ชีวิตประจำของคนเราอาจมีความเกี่ยวข้องกับอดีตชาติที่ไม่ค่อยชัดเจนมากนัก บ้างก็มองว่าเป็นเรื่องลี้ลับ บ้างเจอจากการฝัน แต่พอตื่นขึ้นมาก็ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นเลย แต่ได้เกิดเรื่องราวสุดแปลกขึ้นซึ่ง ครูก้อง ได้เรียบเรียงงานเขียนของลูกศิษย์ชื่ออรวรรณไว้ เป็นคนที่มีความรู้สึกไม่เหมือนคนอื่นๆ บ่อยครั้งเธอจะฝันเห็นคนแปลกหน้า สถานที่และเหตุการณ์เดิมๆ จนเธอคิดว่ามันไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฝันอย่างแน่นอน กระทั่งเธอได้เจอรูปถ่ายหมู่สมัยโบราณรูปหนึ่ง(ราวปี 2470) ของเด็กหญิงวัย 13 ปี เธอบอกว่าทั้งหมดคือเพื่อนของเธอและหนึ่งในเด็กสาวบนภาพมีใบหน้าคล้ายตัวเธอมาก
และเหตุการณ์ที่สุดทึ่งก็เกิดขึ้น เธอเล่าว่าขณะที่เธอไปวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา มีคนลักษณะคล้ายภาพที่พบก่อนหน้านี้เข้ามาทักชื่อเธอ พร้อมบอกดีใจที่ได้เจอกันอีก เธอจึงมั่นใจว่านี่เป็นเรื่องราวข้ามภพช้ามชาติเมื่อ80ปีที่แล้วกำลังจะเกิดขึ้นจริง. จากเหตุการณ์ดังกล่าว อ. ก้อง ได้นำมาเรียบเรียงเป็นงานเขียนเรื่องราวของอรวรรณขึ้นจำนวน 5 ตอน ดังนี้
ตอน 1 ภพชาติ...
อรวรรณ ลูกศิษย์ชั้นม.6ที่ร.ร.ผม เธอเล่าให้ฟังว่า เธอมักฝันว่าเธอมีเพื่อนหลายคนที่สนิทกันมากในอดีต แล้วเธอจะไปวิ่งเล่นกับเพื่อนสนิทเหล่านี้ที่ริมทะเลเสมอ เพื่อนๆในฝันเป็นเพื่อนชั้นประถม เธอฝันว่าวันหนึ่งไปเดินเล่นกับเพื่อนๆในงานวัดที่ไหนสักแห่ง ภาพเลือนลางจนจำไม่ได้ว่าเป็นวัดอะไร ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันนานมากแล้ว และเหมือนเธอได้ไปที่นั่นมาจริงๆ แต่เพื่อนๆเหล่านี้ไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิตจริง เธอฝันเรื่องนี้ซ้ำๆจนจำสถานที่และหน้าเพื่อนในฝันได้ทุกคน แต่ไม่รู้ว่าเป็นทะเลที่ไหน วัดอะไร และเพื่อนเหล่านี้คือใคร ฝันบ่อยจนแปลกใจ เล่าให้แม่หรือใครๆฟัง เขาก็ว่าเธอย้ำคิดย้ำฝัน เธอจึงไม่เล่าให้ใครฟังอีก เพราะเธอจะกลายเป็นคนย้ำคิดย้ำทำหรือช่างจินตนาการ
เมื่อไม่กี่วันมานี้ พ่อเธอได้เงินโบนัสจากการทำงานก้อนหนึ่ง จึงพาครอบครัวไปเที่ยวที่จังหวัดสงขลา เธอได้เล่นน้ำทะเลที่นั่นกับน้องชาย เธอบอกว่าคล้ายกับทะเลที่เธอวิ่งเล่นกับเพื่อนๆในความฝัน แต่เธอคงจินตนาการไปเองอีกแล้วกระมัง เธอเตือนตัวเองอย่างนั้น เธอได้กินอาหารอร่อยกับครอบครัว เที่ยวสนุก เธอมีความสุขมาก
ยามค่ำคืนพ่อพาไปเดินเล่นในตัวเมือง เจอร้านถ่ายรูปร้านหนึ่งในจังหวัด เป็นร้านเก่าแก่ ดูโบราณ พ่อจึงพาครอบครัวเข้าร้านเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ในร้านมีรูปเก่าติดข้างฝาหลายรูป เธอสะดุดตากับรูปๆหนึ่ง จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆรูปนั้น เธอรู้สึกคุ้นเคยมาก เมื่อเข้าไปยืนที่รูป เธอต้องประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็น ภาพเก่าโบราณสีขาว-ดำ ในกรอบไม้เก่าๆ แต่ยังอยู่ในสภาพดี มีเด็กสาวน้อย 10 คนยืนถ่ายรูปร่วมกันในร้าน เธอจำเด็กๆเหล่านั้นได้ดี
ทุกคนคือเพื่อนในความฝันของเธอเอง ใช่แน่ๆ และคนที่นั่งทางซ้ายสุด ทำไมเด็กสาวคนนั้นหน้าเหมือนเธอราวกับฝาแฝด ใต้รูปนั้นเขียนไว้ว่าถ่ายเมื่อปี 2470
***ถ้านับจากวันที่ถ่ายรูปจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 88 ปี แต่ดูจากรูปแล้วเด็กๆเหล่านี้น่าจะมีอายุราว12ถึง13ปี ซึ่งถ้าเด็กสาวในรูปยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน พวกเธอจะมีอายุราว 100 ปีพอดี….
