Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
หลวพ่อพาน สุขกาโม วัดเฉลิมราษฎร์ บ้านโป่งกะสัง
[สั่งพิมพ์]
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-7-8 13:42
ชื่อกระทู้:
หลวพ่อพาน สุขกาโม วัดเฉลิมราษฎร์ บ้านโป่งกะสัง
ท่านเป็นพระแท้ ขลัง และดังเงียบอยู่ในอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคึรึขันธ์ คนถิ่นอื่นจะไม่ค่อยรู้จักท่านเท่าใดนัก (แต่ปัจุบันเป็นเพราะสื่อเลยทำให้คนรู้จักท่านกันเยอะขึ้น)
ประวัติของหลวงพ่อพาน สุขกาโม โดยสังเขป
หลวงพ่อพาน สุขกาโม ท่านเกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2454 ในสกุล พุ่มอำภา ดั้งเดิมท่านเป็นชาวบ้านกล้วย ตำบลบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี และได้อุปสมบท ณ ปี พ.ศ.2475 ณ วัดหนองไม้เหลือง อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี หลวงพ่อพานท่านเป็นพระพี่น้องกับหลวงพ่อเพลิน (พระครูนันทศีลาวัตร) วัดหนองไม้เหลือง อดีตพระเกจิชื่อดังของเมืองเพชรบุรี หลวงพ่อพานท่านย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเฉลิมราษฎร์ บ้านโป่งกระสัง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ พ.ศ.2513 ตั้งแต่วัดยังเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆและท่านก็ได้พัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อพานท่านเป็นพระที่หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ยกย่องเสมอว่าท่านเก่งจริง ขลังจริง วัตถุมงคลที่หลวงพ่อพานสร้าง และมีประสบการณคือเหรียญรุ่นแรก พ.ศ.2519 และเหรียญรุ่นต่างๆ ที่ขึ้นชื่อเลยคือตะกรุดโทนของท่านครับ
หลวงพ่อพาน มรณภาพเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2539 สิริรวมอายุได้ 84 ปี สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย ทางวัดได้เก็บรักษาไว้ในหีบไม้เพื่อให้ญาติโยมลูกศิษย์ได้กราบไหว้
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-7-8 13:42
ซ่อนเร้นกำบังกาย
นางสะอิ้ง บูรณาภา ปัจจุบันอายุ 63 ปี อยู่ที่ 145 หมู่ 4 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ โทร 081-1940687 เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วร่วม 30 ปี แต่ก็ยังอยู่ในความทรงจำไม่เคยลืมให้ฟังว่า ตนเองเป็นชาว จ.เพชรบุรี แต่ได้ย้ายมาอยู่ที่ อ.กุยบุรี และได้มีเพื่อนซึ่งเป็นชาว จ.