Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ต้องค้านทั้งระบบ "ตำรวจเกณฑ์"และ"ทหารเกณฑ์" [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-7-31 07:32
ชื่อกระทู้: ต้องค้านทั้งระบบ "ตำรวจเกณฑ์"และ"ทหารเกณฑ์"



ถ้าอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ควรต้องค้านทั้งระบบ "ตำรวจเกณฑ์"และ"ทหารเกณฑ์"






หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติตำรวจว่าด้วยตำรวจกองประจำการหรือที่เรียกว่าตำรวจเกณฑ์

โดยให้เหตุผลว่านี่เป็นวิธีการที่จะแก้ปัญหาการขาดแคลนตำรวจในระดับปฏิบัติการเพื่อที่จะออกตรวจตราดูแลความปลอดภัยชาวบ้านโดยมองว่าปัญหาตำรวจขาดแคลนแก้ได้ด้วยการเกณฑ์ตำรวจเช่นเดียวกับระบบทหาร

กล่าวคือระบบทหารนั้นก็จะมีการคัดเลือกชายไทยที่อายุครบ20 ปีและไม่ได้เรียนรักษาดินแดนเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารซึ่งโดยปกติก็จะมีกองทัพบก  กองทัพเรือและอากาศ

แต่หลังจากกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้แล้วก็จะมีการเพิ่มในส่วนของตำรวจเข้ามาด้วย  ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อใช้หลักเกณฑ์เดียวกับทหารเกณฑ์นั้น จะต้องมีการจ่ายเงินเดือนเดือนละ 9,000  บาทและมีระยะเวลาในการประจำการ 2 ปีโดยไม่มียศ  และเมื่อปลดประจำการก็จะเป็นทหารกองหนุน

ทั้งนี้โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยระบุว่าประเทศที่เจริญแล้วจะมีอัตราการดูแลประชาชนของตำรวจคือ1ต่อ200 ขณะที่ประเทศไทยมีอัตราการดูแลประชาชนคือตำรวจ 1 คนต่อประชาชน 600  คน

ผู้เขียนไม่รู้ว่าสถิติดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ ว่าตำรวจไทยต้องดูแลคนจำนวนมากขนาดนั้น  และต่อให้เป็นจริงก็ตาม ก็เป็นสิทธิที่จะมีคนแสดงความไม่เห็นด้วย

อย่างแรกคือ  อย่าลืมว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกับทหารนั้นมีสถานะทางกฎหมายที่แตกต่างกัน เอามาเทียบกันไม่ได้  


กล่าวคือทหารมีหน้าที่ในการปกป้องดูแลประเทศชาติ มีรั้วรอบขอบชิด และทำการฝึก  ประจำการอยู่ในกรมกอง ควบคุมได้ง่าย และโดยปกติก็ไม่มีอำนาจตามกฏหมายอาญาในการจับกุมคุมขังใครแบบตำรวจ  หรือพูดง่ายๆก็คือไม่ได้มีอำนาจที่จะใกล้ชิดต่อประชาชนมากมายเท่าตำรวจ  ปัญหาแรกคือว่ารัฐจะกำหนดบทบาทของตำรวจเกณฑ์ไม่ให้กระทบกระทั่งต่อสิทธิของประชาชนได้อย่างไร

เพราะตำรวจที่เป็นตำรวจอาชีพย่อมได้รับการฝึกหัดร่ำเรียนและมีความรู้ทางด้านกฎหมายมาบ้างจนเข้าใจเรื่องสิทธิของประชาชนเป็นอย่างดีก่อนจะมาปฏิบัติหน้าที่ส่วนตำรวจเกณฑ์ซึ่งเป็นการแบ่งกำลังมาจากหลักการเดียวกับของกองทัพ จะมีอะไรรับประกันว่าตำรวจเหล่านั้นจะเข้าใจเรื่องสิทธิของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมดีพอ  หากยิ่งมีอำนาจยิ่งน่ากลัวว่าจะใช้ไปในทางที่ไม่ถูก








โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-7-31 07:33
การอ้างว่าประชาชนในประเทศไทยขาดความปลอดภัยและมีตำรวจไม่พอต้องใช้วิธีเกณฑ์ตำรวจมานั้นก็ต้องถามว่าวิธีการแก้ปัญหาแบบนี้เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนหรือไม่เรามีวิธีการให้ได้มาซึ่งกำลังพลที่มีประวิทธิภาพอย่างอื่นหรือไม่ รวมถึงวิธีคิดดังกล่าวขัดกับหลักการของสังคมสมัยใหม่โดยเฉพาะหลักการประชาธิปไตยหรือไม่อย่างไร  

เพราะอย่าลืมว่าการเกณฑ์ตำรวจหรือการเกณฑ์ทหารก็ตาม  ให้ผู้ที่ถูกเกณฑ์มานั้นมีอำนาจเป็นข้าราชการประจำการล้วนแต่เกิดขึ้นภายใต้การใช้กฎหมายบังคับ  ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจ

เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะ ในหลักการบริหารของโลกสมัยใหม่   เป็นที่รับรู้กันอยู่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดจากการบังคับจะก่อให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพตามมาได้ง่ายกว่าความสมัครใจ


โดยเฉพาะการอ้างระบบตำรวจและทหารของตะวันตกจนเป็นเหตุให้ต้องเพิ่มกำลังของกองทัพและตำรวจนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะประเทศที่เจริญแล้วเขาล้วนปฏิเสธหลักการการบังคับเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ หมดแล้ว กล่าวถคือ  เขาไม่จำเป็นต้องบังคับให้ใครมาเข้ารับการฝึกหรือมาปฎิบัติหน้าที่ใดๆโดยได้รับค่าตอบแทนอันน้อยนิดแถมยังถูกบังคับกดขี่ถูกสั่งให้กระทำการใดๆด้วยอำนาจโดยปราศจากการตั้งคำถาม

วิธีการเหล่านี้ตะวันตกเค้าเลิกไปนานแล้วโดยเฉพาะทหารเกณฑ์เพราะเขารู้ว่ามันไม่มีประสิทธิภาพคนที่ไม่สมัครใจยังไงก็ต้องหนีหรือกระทำการฝ่าฝืนคำสั่งหากจำเป็น

ตัวอย่างเช่นครั้งหนึ่งสหรัฐอเมริกาก็เคยมีการเกณฑ์ทหารมารบในสงครามเวียดนาม  และนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้อเมริกายกเลิกการเกณฑ์ทหารเพราะถึงที่สุดทหารเหล่านั้นไม่ได้มีความตั้งใจที่จะกระทำเพื่อชาติบางส่วนลอบทำร้ายหัวหน้าที่ออกคำสั่ง เพราะต้องการกลับบ้าน หลายคนต้องจบชีวิตในสงครามโดยไม่รู้ว่าประเทศจะชนะหรือไม่หรือทำสงครามไปเพื่ออะไร  ยิ่งนานยิ่งสูญเสียและไร้เป้าหมาย กระทั่งมีการต่อต้านการเกณฑ์ทหารทั่วประเทศ  จนนำไปสู่การยกเลิกในที่สุด

แต่ประเทศประชาธิปไตยที่ยังมีการเกณฑ์ทหารอยู่ก็เช่นประเทศเกาหลีใต้ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะสถานการณ์ความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือที่มีปัญหาอยู่ตลอดเวลาทำให้เกาหลีใต้ต้องเตรียมพร้อมกำลังพลขณะที่ประเทศไทยยังมองไม่เห็นเงื่อนไขใกล้เคียงกันเลยสักนิด

ล่าสุดนอกจากกฎหมายการเกณฑ์ตำรวจแล้วประเทศไทยยังมีการผ่านกฏหมายกำลังสำรองคือแยกการฝึกกำลังพลสำรองออกมาจากกฎหมายเดิมของทหารโดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มการฝึกกำลังพลสำรองมากยิ่งขึ้น

