นาคจำพวกหนึ่งในสมุทร หากเมื่อใดนาคตัวเมียมีครรภ์แก่ พวกนาคคำนึงว่า ไม่ควรที่จะออกลูกในกลางสมุทรนี้ เนื่องจากมีคลื่นใหญ่นักหนา และอีกทั้งพวกครุฑก็คอยตีคลื่นด้วยลมปีกครุฑ นาคที่มีครรภ์อันแก่นั้น ก็จะดำน้ำลงไปออกแม่น้ำใหญ่ทั้ง ๕ อันชื่อว่า คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ มหานที อันใหญ่ไปสู่มหาสมุทรใหญ่นั้น จึงดำน้ำนั้นขึ้นไปถึงป่าใหญ่ มีถ้ำคูหา พวกครุฑไปไม่ถึง จึงคลอดลูกไว้ในที่แห่งนั้นแล้ว อยู่เลี้ยงดูลูกในที่นั้น ต่อเมื่อลูกตนนั้นกล้าแข็งแล้ว จึงพาไปยังน้ำลึกเพียงหน้าแข้ง และสอนให้ว่ายน้ำ พาไปถึงที่น้ำลึก เมื่อเห็นว่าลูกตนนั้นเติบใหญ่ และรู้ว่ายน้ำดีแล้ว จึงพาลูกนั้นว่ายน้ำไปที่แม่น้ำใหญ่ แล้วนาคนั้นจึงนฤมิตให้ฝนนั้นตกหนัก และให้น้ำนั้นนองเต็มป่าพระหิมพานต์แล้ว จึงนฤมิตปราสาททองคำ อันประดับด้วยแก้วสัตพิธรัตนะอันรุ่งเรืองงามนักหนา ในปราสาทนั้นมีเครื่องประดับ และเครื่องบริโภค ทั้งเครื่องกินเครื่องอยู่นั้น ย่อมเป็นทิพย์ทุกประการ ดังวิมานเทพยดาในสวรรค์นั้นแลฯ
นาคนั้นจึงเอาลูกตนขึ้นอยู่บนปราสาทนั้น แล้วจึงเอาปราสาทนั้นลอยล่องน้ำลงมาถึงมหาสมุทรที่ลึกได้ ๑,๐๐๐ วา จึงพาเอาปราสาทแลลูกตนนั้นดำน้ำลงไป อยู่ในสมุทรนั้นฯ นาคนั้นยังมีสองสิ่ง สิ่งหนึ่งชื่อถลชะ สิ่งหนึ่งชื่อชลชะ นาคอันชื่อถลชะนั้นนฤมิตตนได้แต่บนบก ในน้ำนั้นนฤมิตมิได้ฯ นาคอันชื่อชลชะนั้น นฤมิตตนได้แต่ในน้ำ บนบกนฤมิตรตนมิได้ฯ ที่เขาเกิด ที่เขาตายก็ดี ที่เขานอนก็ดี ที่เขาสมาคมด้วยกันก็ดี ที่เขาลอกคราบก็ดี ในสถานทั้งหลายเหล่านี้ เขามิอาจนฤมิตตนของเขาให้เป็นอย่างอื่นมิได้
แต่เมื่อเขาไปยังสถานแห่งอื่น เขาจึงจะนฤมิตตนของเขาให้เป็นอย่างอื่นได้ แม้นว่าเขาจะนฤมิตตนของเขาให้งามดั่งเทพยดาก็ทำได้ นาคตัวเมียจะนฤมิตตนของเขาให้งามดั่งนางเทพธิดาอัปสรก็ทำได้ฯ เมื่อนาคนั้นจะไปออกล่าหากินสิ่งใด อันหาเหยื่อกินได้โดยง่ายนั้น เขาก็ย่อมจะนฤมิตตนของเขาให้เป็นสิ่งนั้น แล้วเขาจึงเที่ยวขึ้นมาออกล่าหากินบนแผ่นดิน บางเวลาเขาก็กลายเป็นงูไซ บางเวลาเขาก็เป็นงูกระสา บางเวลาเขาก็เป็นงูเห่า บางเวลาเขาก็เป็นงูเขียว บางเวลาเขาก็เป็นงูอย่างอื่น บางเวลาเขาก็เป็นสัตว์อื่น เขาออกล่าหากินด้วยเหตุที่ว่า เขานั้นชาติเป็นติรัจฉานภูมิ ฯ แต่แผ่นดินอันที่เราอยู่นี้ ลึกลงไปถึงนาคพิภพ อันชื่อว่าติรัจฉานภูมินั้น โดยลึกได้ ๑ โยชน์ นับด้วยวาได้ ๘,๐๐๐ วา ฯ