เพชรบุรี ด้วยกันเล่าเรื่องราวที่เกิดกับตัวเขาเอง และได้รอดพ้นจากความตายมาได้ เพราะบารมี หลวงพ่อพาน ช่วยคุ้มครอง เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้น ตนเองถูกไล่ยิงมาตามถนนเพชรเกษมโดย 2 คนซึ่งเป็นอริเก่า มาถึงแยกหนองเผาถ่าน (อยู่ระหว่าง อ.ชะอำกับ อ.ท่ายาง )สมัยก่อนจะเป็นทางเลนเดียว รถยังวิ่งผ่านน้อยมาก ตนเองได้โบกรถคันแรกที่ผ่านมา แต่ไม่ยอมจอด เพราะกลัวจะโดนยิง จนกระทั่ง มีรถเมล์แดงผ่านมา (เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ คนขับรถเมล์แดงเล่าให้ฟัง หลังเกิดเหตุ)วันนั้นหลวงพ่อพานได้นั่งรถเมล์แดงจาก จ.ประจวบฯมุ่งหน้า จ.เพชรบุรี โดยหลวงพ่อพานนั่งหน้ารถซ้ายมือคนขับ คนขับรถเมล์แดง เห็นคนโดน 2 คนร้ายไล่ยิงกันอยู่ข้างหน้า โดยทุกคนในรถเมล์ก็เห็น รวมถึงหลวงพ่อพานด้วย ตนเองได้โบกรถเมล์แดงให้จอด แต่รถเมล์แดงไม่ยอมจอด ผู้โดยสารตะโกนบอกคนขับอย่าจอดๆและในใจของคนขับก็ไม่คิดจะจอด จนขับผ่านมา หลวงพ่อพานบอกคนขับรถจอดๆจอดรับเดี่ยวนี้ คนขับรถมองหลวงพ่อพานๆพูดย้ำอีกจอดๆ จนคนขับรถยอมจอดและหลวงพ่อพานให้คนขับรถลงจากรถและให้คนโดนไล่ยิงขึ้นมานั่งหน้ารถโดยให้นั่งตรงกลางระหว่างคนขับรถกับหลวงพ่อพาน รถออกตัวมาได้นิดเดียว 2 คนร้ายก็วิ่งมาถึงจอดๆๆ เสียงคนร้ายมาพร้อมท่าทางให้รถจอด เมื่อรถจอด คนร้ายเห็นพระนั่งหน้ารถก็ยกมือ พร้อมพูดว่า สวัสดีครับหลวงพ่อจะไปไหนหรือ หลวงพ่อพานตอบจะไปเพชรบุรี เอ๊..แต่เมื่อสักครู่รถได้จอดรับคนที่ผมไล่ยิงไม่ใช่หรือ หลวงพ่อพานตอบก็มองดูเอาซิ 2 คนร้ายมองหน้ารถ พยายามมองหา แต่ไม่เจอ คนร้ายพูดต่อ นั้นนิมนต์หลวงพ่อลงจากรถก่อน ทั้งหลวงพ่อพานและคนขับรถได้ลงจากรถ และคนร้ายก็ได้พยายามมองหา แต่ไม่พบ ป้าสะอิ้งพูดต่อ เพื่อนป้ามันนั่งเหงื่อตกซิกๆ อยู่หน้ารถมันก็แปลกใจ ว่าทำไม 2 คนร้ายไม่เห็นมัน 2 คนร้ายนิมนต์หลวงพ่อพานขึ้นรถแล้วเดินจากไป รถออกตัวขับได้มาพักใหญ่ๆ หลวงพ่อพานให้คนขับจอดรถ และให้เพื่อนของป้าลงจากรถและบอกว่าปลอดภัยแล้ว เพื่อนป้ามันขอบคุณหลวงพ่อพานยกใหญ่เลยป้าสะอิ้งกล่าว และมันก็บอกกับป้าว่า หลวงพ่อพาน นี้เก่ง นักหนา
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-7-8 13:43
โดนยิงกรอกปากแค่ฟันหัก
นายแย้ม จิตรมั่น อายุ 50 ปี โทร 089-0050676 อยู่ที่ 89/2 ม.2 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง ให้ฟังว่า ในเย็นวันหนึ่ง หลังจากตนเองเลิกจากการทำงานไร่สับปะรด ตนเองและเพื่อนๆจึงนัดหมายกันดื่มสุราที่บ้านของผู้ใหญ่แนบ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากงาน หนึ่งในเพื่อน 3-4 คนคือนายแขก ดื่มกันไปก็พูดคุยกันไปตามประสาคนดื่มเหล้าทั่วๆไป จนมาถึงเรื่องของสลากเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่ง จนเกิดมีปากเสียงกันขึ้นมาบวกกับฤทธิ์ของสุราเริ่มทำงาน จนนายแขกเริ่มมีอารมณ์โกรธเลยลุกขึ้นเดินออกไปสตาร์ทจักรยานยนต์คู่ใจกลับบ้านไป ส่วนผมและเพื่อนๆยังดื่มกันต่อ สักพักใหญ่ๆนายแขกได้ขับจักรยานยนต์กลับมาและเดินเข้ามานั่งในวงเหล้าตรงข้ามกับตนเอง(นายแย้ม)นายแขกยังไม่ทันได้ดื่มเหล้า ได้เอ่ยปากเรียกนายแย้มที่กำลังก้มหน้าดื่มสุราอยู่ “เฮ้ย..ไอ้แย้ม” สิ้นสุดเสียงเรียก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับนายแย้มได้เงยหน้าตนเองตามเสียงเรียกของนายแขก นายแขกได้ชักปืนแม็กกาซีนขนาด .32 มม.(ทราบภายหลังเกิดเหตุ)ที่ขึ้นลำกล้องมาเรียบร้อยพร้อมใช้งานยิงเข้าไปที่ปากของนายแย้มในระยะเผาขนจำนวน 1 นัด นายแย้มล้มฟุบลงทำแกล้งตายเพราะเกรงว่านายแขกจะยิงซ้ำ นายแย้มเล่าต่อไปว่า ตอนนั้นผมรู้สึกร้อนชาไปทั้งปาก ฝ่ายนายแขกเมื่อนายแย้มล้มฟุบลงรีบลุกขึ้นแล้วขับจักรยานยนต์หลบหนีไป ผู้ใหญ่แนบดูทีวีอยู่กับภรรยาได้ยินเสียงปืนจึงวิ่งเข้าไปดูเห็นนายแย้ม นอนกองอยู่กับพื้น จึงช่วยกันนำนายแย้มส่งโรงพยาบาล เมื่อถึงโรงพยาบาลพานายแย้มเข้าห้องพยาบาลผู้ใหญ่แนบบอกหมอว่าคนไข้โดนยิงมา หมอยังไม่เชื่อคิดว่าโดนตีมา เมื่อทำแผลภายในปากเรียบร้อยพบว่า ภายในปากไม่มีบาดแผลเลย แม้กระทั้งริมฝีปากก็ไม่มีบาดแผล แต่ว่าฟันบนหักไป 3 ซี่ ฟันล่างหักไป 1.5 ซี่ ผมก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมแผลในปากผมไม่มีเลยฟันหักอย่างเดียว ซึ่งวันนั้นในคอผมคล้องตะกรุดดอกเล็กของหลวงพ่อพานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-7-8 13:43
ดักยิงถล่มยกครัว
นายเปลว สุขสวน และ ภรรยา อยู่ที่ 148 หมู่ 5 ต.ไร่เก่า กิ่ง อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ โทร ติดต่อ 085-2929906 082- 4767896 เล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้น ในราวปี พ.ศ.2549 ตนเอง นายทองเปลว และภรรยาตนและหลานอีก 3 คน รวมเป็น 5 คน โดนคนร้าย 3 คน ดักยิงถล่มแต่รอดชีวิตกลับมาได้เพราะ บารมี หลวงพ่อพาน คุ้มครอง ในวันนั้น ตนเองพร้อมด้วยภรรยา และหลานอีก 3 คน โดย หลานสาวอายุ 10 ขวบ หลานชายอายุ 7-6 ขวบ ตามลำดับ ตนเองขับรถกระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่น sd ตอนเดียว ด้านหลังเป็นลูกกรงเหล็ก โดยหลานชาย 1 คน นั่งหน้ารถกับตน