Baan Jompra

ชื่อกระทู้: แป๊ะโค้ว "โพธิสัตว์ผู้พ่ายรัก” [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-9 11:53
ชื่อกระทู้: แป๊ะโค้ว "โพธิสัตว์ผู้พ่ายรัก”
แป๊ะโค้ว หรือโพธิสัตว์ผู้พ่ายรัก”




วันดี กับเรื่องเล่าที่ดี และภาพโบราณ ..เรื่องเซียนแป๊ะโค้ว หรือแป๊ะโค้วโพธิสัตว์ผู้ปฎิบัติและสำเร็จเป็นเซียนในการต่อมา ร่างกายไม่เน่าเปื่อย
อายุเป็นร้อยๆ ปี.!! และนี่คือตำนานเซึยนแป๊ะโค้ว รูปเคารพที่ปรากฏอยู่
ในศาลเจ้า ณ ตลาดหัวตะเข้
..
เป็นที่เคารพสักการะในหมู่ชาวจีนทั่วไป เนื่องจากอภินิหารของร่างที่แห้งกรังปรากฏอยู่ในท่านั่งบำเพ็ญเพียรขณะเสียชีวิต
  เซียนแป๊ะโค้ว หรือ "เซียนเอี้ยะฮง"แห่งโรงเจหัวตะเข้ ตลาดลาดกระบัง ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ ๔ - ๕ ท่านนี้บำเพ็ญเพียรจนถึงขั้นพระโพธิสัตว์ โดยนั่งละสังขารและร่างกายไม่เน่าเปื่อย ถึงขนาดฝรั่งขอซื้อสรีระท่านในราคาสูงถึง ๑๐. ล้านบาท เหรียญของท่านกล่าวขานกันว่า ดีทางเสี่ยงโชคนะครับ ผมจะเล่านะอ่านสิ จะได้โชคดีนะครับ .
...



โดยมีประวัติความเป็นมาดังนี้


...
เมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๔๒๓ ซึ่งตรงกับรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประเทศจีนหรือเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ มีครอบครัวเกษตรกรครอบครัวหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพทำนาทำไร่ ครอบครัวจีนครอบครัวนั้น มีนายฮก แซ่เล้า เป็นหัวหน้าครอบครัว และมีนางกิม แซ่เล้า เป็นแม่บ้าน ในขณะนั้นนางกิมผู้ภรรยากำลังตั้งครรภ์ ใกล้ๆจะคลอด คืนวันหนึ่งสองสามีภรรยาคู่นั้นได้ฝันไปว่า“พระโพธิสัตว์กวนอิมได้มาที่ไร่ ของตน และกล่าวว่าบุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ชายที่มีบุญญาธิการ เป็นชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ชื่อ แป๊ะโค้ว หรือโพธิสัตว์ผู้พ่ายรัก”
..
หลังจากนั้นสองสามีภรรยาได้ตื่นขึ้นมาจากความฝันและได้เล่าเรื่องที่ตัวเอง ฝัน ปรากฏว่าตรงกัน ทำให้สองสามีภรรยาตื่นเต้นยิ่งนัก ต่อมาไม่กี่วัน คือ ประมาณวันที่ ๑๕ เดือน ๑ ของจีน หรือตรงกับวันมาฆบูชานั้นเอง ตอนใกล้รุ่งของวันนั้นเอง แม่บ้านกิมได้กำเนิดบุตรชายที่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนดังความฝันทุกประการ และในบ้านนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นที่หอมอบอวลไปทั่ว ในขณะที่เด็กชายคนนั้นได้เกิดมา ประหนึ่งว่าเป็นนิมิตดีที่เด็กชายผู้ที่มีบุญได้เกิดมา บิดาและมารดาของเด็กชายคนนั้นจึงได้ตั้งชื่อว่า “เอียะฮง” เด็กชาย “เอียะฮง” แซ่เล้า
พออายุได้สัก ๓ ขวบ บิดาได้เสียชีวิต ทำให้มารดาโศกเศร้าเสียใจเป็นยิ่งนัก
..



โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-9 11:53
ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๔๒๓ เด็กชายเอียะฮง แซ่เล้า อายุได้ ๑๐ ปี มารดาได้ส่งไปศึกษาที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน จนอายุ ๑๕ ปี เด็กชายเอียะฮงได้ลาออก ทั้งที่ตัวเองนั้นเรียนเก่งมาก เมื่อลาออกแล้วก็หันมาช่วยมารดาขายผลผลิตที่ได้จากไร่นาของตน ขณะที่ขายผลผลิตอยู่นั้น ได้รู้จักกับกัปตันเรือสำเภาที่วิ่งล่องระหว่างเมืองจีนกับเมืองไทย ชื่อนายปูกุ่ย หรือปูกุ่ยเจ๊ก
จากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนายเอียะฮงกับปูกุ่ยเจ๊กก็แนบแน่นขึ้นเป็นลำดับ ประหนึ่งกับญาติของตัวเอง วันหนึ่งทั้งสองได้เจอกันที่ตลาดและได้สนทนาว่า จะเดินทางไปค้าขายที่ประเทศไทย เมื่อกลับมาถึงบ้าน นายเอียะฮงได้เล่าเรื่องที่ตนจะเดินทางไปค้าขายที่ประเทศไทย มารดาไม่ไม่ขัด





..
ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๔๔๒ นายเอียะฮง แซ่เล้าได้เดินทางมาประเทศไทย และได้ทำงานในครั้งแรกที่ร้านขายของชำแถวๆเยาวราช จนได้เลื่อนเป็นหลงจู้(ผู้จัดการ)แทนเถ้าแก่ วันหนึ่งหลงจู้เอียะฮงได้พูดเปรยกับเถ้าแก่ว่า ตนจะลาออก เพื่อไปทำไร่สวนตามความมุ่งหมายเดิมของตน เถ้าแก่จึงได้มอบเงินให้จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นทุนรอน หลังจากที่ทัดทานอยู่นานแต่ไม่สำเร็จ
ประมาณ ต้นปี พ.ศ.๒๔๔๕ นายเอียะฮงได้มาอยู่ที่สี่แยกหัวตะเข้ เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระองค์ได้ทรงโปรดให้มีการขุดคูคลองต่างๆ ตามชานเมือง นายเอียะฮงได้มาทำสวนที่หัวตะเข้ ด้วยความขยันและความซื่อสัตย์ที่มีมาแต่ทุนเดิม ทำให้กิจการของนายเอียะฮงดีขึ้นเรื่อยๆ จนตกอยู่ในสายตาของตาสุขและนางนิ่มมาตลอด เนื่องจากที่ดินที่นายเอียะฮงได้ทำกิจการของตนนั้นเป็นที่เช่าของตาสุข
จนกระทั่งตาสุขและยายนิ่มได้ถามลูกสาวของตน คือ นางสาวมาลัยว่า “ลูกมาลัยของพ่อปีนี้เจ้าก็อายุ ๒๐ ปีเข้าไปแล้ว พ่อและแม่มองเห็นหนุ่มจีนอยู่คนหนึ่ง ที่พ่อหวังจะฝากผีฝากไข้ได้ เจ้าเห็นประการใด” ฝ่ายนางสาวมาลัย เมื่อได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงซ่านไปหมด เพราะจู่ๆบิดาก็พูดจนไม่ทันตั้งตัว ใจของนางสาวมาลัยก็นิยมชมชอบในนายเอียะฮงอยู่เป็นทุนเดิม แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าตนเองนั้นเป็นลูกผู้หญิง จะบอกว่าชอบก็กระดากอา นางสาวมาลัยตั้งสติได้จึงบอกว่า “ถ้าพ่อและแม่คิดว่าหนุ่มจีนคนนั้น ไม่ทำให้หนูผิดหวัง และสามารถรักษามรดกของวงศ์ตระกูลได้ ก็แล้วแต่แม่กับพ่อเถิด”
เมื่อลูกสาวของตัวเองไม่ปฏิเสธ ตาสุขและยายนิ่มก็เห็นว่าควรจะไต่ถามนายเอียะฮงดูเสียก่อน เมื่อตาสุขและยายนิ่มได้แวะไปหานายเอียะฮง โดยแกล้งทำทีเป็นไปซื้อผัก หนุ่มเอียะฮงก็ดีใจที่เจ้าของมาเยี่ยม จึงต้อนรับอย่างดีโดยชงน้ำชาที่นำใบมันมาจากเมืองจีนชงต้อนรับ ส่วนผักผลไม้ก็นำมาให้ฟรีๆ เมื่อนั่งสนทนากันนาพอสมควร ตาสุขจึงพูดแบบไม่ให้ตั้งตัวได้ว่า “เอียะฮงเจ้ามีลูกเมียที่เมืองจีนหรือไม่” เอียะฮงจึงบอกว่าไม่มี ใจหนึ่งก็คิดอยากจะมี เพราะจะได้ช่วยกันทำสวนให้รวยยิ่งขึ้น ตาสุขเลยบอกว่า “ถ้าอยากมี ข้าจะหาเมียให้เจ้าสักคน เจ้าจะปฏิเสธหรือไม่” นายเอียะฮงก็ไม่ปฏิเสธ


..
จากการสนทนาในครั้งนั้น ต่อมาอีกไม่นาน นางสาวมาลัยก็รับหมั้นกับหนุ่มจีนเอียะฮง จนกระทั่งเอียะฮงได้เขียนจดหมายไปหามารดาเพื่อบอก แต่มารดาได้ตอบมาว่า ตนได้หาลูกสะใภ้ไว้ให้แล้ว ให้ขายกิจการและกลับมาเมืองจีน ฝ่ายนายเอียะฮงไม่รู้ว่าจะกระทำอย่างไรดี จึงได้ปรึกษากับพ่อบุญธรรมของตน ปู่กุ่ยเจ๊กซึ่งเป็นพ่อบุญธรรม จึงได้ช่วยพูดกับตาสุขและยายนิ่มให้
เมื่อเป็นที่ตกลงกันแล้ว นายเอียะฮงจึงได้เดินทางกลับไปหามารดาที่เมืองจีน แต่พอไปถึงมารดากลับถามว่า..

“เอียะฮงเจ้ามาทำไม นางสาวเจิน แซ่ลี่ พึ่งแต่งงานไปกับหนุ่มแซ่เบ๊เมื่อวานนี้เอง จดหมายที่แม่ส่งไปเจ้าก็ไม่เห็นตอบมา แม่เลยอนุญาตให้เธอแต่งงาน” นายเอียะฮงเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ท้อแท้ใจยิ่งนัก หยุดพักอยู่ที่เมืองจีนร่วม ๒ เดือน จึงได้กลับมาที่หัวตะเข้
..
แต่พอมาถึงก็พบว่า นางสาวมาลัยสาวที่ตนได้มั่นหมาย ได้แต่งงานกับหนุ่มไทยเสียแล้ว ทำให้หนุ่ม เอียะฮงล้มทั้งยืน สมองของหนุ่มจีนอื้ออึงไปหมด รำพึงในใจว่าหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง จึงเดินทางอย่างไร้จุดหมาย จึงคิดว่าตนควรหันหน้าเข้าวัด เพื่อเป็นหนทางที่สงบจิตสงบใจ กระทั่งผ่านโรงเจฮะฮง ฉับพลันก็ได้ยินเสียงแว่วมาจากโรงเจ “แป๊ะโค้วโพธิสัตว์ ขอเชิญท่านมาพำนักที่นี่เถิด” เอียะฮงหนุ่มจึงได้เข้าไปพำนักอยู่ในโรงเจแห่งนั้น และบวชเป็นพระจนสำเร็จเป็นเซียนในการต่อมา..
(อันนี้เป็นตำนานที่เกี่ยวกับ ความรักที่สิ้นหวังนะครับ อยากให้ผู้ที่อ่านนี้ สมหวังทุกสิ่งนะครับ
.
...อีกตำนานหนึ่งครับที่จะเล่า ..
.. เอียะฮง. ได้ปฏิบัติยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาด้วยการถือศีลกินเจ สวดมนต์ ภาวนา อยู่ในโรงเจ ตลาดหัวตะเข้ จนได้ฌานสมาบัติ ...
ว่ากันว่าท่านสำเร็จในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๓ จึงถือเอาวันดังกล่าวของทุกปี เป็นวันเวียนเทียนสมโภชองค์ท่านมาจนทุกวันนี้
..
อ่านนะ อันนี้เป็นเกร็ดเรื่องเล่านะครับ ..
ท่าน เอี๊ยะฮงนี้  ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ ๔ ต่อรัชกาลที่ ๕. เมื่อท่านมรณะจากไป คณะกรรมการโรงเจเก่าได้เก็บสรีระท่านไว้เพราะไม่เน่าเปื่อย แถมท่านยังนั่งสมาธิมรณะ มิได้อยู่ในอิริยาบถนอนเช่นคนอื่น ต่อมาคณะกรรมการชุดเก่าได้แยกตัวออกไปตั้งโรงเจใหม่มีชื่อว่า "มูลนิธิแปะโค้วเซี่ยงงี่" อยู่คนละฝั่งคลองกัน และเกิดกรณีพิพาทกับโรงเจเก่าซึ่งอยู่ในตลาดลาดกระบัง จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้ตัดสิน และโรงเจใหม่ก็เป็นผู้ชนะได้ครอบครองดูแลสรีระของเอี๊ยะฮงเซียน
....
ต่อมาน้าชายท่านเดินทางมาจากเมืองจีนเพื่อตามหาหลานชายให้กลับไปดูใจแม่ที่กำลังป่วยหนัก ก็มาพบว่าหลานกลายเป็นเซียนไปแล้ว อีกทั้งยังนั่งตายจากไป จึงตรงเข้าไปต่อว่าสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านว่า ไม่กตัญญูเลย เอาตัวรอดบรรลุธรรมไปคนเดียวทิ้งแม่ให้เจ็บไข้ต้องร้องไห้อาลัยหา สารพัดจะดุด่าธาตุขันธ์ท่าน
เพียงไม่นานนับว่าน่าอัศจรรย์ที่สุด สังขารไร้วิญญาณที่นั่งขัดสมาธิเพชรตั้งตรงอยู่นั้นก็ค่อย ๆ โค้งลง ค่อย ๆ ก้มศีรษะลง จนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ในลักษณะดุจดังคนสำนึกผิด น้าชายเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็ตะลึงจังงัง และหยุดการดุด่าทันที จากนั้นก็กราบไหว้แล้วเดินทางกลับประเทศจีนไปบอกแม่ท่านถึงความอัศจรรย์ที่ได้ไปพบมา ..
..
ต่อมารูปเคารพท่านถูกคนขโมยไปหลายครั้ง เกิดความเสียหายกับสรีระท่านไม่น้อย ฝรั่งมาเห็นสรีระท่านยังเกิดความอัศจรรย์ใจ พร้อมกับขอซื้อในราคาที่เป็นเงินไทยถึง ๑๐ ล้านบาท นั่นเป็นราคาเมื่อ ๔๐ - ๕๐ กว่าปีก่อน
  ไม่ว่าสรีระท่านจะถูกขโมยไปอยู่ที่ใด ท่านก็จะบอกศิษย์ทั้งหลายในฝันบ้าง ในนิมิตบ้าง ให้ตามไปหา แล้วก็เจอทุกครั้งไป!!
ขอท่านทั้งหลาย ที่ตั้งมั่นใน ศิล ในธรรม องค์เซียน หรือ พระโพธิสัตว์แป๊ะโค้ว คุ้มครอง ให้โชค ให้ลาภ ครับท่านทั้งหลาย.

https://www.facebook.com/Ratchabui/posts/496292247202277:0


โดย: padiphatbeer    เวลา: 2016-2-9 13:45

โดย: Marine    เวลา: 2016-2-9 19:44
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2016-2-9 11:53
ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๔๒๓ เด็กชายเอียะฮง แซ่เล้า อายุได ...

ปัจจุบันร่างเซียนยังอยู่มั้ยครับ
โดย: Marine    เวลา: 2016-2-9 20:27
[attach]12862[/attach]

ผมเช็คข้อมูลแล้วมีคนพูดว่า ร่างที่เราเห็นกันเป็นร่างท่านแข็งเป็นหินเลย ไม่ทราบว่าจะจริงหรือป่าว

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-10 06:23
Marine ตอบกลับเมื่อ 2016-2-9 19:44
ปัจจุบันร่างเซียนยังอยู่มั้ยครับ

ถ้ามีโอกาศได้ไปวานน้อง Marine นำผงธูปกับน้ำมนต์

ด้วยนะครับ  
โดย: Marine    เวลา: 2016-2-10 09:50
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2016-2-10 06:23
ถ้ามีโอกาศได้ไปวานน้อง Marine นำผงธูปกับน้ำมนต์

ด้วยนะครับ

เย็นนี้ผ่านพอดีเลยครับ
โดย: Marine    เวลา: 2016-2-10 16:59
[attach]12864[/attach][attach]12866[/attach][attach]12865[/attach]

มาถึงแล้วครับ

โดย: Marine    เวลา: 2016-2-10 17:05


[attach]12867[/attach]

ขอพรแป๊ะโค้วเซี่ยงงี่

โดย: Marine    เวลา: 2016-2-10 17:08
[attach]12868[/attach]

หลังจากไหว้เสร็จแล้ว ได้ขี้ธูปกลับสำนักแล้วครับ

โดย: Marine    เวลา: 2016-2-10 17:11
[attach]12869[/attach]

มองไปทั่วๆ ไม่เห็นมีน้ำมนต์เลย ทำไงดี ???

โดย: Marine    เวลา: 2016-2-10 17:16
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2016-2-10 06:23
ถ้ามีโอกาศได้ไปวานน้อง Marine นำผงธูปกับน้ำมนต์

ด้วยนะครับ

[attach]12870[/attach]

ขอบารมีองค์เซียน เรียบร้อยแล้วครับน้ำมนต์  

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-10 19:57
Marine ตอบกลับเมื่อ 2016-2-10 17:08
หลังจากไหว้เสร็จแล้ว ได้ขี้ธูปกลับสำนักแล้วครับ


โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-10 19:58
Marine ตอบกลับเมื่อ 2016-2-10 17:16
ขอบารมีองค์เซียน เรียบร้อยแล้วครับน้ำมนต์


โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-11 07:10


เป็นโรงเจ เรื่องเกิดขึ้นประมาณปี 24xx มี คนจีน ชอบศึกษาธรรมะ แล้วตายด้วยท่านั่งสมาธิ
ตอนนี้เก็บสรีระไว้ที่ โรงเจ ชาวบ้านเรียกว่า องค์เซียน สรีระไม่เน่าเปื่อยในท่านั่งสมาธิ



องค์เซียน หรือ พระโพธิสัตว์แป๊ะโค้ว เดิมชื่อ เอี๊ยะฮง แซ่เล้า ถือกำเนิดในปี พ.ศ.2422 ณ ตำบลกังเท้า จังหวัดแต้จิ๋ว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่ออายุได้ 20 ปี ได้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยโดยมาพำนักอยู่ในพื้นที่เขตลาดกระบัง และปฎิบัติยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา อยู่ในโรงเจ ตลาดหัวตะเข้ จนได้ฌานสมาบัติ ว่ากันว่าท่านสำเร็จในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 จึงถือเอาวันดังกล่าวทุกปี เป็นวันเวียนเทียนสมโภชองค์ท่านมาจนถึงทุกวันนี้

