Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ปฐมบทแห่งตำนาน ขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-1-4 08:19
ชื่อกระทู้: ปฐมบทแห่งตำนาน ขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน
ปฐมบทแห่งตำนาน ขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน




[youtube]Nln1t3ExrAI[/youtube]




หลวงปู่หล้า  วาจาสิทธิ์ เทพเจ้าแห่งตำบลเกาะแก้ว  แดนแห่งไกลปืนเที่ยงในสมัยนั้น เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่าดงดิบมีทั้งเสือ สิงห์ กระทิง ช้างและสัตว์นานาชนิด อาศัยอยู่มากมาย ในน้ำก็มีจระเข้ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่แห่งสายน้ำ  ดังคำว่าจระเข้เจ้าแห่งนที อินทรีเจ้าแห่งเวหา พยัคฆาเจ้าแห่งพงไพร  ในเขตตำบลเกาะแก้วมีลำน้ำอันเกิดจากธรรมชาติอยู่สายหนึ่ง   เรียกชื่อว่าลำน้ำห้วยใหญ่   ลำห้วยสายนี้มีวังลึกอยู่ที่หนึ่ง ชุมชนในย่านนี้เรียกวังน้ำแห่งนี้ว่า วังโพรงตะเข้ เพราะมีจระเข้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๔๐ มีผู้คนกลุ่มหนึ่งซึ่งอพยพมาจากตำบลสนามแจง   อำเภอบ้านหมี่  มาตั้งรกรากประกอบสัมมาอาชีพอยู่ข้างวังน้ำแห่งนี้    และตั้งชื่อชุมชนของตนเองว่า บ้านวังโพรงตะเข้   ต่อมาคำว่า “ตะ” หายไป ปัจจุบันจึงเรียกว่า วังโพรงเข้ เท่านั้น เมื่อชุมชนใหญ่ขึ้น  เป็นธรรมดาของชาวไทยที่นับถือพระพุทธศาสนา  สิ่งที่เป็นฉัตรแก้วของชุมชน ก็คือวัด ราวปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ผู้นำชุมชน คือ นายชื่น ได้เป็นผู้นำในการสร้างวัด และเรียกชื่อวัดตามชื่อของหมู่บ้าน เมื่อสร้างเสนาสนะบางส่วนสำเร็จแล้ว   ก็ได้ไปนิมนต์พระจากวัดแห่งหนึ่งในตำบลสนามแจง  อำเภอบ้านหมี่  สองรูป   ชื่อพระโฮม กับพระหนอม มาจำพรรษา  วัดของชุมชนบ้านวังโพรงเข้ก็เจริญตามสภาพมาโดยลำดับ     จนกระทั่งปี   พ.ศ.  ๒๔๖๔ หลวงปู่หล้า  อุตฺตโม   ก็มาอยู่จำพรรษาเป็นเจ้าอาวาส จนมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙  ดังกล่าวมาแล้ว

          หลวงปู่หล้าตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่  ท่านเปรียบเสมือนเทพเจ้าของประชาชนชาวตำบลเกาะแก้ว เพราะในสมัยนั้น ทางการแพทย์ยังเข้าไปไม่ถึง เมื่อยามเจ็บป่วยไข้  ชาวบ้านในย่านนั้น  ก็ได้อาศัยยาสมุนไพร  น้ำมนต์  เวทมนต์ของหลวงปู่เป็นที่พึ่งแทนหมอ  ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อไม่ถึงที่ตายก็หายจากโรคภัยไข้เจ็บที่มาเบียดเบียน  หลวงปู่จึงเป็นที่เคารพนับถือของชุมชนชาวตำบลเกาะแก้ว และตำบลใกล้เคียงอย่างกว้างขวาง  นอกจากทางการแพทย์เข้าไม่ถึงแล้ว  ทางการปกครองก็ไม่สามารถเข้าไปคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้เช่นกัน  หลวงปู่หล้าจึงต้องสร้างวัตถุมงคล ตามคำขอของประชาชนสำหรับเป็นที่พึ่งทางใจ  ในยุคแรกหลวงปู่หล้าทำตะกรุดสามพันตึงแจกประชาชน เมื่อมีผู้ต้องการเป็นจำนวนมากจนหาโลหะทำตะกรุดไม่ทัน  หลวงปู่จึงต้องทำผ้ายันต์สามพันตึง ซึ่งวัตถุดิบหาง่ายกว่า  แจกจ่ายจนพอเพียงแก่ความต้องการ ในปีต่อ ๆ มา เมื่อประชาชนต่างถิ่นได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่หล้าและอภินิหารของตะกรุดสามพันตึง  ประชาชนจึงพากันมาขอ  หลวงปู่บอกว่าสร้างได้หนเดียว  สร้างอีกไม่ได้  อาจารย์ห้าม  แต่ผู้ที่ต้องการก็อ้อนวอนขอ    หลวงปู่ทนอ้อนวอนไม่ได้   จึงสร้างตะกรุดหกพันตึงและเก้าพันตึง   แจกจ่ายมาตามลำดับ   และต่อมาไม่ทราบปี พ.ศ.   นายสำราญ  เครือนิล  ไม่ทราบยศตำแหน่ง และปลัดแสวงไม่ทราบนามสกุล  ได้รับคำสั่งจากเบื้องบน  ให้มาปราบเสือขาวและสมุน  นายสำราญ  เครือนิลและปลัดแสวงได้นำไก่ฟ้าสีขาว  มาถวายหลวงปู่คู่หนึ่ง  และขอตะกรุดหลวงปู่พร้อมเล่าเรื่องที่เบื้องบนสั่งให้มาปราบเสือขาวให้หลวงปู่ฟัง  จึงมาขอของขลังไปคุ้มครองตัว  หลวงปู่จึงทำตะกรุดโทน พญาไก่แก้วให้ท่านทั้งสอง   และคนอื่น ๆ อีกไม่ทราบจำนวน  หลังจากได้ตะกรุดจากหลวงปู่ไปแล้วไม่นาน  นายสำราญ  เครือนิลและปลัดแสวงพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่  ก็ปะทะกับเสือขาวและสมุน  ที่ป่าข้างคลองแห่งหนึ่ง  ห่างจากตัวอำเภอโคกสำโรงไปทางทิศเหนือประมาณสามกิโลเมตร  เสียงปืนการปะทะระหว่างขุนโจรกับเจ้าหน้าที่ดังสนั่นหวัดไหวได้ยินไกลหลายกิโล  ทั้งสองฝ่ายยิงต่อสู้กันประมาณ ๒๐ นาที  ฝ่ายโจรก็ล่าถอย  เมื่อเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่เข้าเคลียพื้นที่ ปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีใครเสียชีวิตและบาดเจ็บเลย เลือดสักหยดก็ไม่มีให้เห็น

เมื่อข่าวการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและขุนโจรชื่อดัง แพร่สะพัดไปว่าไม่มีใครเป็นอะไร  และมารู้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างเคยมาเอาวัตถุมงคลจากหลวงปู่หล้า  ผู้คนที่ทราบข่าวนี้ต่างก็แห่กันมาขอวัตถุมงคลจากหลวงปู่เป็นจำนวนมาก  หลวงปู่จึงสร้างตะกรุดมหารูดพญาไก่แก้วแจกจ่าย แต่ผู้ที่ต้องการตะกรุดมีมาก และตะกรุดทำได้ช้า  จึงไม่ทันแก่ความต้องการ  หลวงปู่ให้พระจำปีแกะพิมพ์พระขุนแผนด้วยหินลับมีด  และสร้างพระขุนแผนประจัญบานแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ต้องการอย่างทั่วถึง

         