ตอน 2 ภพชาติ...
อรวรรณยืนงงกับรูปที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอบอกว่าเธอทั้งงง ทั้งตะลึง สับสนและก็กลัวผสมปนเปกันไปจนพูดอะไรไม่ถูก เธอรีบดึงแขนพ่อกับแม่แล้วชี้ให้ดูรูป พ่อกับแม่ตะลึงเล็กน้อย แต่ก็พากันหัวเราะและคิดว่าช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้….
” หน้าลูกโหลจริง ๆ” พ่อกระเซ้าลูกสาว..
น้องชายถามเธอว่า ” พี่อรมาถ่ายรูปไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ( ชื่อเล่นของเธอคือ อร )
อรวรรณไม่รู้จะบอกพ่อและแม่อย่างไรถึงเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้น จริงสิ…เธอไม่เคยเล่าเรื่องความฝันที่ฝันซ้ำๆเรื่องนี้ให้พ่อหรือแม่ฟังอีกเลย และที่สำคัญ ใครจะไปคิดว่าเพื่อนในความฝันของเธอจะมีรูปจริงๆที่กำลังอยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้ เธอขออนุญาตพ่อและแม่เพื่ออัดรูปนี้จากร้าน โดยบอกเหตุผลว่าเธออยากเอาไปอำเพื่อนๆที่โรงเรียนว่าเธอเคยอยู่ในภาพนี้เมื่อหลายปีมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากที่ร้านสมัยนี้จะสแกนหรือถ่ายแล้วอัดรูปนี้ให้เธอได้ใหม่ แต่ต้องมารับในอีก 2 วัน ซึ่งเป็นวันกลับกรุงเทพฯพอดี
อรวรรณบอกว่าเธอสับสนและกังวล..รวมทั้งกลัวอยูบ้างตลอดเวลา แต่ไม่รู้จะบอกใคร จะตัดสินใจเล่าให้พ่อแม่ฟังอีกสักครั้ง พ่อแม่จะเชื่อเธอมั๊ย? รึคิดว่าเธอบ้าไปรึเปล่า? สุดท้ายก็ไม่กล้าบอก ได้แต่เก็บความกังวลและประหลาดใจไว้คนเดียว…
ผมรู้สึกสงสารที่อรวรรณพูดถึงเหตุการณ์ในช่วงนั้น นี่คือเด็กคนหนึ่งที่มีความลับสักอย่างที่อึดอัดใจ แต่ไม่กล้าเล่าให้คนในครอบครัวฟัง เพราะเกรงจะถูกกล่าวหาว่าไร้สาระหรือชอบโกหก เธอเล่าต่อว่า………
“อาจารย์ขา…พอช่วงค่ำ หนูขอไปนอนเตียงแม่ แล้วให้น้องนอนกับพ่อแทนค่ะ ” แม่ก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน แม่ถามว่าหนูกลัวอะไร หนูก็บอกว่าหนู้รู้สึกแปลกที่ อยากนอนกับแม่ แม่ก็เลยไม่ได้เอะใจในเรื่องนี้ค่ะ
อรวรรณไหว้พระก่อนนอนทุกคืน แต่เธอบอกว่าคืนนี้เธอสวดมนต์ยาวและท่องบทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์และญาติมิตรรวมทั้งเจ้าที่หรือวิญญาณที่ไม่มีญาติพร้อมๆกัน เธอนอนกอดแม่ ซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนสวยของโรงแรมไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ แต่เธอเล่าว่าเธอฝันในคืนนั้นอีกครั้ง…