เรื่องนี้ถามว่ามีประโยชน์หรือไม่แน่นอนก็ต้องตอบว่ามีเพราะยิ่งกำลังพลสำรองเยอะ ตัวเลขความพร้อมรบทางสถิติของเมืองไทยก็สูงขึ้น


แต่คำถามคือเรามีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมในการรบขนาดนั้นหรือและกำลังพลหลักที่มีอยู่หลายเเสนคนในขณะนี้ยังไม่เพียงพออีกหรือ

ทั้งนี้ตามกฎหมาย ชายไทยทุกคนที่ผ่านการเกณฑ์ทหารและการเรียนรักษาดินแดนก็ต้องเป็น  กำลังพลสำรองที่กองทัพมีอำนาจในการเรียกตัวได้เสมออยู่แล้ว

แต่กฎหมายฉบับนี้ก็จะทำให้กองทัพสามารถเรียกชายไทยที่เป็นทหารกองหนุนเข้ามาฝึกได้เพิ่มมากขึ้นนอกจากนี้ยังกำหนดโทษให้กับบริษัทที่ไม่จ่ายค่าจ้างหากพนักงานของตนเองถูกเรียกมาฝึกชายไทยทุกคนไม่เว้นแม้แต่เพศที่3 ก็จะต้องถูกเรียกมาฝึกได้ตลอดเวลา




เรื่องนี้จึงไม่สามารถปฏิเสธที่จะมองได้ว่าวิธีคิดเรื่องความมั่นคงของไทยเรายังอยู่ในกรอบของการรบพุ่งที่เน้นกำลังและอาวุธโดยเชื่อว่าหากใครมีกำลังหรืออาวุธเยอะเพียบพร้อมกว่ากันก็จะชนะหากเกิดสงครามทั้งที่วิธีคิดเรื่องความมั่นคงในปัจจุบันก้าวพ้นเรื่องพรมแดนและกำลังอาวุธไปบ้างแล้ว ปัจจุบันเค้ามองกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การใช้หลักดุลอำนาจในการถ่วงดุล  การรวมกลุ่มประเทศในการต่อรองทางการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน

พูดแบบนี้  ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ากำลังพลสำรองรวมถึงการเพิ่มกำลังพลไม่จำเป็น เพราะกำลังรบของในประเทศตะวันตก  บางส่วนก็ไม่ใช่กำลังพลประจำการ  แต่กองหนุนการใช้กำลังคนสำรองของประเทศตะวันตกนั้นเกิดขึ้นด้วยความสมัครใจและมีผลประโยชน์ตอบแทนที่สมเหตุสมผลมีศักดิ์ศรี


ขณะที่ประเทศไทยยังพยายามที่จะเพิ่มกำลังคนเข้ามาอยู่ในกองทัพด้วยวิธีการใช้กฎหมายบังคับและกำหนดโทษอาญาหากใครไม่ยอมมารายงานตัวพร้อมอ้างวาทกรรมอาญาสิทธิ์เรื่องความรักชาติในการดำเนินการต่างๆอยู่สม่ำเสมอ จนกลายเป็นว่าใครที่ตั้งคำถามเรื่องประสิทธิภาพถูกกล่าวหาว่าไม่รักชาติเสียอีก

นี่ยังไม่ต้องพูดเรื่องความสิ้นเปลืองงบประมาณและต้นทุนค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ระบบเกณฑ์คนซึ่งเราก็รู้กันอยู่ว่าการใช้ระบบดังกล่าวในประเทศไทยในลักษณะบังคับที่จริงแล้วก็มีปัญหาด้านการดำเนินการอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมายหรือกล่าวให้ชัดกว่านั้นคือถึงที่สุดก็รู้กันอยู่ว่ามันมุ่งบังคับใช้กับคนระดับล่างที่ไม่มีทางหนีทีไล่ ไม่มีต้นทุนในการเอาตัวรอดที่ดีพอ

จึงเป็นสิทธิที่คนส่วนหนึ่ง  ในสังคมจะแสดงความเห็นว่าระบบดังกล่าวมันขัดกับหลักการประชาธิปไตยในสังคมสมัยใหม่   โดยเฉพาะเรื่องสิทธิและเสรีภาพโดยเฉพาะเรื่้องการบังคับ  แม้ว่าในสังคมสมัยใหม่  ประชาชนในรัฐมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะพลเมือง ซึ่งก็มีทั้งการจ่ายภาษี  รวมถึงในอดีตก็ต้องจับปืนออกรบ   แต่อย่างที่เห็นกันว่าสถานการณ์ปัจจุบันมันไม่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมขนาดนั้น  เพราะเราไม่ใช่รัฐสงครามหรือใกล้เคียงจะเกิดสงคราม รวมถึงกำลังพลประจำการก็มีมากมาย  

หลายคนจับได้ใบเเดง ต้องเป็นทหาร (หรือในอนาคตจะมีตำรวจเพิ่มมาอีก) 2 ปี เมื่อครบกำหนดปลดออกมา  เกิดถูกสุ่มถูกเรียกมารายงานตัว ต้องฝึกกำลังพลสำรองต่ออีก กลายเป็นว่า อายุขนาดนี้แล้ว  ควรที่จะมีครอบครัว ศึกษาหาความรู้ อยู่เลี้ยงดูพ่อเเม่  ยังต้องมาแบกปืนฝึกทหารกลางป่า

การอ้างเรื่อง การปกป้องภัยพิบัติ อุทกภัยต่างๆ  ยิ่งผิดฝาผิดตัวไปใหญ่ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของทหาร จึงใช้อ้างในทางกฏหมายไม่ได้   (แม้ในความจริง ทหารจะออกหน้าช่วยเหลือประชาชนเสมอก็ตาม)  เรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่รัฐจะต้องไปปฏฺิรูปจัดองคาพยพการแก้ปัญหากันใหม่ ก็ต้องว่ากันไป  แต่ไม่ใช่การพึ่งพาทหารอย่างเป็นทางการ

ในส่วนหลักการบริหารการจัดการนั้นก็ยังมีปัญหาเพราะระบบการ"เกณฑ์"ดังกล่าวมักไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรที่ดีพอกับประโยชน์ที่จะได้รับทั้งยังไม่มีความจำเป็นเฉพาะหน้าเพียงพอ

ที่สำคัญใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วยกับระบบดังกล่าวจะต้องไม่ถูกโยงว่าสังกัดอยู่กลุ่มการเมืองใดหรือมีความคิดล้าหลังเข้ารกเข้าพงมีอคติทางการเมืองมาบดบังเพราะการไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าวไม่ได้ยืนอยู่ลอยๆโดยไม่มีหลักการ

ถึงเวลาอีกครั้ง ที่เราต้องตอบคำถามว่า   “ที่สุดเเล้ว  การแก้ปัญหาของประเทศ เราจะหาทางออกอย่างลดต้นทุน ด้วยการ "เกณฑ์" เอาง่ายๆอย่างนั้นหรือ   และที่สุดเเล้ว มัน ตอบโจทย์อะไรให้กับประเทศชาติ?



http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1438230949

โดย: morntanti    เวลา: 2015-7-31 08:33
เลิกการเกณฑ์เปลี่ยนเป็นรับสมัครได้แล้วจะได้คนที่เค้าเต็มใจในการเข้าทำหน้าที่....ปริมาณมากใช่จะมีประสิทธิภาพมีแต่สิ้นเปลืองงบประมาณ....ยุคสมัยเปลี่ยนไปกองทัพต้องปรับเปลี่ยนเน้นคุณภาพกำลังพลไม่ใช่ปริมาณ....
โดย: majoy    เวลา: 2015-7-31 21:08
ไม่เคยได้ยินเลย อิรัฐประเทศไหน ที่ทำแบบนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2