Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
พระเหนือพรหม - หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
[สั่งพิมพ์]
โดย:
Marine
เวลา:
2015-7-14 19:48
ชื่อกระทู้:
พระเหนือพรหม - หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Marine เมื่อ 2015-7-14 19:51
[attach]11503[/attach][attach]11503[/attach]
หลวงปู่ดู่ ท่านย้ำเสมอว่า บางคนแม้แขวนพระที่ผู้ทรงคุณวิเศษอธิษฐานจิตให้ ก็ใช่ว่าจะรอดปลอดภัย อยู่ดีมีสุข
เพราะทุกคนไม่อาจหลีกหนีวิบากกรรมที่ได้สร้างไว้ ธรรมทั้งหลายที่ท่านพร่ำสอน เปรียบได้กับการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงามบนดวงใจของศิษย์ ที่ท่านทุ่มเทให้ทั้งชีวิต ด้วยเมตตาธรรมยิ่ง
ปัจจุบันวัตถุมงคลประเภทพระเครื่องและเครื่องรางของขลังของหลวงปู่ดู่ ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสม โดยเฉพาะ "พระเหนือพรหม" ซึ่งเป็นพระที่มีลักษณะที่แตกต่างกว่าพระเครื่องหรือวัตถุมงคลที่พบโดยทั่วไป
มูลเหตุและแรงจูงใจในการสร้างพระเหนือพรหมของหลวงปู่ดู่ นั้น มาจากบทพระพุทธมนต์ "พาหุงมหากา" ในบทที่ 8 กล่าวไว้ว่า ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถาโย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะ
แปลได้ว่า เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะ ผกาพรหม ผู้มีทิฏฐิแรงกล้าสำคัญว่าตนเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุด แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงสามารถทำให้ผกาพรหมยอมละทิ้งทิฏฐิมานะ และยอมว่าพระพุทธเจ้าสูงกว่า จึงถือเป็นบทที่ใช้เอาชนะทิฏฐิมานะของตน
"พรหม" หมายถึงผู้มีนามว่า "ท้าวผกา" มีฤทธิ์และสำคัญตนว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์ มีทิฏฐิที่ถือผิดรัดรึงอยู่อย่างแน่นแฟ้น องค์พระจอมมุนีก็เอาชนะได้ด้วยวิธีเทศนาญาณ ด้วยเดชะอันนี้ ซึ่งหลวงปู่ดู่ซาบซึ้งในบทพระพุทธ มนต์บทนี้ จึงจัดสร้าง "พระเหนือพรหม" ขึ้น
นอกเหนือจากนั้นยังมีวัตถุมงคลที่อยู่ในบทพระคาถาพาหุงมหากาอีก 7 บท สร้างออกมาอีก 7 พิมพ์ แต่ที่จัดสร้างมากที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุดของบรรดาลูกศิษย์ก็คือ "พิมพ์พระเหนือพรหม" ซึ่งรูปแบบจะเป็นพระพรหมมี 4 พระพักตร์ และพบว่ามีรูปพระพุทธองค์อยู่บนเศียรของพระพรหม
พระชุดนี้จัดสร้างช่วงแรกปี 2517 มีเนื้อเดียวคือ "เนื้อผงสีขาว" หรือที่เรียกกันว่า "ผงมหาจักรพรรดิ" ที่หลวงปู่ดู่ลบผงด้วยตัวท่านเอง พระบางองค์มีคราบสีเหลือง มาจากที่ท่านนำพระเหนือพรหมแช่น้ำชาที่ท่านชงดื่ม และจะเป็นที่นิยมมากในบรรดาลูกศิษย์
หลังจากนั้นปี 2531 ท่านจึงสร้าง "พระเหนือพรหม" ขึ้นมาอย่างเป็นทางการอีก 1 รุ่น แต่ที่พิเศษของรุ่นนี้คือ จะผสมเส้นเกศาของท่านลงไปด้วย พิมพ์ทรงคงเค้าลักษณะเดิม เปลี่ยนแปลงเพียงแค่รูปในหน้าพระพรหมที่มีความคมชัดมากกว่ารุ่นแรก และยังสร้างเป็นเนื้อโลหะผสมที่มีรูปทรงเดียวกันอีกด้วย
