ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ทั้งของผู้คนและดินแดนเป็นส่วนหนึ่งอย่างแยกจากกันไม่ได้ของสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์ เป็นประวัติศาสตร์ของผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่ไม่กีดกันคนอื่นและดินแดนที่ไม่มีเส้นกั้นอาณาเขต แต่ราว50ปีมาแล้ว คนทั่วไปยังข้องใจ บรรพบุรุษของไทยเป็นใคร จึงมีหัวข้อสัมมนาทางประวัติศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2507 ของคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ท้องพระโรง วังท่าพระ (เพิ่งเปิดใช้งานสาธารณะครั้งแรก หลังถ่ายโอนวังท่าพระให้เป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัยศิลปากร) ในท้องพระโรงมีผู้สนใจจากที่ต่างๆนั่งฟังเต็มจนล้น อาจารย์จึงเกณฑ์นักศึกษาใหม่ของคณะฯไปนั่งฟังรวมๆกันอยู่ใต้สุมทุมพุ่มไม้ในสวนแก้ว (นอกท้องพระโรงด้านข้าง) ในจำนวนนั้น มีผมรวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง เพิ่งเป็นนักเรียนน้อยปีแรก ยังจับต้นชนปลายไม่ได้ เท่ากับ "เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา" เพราะพื้นฐานมีไม่พอทางความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่ผู้เชี่ยวชาญพูดกัน หลังจากนั้น ราวปลายปี พ.ศ. 2522 ผมเริ่มทำขายนิตยสารรายเดือนชื่อ ศิลปวัฒนธรรม ประเด็น"บรรพบุรุษของไทยเป็นใคร" ที่เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผุดขึ้นมาในความทรงจำ เพราะยังไม่มีคำอธิบาย (จนทุกวันนี้) จึงยกเป็น"จุดขาย" โดยปรับใหม่ให้คำและความกระชับตามโจทย์ของสังคมไทยว่า คนไทยมาจากไหน? เหตุที่มีคำถามอย่างนั้น เพราะประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทยไม่น่าเชื่อ โดยเลือกให้ความสำคัญคนกลุ่มเดียวที่เรียกชนชาติไทย แล้วกีดกันคนกลุ่มอื่นออกไป ทั้งๆในความเป็นจริงที่มีหลักฐานรองรับคับคั่งทางประวัติศาสตร์โบราณคดี ชนชาติไทยหรือคนไทยล้วนมีที่มาจากการประสมประสานของคนกลุ่มอื่นๆหลากหลาย "ร้อยพ่อพันแม่" แล้วมีบรรพชนร่วมกันบนสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1441248418 |
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |