ช่วงสมัยก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับเสือลายพาดกลอน มาหาเหยื่อในหมู่บ้าน กินสัตว์ของชาวบ้านอยู่เสมอ
ทุกคืนชาวบ้านต้องอดตาหลับขับตานอนไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน คอยสุมไฟเพื่อให้เสือกลัว
ก็มี บางคราว เสือได้มาทำร้ายเด็ก ขณะที่พ่อแม่ออกไปทำไร่ชาวบ้านเมื่อมีความเดือดร้อนขึ้นเป็นลำดับ ก็ได้มาขอร้องให้ท่านครูบาขาวปีช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขปราบเสือให้ที
ครูบาถึงกับอุทานว่า "มีเรื่องอะไรก็มาหาเฮา เฮาบ่ฮู้จะปราบจะใด ยิงปืนก็บ่เป็น ฆ่าสัตว์ก็ทำบ่ได้ เพราะเฮาบ่กินเนื้ออยู่แล้ว"
พวกชาวบ้านอุทธรณ์ว่า“ครูบา ขอแค่นี้ไม่ได้หรือ ช่วยโปรดพวกเราหน่อย เสือมันไปกัดเด็กลูกหลานหมู่เฮาด้วย”
ท่านครูบาเป็นฝั่งมีนิสัยรักเด็กอยู่แล้วถึงกับกล่าวด้วยความตกใจว่า “เอ! มันกินกระทั่งเด็กด้วยหรือ”
ชาวบ้านได้ตอบทันควัน “ไม่เชื่อถามชาวบ้านละแวกนั้นดูได้ เพิ่งฝังซากศพเด็กมานี่”
คราวนี้ครูบาก็ได้มาโปรดชาวบ้านอีก ได้เดินทางไปกับคณะศรัทธาเพื่อดูร่องรอยบริเวณที่เสือมาเพ่นพ่านและทิ้งหลักฐานไว้ ทานได้สังเกตและได้สั่งชาวบ้านไปเก็บก้อนหินมาให้ท่าน บริกรรมภาวนาและนำหินเหล่านั้นไปวางทับรอยเสือ และท่านได้ประกาศว่า
“ต่อไุปนี้เสือพวกเอ็งเข้ามาไม่ได้อีกแล้ว เดี๋ยวนี้เฮาเป็นเสือที่ใหญ่กว่าพวกเอ็งอีก ถ้าเข้ามาก็จะกินพวกเอ็ง"
หลังจากนั้นเรื่อยมา เรื่องเสือก็กลับกลายจากร้ายมาเป็นดี ไม่มีเสือตัวใดมารบกวนชาวบ้านอีกเรื่องแปลกๆเหล่านี้ยังคงไว้ซึ่งความลี้ลับเช่นเดิมดั่งเป็นความลับของสวรรค์
สำหรับผู้สนใจในการปฏิบัติธรรมอาจเห็นว่ามิใช่เรื่องแปลก คำกล่าวธรรมดาถ้าออกจากผู้มีอริยธรรม อภิญญา ๕ แล้ว ทุกสิ่งเหมือนสำเร็จดังประสงค์ที่ตั้งจิตไว้ ทุกสิ่งสำคัญที่ใจ และสำเร็จด้วยใจดั่งพระพุทธวัจนะที่ได้ทรงตรัสไว้
เครดิต ภาพและเรื่อง จากเวป เรื่องเล่าชาวสยาม