Baan Jompra

ชื่อกระทู้: พระโพธิสัตว์คาถา [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-7-2 05:56
ชื่อกระทู้: พระโพธิสัตว์คาถา
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:11

พระคาถา พระโพธิสัตว์








ต้นทุนแห่งบุญกุศลที่พระโพธิสัตว์

ท่านสั่งสมไว้นั้นไม่ได้หายไปไหน

ยังมีให้ชาวพุทธเราพึ่งพาได้อยู่ตลอด

เมื่อยามที่เราอยู่โดดเดี่ยว

สู้ปัญหาอยู่เพียงลำพังก็อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีใคร

แม้ผืนแผ่นดินที่ว่ากว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็ยังเต็มไปด้วย

ซากสังขารที่พระโพธิสัตว์เคยสละชีวิตเพื่อสรรพสัตว์

มาแล้วนับไม่ถ้วน แล้วจะกลัวไปไย.




โดย ชลี
พุทธการกธรรม ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า

        คนสมัยก่อนเล่าขานพรรณนาตำนานการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์กันไว้อย่างพิสดารว่า

        ไม่ว่าจะเอานิ้วมือหรือเข็ม จิ้มลงไปในผืนแผ่นดิน ณ ที่แห่งใดก็ตาม  ไม่มีสักครั้งหรือไม่มีที่สักแห่งเดียวที่จะไม่ใช่เป็นที่ของซากสังขารอันพระโพธิสัตว์ได้เสวยชาติ เกิดแล้วตายเล่า นับไม่ถ้วน อุทิศชีวิตสั่งสมพุทธบารมีเพื่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย



        คำเล่าขานพรรณนาจะเกี่ยวเนื่องด้วยข้อเท็จจริงในทางใดบ้างนั้นเราไม่อาจทราบได้ แต่ถ้าหากพรรณนาถึง น้ำใจอันวิเศษสุด ของพระโพธิสัตว์ที่สั่งสม พุทธการกธรรม(ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า)
แล้ว ก็น่าจะทำให้เรารำลึกถึงความเป็นพระโพธิสัตว์และพระคุณอันนั้นได้บ้าง




        คนโบราณมีความเชื่อในลักษณะที่ว่า เหล่า เวไนยสัตว์ หรือ สัตว์ที่สั่งสอนได้ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องและเกิดในร่มพระบารมีของพระพุทธเจ้า ย่อมสามารถจะน้อมเอาพระบารมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งและรวมถึงสามารถน้อมเอาพระบารมีของพระองค์ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์นั้นมาเป็นที่พึ่งอีกด้วย ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะว่าในแต่ละพระชาตินั้นมีความพิเศษและโดดเด่นที่หลากหลายแตกต่างกันในพระบารมีแต่ละด้าน





        พระเจ้าสิบชาติ หมายถึงสิบพระชาติหลังตามลำดับจนถึงสุดท้ายก่อนที่มาถึงชาติที่เป็น พระสิทธัตถะ อันได้แก่ พระเตมีย์ พระมหาชนก พระสุวรรณสาม พระเนมิราช พระมโหสถ พระภูริทัต พระจันทกุมาร พระพรหมนารอท พระวิทูรย์บัณฑิต และ พระเวสสันดร  มีความโดดเด่นคือความครบถ้วนบริบูรณ์ในพระบารมีทุกด้าน  


คนโบราณถอดอักขระออกมาเป็น หัวใจทศชาติ คือ

เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว


โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-7-2 05:56
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:05

มีกินมีใช้

        เมื่อครั้งที่ยังทำงานราชการนั้น ผู้เขียนมีเพื่อนร่วมงานท่านหนึ่งซึ่งมีคาถาประจำตัวว่า เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว หรือที่เรียกว่า หัวใจทศชาติ  ท่านผู้นี้แม้ว่าจะมีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้น้อยเพราะวุฒิการศึกษาต่ำ แต่ก็เป็นคนมีอยู่มีกินไม่ขาด แถมยังมีแบ่งปันเผื่อแผ่ให้ลูกหลานได้ตลอด เวลามีเรื่องร้ายๆเข้ามาในชีวิตก็สามารถเอาตัวรอ
ต้นทุนบุญกุศล



        ถ้าศึกษาพระคาถาโบราณ เรามักจะพบข้อความบรรยายอานุภาพของพระคาถาในทำนองว่า “...กินมิรู้สิ้นแล.....” หรือ “...ใช้ได้สารพัด.....ฝอยท่วมหลังช้าง.....”  หากพิจารณาโดยรวมหรือความหมายโดยนัยก็พอจะประมวลได้ว่า คนโบราณท่านน่าจะหมายถึง พระคุณหรืออานุภาพอันไม่มีประมาณนั่นเอง



        อันที่จริงก็น่าจะเป็นเช่นนั้น  อย่าว่าแต่ความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาเลย  แค่คนเรานึกถึง ความเพียรแหวกว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทรที่มองไม่เห็นฝั่งของพระมหาชนก หรือ ความเพียรของกระแตโพธิสัตว์ที่เอาหางชุบน้ำไปสลัดบนฝั่งเพื่อค้นหาลูกน้อยที่จมในทะเล ก็เป็นต้นทุนกำลังใจเหลือที่จะกล่าวอยู่แล้ว




        กล่าวกันว่า ต้นทุนแห่งบุญกุศลที่พระโพธิสัตว์ท่านสั่งสมไว้นั้นไม่ได้หายไปไหน ยังมีให้ชาวพุทธเราพึ่งพาได้อยู่ตลอด
        ฉะนั้น ในยามใดที่คนเรารู้สึกว่าโลกนี้มันช่างขัดสนแล้งเข็ญขาดบุญกุศลเกื้อหนุนเสียเหลือเกิน ก็ลองรำลึกถึงคุณของพระโพธิสัตว์หรือพระคุณแต่อดีตชาติของพระพุทธบิดาของเราดูบ้าง  เมื่อยามที่เราอยู่โดดเดี่ยวสู้ปัญหาอยู่เพียงลำพังก็อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีใคร  แม้ผืนแผ่นดินที่ว่ากว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็ยังเต็มไปด้วยซากสังขารที่พระโพธิสัตว์เคยสละชีวิตเพื่อสรรพสัตว์มาแล้วนับไม่ถ้วน แล้วจะกลัวไปไย




        บางที่เราก็อาจพบว่า การที่เรายังมีวิบากกรรมส่งผลอยู่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีบุญรอช่วย เพียงแต่สัตว์โลกต้องรับผลแห่งกรรมเป็นธรรมดาเท่านั้น  ขอเพียงเราตัดใจละเหตุแห่งบาปอกุศลและสู้อดทนอยู่ในความสุจริตต่อไป บุญเก่าของเราพร้อมทั้งบุญกุศลแห่งพระโพธิสัตว์ที่ท่านสั่งสมไว้ไม่มีประมาณก็พร้อมที่จะไหลหลั่งพร่างพรูเข้ามาช่วยหล่อเลี้ยงอยู่แล้วทุกเวลา



ดผ่านไปได้ด้วยดี  เคยถามว่ามีคาถาอะไรดีขอให้บอกกันบ้างก็ได้รับคำตอบว่าบทนี้  ไม่ว่าจะถามกี่ครั้งๆท่านก็บอกเหมือนเดิมว่ามีอยู่บทเดียวนี่แหละ  ตอนที่ท่านเกษียณอายุก็ได้ข่าวว่าได้รับมรดกเป็นที่ดินอีกแล้ว ทั้งที่ตัวท่านเองก็ดูว่าไม่ได้ต้องการไปทวงสิทธิ์ยื้อแย่งแข่งขันกับใคร

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-7-2 05:57
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:06

อานุภาพพระคาถา

        พระคาถาหัวใจทศชาตินี้ ตามอุปเท่ห์วิธีใช้แต่โบราณกล่าวไว้ว่าใช้ได้สารพัดทั้ง เมตตา คงทน แคล้วคลาด  ใช้ทำน้ำมนต์ปัดเป่าถอนแก้  ทำน้ำมนต์ปะพรมเรือกสวนไร่นากันสัตว์รบกวนพืชผล  บางตำราทำเป็นยันต์มีทั้งแบบใช้ทางด้าน คงทน เมตตา และลาภผล  บางตำราระบุว่าผู้ใดหมั่นเจริญภาวนาจะเจริญสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลในชาตินี้และตายไปในภพหน้าจะได้พบพระศรีอาริย์



อัศจรรย์แห่งพระโพธิสัตว์

        เนื่องจากพระบรมโพธิสัตว์ย่อมจะบำเพ็ญบารมีไปจนถึงถึงขั้นสุดยอด(ปรมัตถปารมี)ในพุทธการกธรรม อานุภาพอันยอดยิ่งวิเศษสุดจึงดำรงอยู่คู่กัปคู่กัลป์ ดังอานุภาพของ วัฏฏกะปริตร ที่ ลูกนกคุ่ม ทำสัจกิริยาแต่ครั้งอดีตกาล ก็ยังคงมีผลทำให้บริเวณนั้นไฟไม่อาจจะลุกไหม้หรือแม้จุดไฟก็ไม่ติดไปตลอดชั่วกาลนานของภัทรกัป  ในสมัยต่อๆมาเมื่อพุทธศาสนิกชนสวดสาธยาย วัฏฏกะปริตร ก็ยังคงมีอานุภาพป้องกันไฟอยู่ตลอดกาล  แม้พระคาถา หัวใจนกคุ่ม คือ สุ โป กัญ จะก็มีอานุภาพป้องกันไฟมาตลอด




