Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
เห็นด้วยหรือไม่..ยำรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ?
[สั่งพิมพ์]
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2015-9-16 05:34
ชื่อกระทู้:
เห็นด้วยหรือไม่..ยำรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ?
เห็นด้วยหรือไม่..ยำรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ?
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะร่างใหม่ไม่ผ่านประชามติ จะนำรัฐธรรมนูญปี 2540 ปี 2550 และฉบับที่เพิ่งถูกคว่ำไปมายำรวมกัน
นักวิชาการเห็นด้วยกับแนวคิดนี้หรือไม่
สุขุม นวลสกุล
อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง
ควรตั้งต้นว่าสังคมไทยอยากได้บรรยากาศการอยู่ร่วมกันแบบไหน ถึงจะมองออกว่ารัฐธรรมนูญจะมีหน้าตาอย่างไร ไม่ใช่ว่าจะเอารัฐธรรมนูญฉบับนั้นฉบับนี้มายำรวมกัน แล้วคนจะอยู่ร่วมกันได้ปกติไม่ขัดแย้ง เพราะความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ
แต่รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจะจัดการความขัดแย้งได้มีประสิทธิภาพมากกว่ารัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
แน่นอนว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 นั้นมีความเป็นประชาธิปไตยสูง และผ่านการยอมรับของคนทั้งสังคมมาแล้วก่อนจะถูกฉีกไปตอนปี 2549
ข้อดีที่น่านำกลับมาคือการเลือกตั้งส.ว.ทั้งหมด ยึดโยงกับประชาชน แต่อีกฝ่ายจะมองเหมือนเดิมว่าให้อำนาจนักการเมืองมากไป
ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 นั้น ชนชั้นนำอาจจะชอบ เพราะมีการจำกัดอำนาจนักการเมืองสูง และให้อำนาจองค์กรอิสระสูงจนกลายเป็นตุลาการภิวัฒน์ไป
กลับมาที่เป้าหมาย คือ ถ้าผู้มีอำนาจในสังคมต้องการประชาธิปไตย ก็ต้องไปเริ่มตั้งแต่ที่มาของการร่างรัฐธรรนูญ แต่เชื่อว่า คสช. ต้องการความสงบและความมั่นคงก่อนความเป็นประชาธิปไตย
ซึ่งความสงบที่อ้างนั้นเป็นเพียงความสงบของคนบางกลุ่ม ไม่ใช่ความสงบของทั้งสังคม ที่มีกลุ่มคนโวยวายไม่พอใจกันเมื่อก่อนรัฐประหารนั้นก็เป็นเพียงกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่สังคมทั้งหมด
ส่วนการนำรัฐธรรมนูญมายำรวมกันจะลดแรงกดดันได้หรือไม่นั้น คสช. ต้องตีโจทย์ให้แตก หากยอมรับว่าสังคมไม่มีทางเลี่ยงประชาธิปไตยได้ ก็ควรมีบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญที่กำลังจะร่างกันนี้
เช่น คสช.ต้องการความมั่นคงในระยะแรก อาจจะ 1-2 ปี เช่น ต้องการให้นายกฯเป็นคนนอกได้ แต่ต้องเผื่อให้เกิดการคลี่คลายได้ ให้สังคมมีพลวัตที่จะเรียนรู้แก้ไขปรับปรุง มีการแก้รัฐธรรมนูญได้ในอนาคต ไม่ใช่เขียนมาวันนี้เพื่อไม่ให้เกิดการแก้ไขได้เลย ก็จะกลับมาเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มการเมืองใหม่ๆ ในอนาคตอีก
เชื่อว่า คสช. ต้องการให้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติให้ได้ เพื่อประกาศแก่นานาชาติว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยเอารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะฉะนั้น คสช. มีบทเรียนแล้วว่า ร่างรัฐธรรมนูญล่าสุดที่เพิ่งคว่ำไปนั้นยึดโยงกับประชาชนมากน้อยเพียงใด
รัฐธรรมนูญที่ผ่านมามีการหยิบฉบับเก่าๆ มาพิจารณาทั้งนั้น เป็นการต่อยอดเพื่อให้พัฒนาขึ้น
เข้าใจว่าการพูดว่าจะนำฉบับปี 2540 และปี 2550 มายำรวมกันนั้นคงมองว่าการร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องง่าย
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ
ไม่แน่ใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ เสนอไอเดียนี้ในฐานะอะไร จะพูดในฐานะนายกฯ หรือหัวหน้า คสช. แต่รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 กำหนดให้ตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ก็ว่าไปตามหลักกฎหมาย
ประเด็นอยู่ที่ความชอบธรรมในการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาในการร่างเป็นอย่างไร รัฐธรรมนูญก็จะมีหน้าตาเป็นอย่างนั้น คำถามคือที่มาของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะเกิดขึ้นใหม่นี้จะยึดโยงกับประชาชนและเป็นประชาธิปไตยหรือไม่
คสช. มองเห็นแรงกดดันทั้งจากภายนอก คือ ต่างประเทศที่ทวงถามเรื่องสิทธิมนุษยชน ส่วนภายในคือประชาชนจำนวนมากต้องการเลือกตั้งและสิทธิเสรีภาพ
แต่เหมือน คสช. ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแรงกดดันดังกล่าว จึงมองผิดประเด็นว่าการนำฉบับปี 2540 กับปี 2550 มายำรวมกันแล้วน่าจะดี แต่ความจริงไม่ใช่
สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ฉบับไหนดีกว่ากัน ประเด็นอยู่ที่กระบวนการยอมรับความแตกต่างหลากหลายมีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญปี 2540 แม้จะมีเนื้อหาที่ยังบกพร่องอยู่ แต่มีความชอบธรรมมากที่สุด เพราะมีที่มาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเลือกตั้งโดยประชาชน
ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนในโลกนี้ดีที่สุด แต่การยอมรับกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย สามารถพัฒนารัฐธรรมนูญให้ดีขึ้นเหมาะสมกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปได้
ซึ่งฉบับปี 2540 เปิดโอกาสให้มีกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยมากที่สุด ขณะที่ฉบับปี 2550 ไม่มี และที่มาก็มาจากการรัฐประหารในปี 2549 ด้วย
ทางออกวิกฤตในเวลานี้ คสช. ควรเลิกแบกภาระในการร่างรัฐธรรมนูญเอง แล้วนำฉบับปี 2540 มาประกาศใช้ จากนั้นตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ใหม่ ส่วนจะปรับแก้เนื้อหาอย่างไรให้ถูกใจคนทุกฝ่ายก็ค่อยๆ ทำกันไป
ถ้าทำให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมได้จริง แรงกดดันจะคลี่คลายลง เพราะระยะเวลาของโรดแม็ป คสช. ที่ยืดยาวนั่นเองที่สร้างแรงกดดันให้สังคมไทย
เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช
สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล
ตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะเอามารวมกันอย่างไร คิดว่าควรเลือกฉบับใดฉบับหนึ่งมาเป็นหลักหรือเป็นกรอบในการแก้ไขและปรับปรุง เพราะจะได้รวดเร็วและไม่ยากเหมือนการร่างใหม่
ที่สำคัญต้องให้ประชาชนช่วยกันเลือกและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่แค่หน้าที่ของคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียว แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่ต้องให้ความใส่ใจกับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่กระทบกับทุกคน
โดยอาจให้ทำประชามติว่า ประชาชนจะเลือกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 หรือปี 2550 มาเป็นหลักในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับมีข้อดีต่างกัน
คือ ฉบับปี 2540 มีกระบวนการคัดเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดตั้งแต่รับร่างรัฐธรรมนูญมา ส่วนรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติ
จึงต้องให้ประชาชนเลือกว่าต้องการรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วม หรือรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงมติ
จากนั้นจึงกำหนดให้มีส.ส.ร.เพื่อจะได้นำรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติ มาปรับปรุงแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์และบริบทของสังคมปัจจุบันและใช้งานได้ในอนาคต
แล้วกำหนดให้ชัดเจนว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ เช่น กำหนดเวลา 180 วันในการปรับปรุงให้แล้วเสร็จ ก่อนนำเสนอข้อมูลในวงกว้างและรับฟังความคิดเห็น กำหนดวันลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หากทำตามกระบวนการนี้น่าจะใช้เวลาไม่นาน ประชาชนจะได้เห็นทางออก
หากนายกฯ คิดแบบนี้แล้วรัฐบาลสามารถเดินหน้าทำให้เกิดกระบวนการขึ้นอย่างจริงจังได้ น่าจะช่วยลดอุณหภูมิที่กดดันรัฐบาลลงได้บ้าง
ที่มา..
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1442333014
โดย:
majoy
เวลา:
2015-9-16 06:54
กลิ่นอายบางอย่าง ลอยคละคลุ้ง
โดย:
lnw
เวลา:
2015-9-16 18:44
คือ ฉบับปี 2540 มีกระบวนการคัดเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดตั้งแต่รับร่างรัฐธรรมนูญมา ส่วนรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติ
จึงต้องให้ประชาชนเลือกว่าต้องการรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วม หรือรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงมติ
จากนั้นจึงกำหนดให้มีส.ส.ร.เพื่อจะได้นำรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติ มาปรับปรุงแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์และบริบทของสังคมปัจจุบันและใช้งานได้ในอนาคต
แล้วกำหนดให้ชัดเจนว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ เช่น กำหนดเวลา 180 วันในการปรับปรุงให้แล้วเสร็จ ก่อนนำเสนอข้อมูลในวงกว้างและรับฟังความคิดเห็น กำหนดวันลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หากทำตามกระบวนการนี้น่าจะใช้เวลาไม่นาน ประชาชนจะได้เห็นทางออก
หากนายกฯ คิดแบบนี้แล้วรัฐบาลสามารถเดินหน้าทำให้เกิดกระบวนการขึ้นอย่างจริงจังได้ น่าจะช่วยลดอุณหภูมิที่กดดันรัฐบาลลงได้บ้าง
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2