้น เป็นยันต์เมตตาล้วนๆ ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะบ่งบอกว่าลงคาถามหาอุดหรือคงกระพันชาตรีให้เป็นที่ชื่นใจ
ก็แล้วจะให้ท่านสำแดงฤทธิ์อุดปืนได้อย่างไรกันเล่า...
ท่านลงเมตตาให้ ก็เอาไปลองปืน
ท่านลงกันฟ้ากันไฟให้ ก็เอาไปลองปืน
ท่านลงมหาเศรษฐีให้ ก็จะเอาไปลองปืนอีก
พุทโธ่เอ๋ย ถ้าชาวพุทธผู้นิยมขลังจะเอาแต่ความขลังด้านกันปืนกันท่าเดียวแบบไม่ลืมหูลืมตา ทั้งๆที่บางคนตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีทีท่าว่าจะมีใครเอาปืนมาเล็งใส่ อย่าว่าแต่ยิงปืนเข้าใส่เลย ผมก็ว่าในอนาคตอันใกล้นี้วิชาอื่นๆของบูรพาจารย์นั้นคงจะค่อยๆเลือนหายไปจนหมดสิ้น!!
หายไปจากความศรัทธา ไม่ได้หายไปเพราะความเสื่อมขลัง!
ตราบจนได้มานั่งสงบเสงี่ยมอยู่ตรงหน้าพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันนี้วัตถุมงคลของท่านมีค่านิยมสูงมาก บางรุ่นบางเนื้อมีค่าเกือบล้านบาท...
สูงค่าเพราะวัตรปฎิบัติ สูงค่าเพราะคุณธรรมของท่าน ที่ถ่ายทอดปลูกฝังศิษย์ให้เป็นคนดี มิได้สูงค่าด้วยการเอาปืนมาลองแต่อย่างใด
ท่านเอ่ยว่า
“รู้ไหมว่า การเสกเมตตานั้นยากที่สุด คงกระพันแค่ขนลุกก็ขลังแล้ว”
เมื่อท่านสร้างก็ทำแบบยากที่สุดให้ ท่านไม่เคยเอ่ยเรื่องมหาอุดให้ผมได้ยินได้ฟัง แต่ถ้าเรื่องนำพระเครื่องของท่านมาทำกรรมฐานช่วยให้จิตนิ่ง ท่านจะบอกย้ำอยู่เสมอว่าท่านทำมาปราถนาให้เป็นเช่นนั้น
นั่นก็หมายความว่า ถ้าผมอยากพิสูจน์ว่าของท่านขลังจริงหรือไม่ ก็ต้องลองนำพระของท่านมาทำกรรมฐานดู มิใช่เอาปืนมาลองยิงเล่น!!
มิเช่นนั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับการกินยาโดยไม่อ่านฉลาก
ยาแก้ปวดหัว จะเอามากินเพื่อแก้ท้องเสียได้อย่างไรกันเล่า!!
ก็ในเมื่อท่านลงซอฟแวร์เอาไว้อย่างนั้น จะคิดผิดครูถืออุตริเอาปืนไปลองยิง ก็คงจะได้ชื่อว่าเขลาเบาปัญญามากไปหน่อย...
ด้วยว่าความขลังไม่จำเป็นต้องวัดกับปืนเสมอไป ถ้าผมริอ่านเอา “เหรียญเศรษฐี” ของท่านมาลองยิง ผมคงจะได้ชื่อว่า “ศิษย์นอกครู” สมควรแล้วที่จะเป็นยาจกต่อไป...
ในฐานะชาวพุทธที่ดีปัญญาต้องมาก่อนศรัทธาเสมอ
ผู้นิยมขลังทั้งหลาย ก่อนจะเอาวัตถุมงคลมาลองขลังกันด้วยปืนนั้น เคยพิจารณากันบ้างหรือไม่ว่า ท่านทำมาให้ใช้เพื่อประโยชน์อะไร เคยถามท่านผู้สร้าง ผู้เสก สักคำหรือไม่ว่า ใช้ด้านใด ใช้อย่างไรกันแน่...
ขอเสริมด้วยเครื่องวัดหนึ่งเครื่องสำหรับเรื่องนี้ ด้วยบทความที่คัดลอกบางส่วนมากจากหนังสือ : แก่นธรรมะพระอริยเจ้า (หลวงปู่บุดดา ถาวโร) โดยคุณอาตาปี
เสื่อมหรือไม่เสื่อม
แต่ละวันจะมีญาติโยมมากราบหลวงปู่ ถามธรรมะบ้างขอของแจกบ้าง วันหนึ่งมีกลุ่มชายฉกรรจ์มากราบ พร้อมกับขอเหรียญหลวงปู่ ชายคนหนึ่งก็ถามหลวงปู่ว่า
“วัตถุมงคลและของต่าง ๆ ที่หลวงปู่แจก ถ้าเก็บไว้นาน ๆ ไปของจะเสื่อมไหมครับ?”
หลวงปู่ตอบว่า
“ของไม่เสื่อมหรอก นอกจากเราจะเสื่อมศรัทธาจากของเอง”
.........
อ่านแล้วจะเชื่อหลวงปู่ท่านหรือไม่ก็ตามสะดวกใจ เพื่อนๆผู้นิยมขลังเลือกได้หนึ่งทาง
เราอุตส่าห์วางตราชั่งให้แล้ว คุณเป็นคนชั่งมันเอง
บุญรักษาครับ
(ไม่ทราบนามผู้เขียน) จึงขอกราบขอบพระคุณเจ้าของผลงานมา ณ. ที่นี้
โดย:
oustayutt
เวลา:
2016-4-18 16:41
โดย:
majoy
เวลา:
2016-4-18 18:59
ขอบคุณครับ
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2016-4-19 06:53
ถาม :
พุทธาภิเษกวัตถุมงคลแบบเมตตามหานิยม ?
ตอบ :
ทำยากที่สุดเลย อย่างอื่นง่าย แต่เมตตายาก
เพราะว่าตัวเมตตานี่ต้องออกจากใจของเราจริงๆ
ถ้ากำลังใจเราเมตตาไม่ถึง
ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จหรอก
ถาม :
คำว่าเมตตาถึง ?
ตอบ :
ต้องเคยปฏิบัติเกี่ยวกับพรหมวิหาร ๔ มาจนคล่องตัว
ถ้าเป็นอย่างอื่นไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด
ใช้แค่อุปจารสมาธิ ขนลุกก็ใช้ได้แล้ว
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2016-5-2 09:15
ตัวเมตตานี่..
ต้องออกจากใจของเราจริงๆ
ถ้ากำลังใจเราเมตตาไม่ถึง
ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จหรอก
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2016-5-11 06:32
ท่านเอ่ยว่า..
“รู้ไหมว่า การเสกเมตตานั้นยากที่สุด
คงกระพันแค่ขนลุกก็ขลังแล้ว”
โดย:
ธี
เวลา:
2016-5-23 20:48
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2