ฝันเห็นเพื่อนๆเหล่านี้นี่ล่ะ เพื่อนๆที่อยู่ในรูปที่ร้านถ่ายรูปร้านนั้น เค้าวิ่งมากอดเธอเหมือนดีใจกันยกใหญ่ เธอเองก็สนุกกับเพื่อนๆไปด้วย คืนนั้นไม่ได้ฝันว่าไปวิ่งเล่นน้ำกัน แต่ฝันว่าเหมือนจากกันไปนานแล้วเพิ่งมาพบกันตามประสาเด็กๆอีกครั้ง เธอแปลกใจมากที่คืนนี้ฝันไม่เหมือนคืนก่อนๆ และที่แปลกไปกว่านั้น ในฝันคืนนั้น เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม หน้าคมเข้ม…ตาโต…หน้าตาผิวพรรณ แสดงถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของคนใต้โดยแท้
เพื่อนคนนี้เดินมาจับมือเธอ กอดเธอนานกว่าใครๆ เขากอดเธอหลายครั้ง เธอจำหน้าเพื่อนคนนี้ได้ชัดแจ๋ว เธอคือสาวน้อยหน้าเข้มที่ยืนแถวบนริมซ้ายสุดเหนือศรีษะของเธอไปนิดนึงนั่นเอง ใช่แน่นอน เพื่อนหน้าคมเข้ม ดวงตาลึก นัยน์ตาโศกปนความนิ่งสงบคนนี้ เธอจับมือแล้วพูดกับอรวรรณว่า…
” เอมอร…ฉันดีใจอย่างแรง…ฉันคิดถึงเธอ ” เธอพูดชื่อเอมอรกับประโยคนี้หลายครั้ง
” ฉันดีใจอย่างแรง..ฉันคิดถึงเธอจริงๆ ” เธอบอกว่าแม้สำเนียงพูดก็เป็นคนใต้โดยแท้ทีเดียว พูดครั้งใดก็กอดอรวรรณทุกครั้งเมื่อจบประโยค
อรวรรณสะดุ้งตื่นจากฝันกลางดึก รู้ตัวว่านอนอยู่ในโรงแรม ไม่รู้สึกกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ใกล้เคียงความกลัว แต่ดูอิ่มใจจากในฝันมากกว่าแน่นอน อิ่มใจราวได้พบเพื่อนที่พลัดพรากกันมานานนับ เธอพลิกตัว แล้วเอื้อมมือกอดแม่ หลับตา สวดมนต์ในใจ ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เมื่อเคลิ้มใกล้หลับ ภาพหน้าเพื่อนตาคมคนนี้ก็แจ่มชัดขึ้นในความมืดอีกครั้ง อรวรรณจำได้ติดตา รอยยิ้มที่ดูนิ่งสงบ กับนัยน์ตาคมดูลึกลับคู่นั้น เธอคือใคร?
ตอน 3 ภพชาติ…
รุ่งเช้า อรวรรณตื่นสายนิดหน่อย แม่อาบน้ำเสร็จแล้ว น้องชายกับพ่อยังหลับสนิท อรวรรณทบทวนเรื่องราวที่ฝันเมื่อคืนอีกครั้ง เพื่อนนันย์ตาคมผิวคล้ำที่กอดเธอหลายครั้งในฝันเรียกชื่อเธอว่าเอมอร ช่างตรงกับชื่อเล่นในภพนี้ของเธอที่แม่ตั้งให้ว่าอร อรวรรณ หรืออรในชาตินี้ ภพนี้ ช่างพ้องและตรงกับ เอมอรในฝันยิ่งนัก แต่แปลกใจว่าทำไมถึงฝันเห็นเพื่อนคนนี้แจ่มชัดกว่าคนอื่น ในใจให้สงสัยและใคร่รู้เหลือเกิน
วันนี้พ่อจะพาทุกคนนั่งรถไปเที่ยวรอบเมือง ดูทัศนียภาพรอบๆตัวเมืองสงขลา ทั้งทะเล ภูเขา ตึกเก่าในเมือง และเที่ยวตลาดเพื่อหาอาหารพื้นเมืองกิน มาปักษ์ใต้ทั้งที ต้องกินอาหารใต้แท้ๆให้รู้รสชาติกันสักครั้ง