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-1-4 08:20
(เรื่องราวประวัติของหลวงปู่หล้าจากนี้ไป   เป็นการบันทึกลงสมุดของพระจำปี   ซึ่งนายสมหมาย เชื้อชัยภูมิ   ที่เคยบวชเป็นสามเณรในสมัยหลวงปู่หล้ามีชีวิตอยู่   และบวชเป็นพระในสมัยพระจำปี  เป็นเจ้าอาวาสวัดวังโพรงเข้  ต่อจากหลวงปู่หล้า  ปัจจุบันนายสมหมาย อายุ ๖๖ ปี อยู่ที่จังหวัดสระแก้ว   ได้นำสมุดที่บันทึกประวัติหลวงปู่หล้า  ในช่วงท้ายอายุของหลวงปู่มาให้พระครูวินัยธรยืมคัดลอก ซึ่งนายสมหมายกลับมาบ้านเกิด    เพื่อร่วมงานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต วัดวังโพรงเข้ระหว่างวันที่ ๓๐  ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘   วันที่  ๔ มกราคม  ๒๕๔๙    เมื่อมีโอกาสได้มานมัสการสนทนากับพระครูวินัยธร   นายสมหมายจึงได้พูดถึงสมุดบันทึกเล่มนี้ ให้พระครูวินัยธรฟัง  พระครูวินัยธรจึงได้เอ่ยปากขอสมุดเล่มดังกล่าว นายสมหมายไม่ขอถวาย   แต่จะให้ยืมคัดลอก และได้เล่าถึงปาฏิหาริย์ของสมุดบันทึกเล่มนี้มากมาย โดยเฉพาะปี  พ.ศ. ๒๕๒๘ กระสุนปืนใหญ่ของเขมร ซึ่งสู้รบกันเองพลาดมาตกข้างบ้านนายสมหมาย  ถึงสี่ครั้ง แต่กระสุนปืนไม่ระเบิดทั้งสี่ครั้ง  สมุดเล่มนี้มีทั้งคาถาอาคม  และวิธีการทำวัตถุมงคลต่าง ๆ ของหลวงปู่หล้า  และพิธีกรรมประเพณีพื้นเมืองอิสานมากมาย
  ข้าพเจ้าชื่อว่า  พระจำปี  ปัญญาทีโป  ได้สมุดมา ๑ หัว (หนึ่งเล่ม) และดินสอ ๑ แท่ง  เมื่อวันที่ ๑๓ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ เมษายน  พอศอ ๒๔๙๐  นบพระศก (นพศก) ปีกุน   ปลัดแสวงถวายให้มา  ตอนนี้เวลาใกล้จะยามต้น นั่งมองนอนมองสมุดและดินสอ อยู่อย่างภูมิใจ  ไม่รู้จะเขียนอะไร เขียนเรื่องหลวงพ่อไว้ดีกว่า (ผู้เขียนขออนุญาตเปลี่ยนคำบันทึกที่เป็นภาษาท้องถิ่น  เป็นภาษากลางและเพิ่มบางคำให้เต็มประโยค  เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น  จะได้ไม่เสียเวลาวงเล็บ  ส่วนที่เป็นบันทึกสั้น ๆ  ของแต่ละวันผู้เขียนจะขอเล่าเรื่องเองตามบันทึกนั้น ๆ )  หลังจากหลวงพ่อสร้างพระขุนแผนประจัญบานแล้วก็ไม่สร้างอะไรอีกหลายปีและก็ไม่รับแขกด้วย   หลวงพ่อเข้าไปอยู่ในป่าห่างวัดหลายร้อยวา   พระกับชาวบ้านต้องตามไปสร้างกุฏิให้ท่านที่ในป่าและผลัดกันเอาข้าวปลาอาหารไปถวาย
          ปี พ.ศ. ๒๔๙๐  หลวงพ่อก็ออกจากป่ามาอยู่วัดตามปกติ   หลังจากหลวงพ่อออกจากป่ามาแล้วท่านก็เปลี่ยนแนวการสร้างวัตถุมงคลทางคงกระพันชาตรีมาเป็นทางเมตตา  ในปีดังกล่าวหลวงพ่อได้ทำสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและสร้างพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนแจกจ่าย  เวลามีคนมาขอหรือบูชาสีผึ้งสัมพันธ์ตึงกับหลวงพ่อ ผู้หญิง  หลวงพ่อจะให้รับสีผึ้งมือซ้าย  ผู้ชายจะให้รับมือขวา  เมื่อรับแล้วให้ยื่นมือข้างที่รับออกไปจนสุดแขน และให้ดมที่มืออีกข้างหนึ่ง  ถ้าใครไม่ได้กลิ่นสีผึ้ง หอมผ่านมาที่มืออีกข้างหนึ่งไม่ต้องเอาไป   แต่ก็ปรากฏว่าทุกคนที่ได้รับสีผึ้ง   ก็จะได้กลิ่นหอมผ่านมือผ่านแขนมาอีกข้างหนึ่งกันทุกคน
หลังจากหลวงพ่อแจกสีผึ้งสัมพันธ์ตึง     และพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนไปได้ประมาณสองเดือน     ก็เริ่มมีญาติโยมมาต่อว่าหลวงพ่อ     ถึงอภินิหารสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและพระขุนแผนไก่แก่-
แม่ปลาช่อน ซึ่งการต่อว่าก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก  โดยเฉพาะโยมผู้หญิงไม่ชอบใจเลยกับสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน  มีโยมผู้หญิงหลายคนที่แอบขโมยสีผึ้งและพระขุนแผนดังกล่าวของโยมผู้ชายมาคืนหลวงพ่อ   และยิ่งนานวันก็มีโยมผู้หญิงมาต่อว่ามากขึ้นจนวันหนึ่ง คุณนายของท่านสำราญ   เครือนิลและคุณนายปลัดแสวง  นำภัตตาหารเพลมาถวายหลวงพ่อ  และก็ต่อว่าหลวงพ่อถึงเรื่องความขลังของสีผึ้งสัมพันธ์ตึงกับพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน  เมื่อคุณนายทั้งสองกลับไปแล้ว    หลวงพ่อก็พูดกับผมว่า คือสิบ่เข้าท่าแล้วหละจำปีเอ๊ย   บ่คึดว่ามันสิขลังปานนี่หนะ(คงจะไม่ได้การแล้วนะจำปี ไม่คิดว่าจะขลังขนาดนี้)และคืนวันนั้นหลังจากพระลูกวัดเข้าห้องจำวัดกันหมดแล้ว   หลวงพ่อท่านก็นั่งสมาธิตรงหน้าพระประธานที่ใช้ทำวัตรสวดมนต์ประจำ    ผมรู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เห็นหลวงพ่อนั่งสมาธิตรงนั้น  เพราะปกติหลวงพ่อจะนั่งในห้องของท่าน  พอตีสี่ผมก็ตื่นมาตีระฆังทำวัตรเช้าตามกิจวัตรที่เคยปฏิบัติมา  เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มาจุดเทียนหน้าพระประธานที่ทำวัตรสวดมนต์  พอแสงไฟจากเปลวเทียนสว่างขึ้น ผมต้องแปลกใจเมื่อเห็นตลับสีผึ้งหลากหลายรูปแบบ  และพระขุนแผนกองอยู่บนเสื่อ   หน้าพระประธานที่หลวงพ่อนั่งสมาธิเมื่อคืนนี้เป็นจำนวนมาก      ผมจึงพูดกับพระลูกวัดด้วยกันว่า   หลวงพ่อเอาสีผึ้งกับพระขุนแผนมาจากไหนอีก   ก็แจกจ่ายไปหมดแล้วนี่น่า  ทำไมเหลือมากขนาดนี้แต่พอช่วยกันพิจารณาดูก็รู้ว่าเป็นสีผึ้งและพระขุนแผนที่แจกญาติโยมไปแล้วนั่นเองมขนลุกไปทั้งตัวจนต้องยกมือขึ้นกุมหัวเหมือนคนหวาดเสียวสุดขีด(ขนลุกขนชัน) แม้ตอนเสือขาวยกปืนยิงใส่หลวงพ่อก็ไม่รู้สึกอย่างนี้   ตอนหลวงพ่อเรียกงัวโยมโสมขึ้นจากหล่มก็ไม่รู้สึกอย่างนี้   ตอนเอาไม้เท้าหวายทิ่มพุงโยมลาให้ฟื้นจากงูจงอางกัดก็ไม่รู้สึกอย่างนี้ตอนช้างพวกอะโยธยาจับควนฟาดกับพื้นและกระทืบซ้ำก็ไม่รู้สึกอย่างนี้ ตอนเรียกจระเข้ขึ้นจากสระก็ไม่รู้สึอย่างนี้