ตอนนี้ชาวบ้านอาจจะงง เพราะมีเรื่องการขัดแย้งผลประโยชน์กัน เลยไม่รู้ว่าองค์ที่เป็นสรีระจริง ๆ นั้นอยู่ที่โรงเจฝั่งตลาดหัวตะเข้ หรือ ฝั่งสถานีตำรวจจรเข้น้อย

ตอนนี้เลยมี 2 องค์ แต่สมัยก่อนจะมีองค์เดียว อยู่ในฝั่งตลาดหัวตะเข้

เอี๊ยะฮงมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5  เมื่อท่านมรณะจากไป  คณะกรรมการโรงเจเก่าได้เก็บสรีระท่านไว้เพราะไม่เน่าเปื่อย  แถมท่านยังนั่งสมาธิมรณะ  มิได้อยู่ในอิริยาบถนอนเช่นคนอื่น

ต่อมาคณะกรรมการชุดเก่าได้แยกตัวออกไปตั้งโรงเจใหม่มีชื่อว่า  "มูลนิธิแปะโค้วเซี่ยงงี่"  อยู่คนละฝั่งคลองกัน  และเกิดกรณีพิพาทกับโรงเจเก่าซึ่งอยู่ในตลาดลาดกระบัง  จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้ตัดสิน  และโรงเจใหม่ก็เป็นผู้ชนะได้ครอบครองดูแลสรีระของเอี๊ยะฮงเซียน

http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=14494

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-11 07:14






"แป๊ะโค้วเซียน"  นี่คนนับถือเขาจะเรียกท่านว่า  "เอี๊ยะฮงเซียน"  หรือ  "เอี๊ยะฮงโพธิสัตว์"  ครับ  (ขอเล่าอย่างย่อนะ)  เดิมท่านก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ  ต่อมาท่านฝักใฝ่ปฏิบัติธรรม  กินเจ  แล้วเลิกละสิ่งต่าง ๆ ไปภาวนาอยู่ในโรงเจละแวกนั้น  จนท่านสำเร็จบรรลุธรรม(ตามอย่างมหายาน)  คืนวันที่ท่านบรรลุธรรมนั้นเกิดพายุใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน  ฟ้าผ่า  ฟ้าร้องอย่างหนัก  คนหัวตะเข้กลัวกันมาก  เช้ามาถึงรู้ว่าท่านสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว

ชื่อที่เรียกว่า  ตำบลหัวตะเข้  ก็เพราะเมื่อก่อนในคลองหัวตะเข้นั้นมีจระเข้ใหญ่อาศัยอยู่  กินวัวควายของชาวบ้านไปหลายตัวสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนมาก  ต่อมาเมื่อเห็นชาวบ้านอยู่ไม่เป็นสุขเพราะบ้านเรือนอยู่ริมน้ำและต้องสัญจรทางน้ำอยู่เป็นสำคัญ  เอี๊ยะฮงจึงทำพิธีเรียกจระเข้ใหญ่ขึ้นมาเหนือน้ำแล้วลงไปยืนเหยียบหัวจระเข้  พลางสั่งให้มันกินอยู่อย่างสงบ  ไม่ให้ทำร้ายคน  และไม่ให้ปรากฏตัวให้คนเห็น  ชาวบ้านจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขเสียที  เมื่อผู้คนเห็นเอี๊ยะฮงขึ้นไปยืนอยู่บนหัวจระเข้ได้โดยที่มันไม่ทำร้าย  มีอาการเชื่องดุจลูกแมว  ก็ตื่นเต้นแตกตื่น  เชื่อมั่นในฤทธิ์ของท่านเป็นยิ่งนัก  และมั่นใจในพิธีกรรมของท่านจนเลิกกลัวจระเข้ใหญ่ไปในทันที  พอเอี๊ยะฮงลงจากหัวจระเข้แล้วมันก็มุดน้ำหายไปและไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย  ตั้งแต่นั้นชาวบ้านก็ขนานนามคลองว่าคลองหัวตะเข้  จนกลายเป็นตำบลหัวตะเข้มาจนทุกวันนี้

เอี๊ยะฮงมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 4 ต่อรัชกาลที่ 5  เมื่อท่านมรณะจากไป  คณะกรรมการโรงเจเก่าได้เก็บสรีระท่านไว้เพราะไม่เน่าเปื่อย  แถมท่านยังนั่งสมาธิมรณะ  มิได้อยู่ในอิริยาบถนอนเช่นคนอื่น

ต่อมาคณะกรรมการชุดเก่าได้แยกตัวออกไปตั้งโรงเจใหม่มีชื่อว่า  "มูลนิธิแปะโค้วเซี่ยงงี่"  อยู่คนละฝั่งคลองกัน  และเกิดกรณีพิพาทกับโรงเจเก่าซึ่งอยู่ในตลาดลาดกระบัง  จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลให้ตัดสิน  และโรงเจใหม่ก็เป็นผู้ชนะได้ครอบครองดูแลสรีระของเอี๊ยะฮงเซียน

ต่อมาน้าชายท่านเดินทางมาจากเมืองจีนเพื่อตามหาหลานชายให้กลับไปดูใจแม่ที่กำลังป่วยหนัก  ก็มาพบว่าหลานกลายเป็นเซียนไปแล้ว  อีกทั้งยังนั่งตายจากไป  จึงตรงเข้าไปต่อว่าสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านว่า  ไม่กตัญญูเลย  เอาตัวรอดบรรลุธรรมไปคนเดียวทิ้งแม่ให้เจ็บไข้ต้องร้องไห้อาลัยหา  สารพัดจะดุด่าธาตุขันธ์ท่าน  เพียงไม่นานนับว่าน่าอัศจรรย์ที่สุด  สังขารไร้วิญญาณที่นั่งขัดสมาธิเพชรตั้งตรงอยู่นั้นก็ค่อย ๆ โค้งลง  ค่อย ๆ ก้มศีรษะลง  จนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ในลักษณะดุจดังคนสำนึกผิด

น้าชายเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็ตะลึงจังงัง  และหยุดการดุด่าทันที  จากนั้นก็กราบไหว้แล้วเดินทางกลับประเทศจีนไปบอกแม่ท่าน

ต่อมารูปเคารพท่านถูกคนขโมยไปหลายครั้ง  เกิดความเสียหายกับสรีระท่านไม่น้อย  ฝรั่งมาเห็นสรีระท่านยังเกิดความอัศจรรย์ใจ  พร้อมกับขอซื้อในราคาที่เป็นเงินไทยถึง 10  ล้านบาท  นั่นเป็นราคาเมื่อ 30 ปีก่อนโน้นนะครับ

แต่ไม่ว่าสรีระท่านจะถูกขโมยไปอยู่ที่ใด  ท่านก็จะบอกศิษย์ทั้งหลายในฝันบ้าง  ในนิมิตบ้างให้ตามไปหา  แล้วก็เจอทุกครั้งไป

ตอนที่ท่านปฏิบัติธรรม  ท่านบอกว่าพระมหากัสสปะเป็นผู้มาสอนธรรมขั้นสูงให้กับท่านครับ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-11 07:18



เหรียญองค์เซียนแป๊ะโค้ว มูลนิธิแป๊ะโค้วเซี่ยงงี่ ยุคแรก(เซียนหัวตะเข้)

โดย: oustayutt    เวลา: 2016-2-11 20:04
ชอบๆครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-11 20:30
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2016-2-11 20:04
ชอบๆครับ

ป้อม เป็นศิษย์ของท่านไม่ได้ หรอก

เพราะไม่ได้พ่ายรัก


แป๊ะโค้ว "โพธิสัตว์ผู้พ่ายรัก”


โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-12 07:10



รูปหล่อเซียนแป๊ะโค้ว ปี 2520

โดย: oustayutt    เวลา: 2016-2-12 10:47
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2016-2-11 20:30
ป้อม เป็นศิษย์ของท่านไม่ได้ หรอก

เพราะไม่ได้พ่ายรัก


โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-12 11:15
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2016-2-12 10:47


โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-6-23 07:30





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2