อรวรรณมีความสุขกับตลาดและอาหารอร่อยๆจนถึงช่วงบ่ายที่พ่อพาขึ้นรถประจำทางเพื่อนั่งรถรอบเมืองเพื่อชมตึกรามบ้านช่องของสงขลา ขณะรถวิ่งไปได้สักพัก อรวรรณมองเห็นวัดวัดหนึ่งในตัวเมืองสงขลา คือวัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร อรวรรณคลับคล้ายคลับคราว่านี่เหมือนวัดที่เธอเคยอยู่ในฝันที่เธอกับเพื่อนๆมาวิ่งเล่นกันเหลือเกิน อรวรรณรีบบอกพ่อและแม่ว่าอยากแวะเข้าวัดนี้เพื่อไหว้พระ เธอมีทีท่าลุกลี้ลุกลนและดูสนใจมากเป็นพิเศษ พ่อและแม่เห็นว่าลูกมีความสนใจก็ไม่ขัด เห็นดีเห็นงามที่ลูกอยากเข้าวัด จึงพากันลงจากรถโดยสารแล้วเดินไปยังวัดนี้ทันที…
วัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร…!!!!! เป็นวัดในสงขลาที่มีความสวยงามยิ่งนัก เมื่อเธอเดินเข้าวัด ก็ให้เกิดความรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน ขนที่แขนทั้ง 2 ข้างของเธอลุกชันตลอดเวลา เดินผ่านส่วนไหนของวัด ภาพในความฝันที่เคยฝันว่าวิ่งเล่นในงานวัดกับเพื่อนๆก็เหมือนจะมาทาบประกบกับความจริงในขณะนี้เวลานี้เสียทีเดียว
เธอเดินไปทุกที่ในวัด ราวกับว่ามาเยือนเป็นครั้งที่สิบเข้าไปแล้ว พ่อพาเธอเดินเข้าไปในวัดแบบบคนที่ไม่รู้จักวัดนี้มาก่อน จะไปทางซ้ายหรือขวา ก็ดูไม่มั่นใจ เหมือนนักท่องเที่ยวที่ขาดไกด์นำทาง
” พ่อคะ…ตามหนูมา มาทางนี้ค่ะพ่อ ” อรวรรณจูงมือพ่อและครอบครัวเดินเข้าวัดราวกับเคยมาที่นี้แล้วสักสิบครั้ง “วัดนี้มีโบสถ์ มีพระประธาน รูปปั้นจีนแบบตัวละครในเรื่องสามก๊ก และยังมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของโบราณอันล้ำค่าของสงขลาและภาคใต้ไว้หลายชิ้น และมีเก๋งจีนตรงด้านหลังด้วยนะคะ”
เธอพูดรัว เร็ว พ่อและแม่หันมามองหน้ากันว่าลูกสาวไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหน และรู้ได้อย่างไรว่าวัดนี้มีอะไรบ้าง ? เธอพาครอบครัวเดินไปพบสถานที่ต่างๆภายในวัดได้คล่องแคล่วและมั่นใจจนพ่อกับแม่รู้สึกสงสัยว่าเธอรู้ได้อย่างไร?
” อร…ลูกไปเอาข้อมูลมาจากไหนเนี่ย ?” พ่อถามเธอ
” หนูไม่ทราบค่ะ…หนูรู้สึกอย่างนี้จริงๆค่ะ” อรวรรณก็บอกไม่ถูกเช่นกันว่าเธอบอกถูกได้อย่างไร เธอบอกตามที่เคยเห็นในฝัน แค่นี้เอง เธอและครอบครัวได้เห็นพระอุโบสถซึ่งมีรูปทรงคล้ายกับวัดพระแก้วมรกตในกรุงเทพฯ ภาพจำหลักหินรูปปั้นจีน 3 ก๊ก ก็เหมือน รูปปั้นที่วัดอรุณฯที่กรุงเทพฯเช่นกัน เก๋งจีนก็เป็นแบบที่เราเคยเห็นในวัดจีนทั่วๆไป แต่สิ่งที่เธอประหลาดใจมากก็คือเมื่อเข้าไปกราบพระประธาน เธอรู้สึกคุ้นเคยกับพระองค์นี้ราวกับเคยมากราบบ่อยครั้ง ใช่! เธอมากราบกับเพื่อนๆพวกนั้นเมื่อคราวงานวัดนั่นเอง…..