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-1-4 08:20
(อธิบายความรู้สึกของพระจำปี * วินัยธร)  ตอนที่เสือขาวยกปืนยิงใส่หลวงปู่ได้กล่าวแล้วในตอนต้น  ตอนเรียกงัวนายโสมขึ้นจากหล่ม   คือ  วัวนายโสม  ชมกลิ่น   ติดโคลนตมข้างวัด   คนหลายคนเอาวัวขึ้นจากโคลนตมไม่ได้    หลวงปู่จึงเดินมาดูและเรียกวัว มาขึ้นมาวัวก็เดินขึ้นมาเฉย ๆ    ตอนเอาไม้เท้าหวายทิ่มพุงโยมลาฯ คือ  นายลา  ปุณทะสี  ถูกงูจงอางกัดจนหมดสติ  พอคนหามนายลามาถึงวัด เพื่อให้หลวงปู่รักษา  หลวงปู่ก็เอาไม้เท้าที่ทำด้วยหวายจิ้มเบา ๆ  ไปที่ท้องนายลา พร้อมกับพูดว่า ตื่น  ลาตื่นแล้วนายลาก็ลุกขึ้นเป็นปกติไม่เจ็บปวดอะไรเลย  ตอนช้างจับควานช้างฟาดกับพื้น ฯ คือ  ปลัดแสวงว่าจ้างช้างจากอยุธยามาลากไม้และมาพักที่วัด  วันหนึ่งช้างคงเหนื่อยมากไม่ยอมงัดไม้เพื่อเรียงเก็บ  ควานช้างพยายามบังคับ   ช้างโมโหจึงเอางวงจับควานฟาดลงกับพื้นและกระทืบซ้ำ แต่ควานช้างไม่เป็นอะไรเลย  ควานช้างมีตะกรุดพญาไก่แก้ว      (แต่ตะกรุดไม่น่าจะป้องกันแรงกระทืบของช้างได้  คงรอดเพราะเหตุการณ์นั้นเกิดต่อหน้าหลวงปู่มากกว่า)  ตอนเรียกจระเข้ขึ้นจากสระ  คือ  จระเข้ขึ้นจากลำคลองมาหากินในสระน้ำสำหรับบริโภคของชาวบ้าน   ด้วยความกลัวจระเข้จึงไม่มีใครกล้ามาตักน้ำ    เมื่อเห็นชาวบ้านเดือดร้อนหลวงปู่จึงเดินมาที่สระน้ำและเรียกจระเข้ให้ขึ้นมา  จระเข้หลายตัวก็ขึ้นมา  แล้วหลวงปู่ก็บอกให้มันกลับไปอยู่ที่วังน้ำในลำห้วยตามเดิม   จระเข้เหล่านั้นก็เดินกลับไปอย่างว่าง่ายแล้วหลวงปู่ก็สั่งห้ามจระเข้มาหากินที่สระน้ำนี้อีกตั้งแต่นั้นจระเข้ก็ไม่ข้ามมาหากินในสระน้ำอีกเลย           เมื่อหลวงพ่อออกจากห้องมาทำวัตรเช้า ผมก็ถามหลวงพ่อว่า  ทำไมหลวงพ่อเรียกของกลับคืนมาหมด ทำไมไม่ถอนอาคมเฉย ๆ หลวงพ่อตอบว่า  วิชาอาคมที่ทำลงไปแล้วเขาไม่ถอนกันดอก ถ้าถอนของที่ทำไปแล้ว  ทำครั้งต่อไปก็จะไม่ขลัง หรือของที่ทำแล้วและให้เขาไปหมดแล้ว  ก็ไม่ต้องกลับไปทำซ้ำอีก ต้องทำอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ ดัดแปลงเอาอันเก่านั่นแหละ  แต่ไม่ทำแบบเก่า ทำของพวกนี้มีพลังเท่าไหร่ต้องอัดใส่ให้หมด หมดแล้วหมดเลย  กลับไปทำอีกมันก็ไม่ขลัง เพราะมันหมดแล้วในจุดนั้น ๆ อย่าคิดกลับไปทำอีก  นี่คือเคล็ดลับในการทำของให้ขลัง (เคล็ดลับของแต่ละรูปอาจไม่เหมือนกัน * วินัยธร)เมื่อทำวัตรสวดมนต์เช้าเสร็จแล้ว  หลวงพ่อก็ให้ผมกับพระเอาสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนไปฝัง
พอได้อ่านบันทึกเรื่องนี้แล้ว พระครูวินัยธร  จึงสืบหาพระจำปีและได้ทราบจากนายบุญมี บุญเกตุ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังโพรงเข้ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ – พ.ศ. ๒๕๑๓   ว่าพระจำปีได้ลาสิกขาไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ปัจจุบันไปอยู่ที่บ้านหินตุ้ม  อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี  พระครูวินัยธรจึงไปสืบหา  และได้พบอดีตพระจำปีซึ่งมีอายุถึง ๘๒ ปี   พระครูวินัยธรจึงถามถึงเรื่องสมุดบันทึกประวัติหลวงปู่หล้า  ซึ่งปู่จำปียังจำได้ดีว่า ท่านเคยบันทึกไว้จริง  เมื่อถามถึงเรื่องหลวงปู่หล้าให้ฝังสีผึ้งกับพระขุนแผน  ปู่จำปีตอบว่าจริงและบอกสถานที่ฝัง คือ โคนต้นมะขามที่เสือขาวทดลองยิงหลวงปู่หล้า  พอกลับมาวัดพระครูวินัยธรจึงให้พระลูกวัดช่วยกันขุดดู  ขุดลึกลงไปประมาณ ๖๐ เซนต์  ก็พบพระขุนแผนและตลับสีผึ้งเป็นจำนวนมาก  พระขุนแผนเกือบจะทั้งหมดแตกหักและเปื่อยยุ่ย ที่ยังสมบูรณ์  ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่มีเพียง ๓๔ องค์เท่านั้น ที่สมบูรณ์ ๗๐-๘๐% มีประมาณ ๒๐๐ องค์   ส่วนพระที่แตกหักรวมได้ประมาณสี่บาตร  พระครูวินัยธรเอาฝังไว้ที่ฐานพระประธานโบสถ์  รวมทั้งตลับสีผึ้งซึ่งเนื้อในมีสภาพเป็นดินหมดฝังรวมไว้ด้วยกัน  ท่านที่สนใจ  ติดต่อเช่าบูชาได้ที่พระครูวินัยธร และพระขุนแผนที่แตกหักตอนนี้ได้นำขึ้นมาบดทำใหม่  รวมทั้งเศษสีผึ้ง ที่มีสภาพกลายเป็นดินก็ได้นำมาต้มเอามวลสาร  ในการทำสีผึ้งสัมพันธ์ตึงขึ้นใหม่ หลังจากหลวงปู่หล้าได้เรียกของ คือ  สีผึ้งสัมพันธ์ตึงและพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนกลับคืนมาเพราะเหตุแห่งปาฏิหาริย์ของวัตถุมงคลดังกล่าว   สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่มีลูกหญิงลูกชายที่ยังไม่ควรแก่การมีครอบครัว    โดยเฉพาะคุณแม่บ้านที่มีอุดมการณ์อย่างหนึ่งที่เหมือน ๆ กันทั้งโลกคือ  เสียทองท่วมหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ต่างก็โล่งใจที่ได้ทราบข่าวนี้  ผู้คนก็ต่างพากันอัศจรรย์ใจในคุณวิเศษของหลวงปู่    ที่เรียกสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและพระขุนแผน-ไก่แก่แม่ปลาช่อน  นับพันชิ้นซึ่งตกไปอยู่ทั่วสารทิศกลับคืนมาได้หมด  การสร้างปาฏิหาริย์ของหลวงปู่หล้าในครั้งนี้    ทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงปู่หล้า     แผ่กระจายไปทั่วเขตอำเภอโคกสำโรง    แม้วัดหลวงปู่หล้า    จะอยู่ถึงกลางดงกลางป่า  ไม่มีถนนสำหรับรถวิ่ง    แต่ผู้คนในตัวอำเภอโคกสำโรงและอำเภอใกล้เคียงต่างก็ดั้นด้นเดินเท้า  เพื่อมานมัสการขอของดีกับหลวงปู่อยู่เสมอตลอดมา การที่หลวงปู่เรียกพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนและสีผึ้งสัมพันธ์ตึงที่ตกไปอยู่ทั่วสาระทิศ  กลับคืนมาทำผู้คนต่างพากันอัศจรรย์ในในคุณวิเศษของหลวงปู่ความอัศจรรย์ใจในครั้งนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าการที่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องพระอาจารย์รูปนั้นรูปนี้เหาะเหินเดินอากาศหรือย่นย่อระยะทางได้หรือแม้กระทั่งบางรูปไปงานนิมนต์สองแห่งได้ในเวลาเดียวกัน (แยกร่าง) เรื่องปาฏิหาริย์ของพระอริยะสงฆ์เหล่านี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อของคนนอกหรืออยู่เปลือกนอกศาสนาแต่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้ที่นั่งใกล้พระศาสนา

โดย: majoy    เวลา: 2016-1-5 07:03

โดย: Nujeab    เวลา: 2016-1-5 09:48

โดย: ธี    เวลา: 2016-1-5 10:20

โดย: taka_jipata    เวลา: 2016-1-5 14:26

โดย: รามเทพ    เวลา: 2016-4-10 07:17
    ปี พ.ศ. ๒๔๙๐  หลวงพ่อก็ออกจากป่ามาอยู่วัดตามปกติ   

หลังจากหลวงพ่อออกจากป่ามาแล้วท่านก็...

เปลี่ยนแนวการสร้างวัตถุมงคลทางคงกระพันชาตรีมาเป็นทางเมตตา  

ในปีดังกล่าวหลวงพ่อได้ทำสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและสร้างพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนแจกจ่าย  

เวลามีคนมาขอหรือบูชาสีผึ้งสัมพันธ์ตึงกับหลวงพ่อ ผู้หญิง  หลวงพ่อจะให้รับสีผึ้งมือซ้าย  ผู้ชายจะให้รับมือขวา

  เมื่อรับแล้วให้ยื่นมือข้างที่รับออกไปจนสุดแขน และให้ดมที่มืออีกข้างหนึ่ง  

ถ้าใครไม่ได้กลิ่นสีผึ้ง หอมผ่านมาที่มืออีกข้างหนึ่งไม่ต้องเอาไป   แต่ก็ปรากฏว่าทุกคนที่ได้รับสีผึ้ง   

ก็จะได้กลิ่นหอมผ่านมือผ่านแขนมาอีกข้างหนึ่งกันทุกคน

หลังจากหลวงพ่อแจกสีผึ้งสัมพันธ์ตึง
และพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนไปได้ประมาณสองเดือน
     ก็เริ่มมีญาติโยมมาต่อว่าหลวงพ่อ     ถึงอภินิหารสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและพระขุนแผนไก่แก่-


โดย: Nujeab    เวลา: 2016-4-11 12:01

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-4-11 15:46
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2016-4-11 12:01


โดย: Sornpraram    เวลา: 2020-12-27 08:20





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2