ส่วนอีก 2 คน นั่งกระบะหลังกับภรรยา โดยขับจากบ้าน ตามถนนเพชรเกษม เลี้ยวขวาแยกหนองหมู มุ่งหน้า ถนนวังเต้น (เส้นทางนี้จะเลยวัดโป่งกะสัง)พอขับมาถึงที่เกิดเหตุ(ถนนวังเต้น)จะเป็นทางลาดต่ำลงคล้ายๆกับลงห้วย จะเป็นทางแยก 2 เส้นทางถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นถนนเส้นหลัก แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเข้าไร่ของคนอื่น ในจังหวะนั้นเอง ได้มีชาย 2 คนถือปืนยาวคนละกระบอก ดักอยู่ข้างหน้าในลักษณะขวางรถไม่ให้วิ่งผ่านตนเองจึงหยุดรถแต่เครื่องยนต์ยังติดอยู่(ระยะห่างของรถกับชาย 2 คนประมาณไม่เกิน 3 เมตร)ตนเองคิดว่าชายทั้ง 2 คน คงจะมาอาศัยรถเรากลับบ้านด้วยกะมัง และหลานชายได้พูดแทรกขึ้นมา “ปู่ๆเขาไปเที่ยวล่าสัตว์มาหรือปู่”ยังไม่ทันสิ้นเสียงหลานชาย ชายทั้ง 2 คน ยกปืนขึ้นประทับบ่า ยิงใส่หน้ารถตนเองไม่ยั้ง ลูกปืนเจาะผ่านกระจกหน้ารถ แตกละเอียด คนร้ายยิงจนแน่ใจแล้วว่า นายเปลวและหลานชาย ได้เสียชีวิตแล้ว(ภรรยานายเปลวแซกขึ้นมาเล่าต่อ)ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูกเลยโดยได้กอดหลานชายไว้ในอ้อมกอด ส่วนหลานสาวหมอบหลบอยู่ใกล้ๆฉันเหลือบมองด้านหน้ารถเห็นชายทั้ง 2 คน กำลังเดินมาด้านหลังรถเป้าหมาย น่าจะเป็นฉันและหลานอีก 2 คน และฉันมองขึ้นไปบนเนินสูงข้างรถด้านหลัง ใต้ต้นมะขามใหญ่มีชายอีก 1 คน ยืนถือปืนสั้น คอยคุมอยุ่ เมื่อชายทั้ง 2 คน เดินมาถึงด้านหลังรถได้ใช้ปืน ยิงใส่เข้าที่หลานสาวและฉัน โดยฉันได้ร้องขอชีวิต”อย่ายิงฉันเลยๆๆ”คนร้ายหาลดละไม่ก็ยังยิงใส่ฉันและหลานสาว ส่วนหลานสาวที่หมอบอยู่ใกล้ๆได้ร้องตะโกน”อย่าทำย่าหนู ยิงย่าหนูทำไมๆ”คนร้ายทั้ง 2 ก็ยังไม่เห็นใจ ยังยิงใส่ฉันและหลานสาว จนแน่ใจแล้วว่า คนทั้ง 5 คนในรถได้เสียชีวิตหมดแล้ว ชายที่ยืนคุมงานอยู่ ได้เดินลงมาใช้ปืนสั้น จ่อยิงที่ศรีษะภรรยานายเปลวอีก 1 นัด แล้วยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัดพร้อมตะโกน”เรียบร้อยแล้วพวกเรา”แล้วคนร้ายทั้งหมดได้เดินออกห่างจากรถไป ภรรยานายเปลว เห็นดั่งนั้นจึงตะโกนเรียก นายเปลว”เหยียบรถเลยๆ” นายเปลวฟื้นคืนสติหลังจากวูบไปด้วยอานุภาพของอาวุธปืน “เห็นครับ ผมเห็นจริงๆผมไม่ได้ตาฟาดหรือเสียสติ ผมเห็นผ้าเหลือง หลวงพ่อพาน คุมรถผม เป็นอุโมงค์คล้ายๆจะให้รถขับผ่านอุปสรรคไป ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขับผ่านมาได้อย่างไร ผมขับรถมาตามถนนที่เป็นไร่ของคนอื่นไม่ได้ขับมาตามทางสายหลัก ซึ่งทางนั้นเป็นทางที่ยังใช้การไม่ได้ เพราะกำลังรื้อไร่ใหม่ มีทั้งตอขนุน ตอมะม่วงเต็มไปหมด ผมขับผ่านมาได้อย่างไรยังงงกับตนเองจนทุกวันนี้ ผมขับมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน และผ่านวันอันโหดร้ายวันนั้นมาได้ เพราะพุทธคุณในพระของ หลวงพ่อพาน ที่ช่วยคุมครองตนเองและครอบครัว ในวันนั้นที่หน้ารถของนายทองเปลวมี วัตถมงคลของหลวงพ่อพาน คือ สมเด็จเนื้อผง พิมพ์ปรกโพธิ์ และ สมเด็จเนื้อผง ที่ด้านหลังเขียนว่ารุ่น 1 ทุกวันนี้รอยกระสุนปืนก็ยังเป็นแผลเป็นให้เห็นอยู่ทุกคน ลุงทองเปลวมีที่ หน้าผาก ไหล่ ต้นแขนขวา ข้อมือ ส่วนภรรยามีที่ รอยจ่อยิงที่ศรีษะ ตามตัว หลานสาวมีที่เนื้อหน้าอกด้านซ้าย หลานชายคนเล็กมีรอยตามตัว
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-7-8 13:43
ซ่อนเร้นกำบังกาย- รถพลิกคว่ำ- ดลใจ
นาย เจษฎา เนื้อนิล โทร 080-3012593 อยู่ที่ 94/35 ม.1 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ ที่ทำงาน โรงแรมมาราเกสหัวหินรีสอร์ตแอนสปา เล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตนเอง เมื่อหลายปีก่อน นายเจษฎา (ตั้ม) ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆที่เธคในโรงแรมแกรนด์หัวหิน ซึ่งตนเองเที่ยวอยู่เป็นประจำ โดยในวันนั้น ตนเองได้ไปกับเพื่อนๆรวม 20 กว่าคน ในขณะที่อยู่ในเธคได้เกิดเขม่นกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ถึงขั้นจะขว้างแก้วใส่กัน พวกผมคิดว่า ถ้าออกมาข้างนอกต้องตีกันแน่นอน ทุกคนจึงวางแผน ให้แผนกที่ขับรถจักรยานยนต์ ให้ขับรถออกไปคอยก่อน และได้นัดหมายให้ไปรับที่หน้าตู้โทรศัพท์หน้าปากซอยสารวัตร ส่วนที่เหลือรวมทั้งตัวผมได้ออกมาทีหลัง และได้ทะเลาะวิวาทกับคู่อริซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บ จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่เกิดเหตุจึงได้แยกย้ายกันหลบหนี ตัวผมได้วิ่งหนีมารอเพื่อนที่นัดกันไว้ที่หน้าตู้โทรศัพท์ บริเวณนั้นเป็นข้างถนนในตัวเมืองจึงมีแสงสว่างจากไฟส่องทางสาธารณะซึ่งเห็น ตัวผมได้ชัดเจน สักครู่เดียวได้มีรถจักรยานยนต์ ขับมุ่งหน้ามาหาตัวผม 4 คัน ทั้ง 4 คันมีผู้ซ้อนท้าย 2-3 คน ในใจผมคิดว่าคงเป็นเพื่อนของตนเอง ที่นัดไว้แน่นอน รถจักรยานยนต์ทั้ง 4 คันขับใกล้เข้ามา จนตัวผมเห็นได้ชัดเจนว่า ไม่ใช่เพื่อนของผม ผมใจดีสู้เสือคิดในใจเป็นไงเป็นกัน รถจักรยานยนต์ทั้ง 4 คัน จอดห่างจากตัวผมไม่ถึง 10 ก้าว ในมือของคู่อริผม มีอาวุธทั้งมีด ทั้งไม้ แต่หลายคนในนั้นหันซ้ายหันขวา คล้ายๆกำลังหาสิ่งใดอยู่ ตัวผมก็ยังยืนงงอยู่ตรงนั้น ถ้าคนในกลุ่มนั้นไม่พูดผมก็ไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่พวกเขากำลังหาอยู่คือผม “เอ้ย...เมื่อสักครู่มันยังอยู่ตรงนี้เลย...มันหลบไปไหนแล้วว่ะ”ผมยืนงง นี่ถ้าคู่อริไม่พูดผมไม่รู้จริงๆว่าพวกมันไม่เห็นผม จนหนึ่งในนั้นพูดว่า “สงสัยมันวิ่งหลบไปซอยอื่นแล้ว...นั่นพวกเราไปตามหามันซอยอื่นกันเถอะ” ตัวผมงงไปหมด มันไม่เห็นผมได้อย่างไร มันพูดตัวผมก็ได้ยินชัดเจน ผมนึกขึ้นมาได้ ในคอผมมีตะกรุดของหลวงพ่อพาน ที่ผมใช้ติดตัวมาตลอด ได้ช่วยคุ้มครองชีวิตของผมให้รอดพ้นจากภัยอันตรายในครั้งนี้ ขอบคุณครับ หลวงพ่อพาน ขอบคุณจริงๆ และยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผม เรื่องนี้เกิดในราวปี พ.ศ.2552 ในขณะนั้นตัวผมได้ทำงาน ขับรถส่งอาหารวัวนมตามฟาร์มวัวนมทั่วไป วันที่เกิดเหตุผมได้ขับรถส่งของตามปกติเช่นทุกวัน ถึงที่เกิดเหตุ เป็นถนนเส้นบายพาส จาก อ.ปราณบุรี มุ่งหน้า อ.ชะอำ ถึงบริเวณจุดกลับรถบ้านไร่เนิน รถของผมเกิดยางระเบิดขี้น ทำให้รถเสียหลักผลิกคว่ำตีลังกา 3 ตลบ ในขณะที่รถตีลังกาอยู่ ผมคิดว่าไม่รอดแน่ๆในครั้งนี้ แต่เหลือเชื่อครับ รถยนต์ของผมพังยับเยิน และไม่ชนกับต้นไม้ที่เกาะกลางถนนที่มีอยู่มาก แต่รถยนต์ของผมเข้าไปอยู่ระหว่าง ตรงกลางของต้นไม้ 4 ต้นพอดี และตัวผมได้ออกจากรถยนต์ยืนดูตัวเองว่าเป็นอะไรบ้าง เหลือเชื่อครับตัวผมไม่เป็นอะไรเลย เลือดสักหยดก็ไม่มี สักครู่เดียวมีรถมูลนิธิและรถตำรวจมากันหมดเลย และได้มาถามผมว่าคนขับอยู่ที่ไหน ผมจึงบอกว่า ผมเองเป็นคนขับคนที่ได้ยินผมพูดถึงกับอึ้งกันไปหมด ทั้งตำรวจและมูลนิธิ เหตุการณ์ในวันนั้นมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดอยู่ตลอดจนทุกวันนี้ วันนั้นได้มีผู้หญิงวัยกลางคนและลูกชายของเขา ได้เขาทักทายกับผมพร้อมทั้งบอกว่า ตนเองและลูกชายขับรถจาก จ.สุราษฎ์ธานีเพื่อที่จะไป จ.นครสวรรค์ และได้ขับรถตามผมมา และตอนเกิดเหตุเขาเห็นผมรถผลิกคว่ำเขาตกใจมาก เขาเห็นรถตีลังกา 3 ตลบ เขาทั้ง 2 แม่ลูกคิดว่าผมไม่รอดแน่ แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย และยังเอ่ยปากถามผมว่ามาคนเดียวหรือ ผมตอบว่ามาคนเดียว ทั้ง 2 แม่ลูกทำหน้าตา งงๆเหมือนมีอะไรในใจบางอย่าง จนเขาบอกกับผมว่า เขาเห็นมีพระนั่งในรถมากับผมด้วย ผมก็ งงๆ ในตอนนั้น แต่พอเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ผมคิดว่าคงเป็นเพราะบารมีหลวงพ่อพาน ที่ช่วยคุ้มครองชีวิตผมให้ปลอดภัยจากเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นกับตัวผม
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-7-8 13:44
ย่นระยะทางได้ - เมตตา
นายประยูร กลิ่นเมือง อายุ 71 ปี โทร 086-0901825 อยู่ที่ 11 ม. 4 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ เล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยที่หลวงพ่อพานยังมีชีวิตอยู่วันนั้นเป็นวันทอดผ้าป่าของวัดหนองไม้เหลืองนายประยูรและชาวบ้านโดยการนำของหลวงพ่อพาน ได้จัดพุ่มผ้าป่าที่วัดโป่งกะสัง พอตอนเช้าที่จะไปทอดผ้าป่าที่วัดหนองไม้เหลืองชาวบ้านที่จะไปร่วมงานต่างเดินทางมาที่วัดโป่งกะสังเมื่อผู้คนมาจนครบจำนวนแล้ว นายประยูรได้เดินไปตามหลวงพ่อพานที่กุฎิ พบหลวงพ่อพานคุยธุระอยู่กับแขก หลวงพ่อพานหันมาเห็นนายประยูร ได้กล่าวกับนายประยูรว่า “ไปก่อนเถอะยูรเดี๋ยวอาตมาตามไปเองยังติดธุระอยู่” นายประยูรได้ฟังจึงเดินมาที่รถผ้าป่าเป็นโชเฟอร์ขับพาชาวบ้านมุ่งหน้า จ.เพชรบุรี (แต่ในสมัยก่อนถนนเพชรเกษมช่องทางเดินรถจะมีแค่ไปและกลับอย่างละเลนเท่านั้น) นายประยูรขับรถมาตามถนนเพชรเกษมจนถึงจุดหมายวัดหนองไม้เหลือง ชาวบ้านโป่งกะสังที่มากับนายประยูรลงจากรถพร้อมด้วยพุ่มผ้าป่าต่างก็เดินไปที่ศาลา แต่เมื่อถึงศาลาทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อภาพที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้าเป็นหลวงพ่อพานกำลังนั่งคุยกับชาวหนองไม้เหลือง และเมื่องานทอดผ้าป่าเสร็จสิ้นเรียบร้อยนายประยูรพร้อมคณะจึงลาหลวงพ่อพานกลับก่อนส่วนตัวท่านกลับทีหลัง นายประยูรคิดอยู่ในใจตลอดว่าหลวงพ่อพานมาถึงก่อนเราได้อย่างไร ครั้นเมื่อขับรถกลับมาถึงที่หมายนายประยูรก็ยังนั่งพูดคุยกับผู้ที่ไปทอดผ้าป่าด้วยกัน “มันก็แปลกเราออกเดินทางก่อนท่านรถที่แซงเราก็นับคันได้เพราะโดยปกติผมเป็นคนที่ขับรถเร็วอยู่แล้ว”นายประยูรกล่าว หรือว่าท่านย่นระยะทางไปดั่งที่หลายคนเคยเห็นจริงๆ และนายประยูร ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าส่วนตัวของนายประยูรเองได้มีเรื่องที่แสดงถึงบารมีของท่าน คือเรื่องนี้เกิดขึ้นในเดือน พ.ค.ปี พ.ศ.2556 ผมนายประยูรได้เป็นนายหน้าขายที่ดินแห่งหนึ่งที่โป่งกะสัง จำนวน 40 ไร่ด้วยความที่เราอยากได้ค่านายหน้าจึงไปที่ศาลาพานทอง วัดโป่งกะสัง จุดธูป 9 ดอกบนบาลหลวงพ่อพานขอให้การเป็นนายหน้าขายที่ดินในครั้งนี้จงสำเร็จไปด้วยดี ขอให้ผมได้เงินมาใช้หนี้สินให้หลุดเสียที และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆการเป็นนายหน้าครั้งนี้เป็นผลสำเร็จผมได้เงินไปใช้หนี้ดังที่หวัง ผมจึงมอบเงินให้เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน 4 หมื่นบาทเป็นการแก้บน ส่วนตัวผมทุกวันนี้ต้องไปทำบุญที่วัดโป่งกะสังทุกๆวันพระไม่เคยขาดเลยนายประยูรกล่าว
โดย:
oustayutt
เวลา:
2015-7-8 13:44
มีดสปาต้าฟันหลัง
นายกฤษดา พันชู อายุ 38 ปี โทร 088-5422591 อยู่ที่ 167 ถนนสุขจิต ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบฯ มีประสบการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าตนเองชนิดไม่น่าเชื่อว่าพุทธคุณในเหรียญของหลวงพ่อพานจะเหนียวขนาดนี้ เรื่องนี้เกิดเมื่อหลายปีก่อน วันที่เกิดเหตุนั้นผมและเพื่อนๆลักลอบเล่นไฮโลกันอยู่ที่สายใต้ใหม่(ซึ่งปัจจุบันย้ายแล้ว)ในอดีตเป็นเขตรับผิดชอบของ สน.ตลิ่งชัน แต่ปัจจุบันเป็นเขตรับผิดชอบของ สน.บางยี่ขัน วันนั้นเป็นเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืนพวกผมรวมทั้งเพื่อนผมคนโดนมีดสปาต้าฟันมีอาชีพขับรถทัวร์สายใต้ แต่วันนี้พักงานกันเลยชวนกันมาทำกิจกรรมยามว่างกันเพื่อผ่อนคลาย ขณะเล่นไฮโลกันเพลินๆโดยไม่ได้คิดอะไร ส่วนเรื่องตำรวจผมก็มีคนดูต้นทางแล้ว วันนั้นผมยังจำได้ผมนั่งยองๆเล่นไฮโลกันเป็นวงใหญ่เพื่อนผมนั่งเล่นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม(แอบเล่นกันอยู่มุมตึก)และไม่รู้ว่าคู่อริเก่าของเพื่อนผมมันย่องมาจากที่ไหน มันตรงเข้ามาข้างหลังเพื่อนผมที่ไม่ได้คอยระวังตัว มันเอามีดสปาต้าเล่มใหญ่ฟันด้วยมือขวาเต็มแรงชนิดที่ว่าเอาให้อยู่ในทีเดียว เสร็จแล้วมันกระชากมีดให้เป็นทางยาว(คือฟันแล้วกระชาก)กะเอาให้ตาย แต่มันฟันได้ทีเดียวเพื่อนผมมันลุกขึ้นสู้จึงเกิดชุลมุนกันขึ้นแล้วคนที่ฟันก็หลบหนีไป เมื่อเหตุการณ์ปกติผมจึงเข้าดูที่หลังเพื่อนผมคนที่โดนฟัน พบว่าเสื้อเชิ้ตแขนสั้น(เป็นเสื้อคนขับรถทัวร์)ขาดยาวเป็นรอยคมมีดแต่ไม่ระคายผิวเลย มีดสปาต้าฟันหลังเพื่อนผมไม่เข้าเป็นไปได้อย่างไรผมคิดอยู่ในใจแผ่นหลังของเพื่อนผมแดงยาวแต่ไม่เข้า ผมจึงล้วงเข้าไปที่คอเพื่อนผม พบว่าเป็นเหรียญหลวงพ่อพานรุ่น1แต่สภาพสึกไม่ค่อยสวย ผมจึงถามว่า “เองได้มาอย่างไรว่ะ”เพื่อนผมมันตอบว่ามันเป็นเด็กที่บ้านโป่งกะสัง และบวชเณรที่นั่น แต่พระนี่แม่ให้มาแขวนไว้ที่คอนานแล้วผมคิดในเหนียวจริงๆและพยายามขอมันแต่มันไม่ให้
http://forum.uamulet.com/view_topic.aspx?bid=4&qid=52283
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2