        แม้เมื่อครั้งเสวยชาติเป็น พญาเต่าเรือน ทรงทราบว่าผู้คนเรือแตกมาติดเกาะที่พระองค์จำศีลอยู่ เขาเหล่านั้นอดอยากหิวโหยจนถึงจะฆ่ากันเองเป็นอาหาร ทรงเกิดความสลดสังเวชในพระทัยใคร่จะช่วยหมู่คนเคราะห์ร้ายให้พ้นทุกข์และเพื่อเป็นการบำเพ็ญพระบารมี จึงทรงไต่ขึ้นไปบนยอดเขาปล่อยพระองค์ให้กลิ้งตกลงมาถึงดินทำกาลกิริยาชีพแตกดับ  หมู่คนเหล่านั้นก็ได้อาศัยเนื้อพญาเต่าบริโภคพ้นความตายโดยไม่ต้องฆ่ากันเอง  จากนั้นยังได้ใช้กระดองเต่า ทำเป็นเรือแล่นใบกลับสู่บ้านเมืองโดยสวัสดี  ด้วยพระคุณอันวิเศษยิ่งใหญ่ของพญาเต่าเรือน โบราณาจารย์ในสมัยต่อมาจึงสอนว่าให้ระลึกเอาพระคุณเป็นที่พึ่ง  เมื่อยามได้รับเคราะห์กรรม โทษทัณฑ์ เป็นถ้อยร้อยคดีความ ให้ระลึกถึงพระคุณของพญาเต่าเรือนขอบุญบารมีให้ท่านช่วยให้พ้นทุกข์


โดยภาวนาพระคาถาหัวใจพญาเต่าเรือน คือ นา สัง สิ โม หรือ นา สัง สิ โม  ภะ คะ วา นา โถ  สะ สิ โม  พุท โธ ภะ คะ วา


ก็จะพ้นจากทุกข์ได้  อนึ่ง พระคาถานี้ยังใช้ภาวนาระงับความโกรธของคนทั้งหลายได้ด้วย  แม้ว่าใครจะโกรธเกลียดสักเท่าใด ภาวนาพระคาถานี้เข้าไปหา ความโกรธเกลียดก็จะมลายหายไปสิ้น


โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-7-2 05:58
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:08

พระคาถาพญาไก่เถื่อน

          เวทาสากุ  กุสาทาเว    ทายะสาตะ  ตะสายะทา
          สาสาทิกุ  กุทิสาสา    กุตะกุภู  ภูกุตะกุ



        พระคาถานี้ ได้เมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญาไก่เถื่อน  มีอานุภาพมาก  ผู้ใดสวดภาวนาเป็นนิจสิน จะเกิดลาภยศมิรู้ขาด ทำมาค้าขึ้น จะทำไร่ทำสวนก็เจริญงอกงามดี ทั้งทำให้บังเกิดสติปัญญาด้วย  ถ้าเดินทางไปทางบกหรือเข้าป่าให้สวดภาวนาไว้ คลาดแคล้วโพยภัยอันตรายดีนักแล




       อนึ่ง ในพงศาวดารตอนต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ยังได้จารึกไว้ว่าเป็นพระคาถาประจำตัวของ สมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)ด้วย



       ผู้เขียนทราบมาว่ามีท่านที่เคยสวดพระคาถานี้เป็นประจำบอกว่า ได้รับผลจนทำให้เชื่อว่า เป็นพระคาถาที่ช่วยทำให้เกิดสติปัญญาเฉลียวฉลาด


คาถาพญากาน้ำ

        เทวากานิ  นิกาวาเท    วาหิกาสุ  สุกาหิวา
          กากาเรภะ  ภะเรกากา นิสุภะยะ  ยะภะสุนิ
*



       พระคาถานี้ ได้เมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญากาน้ำ  

มีอานุภาพเช่นเดียวกับพระคาถาพญาไก้เถื่อน ผิดกันแต่ว่าถ้าเดินไปทางน้ำให้สวดพระคาถานี้


มิ่งขวัญและจิตวิญญาณแห่งพระศาสนา



        
พระคาถาโบราณอันเนื่องด้วยพระโพธิสัตว์ คือรากเหง้าอันเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของมิ่งขวัญและจิตวิญญาณแห่งพระศาสนาที่ควรดำรงไว้  ทำให้อนุชนรุ่นหลังได้แยกแยะเข้าใจว่าการนับถือบูชาสัญลักษณ์เกี่ยวกับสัตว์ของชาวพุทธ มิใช่แบบงมงายถือเอาสัตว์เดรัจฉานเป็นที่พึ่ง แต่เป็นการรำลึกบูชาพระคุณแห่งพระโพธิสัตว์อันมีประมาณในพระชาติต่างๆ คือคุณแห่ง พุทธการกธรรม นั้นเป็นสำคัญ




นไม่ที่มา..http://writtenbychalee.blogspot.com

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-7-2 06:16
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-7-2 06:19

ประวัติเจ้าแม่กวนอิม







พระโพธิสัตว์กวนอิม ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต มีกำเนิดจากพระสูตรมหายานของอินเดีย และได้ผสมผสานกับความเชื่อถือดั้งเดิมของชาวจีน เป็นตำนานเกี่ยวกับเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน จึงเกิดเป็นเจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์ในภาคสตรีขึ้นเพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตรากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เมื่อไปโปรดพวกที่โหดร้ายใจอำมหิตก็จะแปลงกายเป็น เทพที่มีร่างกายสูงใหญ่ หน้าตาดุร้าย แต่ถ้าไปโปรดในหมู่ผู้หญิงก็จะแปลงกายเป็นหญิงที่สวยงามที่สวยงามที่สุดและ มีเสน่ห์มากที่สุดมากกว่าซะอีก ถ้าไปโปรดคนที่มีอำนาจในหมู่พระยามหากษัตริย์ก็จะแปลงกายเป็นเจ้าชายผู้สูง ศักดิ์ หรือผู้มีอำนาจที่มากกว่า จึงโปรดสัตว์ได้ผล เจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์เป็นปรางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรแสดงถึงความรักที่มี ต่อทุกชนชั้น      



พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติวันที่ 19 เดือน 2 ของจีน) ชาติสุดท้ายเป็นราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดาจุติมายังโลกมนุษย์เพื่อปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์ที่ 3 ของกษัตริย์เมี่ยวจวง ตอนเยาว์วัยเป็นพุทธมามะกะ รู้แจ้งในหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะบำเพ็ญภาวนา เพื่อต้องการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ และออกบวชในที่สุดในวันที่ 19 เดือน 9


แต่พระบิดาไม่เห็นด้วย แต่ต้องการให้แต่งงานกับผู้ที่พระองค์ทรงเลือกให้ แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัย เพราะมีพระทัยแน่วแน่ที่จะปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่มวยมนุษย์ แม้จะถูกพระบิดาดุด่าและทรมานอย่างไรก็ไม่ย่อท้อ และไม่เคยโกรธเคือง     


ต่อมาองค์หญิงเมี่ยวซ่านได้ถูกขับออกจากวังไปทำงานหนักในสวนดอกไม้เช่นต้อง หาบน้ำ ปลูกต้นไม้ เพื่อต้องการให้ท่านเปลี่ยนใจ แต่ก็มีรุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทุกอย่าง เมื่อพระบิดาเห็นว่าไม่ได้ผลจึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงเมี่ยวซ่านไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้ทำงานทั้งหมดของวัดแต่ผู้เดียว แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านกลับยิ่งมีพระทัยเด็ดเดี่ยวและมั่นคงไม่หวั่นไหว พระบิดาก็ยิ่งกริ้วโกรธมากยิ่งขึ้น รับสั่งให้ทหารเผาวัดจนกลายเป็นจุณ พร้อมกับแม่ชีทั้งวัด แต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านกลับปลอดภัย



พระเจ้าเมี่ยวจวง (พระบิดา)ทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต แต่เทพารักษ์ที่คอยคุ้มครององค์หญิงกลับช่วยเหลือคุ้มครองโดยเนรมิตทองทิพย์ เป็นเกราะคุ้มครอง ไม่ว่าอาวุธใดก็ไม่ระคาย อาวุธร้ายใดๆก็ไม่ระคายผิวถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดายิ่งทรงกริ้วหนักยิ่งขึ้น โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงสั่งประหารเหล่าทหารเหล่านั้นแทนทั้งหมด แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นอีกเช่นเคย ทันใดนั้นปรากฏว่ามีเสื่อเทวดาตัวหนึ่งใหญ่โตมาก ได้มาคาบองค์หญิงและหลบหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมาเทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง คือได้ชี้แนะเคล็ดลับของการบำเพ็ญเพียร ดับทุกข์ จนที่สุดได้สำเร็จมรรคผล เป็นผลสำเร็จในวันที่ 19 เดือน 6 ส่วนพระราชบิดาเข้าพระทัยว่าเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านถูกเสือคาบไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ ใจต่อมาบาปกรรมที่พระองค์ได้ก่อไว้ส่งผลเกิดป่วยเป็นโรคประหลาดร้ายแรงไม่ สามารถที่จะรักษาได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทราบข่าวด้วยญาณวิพีว่าพระบิดากำลังประสพเคาะห์ กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูเป็นเลิศไม่เคยถือโกรธ และทรงได้สละดวงตาและแขนทั้งสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย และต่อมาภายหลังท่านได้สำเร็จมรรคผลเป็นพระอรหันต์ได้ดวงตาและแขนคืนกลับมา



   ชาว ไทยเชื้อสายจีนในเมืองไทยรู้จักและนับถือเจ้าแม่กวนอิม (กวนอิมเนี้ย) มากที่สุดองค์หนึ่งในบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน เนื่องจากเจ้าแม่กวนอิมมีจิตเมตตาสูงไม่สนใจลาภ ยศ สรรเสริญใดๆจึงจัดสร้างตัวแทนเจ้าแม่กวนอิม ออกมาบูชาหลายรุ่นหลายแบบ เพื่อเป็นศิริมงคลกับตนเองและครอบครัว ป้องกันคนที่เกิดปี,เดือน,วันและเวลาชงเจ้าแม่กวนอิมรุ่นที่ฮือฮาและ ถูกกล่าวขานกันมากที่สุดคือรุ่นซาฮะหรือไตรภาคี(รุ่นไตรลักษณ์) คือ

1. ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีความไม่เที่ยงแท้คือมีเกิดขึ้น,ตั้งอยู่และดับ ไป (เมื่อมีเคาะห์แก้ไขได้)

2. ความเป็นทุกข์หมายถึงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ต้องเปลี่ยนแปลง (สิ่งที่ไม่ดีผ่านพ้นไปแล้วความมีโชคก็จะตามมา)

3. ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรที่เป็นของเรา (บูชาไปให้คนอื่นได้)



ขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม (ผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา กรุณาดังความรักของมารดาที่มีต่อบุตร)ใคร ที่เคยทำความผิดต่อพ่อ,แม่ เช่นดุด่าว่ากล่าวหรือทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจและยิ่งถ้าทำให้ท่านต้องน้ำตา ไหลเพราะการกระทำของเราต้องถือว่ามีโทษหนัก ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะรักและให้อภัยกับลูกเสมอก็ตาม แต่ความผิดที่เราได้เคยทำไว้ก็จะคอยติดตามและหลอกหลอนทำให้เราไม่สบายใจติด ตัวเราไปตลอดชีวิต จึงสมควรที่จะต้องแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ให้หมดไปหรือเบาบางลง โดยการกล่าวคำขอขมา




   การกล่าวคำขอขมาต่อคุณพ่อคุณแม่ โดยก้มลงกราบที่เท้าของท่านแล้วกล่าวว่า ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ที่ลูกนี้ได้กระทำความผิด โดยความประมาทพลาดพลั้ง ทั้งที่จงใจก็ดี ทั้งที่ไม่จงใจก็ดี ต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี รู้ก็ดีหรือที่ไม่รู้ก็ดี ขอให้คุณพ่อคุณแม่โปรดจงอโหสิกรรม ให้กับลูกด้วยเทอญ หรือนำเอาน้ำล้างที่เท้าคุณพ่อคุณแม่ไปอาบให้ทั่วตัวก็จะเป็นมงคลกับตนเอง และครอบครัวตลอดไป   ถ้าพ่อแม่อยู่ไกลหรือพ่อแม่ไม่อยู่ให้เราได้กราบไหว้ แล้ว ต้องทำความดีให้เหมือนกับพ่อแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่อย่างน้อย 1 อย่าง หรือถ้าหากเชื่อว่าวิญญาณมีจริง ท่านต้องการให้คุณพ่อและคุณแม่มีความสุขสดชื่นแม้ตายแล้ว ให้คุณปฏิบัติดังนี้




คือถ้ารักคุณพ่อคุณแม่ ก็จงประคับประคองถนอมตัวให้ดี รักใคร่กลมเกลียวกันฉันพี่น้อง อย่าทะเลาะกัน ถ้ารักพ่อและแม่จริงก็ขอให้พวกพี่ๆช่วยทำหน้าที่ให้ถูกต้องทั้งยังต้องช่วย ทำหน้าที่แทนพ่อและแม่ คือช่วยดูแล น้องๆให้กับแม่ด้วย ให้เหมือนกับครั้งที่พ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่ พ่อและแม่ก็จะได้นอนตาหลับ คาถาประจำองค์เจ้าแม่กวนอิมมี 6 พยางค์ เป็นคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ คือ


" โอมมณี ปัทเม ฮุม"

โดย: sriyan3    เวลา: 2013-7-2 08:57
ขอบคุณครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-7-2 12:25
สาธุ ขอบคุณมากครับ _/\_
โดย: moshido    เวลา: 2013-7-2 14:18
สาธุ

โดย: Metha    เวลา: 2013-7-25 10:32

โดย: sritoy    เวลา: 2015-11-12 16:46
สาธุครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2016-1-7 17:50

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-1-18 09:15

โดย: ธี    เวลา: 2016-1-18 13:40

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-2-4 06:29

โดย: Marine    เวลา: 2016-2-10 20:28
สาธุครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-10-22 04:52
ต้นทุนแห่งบุญกุศลที่พระโพธิสัตว์

ท่านสั่งสมไว้นั้นไม่ได้หายไปไหน

ยังมีให้ชาวพุทธเราพึ่งพาได้อยู่ตลอด

เมื่อยามที่เราอยู่โดดเดี่ยว

สู้ปัญหาอยู่เพียงลำพังก็อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีใคร

แม้ผืนแผ่นดินที่ว่ากว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็ยังเต็มไปด้วย

ซากสังขารที่พระโพธิสัตว์เคยสละชีวิตเพื่อสรรพสัตว์

มาแล้วนับไม่ถ้วน แล้วจะกลัวไปไย.

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-10-22 04:55
ฉะนั้น ในยามใดที่คนเรารู้สึกว่าโลกนี้มันช่างขัดสนแล้งเข็ญขาดบุญกุศลเกื้อหนุนเสียเหลือเกิน ก็ลองรำลึกถึงคุณของพระโพธิสัตว์หรือพระคุณแต่อดีตชาติของพระพุทธบิดาของเราดูบ้าง  เมื่อยามที่เราอยู่โดดเดี่ยวสู้ปัญหาอยู่เพียงลำพังก็อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีใคร  แม้ผืนแผ่นดินที่ว่ากว้างใหญ่ไพศาลนี้ก็ยังเต็มไปด้วยซากสังขารที่พระโพธิสัตว์เคยสละชีวิตเพื่อสรรพสัตว์มาแล้วนับไม่ถ้วน แล้วจะกลัวไปไย
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-10-22 05:05
ประวัติพระคาถาพระปัจเจกะโพธิสัตว์โปรดสัตว์



ประวัติพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์
          พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์นี้  หลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ)  วัดบางนมโค  อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ได้เรียนมาจากครูพึ่งบุญ  อายุ  ๙๙  ปี  จังหวัดนครศรีธรรมราช  (ท่านทำทานให้ขอทานครั้งละ ๑  บาท  ซึ่งสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวข้าวแกงจานละห้าสตางค์เอง)
                เมื่อ พ.ศ.  ๒๔๗๑ หลวงพ่อปาน  พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปทุกภาคของประทศไทย ทิศเหนือได้ไปเชียงตุงของพม่า  ทิศตะวันออกไปสุดภาคอีสาน  และได้ขออนุญาติข้ามเขตไปในอินโดจีนของฝรั่งเศสถึงประเทศญวน ทิศใต้ได้ไปถึงปีนังของอังกฤษ
  ท่านครูพึ่งบุญเล่าประวัติพระคาถา

          (มองดูแล้วตนในคณะที่ไปกับหลวงพ่อ  อายุ ๕๐  เศษ เหมือนจะแก่ เท่า ๆ กับทาน)  เมื่ออายุท่านได้ประมาณ ๔๐  ปี  ได้มีพระธุดงค์เดินธุดงค์มารูปเดียว  ท่านเห็นพระรูปนั้นแล้วรู้สึกเลื่อมใสมาก  จึงได้นิมนต์ให้พักอยู่เพ่อบำเพ็ญกุศล ๕  วัน  ได้ปฏิบัติท่านอย่างดีเท่าที่จะทำได้  ได้เรียนกรรมฐานจากท่าน  ท่านได้สอนให้เป็นอย่างดี เมื่อจะกลับท่านพูดว่า“โยมฉันจะจุดธูปอาราธนาพระ  แล้วอาตมาจะมาพบทางใน  แล้วท่านได้มอบพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์บทนี้ให้ พร้อมทั้งอธิบายวิธีปฏิบัติ  ท่านว่าทำเพียงเท่านี้พอเลี้ยงตัวรอด  เงินทองของใช้ไม่ขาดมือ  ถ้าปฏิบัติเป็นกรรมฐานทำให้ถึงฌานแล้วจะร่ำรวยเป็ฯเศรษฐีโยมเอาพระคาถาบทนี้ภาวนาเป็ฯกรรมฐานเถิดนะ  ไม่เกิด ๒ ปี โยมจะรวยใหญ่ เงินทองจะหลั่งไหลมาเองพระคาถาบทนี้ของพระปัจเจกพุทธเจ้า  ตระกูลอาตมาได้เรียนสืบต่อกันมาทุกตน  ไม่มีใครจน  อย่างจนก็พลเลี้ยงตัวรอด”
ให้หลวงพ่อปานเรียนพระคาถา          เมื่อพูดจบได้มอบพระคาถาให้หลวงพ่อเรียนแล้วบอกว่าได้โปรดอย่าปิดบังพระคาถาบทนี้เลย  ขอได้กรุณาแจกเป็นธรรมด้วย แล้วหลวงพ่อก็หลับตาเข้าสมาธิ  ท่านครูผึ้งก็หลับตาเข้าสมาธิต่างคนต่างหลับตาประมาณ  ๕  นาที  ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน  ต่างคนต่างยิ้ม  เสียงท่านครูผึ้งพูดว่า “ผมดีใจด้วยที่ต่อไปเบื้องหน้าท่านจะได้ศิษย์คู่ใจ”  หลวงพ่อก็หัวเราะ
ตอบคำถามหลวงพ่อหลวงพ่อถามว่า  ท่านอาจารย์ทำนานนักไหม  จึงจะรู้ผลอาจารย์ตอบว่า ไม่นานครับ ประมาณเดือนแรกผ่านไป  เริ่มรู้ผลระยะแรกให้ผลในทางกินก่อน  เช่นข้าวหุงตามธรรมดา  คนกินในบ้านก็กินเท่าเดิม  เพิ่มการใส่บาตร  แต่ข้าวเหลือ  ผมเคยต่อว่าหุงทำไมหุงมากนัก เขาบอกว่าหุงเท่าเดิน ผมจึงสั่งให้ลดจนเหลือครึ่งจำนวนพอดี
เงินเริ่มเพิ่ม          เมื่ออาหารเริ่มลดความหมดเปลือง  รายได้ก็เพิ่มขึ้นในระยะ  ๑  ปี ผ่านไปเรื่องการเงินเริ่มไหวตัว  เงินในที่เก็บเริ่มเกินบัญชี  เงินจากร้านค้ารับมานับว่าพอดี  พอรุ่งขึ้นมาจรวจเงินมากกว่าจำนวนทุกที  ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด เดี๋ยวนี้ผมทำอะไรไม่ไหว  แต่ผมก็มีรายได้ทุกวันใครไปใครมา  ขากลับคนนี้ให้บ้างคนนั้นให้บ้าง  คิดเฉลี่ยผมมีรายได้วันละประมาณเกือบร้อยบาท พระคาถาบทนี้ศักดิ์สิทธ์มากครับ
ทำเป็นกรรมฐาน          หลวงพ่อได้ถามว่า  ท่านอาจารย์ทำอย่างไร  อาจารย์ตอบว่า  ผมทำเป็นกรรมฐานเลยครับ  ทำจนสว่าง  หลับตาลงแล้วเกิดความสว่างขึ้น  ได้เห็นพระพุทธรูปบ้าง  พระสงฆ์บ้าง  มีอยู่องค์หนึ่งครับจีวรสวยมากไม่เหมือนจีวรพระธรรมดา แล้วเริ่มเห็นเงิน คราวแรก  ๆ  เป็นจำนวนน้อย ๆ ต่อมาก็เห็นจำนวนมากตามลำดับ จนถึงกองใหญ่เหลือที่จะนับ ตอนนี้เองครับ  เงินทองไหลมากันใหญ่ทำอะไรนิดทำอะไรหน่อยก็ดีไปหมด คนอื่นเขาทำขาดทุนผมลองไปบ้างก็มีกำไรดีเสียด้วย
ของเพิ่ม          มีเรื่องแปลกอีกครับ  นอกจากเงินเพิ่มแล้ว  ของก็เพิ่มอีกด้วยข้าวของที่อยู่หรือหาหาใหม่  มีบัญชีจดไว้ครบถ้วน ครั้นไปตรวจคราวใดของเกินบัญชีทุกที
เคล็ดลับ                หลวงพ่อถามว่า มีเคล็ดลับอะไรบ้างในการเข้าออกและการเก็บเงินใช้เงินอาจารย์ตอบว่า มีครับแหม ผมเกือบลืมบอก ดีแล้วครับถามดีมาก เรื่องนำข้าวของไม่ว่าเป็นอะไร จะเป็นของกิจ ของใช้ของขายก็ดีผมทำน้ำมนต์ด้วยพระคาถาบทนี้ไว้เมื่อนำข้าวของเข้าบ้านผมเอาใบพลู ๓ ใบ จุ่มน้ำมนต์พรมของนั้น ๓ หน พรม ๑ ว่าพระคาถาหนึ่งจบ
การนำเงินเข้าเก็บและนำออกใช้                เมื่อนำเงินเข้าเก็บและนำเงินออกมาใช้ ให้ว่าพระคาถานี้เท่ากับจำนวนที่สวดบูชาพระเช่น ปกติสวด ๗ จบ เมื่อนำเงินเข้าเก็บก็ว่าพระคาถานี้ ๗ จบ แต่อย่านับเงินก่อน ให้จบเงินแล้วว่าพระคาถาครบจำนวนเงิน จึงนำเงินออกมานับนอกที่เก็บ คำสนทนาครูพึ่งบุญกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค             จบคำสนทนาของครูพึ่งบุญ กับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
พระคาถาพระปัจเจกะโพธิ โปรดสัตว์
นะมโตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(ว่า ๓ จบ)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระยะโย
วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี
วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานี มานะ พุทธัสสะ สวาโหม





โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-10-22 05:06
พระคาถาบทนี้ สามารถพิสูจน์ทดสอบได้
          เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนทั้งหลายว่า พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์ โปรดสัตว์นี้ศักดิ์สิทธิ์ ได้ผลแน่นอนแล้ว ให้ทดสอบดังนี้   เอาต้นไม้ที่ออกดอกง่าย ๆ เร็ว ๆ เช่นต้นพริกหรือต้นคุณนายตื่นสาย (ต้นเซี้ยงไฮ้) ให้ปลูกไว้ ๒ กระถาง แล้วรดน้ำตามปรกติ อีกต้นหนึ่งรดน้ำธรรมดา แต่อีกต้นหนึ่งรดน้ำพร้อมทั้งท่องพระคาถาบทนี้ทุกครั้งจะเป็ฯผลแตกต่างกัน ทั้งความแข็งแรงและการผลิดอกออกผล ให้ท่านพิสูจน์เช่นนี้ จะเห็นความมหัศจรรย์ของพระคาถาบทนี้

ปรารภถึงหลวงพ่อ โดย นายประสงค์ ตั้งตรงจิตร ห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่าเตียน
          เนื่องด้วยข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน) วัดบางนมโค บ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งท่านได้มีพระคุณ ได้อบรมสั่งสอนวิชา และให้โอวาทความดีต่างๆ แก่ข้าพเจ้าตลอดมา
                เท่าที่ข้าพเจ้าสังเกตในท่านที่มีพระคุณนี้เห็นว่าท่านในใจในพระคาถาของพระปัจเจกะโพธิ์มากกว่าสิ่งใด ๆ ทั้งหมด อาทิเช่น ท่านจะมีการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลใด ๆ ท่านต้องนำบทพระคาถานี้ออกแจกแก่บรรดาท่านทั้งหลายที่มาร่วมกันกระทำการกุศลนั้นทั้งบรรดาท่านที่คุ้นเคยนับถือและบรรดาศิษยานุศิษย์ทั่วกันทุก ๆ คน หรือท่านมีกิจจะไปพัก ณ ที่ใด ท่านจะต้องนำพระคาถานี้ติดตัวท่านไปแจกด้วยเสมอทุก ๆ ครั้ง หรือท่านบูชากับกองพระคาถานี้ในขณะที่ท่านผ่านไปมาทุกเมื่อ
                หรือท่านจะอยู่ ณ สถานที่ใด ย่อมต้องกล่าวอ้างถึงความงามความดีแห่งพระคาถานี้เสมอ และแนะนำให้ผู้ทีมานั่งฟังอยู่ ณ ที่นั้นให้ไปกระทำตามพร้อมทั้งกล่าวยกตัวอย่างที่ท่านได้แนะนำไปแล้วนำไปแล้วว่าได้ผลดีอย่างไร ถึงกับได้นำของตัวอย่างมากให้ดูด้วย เช่น ต้นกล้วยที่มีผู้ปลูกแล้วต้นสูงใหญ่ผิดกว่าต้นกล้วยธรรมดา มีลูกมากกว่า ๕๐๐ ลูกต่อหนึ่งเครือ ตกปลีแล้วยังเหลือปลีใหญ่

อีกมากนัก ผู้ที่เห็นกับตาตนเองแล้วกล่าวอนุโมทนาทุกคนว่าแปลกประหลาดมาก ต้นกล้วยที่กล่าวนี้ท่านได้นำมาตั้งให้คนจำนวนมากดูอยู่ที่ลานวัดของท่าน เพื่อจะได้ชมเป็นขวัญตาทุกคน และยังมีอีกมากรายที่ท่านไดเล่าให้ฟัง เพื่อจะได้ชมเป็นขวัญตาทุกคน และยังมีอีกมากรายที่ท่านไดเล่าให้ฟัง มีผลดีทั้งนั้น การปลูกฟักที่ลูกมากมาย ฟัก ๓ ลูกใหญ่โตมาก ๓ ลูกหนักกว่า ๑ หาบ การปลูกมะม่วงอกร่องออกลูกเต็มต้น ผลมะม่วงใหญ่กว่าผลมะม่วงธรรมดาถึง ๓ เท่า การปลูกข้าวก็ได้ข้าวมากกว่าธรรมดามาก แต่เหลือวิสัยที่จะนำมาให้ดูได้ทุก ๆ อย่างเป็นแต่เล่าให้ฟังพอเป็นสังเขปเท่านั้น จึงเห็นว่าท่านสนในพระคาถานี้มากที่สุด
(นายประยงค์  ตั้งตรงจิตร์ เป็นศิษย์คนแรกที่ได้นำพระคาถาบทนี้ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง จนได้ผลสำเร็จมาแล้ว จากคนธรรมดาไปเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐี และได้ช่วยเหลือหลวงพ่อปานมาตลอด และเป็นผู้เผยแพร่พิมพ์แจกพระคาถาบทนี้)

หลวงพ่อปาน โสนันโท
                หลวงพ่อปาน ถือกำเนิดที่ย่านวัดบางนมโค เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๑๘ อาชีพของครอบครัวคือการทำนา
                หลวงพ่อปาน อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๘ โดยมีพระอุปัชฌาย์ คือหลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ เป็นอาจารย์สอนจนสำเร็จกรรมฐาน
                ได้หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี เป็นอาจารย์สอนด้านกรรมฐานเพิ่มตอนมีชีวิตอยู่หลวงพ่อปานได้ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บตลอดจนผู้คนที่ถูกคุณไสยฯ ต่างๆ จนหายเป็นปกติทุกรายไป
          หลวงพ่อสุ่นและหลวงพ่อเนียมได้ทำนายหลวงพ่อปานว่าได้
ปรารถพุทธภูมิมามาก ทำมาเยอะแล้ว ชาตินี้เป็นชาติที่สุด การบำเพ็ญบารมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ต่อไปก็มีการเกิดจะตรัสเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นหลวงพ่อปานมรณะภาพเมื่อ ๒๖ กรกฎาคม ๒๔๗๑


โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-10-22 05:09
พระคาถาพระมหาโพธิสัตว์ & พระบรมครูแพทย์ชีวกฯ

ก่อนอัญเชิญพระคาถาให้ตั้งนะโม ๓จบ (แต่ละพระคาถาให้ภาวนา ๓ จบ)



คาถาพระมหาโพธิสัตว์


พุทธัง มหาสติ ธัมมัง มหาปัญญา สังฆัง มหาบารมี

พรหมมา มหาเมตตัง เทวา มหาลาพัง อาจาริโย มหาวิชชะยัง

มาตาบิตา มหาคุณณัง

ศรีอริยเมตไตรย มหาบารมี มหาเมตตา

โย สัพพะ มหาลาพัง มหาลาโภ ประสิทธิ เมฯ

ยัง ทานัง สีลัง ภะวะนายัง อุปัตติยัง มนุสเสติฯ

พุทธัง มหาโพธิสัตว์ ศรีอริยเมตไตรย ประสิทธิ เมฯ

ธัมมัง มหาโพธิสัตว์ ศรีอริยเมตไตรย ประสิทธิ เมฯ

สังฆัง มหาโพธิสัตว์ ศรีอริยเมตไตรย ประสิทธิ เมฯ

.................๓ จบ..............

พระคาถา

อัญเชิญพระบรมครูแพทย์ ชีวกโกมาภัจจ์ (แพทย์ประจำตัวพระพุทธเจ้า)

โอมนะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กรุณิโก

สัพพะสัตตานัง โอสะถะทิพพะมันตัง ประภาโส

สุริยาจันทัง โกมารภัจจ์โต ประภาเสสิ วันทานิ

บัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนาโหมิ

..............๓ จบ...............


Nee-Sansanee 2


โดย: Nujeab    เวลา: 2017-6-23 10:00

โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-5-20 08:24


โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-7-6 07:02

โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-4-3 08:24


โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-6-1 06:20






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2