"พระเหนือพรหมเนื้อผง" ในยุคแรกนั้น ท่านจะไม่มีการปั๊มยันต์หมึกรูปกงจักร ซึ่งยันต์หมึกนี้ปั๊มหลังจากที่ท่านมรณภาพและคณะกรรมการวัดสะแกในสมัยนั้น เข้าไปสำรวจทรัพย์สินทั้งหมด และทำยันต์ปั๊มออกมาเพื่อป้องกันการปลอมแปลง ปัจจุบันสนนราคาเล่นหาสูงขึ้นอย่างมาก แม้จะมีของเก๊ระบาดหนักก็ตาม ส่วนประสบการณ์นั้นลูกศิษย์ทุกคนเชื่อว่า ใครผู้ใดมีพระเหนือพรหมของหลวงปู่ดู่ไว้บูชาและปฏิบัติดี คนผู้นั้นจะมีแต่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิต และเรื่องโชคลาภ ลูกศิษย์หลายคนได้สัมผัสมาแล้ว
โดย:
Marine
เวลา:
2015-7-14 19:51
ถ้าจะกล่าวกันจริงๆแล้ว พระเครื่องหลวงปู่มีด้วยกันมากมายหลายพิมพ์ แต่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าจะกล่าวว่า "พระเหนือพรหม" นับว่าเป็นพิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของหลวงปู่อย่างแท้จริง
คราวนี้ลองมาแยกกันดูครับว่า พระเหนือพรหมจะแบ่งออกเป็นรุ่นหลักๆ ว่ามีอะไรบ้าง
1. พระเหนือพรหมพิมพ์ใหญ่ สร้างประมาณ ปี พ.ศ.2517 เป็นต้นมา ซึ่งรุ่นนี้ก็แบ่งได้เป็นหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์จัมโบ้ พิมสายฟ้า พิมพ์คอปาด(ใครเป็นคนตั้งก็ไม่รู้ - -") แต่ที่จำแนกได้ชัดเจน ก็จะเป็นรุ่นไม่มีขอบ(ซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นรุ่นแรกสุด) และรุุ่นที่มีขอบ
2. พระเหนือพรหมพิมพ์กลาง สร้างประมาณปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมา ซึ่งรุ่นนี้หาสวยยากหน่อย ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นหน้าสังขยา เสียส่วนใหญ่
3. พระเหนือพรหมรุ่นฉลอง 200 ปีกรุงเทพมหานคร สร้างปี พ.ศ.2525 หรือที่เรียกกันว่า พรหมยิ้ม ด้วยลักษณะใบหน้าของพระพรหม พิมพ์นี้นับได้ว่าเป็นพิมพ์ที่สวยมาก มีความคมชัดกว่าพระเหนือพรหม รุ่นอื่นๆ จำนวนการสร้าง 200 องค์
4. พระเหนือพรหมเนื้อดินเผา สร้างปี พ.ศ.2531 (ศิษย์สร้างถวาย) พระเหนือพรหมรุ่นนี้มีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 800 องค์ โดยจะแบ่งเป็น ดินเผาสีแดง 500 องค์ และ ดินเผาสีขาว 300 องค์ และ พระรุ่นนี้ต่อมาได้เป็นต้อนแบบของ พระเหนือพรหม ปี พ.ศ.2532
5. พระเหนือพรหมพิมพ์เล็ก(พรหมเกศา) สร้างปี พ.ศ.2532 พระรุ่นนี้จะพิเศษตรงที่มีการบรรจุเกศา ของหลวงปู่ลงไปด้วย (น่าบูชามากองค์เล็กสวยกำลังดี ได้ทั้งเกศา เลี่ยมขึ้นคอก็ไม่ใหญ่มาก)
6. พระเหนือพรหมถอดพิมพ์จาก เหรียญหล่อพรหม ปี 22 พระพรหมพิมพ์นี้จะมีขนาดใกล้เคียงกับพระพรหมเกศาปี 32 แต่ที่เห็นส่วนใหญ่จะมีขนาดบางกว่า พิมพ์จะไม่ค่อยชัดเหมือนพระพรหม ปี32
7. พระเหนือพรหม(รุ่นพิเศษ) ไม่ทันหลวงปู่อธิฐานจิต เป็นพระเหนือพรหมที่สร้างขึ้นมาจากมวลสารผสมอังคารธาตุของหลวงปู่จำนวนการสร้างน้อย และได้เมตตาจาก พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย และหลวงปู่ทิมวัดพระขาว อธิฐานจิต
พระผงพุทธคุณ พระพระเหนือพรหม เท่าที่เห็นก็น่าจะมีอยู่เท่านี้ (ไม่รวมพระผงถอดพิมพ์หลวงปู่สี) ครับ
ทำไมถึงเป็นพระเหนือพรหม
ในการสร้างพระเครื่องประเภทเนื้อปูนผสมผงพุทธคุณของหลวงปู่ดู่นั้น จักสังเกตุเห็นได้ว่าหลวงปู่ดู่ท่านจะสร้างพระเครื่องไว้เพื่อเป็นพุทธานุสติแก่บรรดาศิษย์เพื่อให้ระลึกเสมอว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ทรงประเสริฐสุดหาที่เปรียบมิได้ ดังที่จะกล่าวในพระชุด ”พระเหนือพรหม”นี้ ลป.ดู่ท่านได้หยิบยกพระพุทธตำนานตอนหนึ่งซึ่งเป็นพระตำนานที่อยู่ในบทสวดพระคาถาพาหุงบทหนึ่งว่าfficeffice" />>>
“ทุคคาหะทิฏฐิ ภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรหมมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ”
…พระคาถาบทพาหุงบทนี้ ตามพุทธตำนานได้กล่าวถึงตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปราบทิฐิของท้าวผกาพรหมที่ว่าตนเองมีอิทธิฤทธิ์มากและมีความอมตะไม่ตาย จึงคิดท้าพระให้มาลองอิทธิฤทธิ์กัน โดยการท้าลองครั้งนี้คือให้อีกฝ่ายซ่อนและอีกฝ่ายหา หากผู้ใดซ่อนและผู้หา หาไม่พบถือว่าชนะและฝ่ายแพ้จะต้องมาเป็นสาวกของฝ่ายชนะ…เริ่มจากฝ่ายท้าวผกาพรหมเป็นผู้ซ่อนก่อน ท้าวผกาพรหมแปลงกายเป็นธุลีเม็ดทรายหนึ่งเม็ดโดยซ่อนตนเองปะปนอยู่ในทะเลทราย ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ใช้ฌาณ ตรวจหาไม่นานก็ค้นพบท้าวผกาและชี้ถูกว่าท้าวผกาพรหมเป็นเม็ดทรายเม็ดไหนอย่างถูกต้องครั้งนี้ท้าวผกาพรหมจึงเป็นฝ่ายแพ้ พอถึงคราวพระเป็นผู้ซ่อนบ้าง พระพุทธองค์ทรงย่อพระวรกายให้เล็กลงแล้วเสด็จขึ้นไปประทับซ่อนอยู่ในมวยผมบนเศียรของท้าวผกาพรหม ฝ่ายหาคือท้าวผกาพรหม ก็เริ่มตามหาพระหายังไงก็หาไม่เจอ หาทั่วทั้ง๓ภพ(ภพโลก ภพสวรรค์ ภพนรก)ก็หาไม่เจอหาไปสุดขอบแดนจักรวาลก็หาไม่เจอ ท้าวผกาพหรมจึงยอมแพ้ เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าท้าว ผกาพรหมลดทิฏฐิลงมากแล้ว พระพุทธองค์จึงคลายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม และทรงแสดง พระธรรมเทศนาโปรดท้าวผกาพรหม จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน แต่ขณะนี้เป็นพระอนาคามีแล้ว จักเข้าถึงพระนิพพาน ในยุคพระศรีอริยเมตไตรย จากนั้นมาจึงมีพระนามเรียกขานกันว่า “พระพรหม”
โดย:
Marine
เวลา:
2015-7-14 19:53
[attach]11505[/attach][attach]11506[/attach][attach]11504[/attach][attach]11504[/attach]
โดย:
Marine
เวลา:
2015-7-14 19:53
[attach]11508[/attach][attach]11509[/attach][attach]11507[/attach]
โดย:
Marine
เวลา:
2015-7-14 19:54
[attach]11511[/attach][attach]11510[/attach]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-9-10 20:03
ชอบมากครับ
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2