เดินเข้าโบสถ์ไปชมจิตรกรรมฝาผนัง ก็แสนจะตื่นตาตื่นใจ ภาพบนฝาผนังในฝันดูจะสดและชัดกว่าที่กำลังยืนดูในขณะนี้ นี่มันค่อนข้างเก่า สีจางไปบ้างแล้ว ลายเส้นก็ไม่เด่นชัดเหมือนในฝันเมื่อนานมา หากยังคงเรื่องราวและร่องรอยของรูปเดิมอยู่ อรวรรณแหงนซ้าย-ขวาสังเกตุสิ่งรอบข้างในวัดด้วยความตื่นเต้นจนหัวใจแทบหลุดออกมา นี่เราเจอภาพเพื่อนๆในฝันมาครั้งหนึ่งที่ร้านถ่ายรูปในตัวจังหวัดไปแล้ว ตอนนี้เรามาพบวัดในฝันอีกแล้วหรือ? มันเป็นไปได้อย่างไร? ความสงสัยในใจเธอมันล้นเอ่อเกินจะเอ่ยกับใคร
พ่อ,แม่,น้องชายและเธอซื้อดอกไม้เพื่อกราบขอพรพระประธานให้เกิดสิริมงคลกับชีวิต เธอนั่งพับเพียบ หลับตาประนมมือหน้าพระประธาน นิ่งสงบ เธอมิได้ขอพรสิ่งใด หากรู้สึกมีสมาธิลึกอยู่ในใจ ค่อยๆก้มลงกราบพระ
ในความมืดขณะหลับตาก้มกราบพระ พลัน…!!! มองเห็นเพื่อนนัยน์ตาคมเข้มผู้นั้นลอยมาเต็มตา….!!!!!!! เธอใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวเรียบๆ ผ้าถุงสีครีมยาวคร่อมเท้าแบบชาวบ้านทั่วไปเหมือนเมื่อคืนในความฝัน อรวรรณเบิกตาโพรง….!!!!!! รีบชันตัวขึ้นจากกราบพระ เห็นเพื่อนผู้นั้นยืนอยู่ที่ประตูที่หน้าโบสถ์ เธอยิ้มให้อรวรรณอย่างตั้งใจ
อรวรรณรีบหันไปมองที่ประตูโบสถ์ทันที ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดยืนที่นั่น แม่สะกิดอรวรรณที่กำลังหันรีหันขวาง
” เป็นอะไรล่ะอร? กราบพระได้ครั้งเดียวก็รีบถลันตัวลุกขึ้นนั่งเลยล่ะลูก? ” แม่กระซิบถามอรวรรณ พ่อกับน้องก็หันมามองเธอ
” เปล่าค่ะแม่…” อรวรรณตั้งสตินิ่ง ค่อยๆก้มลงกราบพระประธานอีกครั้ง
เมื่อหลับตาก้มตัวลงกราบอีกครั้ง เพื่อนนัยน์ตาคมผู้นั้นก็ยังคงยืนยิ้มให้เธออยู่เช่นเดิม ขนตรงแขนของอรวรรณลุกชันอีกครั้ง !!!!!
ตั้งใจก้มลงกราบครั้งที่ 3 เพื่อนคนเดิมยังคงยิ้มให้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ครั้งสุดท้าย เห็นเพื่อนคนนี้ยืนอยู่ที่หน้าเจดีย์รูปทรงจีนเป็นชั้นๆหลายชั้นด้านหลังโบสถ์ เมื่อก้าวข้ามประตูโบสถ์ออกมา ลมพัดมาวูบหนึ่ง ขนที่แขนลุกขึ้นอีกครั้ง
” แม่…เหมือนหนูได้เคยมาที่วัดนี้มาก่อนเลยนะ” อรวรรณกระซิบบอกแม่
” อืม…หนูคงทำบุญเอาไว้เยอะล่ะลูก การทำบุญมาก บุญจะส่งผลให้เราได้พบในสิ่งที่เราต้องการสักวันนะ แม่เชื่อ ” แม่ตอบแบบไม่ขัดความรู้สึกเชื่อของอรวรรณที่มีต่อวัดแห่งนี้ พ่อก็ดูมีสีหน้าแปลกๆ สนใจที่อรวรรรพูดประโยคนี้ อรวรรณหันมองภายในวัดอีกครั้งก่อนหันกลับไปขึ้นรถโดยสารกลับโรงแรม
” อร….หลบมาเหรยนะ…” (กลับมาอีกนะ) เธอได้ยินเสียงใครสักคนพูดใกล้ๆหูเธอก่อนเดินออกจากวัด เธอจำได้ถนัด เสียงนี้คือเสียงเดียวกับเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ที่เคยพูดกับเธอในฝันว่า
“อร…ฉันดีใจอย่างแรง ฉันคิดถึงเธอ….” ขนที่แขนของอรวรรณตั้งชันอีกครั้ง
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |