Baan Jompra
ชื่อกระทู้: ทำอย่างไรจึงจะมีสติรู้เท่าทันความโกรธ [สั่งพิมพ์]
โดย: oustayutt เวลา: 2016-1-4 13:04
ชื่อกระทู้: ทำอย่างไรจึงจะมีสติรู้เท่าทันความโกรธ
ถาม –ทำอย่างไรที่จะพยายามเอาสติตามจิตให้ทันคะ
คิดว่าใจเย็นได้แล้ว แต่พออะไรมากระทบก็โกรธง่ายได้อีกค่ะ
อย่าไปตั้งสเปคไว้อย่างนั้นว่าใจเย็นแล้วจะไม่โกรธหรือว่าโกรธยากนะ
จำไว้เป็นคีย์เวิร์ดดีๆ นะ
คนใจเย็นไม่ใช่คนที่โกรธยาก โกรธได้ยากเสมอไปนะ คนใจเย็นโกรธง่ายก็ได้
คือมันเป็นนิสัยเก่าน่ะ มันเป็นความอ่อนไหวทางจิต
ที่ยังไปไม่ถึงจุดที่ความโกรธจะไม่เกิดขึ้น
ก็อย่าไปกะเกณฑ์ว่าใจเย็นแล้วแปลว่าต้องโกรธยาก ใจเย็นโกรธง่ายก็ได้
แต่โกรธง่ายแล้วเรามีท่าทีอย่างไร มีปฏิกิริยาทางสติอย่างไร
นั่นแหละ ตรงนี้แหละที่เราควรจะพูดถึงกัน
โดย: oustayutt เวลา: 2016-1-4 13:05
เมื่อโกรธง่ายขอให้คิดอย่างนี้นะ ขอให้จำไว้เลยนะ
ถ้าโกรธง่ายนะขอให้คิดว่า ดี เราจะได้ฝึกสติได้ง่ายๆ เช่นกัน
คือถ้าโกรธยาก เราก็ไม่รู้จะเอาสติไปฝึกกับความโกรธแบบไหน
นานๆ มันถึงจะโกรธที
สติที่จะเอามารู้ความโกรธก็เลยไม่เกิดขึ้นไปด้วย มันเกิดขึ้นยากตามไปด้วย
แต่ถ้าโกรธง่ายก็แสดงว่าเราฝึกสติในขณะโกรธได้ง่าย
แล้วตัวที่จะนำให้เราเข้ามาเห็นส่วนของนามธรรม
คือ สภาพทางใจ สภาพปรุงแต่งทางใจ
โดย: oustayutt เวลา: 2016-1-4 13:07
ไม่มีอะไรที่มันเห็นได้เร็วเห็นได้ง่ายไปกว่าความโกรธอีกแล้ว
อย่างตอนที่เราเกิดความโลภ หรือว่าเกิดราคะ เกิดโมหะ แบบนี้บางทีมันยาก
เพราะตอนเกิดราคะใจมันก็จะพุ่งไปยึดไอ้สิ่งที่ชอบใจ
คำว่าราคะนี้ไม่ได้หมายถึงกามราคะอย่างเดียว
เหมือนอย่างเวลาที่เราดูมิวสิควิดีโอหรือว่าดูละครอย่างนี้
นี่เกิดราคะแล้ว ราคะทางตา ราคะทางหู ราคะทางจินตนาการ
คือบางทีมันเข้าไปหลงยึดเต็มๆ เต็มเหนี่ยวเลยว่าเรามีส่วนร่วมอยู่ในละคร
อย่างนี้เรียกว่าเกิดราคะ เรียกว่าเกิดความยินดี
ซึ่งจะให้ไปพิจารณาอะไรในขณะที่เกิดราคะ
มันยากนะเพราะใจมันไม่ยอม มันติดไปแล้วมันหลงไปแล้ว
หรือว่าในขณะที่เราเกิดโมหะ อย่างเกิดความหลงตัว
มีดีกว่าเขาหรือว่าแย่กว่าเขา หรือว่ามีความคิดอะไรผิดๆ ขึ้นมา
ใจมันจะเข้าไปรวมอยู่กับความรู้สึกผิดๆ หรือว่าความรู้สึกหลงยินดีในตัวในตน
จนเกินกว่าจะมาพิจารณาธรรมได้
โดย: oustayutt เวลา: 2016-1-4 13:07
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เราเริ่มฝึกเจริญสติใหม่ๆนี่นะ
ราคะกับโมหะนี่เป็นอะไรที่ยากจริงๆ กับการเอามาเป็นแบบฝึกหัด
แต่ความโกรธนี่ทุกคนรำคาญตัวเองอยู่แล้วเมื่อโกรธ
ความโกรธเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะให้มันออกไปจากจิตใจอยู่แล้ว
เหมือนกับคนที่ไม่อยากอยู่ในห้องร้อน ไม่อยากที่จะอยู่ในฤดูร้อน
โดยเฉพาะเดือนเมษาวันที่ปลายๆ เดือนนะ ยี่สิบปลายๆ เนี่ย ไม่มีใครอยากอยู่ร้อน
ความโกรธจึงเป็นสิ่งที่มนุษย์เรา เมื่อเริ่มเจริญสติ น่าเอามาใช้มากที่สุด
เพราะเราไม่หวงมันไว้อยู่แล้ว
เราหวงราคะ เราหวงโมหะ แต่ไม่หวงโทสะ
อยากให้มันหายไปทุกคน อยากให้มันสาบสูญหรือว่าไม่เกิดขึ้นอีกเลยแต่มันเป็นไปไม่ได้
แล้วเมื่อมันเป็นไปไม่ได้เราก็เอามันมาใช้ประโยชน์ซะ
โดย: oustayutt เวลา: 2016-1-4 13:08
เวลาที่เราใจเย็นนะ พอเราใจเย็นลงแล้วประโยชน์อย่างยิ่งก็คือว่า
ประโยชน์ของมันไม่ใช่ไม่ทำให้ความโกรธไม่เกิด
แต่ประโยชน์ของความใจเย็นคือการที่เราจะเห็นความโกรธได้ง่าย
เพราะมันแตกต่างไง ตอนแรกเย็นอยู่ แล้วเพิ่มอุณหภูมิขึ้นมาเป็นร้อน
มันมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน สติไม่ต้องไปเพ่ง ไม่ต้องไปพิจารณาอะไร
มันสามารถเห็นได้เลยว่าความร้อนเกิดขึ้น
แล้วประโยชน์อีกประการของความใจเย็นก็คือคุณจะพบว่าความร้อนมันตั้งอยู่ได้ไม่นาน
เหมือนกับไฟไม่สามารถที่จะสู้กับน้ำกลุ่มใหญ่ได้
ถ้าหากน้ำมีกำลังมากกว่าไฟสิบเท่า ดับพรึ่บเดียว เพียงด้วยการสาดทีเดียว
แต่ทีนี้เราไม่ได้ตั้งใจที่จะไปดับไฟนะ เราตั้งใจที่จะดูไฟมันมอดไปเอง
แล้วคนใจเย็นจะเห็นว่าไฟนี่นะมันมอดเร็ว
แค่ดูนิดเดียว ขอให้มีสติเถอะ
ขออย่าเผลอไปปรุงแต่งตามสิ่งยั่วยุที่มากระตุ้นให้โกรธ
โดย: oustayutt เวลา: 2016-1-4 13:09
เราจะรู้สึกขึ้นมาว่า เออ ตอนแรกใจเย็นอยู่ มีอะไรมากระทบ ปัง เอ้า ไฟลุก พรึ่บ
เสร็จแล้วไอ้พรึ่บนั้น มันเหมือนไฟไหม้ฟาง
เราจะรู้สึกเลยนะว่าความใจเย็น ทำให้ไฟโกรธเปรียบเสมือนไฟไหม้ฟาง
และประโยชน์อย่างยิ่งที่เราเห็นไฟไหม้ฟางคืออะไร
มันรู้สึกหลายๆ ทีขึ้นมา มันรู้สึกขึ้นมาเป็นจริงเป็นจัง ว่าความโกรธนี่ไม่ใช่ตัวเรา
มันเหมือนไฟที่ลุกพรึ่บขึ้นมาแล้วแป๊บเดียวก็หายไป
ความใจเย็นไม่ใช่ไม่มีประโยชน์
และความใจเย็นไม่ใช่เอาไว้ป้องกันไม่ให้ความโกรธเกิดขึ้น
ไม่ใช่นะ จำไว้ดีๆ เลย หรือแก้ไขภาพลักษณ์เกี่ยวกับความใจเย็นใหม่เลย
เราเอามาใช้เจริญสติต่างหาก เราจะเห็นได้ง่ายขึ้นต่างหาก
โดย: Sornpraram เวลา: 2016-1-7 09:29
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |