Baan Jompra
ชื่อกระทู้: ~ พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม ฐานุสฺสโก) วัดดอนยายหอม ~ [สั่งพิมพ์]
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-2 00:17
ชื่อกระทู้: ~ พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม ฐานุสฺสโก) วัดดอนยายหอม ~
[attach]3730[/attach]
พระครูเกษมธรรมนันท์ (แช่ม ฐานุสฺสโก)
วัดดอนยายหอม
ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
ประวัติและปฏิปทา
ชื่อเดิม
แช่ม อินทนชิตจุ้ย
ชาตะ
วันพุธที่ ๖ มีนาคม ๒๔๔๙ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเมีย ที่บ้านหมู่ที่ ๑ ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรคนที่ ๓ ของนายเนียม และนางอ่ำ อินทนชิตจุ้ย
อุปสมบท
ที่อุโบสถวัดดอนยายหอม ในวันศุกร์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ โดยมีพระครูอุตตรการบดี (สุข) วัดห้วยจรเข้ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูทักษิณานุกิจ (เงิน) วัดดอนยายหอม เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระครูวินัยธร (ใย) วัดบางช้างใต้ เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า "ฐานุสฺสโก"
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-2 00:17
การศึกษา
ในด้านพระปริยัติธรรม หลวงพ่อแช่ม สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ จากนั้นได้หันมาศึกษาด้านการปฎิบัติ โดยได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน และพระเวทวิทยาคมต่างๆจากหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อรุ่ง วัดดอนยายหอม หลวงพ่อคง วัดบางกะพร้อม และพระครูอุตตรการบดี (สุข) วัดห้วยจรเข้
สมณศักดิ์
- ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็นพระครูฐานานุกรมของพระราชธรรมาภรณ์ (เงิน) ในตำแหน่งพระครูปลัดแช่ม
- ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนา ที่ พระครูเกษมธรรมานันท์
- ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นพระอุปัชฌาย์
- ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม
- ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอก วิปัสสนา พัดพุฒตาลขาว ในราชทินนามเดิม
ผลงานด้านการพัฒนา
สมัยที่หลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อแช่มเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง สำคัญของหลวงพ่อเงินในการพัฒนาสร้างสรรค์สาธารณประโยชน์ต่างๆ มากมาย เมื่อหลวงพ่อเงินมรณภาพไปในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ หลวงพ่อแช่ม ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของหลวงพ่อเงินต่อไป
๑. การบูรณปฎิสังขรณ์เสนาสนะ กุฎิสงฆ์ และถาวรวัตถุต่างๆในวัดดอนยายหอม
๒. เป็นประธานอุปถัมภ์ในการสร้างวัดตะแบกโพรงสามัคคีธรรมที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
๓. สร้างโรงเรียนหลวงพ่อแช่มอุปถัมภ์ (ฉิมเกตุ อ่อนอุทิศ) ที่ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
๔. สร้างตึกคนไข้ ๔ ชั้น ที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
๕. จัดหาทุนสร้างหอประชุมอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-2 00:17
ชื่อเสียงกิตติคุณ
เชื่อกันว่าหลวงพ่อแช่มสำเร็จเตโชกสิณตั้งแต่พรรษายังน้อย บางคนเชื่อว่าท่านสำเร็จฌานอภิญญามีพลังจิตเข้มขลัง ปรากฏการณ์ที่ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็คือ สามารถอธิษฐานจิตปลุกเสกจนน้ำมนต์เทไม่ออก วัตถุมงคลต่างๆที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก มีพุทธคุณครบเครื่องทุกๆด้าน แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ เมตตามหานิยม ปัจจุบันวัตถุมงคลชุดสำคัญๆของท่านเริ่มเป็นที่นิยมและสะสมกันมากขึ้น นอกจากพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆแล้ว น้ำพระพุทธมนต์ แป้งเจิม มงคลสวมคอ การผูกหุ่นพยนต์ และสาริกาลิ้นทอง เป็นวิชาเฉพาะตัวที่หลวงพ่อทำได้ขลังยิ่งนัก
มรณภาพ
วันพฤหัสบดีที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ รวมสิริมายุได้ ๘๗ ปี พรรษา ๖๗
ที่มา http://www.dharma-gateway.com/mo ... hist-index-page.htm
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-2 00:18
ใครหาวัตถุมงคลของหลวงพ่อเงินไม่ได้แนะนำหลวงพ่อแช่มครับ
รับรองไม่แตกต่างกันครับ นอกจากราคาค่าบูชา
โดย: oustayutt เวลา: 2013-7-3 20:37
กราบหลวงปู่ครับ
โดย: Metha เวลา: 2013-7-4 04:52
ทางวัดเก็บสังขารท่านไว้หรือเปล่าครับ
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:24
หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังเป็นพระอริยะสงฆ์ เป็นที่เคารพสักการะของชาวนครปฐม และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป แม้แต่คนที่นับถือศาสนาอื่นก็ยังเคารพเลื่อมใส จังหวัดนครปฐมถือได้ว่าเป็นดินแดนแห่งพระเกจิอาจารย์อาคมขลังขมังพระเวทตั้งแต่อดีตสืบทอดถึงปัจจุบัน มีพระเกจิอาจารย์นับจำนวนได้เกินร้อยรูปแต่ละรูปล้วนมีเกียรติคุณลือชาไปทั่วแคว้นแดนไทย หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ก็ถือเป็นยอดแห่งพระเกจิอาจารย์แห่งยุคอีกรูปหนึ่ง ท่านเป็นที่ยอมรับในความที่มีอิทธิฤทธิ์ปฎิหารย์ตลอดทั้งบุญฤทธิ์ของท่านประจักษ์ตาประจักษ์ใจ ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง ของหลวงพ่อแช่มได้เคยปรากฏให้ใครต่อใครได้พบเห็นมามากต่อมาก ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ใครขอพรได้พรจากท่านแล้วมักจะมีความรุ่งเรืองสมประสงค์ทุกรายไป
กำเนิดหลวงพ่อแช่ม
หลวงพ่อแช่มท่านมีนามเดิมว่า แช่ม อินทนชิตจุ้ย ถือกำเนิดเกิดมาเมื่อวันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2449 ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเมีย ณ.บ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 1 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โยมบิดาชื่อ นายเนียม โยมมารดาชื่อ นาง อ่ำ อินทนชิตจุ้ย มีพี่น้องร่วมสายโลหิตรวมทั้งสิ้น 7 คน หลวงพ่อแช่มเป็นคนที่ 3 พี่น้องร่วมสายโลหิตทั้ง 7 คน มีดังต่อไปนี้
1. นายเอี่ยม อินทนชิตจุ้ย
2. นายอุ่ม อินทนชิตจุ้ย
3. หลวงพ่อแช่ม (ฐานุสสโก)
4. นางช้อย ลำวิไล
5. นายพวง อินทนชิตจุ้ย
6. นางเจียก สอดสุข
7. นายพุ่ม อินทนชิตจุ้ย
พี่น้องทั้ง 7 คนดังกล่าวนี้ ปัจจุบันได้เสียชีวิตหมดแล้ว
พื้นฐานเดิมของครอบครัว
อาชีพพื้นฐานเดิมของโยมบิดา-มารดา ของหลวงพ่อแช่ม ก็เหมือนกับอาชีพของครอบครัวอื่นๆ ในตำบลเดียวกัน ซึ่งเกือบจะทุกครอบครัวประกอบอาชีพในทางทำนาปลูกข้าว เลี้ยงเป็ด-ไก่ เล็กๆน้อยๆ เดื่อเป็นอาชีพเสริมในครัวเรือน โยมบิดา-มารดา มีพื้นที่นาทำกินหลายสิบไร่ ตำบลดอนยายหอมในสมัยนั้นยังไม่เจริญ ยังมีประชากรไม่มากนัก ที่ทางก็ไม่มีคนจับจอง สิ่งที่จำนำมาเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคนั้นยังมีอยู่ทั่วไป และไม่ค่อยจะมีใครหวงแหนเหมือนอย่างในสมัยปัจจุบันนี้ พืชผัก ปลา อาหารสมบูรณ์ การทำมาหากินต้องอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก กลางท้องทุ่งนาในสมัยก่อนยังเป็นป่าเป็นพง ยังไม่เป็นทุ่งโล่งเหมือนอย่างกับปัจจุบันนี้ โยมเนียมจึงพากเพียนหักล้างถางพงบุกเบิกไร่นาสะสมไว้เพื่อจะได้เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลานต่อไป
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:25
ชีวิตในปฐมวัย
เมื่อโยมบิดา-มารดา ได้กำเนิดเด็กชายแช่มแล้ว ก็ทะนุถนอมเลี้ยงดูเยี่ยงเด็กสามัญชนทั่วไป ตามฐานะที่พ่อแม่จะพึงมี ในวัยเยาว์ เด็กชายแช่มจะเป็นลูกที่เลี้ยงง่าย ไม่ออดอ้อน งอแง เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยจะหายเร็ว ไม่ดื้อรัน เกเร ว่านอนสอนง่ายจึงเป็นที่รักและเอ็นดูของพ่อแม่ พี่ๆน้องๆ และเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน เด็กชายแช่มชอบแสวงหาสันโดษเป็นเนืองนิตย์ ดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบใคร มีความเมตตา เสียสละและชอบช่วยเหลือเป็นห่วงเป็นใยต่อเพื่อนเด็กๆด้วยกัน ไม่ชอบทำบาป ไม่ยิงนก ตกปลา หักขาตั๊กแตน ซึ่งผิดวิสัยกับการกระทำของเด็กทั่วไป ตรงกันข้ามเด็กชายแช่มกลับมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนๆ รักความสะอาดเรียบร้อย ยิ่งกว่านั้นยังได้แสดงออก ซึ่งสัญลักษณ์แห่งความเป็นปรัตถจริยา คือชอบทำประโยชน์ให้กับคนอื่น ทั้งนี้สังเกตได้จากการร่วมเล่นระหว่างเพื่อนเด็กๆด้วยกัน เช่น แทนที่จะเล่นซ่อนหา ตี่จับ แต่เด็กชายแช่ม มักจะหาโอกาสชักชวนเพื่อนๆ ให้เล่นแข่งขันกันทำความสะอาด เช่น เล่นกวาดขยะบนถนน หน้าลานบ้าน เก็บเศษไม้ ตัดแต่งกิ่งไม้ที่เกะกะระรานทางเดิน แข่งขันกันรดน้ำต้นไม้ เป็นต้น
เมื่อเติบใหญ่เป็นวัยรุ่น นายแช่มต้องช่วยพ่อแม่ทำนาและเลี้ยงสัตว์ การทำนาก็ใช้วัวเป็นกำลังหลักสำคัญ นายแช่มเป็นคนรักสัตว์มาก ให้การเลี้ยงดูวัวของครอบครัวเป็นอย่างดียิ่ง แม้แต่จำใช้คำพูดคำจากับวัวก็ยังใช้ภาษาที่ไพเราะ เมื่อเสร็จจากการไถนาในแต่ละวันแล้ว ก็จะไล่ต้อนวัวไปกลางทุ่งเพื่อให้วัวได้กินหญ้าอ่อนตามประสาของมัน เมื่องานประจำวันที่รับผิดชอบมีมากและหลีกเลี่ยงไม่ได้ นายแช่มจึงไม่ค่อยได้มีโอกาศเที่ยวเตร่สนุกสนาน เฮฮา เถลไถล เกกมะเหรกเกเร เหมือนกับวัยรุ่นทั่วๆไปในชุมชนนั้น
นายแช่มนับว่าเกิดมาโชคดีที่มีพ่อ-แม่ ซึ่งถือว่าเป็นพรหมของลูกได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพ่อ-แม่อย่างเป็นธรรม พ่อเนียม แม่อ่ำ จะให้ความเป็นธรรมในการอบรมเลี้ยงดูลูกๆทุกๆคน การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะห้วหน้าครอบครัวตลอดจนการประพฤติปฏิบัติตน พ่อเนียมก็เป็นแบบฉบับเยี่ยงอย่างที่ดี นำมาซึ่งกำลังใจ และความอบอุ่นใจแก่ลูกเมียและญาติพี่น้องทุกคน การประพฤติดีและประพฤติชอบอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ความมีมุมานะบากบั่นขยันหมั่นเพียรในการทำมาหากิน ความมีคุณธรรมนั้น พ่อเนียมได้เป็นแบบอย่างที่ดีงามของลูกๆ และเพื่อนบ้านเสมอมา นายเช่มได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อเนียมให้เห็นจริงเห็นจังในกรรมต่างๆ ที่จะมาเป็นผลสนองแก่การกระทำนั้นๆ ลูกๆของพ่อเนียมทุกคน เกรงกลัวต่อบาป จึงตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมเหมือนพ่อเนียม การประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม โดยมุ่งหวังที่จะปลูกฝังจริยธรรมและสัมมาอาชีวะให้แก่บุตร-ธิดานั้น พ่อเนียมเห็นว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าการใฝ่หาทรัพย์สมบัติมาสะสมเป็นกองมรดกไว้ให้เสียอีก พ่อเนียมเห็นว่าทรัพย์นั้นผู้ถือกรรมสิทธ์ประพฤติไม่ดี แม้จะมีมากน้อยเพียงใด ก็ย่อมจะรักษาทรัพย์นั้นไว้ไม่อยู่ ย่อมอันตรธานหายไป หมดสิ้นไม่วันใดก็วันหนี่ง ส่วนคนประพฤติปฏิบัติดีนั้น แม้ทรัพย์สินมรดกจะมีน้อยหรือไม่มีเลย ก็อาจจะแสวงหาสะสมเก็บหอมรอมริบไว้มากได้ พ่อเนียมจึงมักจะบอกลูกให้คิดอยูเสมอว่า ?ใครมีปัญญาย่อมหาทรัพย์ได้ง่าย ถ้ารู้จักหา รู้จักเก็บ ก็คงไม่รู้จักจน การก่อสร้างครอบครัว ก้ต้องค่อยๆ ก้าวขึ้นทีละน้อยๆ อย่าคิดโลภมาก ผลีผลามตัดสินใจอะไรง่ายจนเกินไป อาจจะพลาดพลังได้ง่าย?
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:25
การศึกษาเบื้องต้น
ในสมัยนั้นตำบลดอนยายหอมยังไม่มีโรงเรียนเหมือนอย่างในสมัยปัจจุบัน ชาวบ้านไม่รู้จักหนังสืออ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ จึงมีมาก โดยเฉพาะผู้หญิงจะไม่มีโอกาศรู้หนังสือเลย คนที่พอจะอ่านออกเขียนได้ส่วนมากมักจะมีหลวงอาตาปู่ เป็นสมภารเจ้าวัด พ่อ-แม่ที่มองการไกลเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา รู้คุณค่าของการรู้จักหนังสือ ก็จะนำบุตรหลานไปฝากไว้กับพระที่วัด เพื่อมอบหมายให้ปรนนิบัติรับใช้ เวลาว่างก็ศึกษาเล่าเรียนกับพระไปด้วย เป็นการศึกษานอกรูปแบบ ถนัดอย่างไรก็เล่าเรียนไปตามนั้น คนทั่วๆไปมักจะคิดว่า หนังสือไม่สำคัญต้มแกงกินไม่ได้ จะอ่านเขียนไปทำไม ไม่รู้หนังสือก็ไม่เห็นติดคุกติดตราง เมื่อบุตรหลานเติบโตก็ควรจะฝึกหัดให้ถือหางคันไถฝึกฝนให้ทำไร่ไถนา จะเหมาะสมและมีประโยชน์มากกว่า ทางราชการและกฎหมายบ้านเมืองก็ยังไม่ได้ออกระเบียบกฎเกณฑ์การบังคับให้เข้าโรงเรียน การเรียนรู้หนังสือจึงถือว่าไม่จำเป็น และสำคัญเท่ากับการเรียนรู้เรื่องทำไร่ไถนา หว่านพืชพันธุ์ เด้กๆมีหน้าที่อย่างเดียว คือเมื่อตื่นนอนแล้วต้องต้อนวัวออกไปทำนากลางท้องทุ่งนา แต่พ่อเนียมไม่ได้คิดอย่างชาวบ้านทั่วไป คิดอยู่เสมอว่าลูกๆของพ่อเนียม(โดยเฉพาะลูกชาย) จำเป็นต้องเรียนรู้หนังสือ เพราะจะต้องบวชเรียนในภายภาคหน้า เมื่อมีอายุครบกำหนด คนที่ไม่รู้หนังสือคือคนตาบอด พ่อเนียมจึงหาวิธีการต่างๆทำให้ลูกๆ ไม่เบื่อบ้าน โดยหารูปภาพสวยๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์ ผลไม้หรือธรรมชาติมาให้ดูแล้วอธิบายให้ลูกๆฟัง หานิทานแปลกๆที่น่าขันและเป็นคติสอนใจมาเล่าให้ลูกๆฟังในยามว่างหรือก่อนเข้านอนในตอนกลางคืน ให้ลูกๆเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา สั่งสอนให้ลูกสวดมนต์ท่องศีลห้าอยู่เป็นประจำ เมื่อเด็กชายแช่มเติบโตพอสมควร พ่อเนียมก็นำไปฝากไว้กับพระที่วัดดอนยายหอม เพื่อปรนนิบัติรับใช้ และศึกษาเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมควบคู่กันไปด้วย การเรียนกับพระในสมัยนั้นกว่าจะอ่านออกเขียนได้ต้องใช้เวลาเป้นปี เพราะพระที่สอนไม่ได้จบการศึกษา ไม่มีประกาศนียบัตร ไม่มีปริญญาบัตร จึงไม่รู้หลักไม่รู้เทคนิคการสอน มุ่งสอนให้ท่องจำอย่างเดียว ไม่มีจิตวิทยาในการสอน ไม่มีระเบียบแบบแผนในการสอน สอนหลัก ก.ข. กา กิ กี แม่กก กน กม และมูลบทบรรพกิจ อุปกรณ์การสอนการเรียนก็ไม่มี อย่างดีก็มีแต่กระดานไม้ แล้วใช้ถ่านหุงต้มเขียน เมื่อเต็มแผ่นไม้กระดาน ก็ลบ-ล้างแล้วเขียนใหม่ เด้กชายแช่มได้รับการศึกษาอักษรสมัยภาษาไทยจากพระตามความนิยมของคนในสมัยนั้น โดยการเรียนที่เรียกว่า?หนังสือวัด? มีความรู้เบื้องต้นพออ่านออกเขียนได้ และมาศึกษาเพิ่มเติมอย่างแตกฉานเมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:25
สู่ร่มกาสาวพัสตร์
ด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ ด้านการศึกษาทางธรรม พออายุครบบวช คืออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ นายแช่มไม่รีรอปรึกษารบเร้าให้พ่อเนียม แม่อ่ำจัดแจงบวช เพราะเห็นว่าการใช้ชีวิตในการทำนาเข้าทำนองว่าหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน นั้นคงไม่สามารถจะแสวงหาความสงบสุขบรรลุถึงจุดมุ่งหมายทั้งในด้านการศึกษาและการช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ อย่างดีก็แค่ต้อนวัวออกจากคอกไปทำนากลางท้องทุ่งในตอนเช้า พอตกตอนเย็นก็ต้อนวัวกลับเข้าคอก ประกอบกับนายแช่มเป็นคนนิสัยโอบออ้มอารีมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้านเสมอเมื่อมีโอกาส และช่วยเหลือด้วยความยินดีและเต็มใจ นายแช่มคิดว่าความสุขที่แท้จริง น่าจะเป็นความสุขที่เกิดจากการปฏิบัติทางธรรม
พ่อเนียม แม่อ่ำ ได้พานายแช่มไปหาเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม ซึ่งขณะนั้นก็คือ หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม ปกครองพระภิกษุสามเณรได้เพียง 3-4 ปี เท่านั้น หลวงพ่อเงินท่านมีศักดิ์เป็นอาของนายแช่มอีกด้วย พ่อเนียมได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับพิธีการและฤกษ์ยามในการบวช โดยกำหนดวันอุปสมบทในวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2470 ตรงกับวันศุกร์ เดือนหก ขึ้นหกค่ำปีเถาะ ณ.พัทธสีมาวัดดอนยายหอม โดยมีพระครูอุตตรการบดี(หลวงพ่อสุข) วัดห้วยจระเข้ เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีหลวงพ่อเงิน เจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม เป็นพระกรรวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า ฐานุสสโก
เมื่อได้อุปสมบทแล้วภิกษุแช่มก็จำพรรษาที่วัดดอนยายหอม ได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมและศึกษาวิชาการทางด้านพุทธศาสนาอย่าจริงจัง ท่านเป็นพระนวกะ(พระบวชใหม่) ที่มีความมานะอดทน มีวิริยะอุตสาหเป็นเลิศ ตั้งใจศึกษาด้านปริยัติธรรมอย่างจริงจังไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากแต่ประการใด และในขณะนั้นหลวงพ่อเงินซึ่งเป็นสมภารหนุ่มมีอายุเพียง 33 ปี พรรษาที่ 13 มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะส่งเสริมการศึกษาด้าน พระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง มีความตั้งใจที่จะสร้างสำนักเรียนวัดดอนยายหอมให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป จึงพยายามให้ภิกษุสามเณรได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างเข้มงวด หลังจากที่พระภิกษุแช่มอุปสมบท ได้เพียงพรรษาแรก ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้จากสนามหลวงคณะจังหวัดนครปฐม และต่อมาได้รับความไว้วางใจจากหลวงพ่อเงินไพระภิกษุแช่มเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณรภายในวัดดอนยายหอมสืบต่อมาเป็นเวลานานหลายปี เมื่อสอบได้นักธรรมชั้นตรีได้ภายในปีเดียว ยิ่งเพิ่มกำลังใจให้ภิกษุแช่มได้มีความมุมานะในการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมมากขึ้นอีก จนกระทั้งสามารถเข้าสอบพระปริยัติธรรมแผนกธรรมได้นักธรรมชั้นเอกที่สนามหลวง
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:27
เหตุอัศจรรย์
ขอให้สังเกตว่าวันที่พ่อเนียมนำนายแช่มไปนมัสการหลวงพ่อเงิน ที่วัดดอนยายหอม เพื่อปรึกษาหารือพิธีการและฤกษ์พานาทีในการอุปสมบทของนายแช่ม ผลที่สุดหลวงพ่อเงินก็กำหนด เอาวันที่ 6 พฤษภาคม 2470 ซึ่งตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ เป็นวันอุปสมบท เมื่อถอดออกมาเป็นตัวเลขแล้วจะเป็นเลข 6 ทั้งหมด หลวงพ่อเงินท่านว่าเป็นฤกษ์ที่สุดสำหรับการอุปสมบทเพื่อสืบต่ออายุของพระพุทธศาสนา เหตุนี้จึงเป็นเหตุอัศจรรย์ที่น้อยคนนักจะได้รับวันสำคัญตรงกันเช่นนี้
คู่บารมีหลวงพ่อเงิน
หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ ได้รับฉายายกย่องจาดพุทธศาสนิกชนว่า (เทพเจ้าแห่งดอนยายหอม) ด้วยเหตุที่ท่านได้สร้างความดีอันหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ถาวรวัตถุนานาประการ และการอบรมบ่มนิสัยให้ชาวบ้านดอนยายหอมและพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธานับถือให้อยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม สมัยเมื่อวัดดอนยายหอมกำลังเริ่มต้นบูรณะปฎิสังขรณ์เสนาสนะในวัดหลายๆอย่าง พระภิกษุแช่ม ฐานุสสโก เปรียบเสมือนพระคู่บารมีของหลวงพ่อเงินและนับเป็นกำลังสำคัญของวัดทีเดียว ทั้งทางด้านการศึกษาเล่าเรียน พระปริยัติธรรมและด้านการก่อสร้างถาวรวัตถุบูรณะซ่อมแซมวัดดอนยายหอมให้พัฒนารุ่งเรืองต่อไป
ศึกษาทางด้านปฏิบัติกรรมฐาน
พระภิกษุแช่ม ท่านเป็นพระหนุ่มที่มีความมุมานะมีความวิริยะอุตสาหะเป็นเลิศ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง จนกระทั่งสามารถสอบได้ถึงขั้นนักธรรมเอก เมื่อสำเร็จนักธรรมสนามหลวงแล้ว พระภิกษุแช่มก็หันมาสนใจทางด้านปฏิบัติ ในขณะที่หลวงพ่อเงินกำลังเรืองด้วยพระเวทและบารมี ข้างกายท่านมีภิกษุหนุ่มซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานท่าน นั่นก็คือพระภิกษุแช่มนั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลวงพ่อเงินปฎิบัติ พระภิกษุแช่มก็ช่วยปฎิบัติเช่นเดียวกัน พระเวทคาถาอาคม ที่หลวงพ่อเงินมีอยู่และใช้ หลวงพ่อเงินก็ได้ถ่ายทอดให้แก่พระภิกษุแช่มทั้งหมดไม่ปิดบัง เมื่อพรรษามากเข้า พระภิกษุแช่มก็ขออนุญาตหลวงพ่อเงินออกธุดงค์ เพื่อปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานและ
สมถกรรมฐานได้ทำความเพียรจนสำเร็จแตกฉานเป็นอย่างดี การออกธุดงค์ในสมัยนั้นก็นิยมไปตามจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่ห่างไกลมากนัก เช่น จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี จังหวัดต่างๆ ที่กล่าวมานี้นับว่ามีพระเกจิอาจารย์ที่ขมังพระเวทยอดเยี่ยมทั้งนั้น พระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นมีกิจวัตรที่ต้องปฎิบัติเป็นประจำอยู่อย่างหนึ่ง นั้นก็คือ การออกธุดงค์หลังจากออกพรรษาเลยกลางเดือน 12 ไปแล้ว หรือรับกฐินแล้ว จุดมุ่งหมายที่เหมือนๆ กันนั้นก็คือ ต้องนมัสการพระแท่นดงรัง ที่จังหวัดกาญจนบุรี ณ.ที่นี้คงจะเป็นจุดรวมบรรดาเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมีชื่อเสียงจากทั่วสารทิศ แล้วมีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความสามารถ ทางธรรม ทางไสยเวท และคาถาอาคมขลัง ซึ่งกันและกัน
วัดดอนยายหอมในขณะนั้นมีพระอาจารย์ผู้เคร่งครัดและรอบรู้ทางสมถกรรมฐานองค์หนึ่งชื่อพระอาจารย์รุ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อฮวบ อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม ขณะนั้นพระภิกษุแช่มเป็นพระภิกษุหนุ่มมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะอุทิศตนเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาท่านเคยปรารภว่า เมื่อศึกษาเล่าเรียนทางด้านปริยัติธรรมอันเป็นพื้นฐานความรู้ในเบื้องแรกได้พอสมควรแล้ว ก็ควรจะศึกษาเล่าเรียนทางด้านปฎิบัติต่อไป หลวงพ่อแช่มเคยเล่าให้ฟังว่า การเรียนสมถกรรมฐานในระยะเริ่มแรกนั้น ต้องใช้ความอดทนจริงๆ ดีแต่ว่ามีพระอาจารย์รุ่ง ซี่งรอบรู้และเชี่ยวชาญในด้านนี้คอยควบคุมให้กำลังใจและตรวจสอบอารมณ์อยู่เสมอ กว่าสำเร็จลุล่วงไปได้ต้องใช้เวลานานนับปี
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:27
นิวรณ์ทั้ง 5
หลวงพ่อแช่มบอกว่าการที่จะเจริญบริกรรมภาวนาขึ้นไปจนถึงขั้นอุปจารภาวนาได้นั้นส่วนมากต้องพบกับอุปสรรคอันยิ่งใหญ่นานัปการ นิวรณ์เปรียบเสมือนมารร้าย ที่คอยกางกั้นไม่ให้ญาณสมาบัติเกิดขึ้นแก่ผู้บำเพ็ญสมถกรรมฐาน มี 5 อย่าง คือ
1. กามฉันทะนิวรณ์ ได้แก่ การพึงพอใจในกามคุณอารมณ์ต่างๆ หมายความว่า ในขณะบำเพ็ญสมถกรรมฐานหากมีจิตคิดอยากได้ฌาณสมาบัติซึ่งเป็นจุดหมายแห่งการบำเพ็ญสมถกรรฐานก็จัดได้ว่าเป็น กามฉันทะนิวรณ์
2. พยาปาทะนิวรณ์ ได้แก่ ความไม่พอใจในอนิฏฐารมณ์ต่างๆ (อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา) เช่น เกิดบ้าเลือดเดือดดาลใจว่าตนทำกรรมฐานไม่เจริญก้าวหน้าที่ดี หรือมีความโกรธ ต่อท่านอาจารย์ผู้บอกกรรมฐานแห่งตน โดยหาว่าท่านเป็นคนจู้จี้จุกจิกคอยแนะนำพร่ำสอนและดุตวาดอยู่เนืองนิตย์ แสดงออหริ ด้วยโวหาร และปากมากเสียจนรำคาญก็ดี จัดว่าเป็น พยาปาทะนิวรณ์
3. ถิ่นมิทธะนิวรณ์ ได้แก่ ความหดหู่ ความง่วงเหงาและความท้อถอย หลวงพ่อท่านบอกว่า ไอ้ตัวถิ่นมิทธะนิวรณ์ ตัวนี้สำคัญที่สุด มันก็คืออริร้ายที่คอยตามผจญผู้บำเพ็ญสมถกรรมฐาน อยู่ตลอดเวลา มันคอยให้เกิดความรู้สึกหดหู่เหมือนกับว่าความง่วงเข้าครอบงำขนาดใหญ่ มันเป็นความง่วงแบบสลักจิตใจ บางทีให้เกิดความท้อถอย ไม่อยากปฏิบัติต่อ ไม่อยากได้ดีอะไรทั้งหมด
4. อุทธัจจกุกุจจนิวรณ์ ได้แก่ ความฟุ้งซ่าน รำคาญใจ มันร้ายพอๆกับไอ้ตัวถิ่นมิทธะนิวรณ์ทีเดียว ง่วงไม่ง่วงเปล่าคิดมากไปอีกด้วย คิดฟุ้งซ่านไปหมดเห็นคนทั้งหลายกลายเป็นคนไม่เข้าท่าไปหมด เป็นคนโง่ไม่รู้จัดธรรมวินัย มีใจเสื่อมทราม คนที่ไม่มีความสำรวมระวัง บางทีหนักเข้าเห็นครูบาอาจารย์เป็นคนโง่ไปก็มี ให้นึกคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนานา อาการดังกล่าวชอบเกิดแก่ผู้บำเพ็ญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานอย่างยิ่ง
5. วิจิกิจฉานิวรณ์ ได้แก่ความสงสัยในคุณพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือขณะบำเพ็ญภาวนาอยู่อย่าขมักเขม้น อยู่เกิดความสงสัยขึ้นมาได้ว่าพระพุทธเจ้ามีจริง หรือพระพุทธเจ้าได้บรรลุฌาณสมาบัติดันจัดเป็นวิกขัมภณวิมุตติ และได้บรรลุมัรรคผลนิพานจริงหรือเปล่าหนอ
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าได้แสดงไว้นั้น เป็นความจริงหรือเปล่าหนอ ญาณสมาบัติและมรรคผลนิพพาน ซึ่งเป็นจากการบำเพ็ญกรรมฐานนั้น มีจริงหรือเปล่าหนอ
พระอริยสงฆ์ ซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธองค์ที่ว่าสามารถได้บรรลุคุณวิเศษ คือฌาณสมาบัติ และมรรคผลนิพพานนั้น ได้สำเร็จริงหรือเปล่าหนอ
คือมัวแต่คอยแสวงหาความจริงอยู่ด้วยอำนาจความสงสัยอยู่เช่นนี้วันแล้ว วันเล่าจนไม่เป็นอันที่จักปฏิบัติกรรมฐานให้เจริญก้าวหน้าโดยสะดวก บางทีสงสัยมากๆเข้าก็พาลเลิกปฏิบัติเสียเลย
หลวงพ่อได้กล่าวต่อไปอีกว่า นิวรณ์ ทั้ง 5 ประการนี้ เป็นตัวอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ในการบำเพ็ญกรรมฐานไม่ว่าจะเป็นสมถกรรมฐาน หรือวิปัสสนากรรมฐาน หากผู้ใดมีจิตใจอ่อนแอพ่ายแพ้แก่นิวรณ์เหล่านี้เสียแล้ว ก็จักไม่สามารถปฎิบัติกรรมฐาน เพื่อยังคุณวิเศษ คือ ฌาณสมาบัติและมรรคผลนิพพานให้เกิดขึ้นในในจิตสันดานแห่งตนได้เลย
ท่านเองในขณะที่เริ่มเจริญบริกรรมภาวนาต้องต่อสู้กับนิวรณ์เหล่านี้อย่างอดทนที่สุด ดีว่ามีพระอาจารย์รุ่ง ผู้รอบรู้ในด้านสมถกรรมฐาน คอยแนะนำสั่งสอนและคอยสอบอารมณ์กรรมฐานอยู่ตลอดเวลา
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:28
ผู้สำเร็จเตโชกสิณ
สิ่งที่สัมผัสได้ของหลวงพ่อแช่ม ก็คือในเวลาที่ท่านนั่งเจริญเตโชกสิณ ขณะที่ท่านปฏิบัติถึงจุดๆหนึ่ง ณ.กุฎิของท่านจะสว่างไสวไปด้วยแสงเรืองอ่อนแผ่กระจายมองดูสดใส เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นเพียงท่านนั่งสงบนิ่งไม่ไหวติง หน้าโต๊ะหมู่บูชา ทั้งๆที่ในกุฏิมีเพียงดวงเทียนเพียงดวงเดียวเท่านั้น แสงสว่างภายในกุฎิของท่านนั้นเกิดจากไฟในดวงจิตของท่าน ซึ่งท่านสามารถกำหนดจิตบังคับให้เกิดเป็นแสงสว่างขึ้นทั่วบริเวณรอบๆกายของท่าน ในขณะที่หลวงพ่อเงินยังเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอมอยู่นั้น หลวงพ่อแช่มพึ่งจะสำเร็จเตโชกสิณ ทุกครั้งที่หลวงพ่อแช่มนั่งเจริญภาวนาสมาธิ ก้จะเกิดแสงเตโชกสิณสว่างไสวขึ้น ณ.กุฎิของท่านทุกครั้งไป จนท่านหลวงพ่อเงินมักปรารภเปรยอยู่บ่อยๆว่า ?คุณแช่มระวังไฟไหท้กุฎินะ? คำปรารภของหลวงพ่อเงินที่กล่าวถึงหลวงพ่อแช่มนั่น เพราะหลวงพ่อเงินท่านทราบด้วยญาณแล้วว่าหลวงพ่อแช่มกำลังทำอะไรอยู่
เตโชกสิณ นั้นอยู่ในอำนาจของจิตชนิดหนึ่ง เมื่อเข้าถึงจุดแห่งเตโชกสิณนี้ พระเกจิท่านนั้นก็สามารถผ่านเข้าสู่จุดแห่งสมาธิอื่นๆได้มากมาย พลังของเตโชกสิณนั้นมีมากมาย ถ้าถึงขั้นที่สามารถจะเผาสรีระของผู้ถึงขั้นเจริญเตโชกสิณนั้นด้วยเตโชธาตุในเวลาปรินิพพาน พระเกจิที่สามารถเจริญภาวนาถึงจุดเตโชกสินต้องตั้งมั่นอยู่ในความเพียรเป้นสำคัญ ในส่วนขั้นที่เรียกว่า?กสิณ?นั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายเป็นขั้นๆไป กล่าวกันมิอาจจบสิ้นอันดังคำที่กล่าวว่า ?เหนือฟ้ายังมีฟ้า? และที่สำคัญกสิณนั้นอยู่ในจิตมิอาจที่บุคคลภายนอกจะทราบได้เลยว่าขนาดไหน หรือถึงขั้นไหน พระเกจิอาจารย์แต่ละรูปต่างทราบแก่ตัวท่านเองเท่านั้น แต่บทพิสูจน์ที่ออกมาให้ศิษยานุศิษย์ได้รับทราบนั้น จะออกมาในรูปแบบของ?พลัง? ที่พระเกจิแต่ละรูปท่านแผ่ไปสู่วัตถุมงคลของท่าน และนั่นแหละถึงจะพอทราบได้ว่าพลังของท่านแต่ละรูปมากน้อยสูงขึ้นเพียงใด
บุคคลที่จะเจริญกรรมฐานจนสามารถบรรลุคุณวิเศษได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ อย่าละทิ้งความเพียร หลวงพ่อมักกล่าวเสมอว่า?ลูกผู้ชายเมื่อทอดทิ้งความเพียรเสียแล้ว จะพึงได้บรรลุคุณวิเศษแม้แต่นิดหน่อยนั้นข้อนี้ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้เลย?
เพราะฉะนั้นต้องคอยหมั่นใคร่ครวญ พิจารณาซึ่งพฤติการณ์ที่เป็นไปของจิตพยายามปรับปรุงความเพียรกับสมาธิให้มีหน้าที่สมดุลย์กันอยู่เสมอ พึงคอยยกจิตที่ตกไปสู่ความหดหู่แม้เพียงเล็กน้อยขึ้นไว้ ป้องกันจิตที่เคร่งเครียดเกินไปประคองจิตให้เป็นไปสม่ำเสมอสมดุลย์กันให้จนได้
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:29
สั่งให้ปืนยิงไม่ออก
พระครูปลัดวิชา วิชโย วัดบางกะโด อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นพระอีกรูปหนึ่งที่เคารพบูชาหลวงพ่อแช่มอย่างมั่นคง ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า โยมชาวบ้านบางกะโดคนหนึ่งเป็นตำรวจมียศเป็นจ่า ได้ติดตามบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อแช่มมาตลอดทุกรุ่น ในอดีตสมัยที่หลวงพ่อแช่มยังแข็งแรง ท่านชอบดูการแข่งขันวัวลาน ซึ่งเป็นกีฬาที่นิยมของพื้นบ้านในละแวก จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม การแข่งขันวัวลานแต่ละครั้งมักจะมีนักเลงพนันร่วมมาด้วยทุกครั้ง โยมจ่าตำรวจเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีการแข่งขันกีฬาวัวลานที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งหลวงพ่อแช่มนั่งดูอยู่ด้วยกัน ในขณะที่วัวลานกำลังแข่งขันก็เกิดมีการทะเลาะหาเรื่องกันระหว่างนักเลงคนดาลด้วยกันถึงขนาดชักอาวุธปืนขึ้นยิงใส่กัน คนดูวัวลานแตกตื่นสับสนอลหม่านกันทั้งงาน หลวงพ่อแช่มซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยได้ลุกขึ้นฉวยไมโครโฟนจากโฆษกแล้วประกาศว่า..?ขอให้ทุกคนอยู่สนความสงบแล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น? เมื่อสิ้นเสียวหลวงพ่อแช่ม ทุกคนที่อยู่ในงานวัวลานก็อยู่ในความสงบ ยกเว้นนักเลงอันธพาลคนหนึ่งที่กำลังเอาปืนไล่ยิงคู่อริอยู่กลางลานต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าเสียงปืนดัง แชะ...แชะ ยิงไม่ออกเลยแม้แต่นัดเดียวเหตุที่เกิดขึ้นเช่นนี้อาจเป็นเพราะวาจาศักดิ์สิทธ์ของหลวงพ่อแช่มที่ว่า จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เป็นไปได้
หลวงพ่อแช่มกับวิชาผูกหุ่น
หลวงพ่อแช่มท่านได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า สมัยเมื่อหลวงพ่อฮวบเป็นเจ้าอาวาสนั้นไม่นิยมสร้างวัตถุมงคลประเภทพระเครื่อง แต่นิยมสร้างตะกรุดโทนและเสื้อยันต์เสียมากกว่า มีวิชาอีกวิชาหนึ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่บ้านดอนยายหอม คือ วิชาผูกหุ่นพยนต์
การสร้างหุ่นมีหลายชนิดด้วยกัน เช่นสร้างเพื่อการเยียวยา หรือสร้างเพื่อรักษาพืชผลการเกษตร
วิชาผูกหุ่นพยนต์เป็นตำราวิชาเก่าแก่ตกทอดกันมา เป็น 100 ปี ของวัดดอนยายหอม เป็นสมุดข่อยเก่าแก่เขียนด้วยภาษาไทยโบราณ และส่วนมาเป็นภาษาขอม
การสร้างหุ้นพยนต์ไม่จำเป็นต้องสร้างด้วยอะไร ขึ้นอยู่กับผู้สร้างต้องการจะสร้างเพื่ออะไร สมัยก่อนโจรชุกชุม เวลาชาวบ้านเกี่ยวข้าวต้องตากไล่ความชื้นที่กลางนา จะมีโจรมาขโมยข้าวเปลือก ทำให้ข้าวเปลือกหายมากมาย ชาวบ้านจึงมาปรึกษาหลวงพ่อเงิน แต่หลวงพ่อเงินท่านบอกว่าให้ไปหาคุณแช่มซิ ท่านช่วยได้
ชาวบ้านจึงแห่กันมาที่กุฏิหลวงพ่อแช่มอย่างเนืองแน่น หลวงพ่อแช่มให้ชาวบ้านนำดินเหนียวมาปั้นหุ่นวัวคนละตัว และนำมาให้ตอนเย็น ตอนเย็นชาวบ้านนำหุ่นวัวมาให้หลวงพ่อ ประมาณ 20 กว่าตัว ท่านได้บอกว่า พรุ่งนี้ตอนบ่ายมาเอาไปนะ
ในคืนนั้นหลวงพ่อแช่มนั่งปลุกหุ่นวัวตลอดทั้งคืนจนเกือบสว่าง ตอนเวลาที่หลวงพ่อปลุกเสกวัว จะมีเสียงวัวร้องเป็นประจำ
หลังจากหุ่นวัวพยนต์ ที่ชาวบ้านนำมาให้ปลุกเสกเสร็จแล้ว ให้นำไปวางที่กองข้าว ปฏิหารย์ข้าวไม่หายเลย เคยมีโจรมาขโมยข้าวเปลือก ปรากฏว่าโดนวัวพยนต์ไล่ขวิดแทบตาย
วัวพยนต์แตกต่างจากวัวธนู คือวัวพยนต์ใช้สำหรับเฝ้าทรัพย์สินต่างๆ
เคยเห็นหลวงพ่อแช่มรักษาฝีในท้องคนให้หายภายใน 7 วันเท่านั้น โดยหลวงพ่อจะปั้นหุ่นเจ้าของ และถามว่าเป็นที่บริเวณไหน หลวงพ่อจะให้คนไข้นั่งพนมมืออยู่เฉยๆ ส่วนหลวงพ่อจะนั่งบริกรรมคาถา และใช้มีดหมอขีดไปที่หุ่น และในช่วงสุดท้ายหลวงพ่อจะใช้ตะปูธรรมดาค่อยๆตอกไปในจุดที่เจ็บ ทุกครั้งที่ตอกเจ้าตัวจะสะดุ้งทีหนึ่ง พอเสร็จพิธี ให้คนไข้กลับบ้าน และบอกว่าภายใน 7 วันจะหายขาด แต่หุ่นนั้นหลวงพ่อจะเก็บไว้ก่อน ถ้า 7 วันคนไข้ไม่มาหลวงพ่อจะนำหุ่นไปทิ้ง แต่ส่วนมากหายดีแล้วจะมาหาหลวงพ่ออีกเสมอไป
วิชาผูกหุ่นพยนต์หลวงพ่อไม่ผูกให้ใครง่ายๆท่านกลัวว่าจะนำหุ่นไปใช้ในทางที่สร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่น
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:30
วัดตระแบกโพรง เกี่ยวพันธ์กับวัดดอนยายหอมอย่างไร
วัดตระแบกโพรง ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบศิรีขันธ์ เป็นวัดเล็กๆ ที่ความเจริญยังเข้าไปไม่ถึง แต่มีชาวบ้าน ดอนยายหอมไปทำไร่จำนวนมาก หลวงพ่อวิรัตน์ วิโรจโน ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแช่ม สร้างวัตถุมงคล และได้ขอบารมีหลวงพ่อแช่ม เพื่อหารายได้สร้างและซ่อมแซมศาสนาวัตถุต่างๆภายในวัด และยังได้สร้างรูปเหมือนเท่าองค์จริงหลวงพ่อแช่ม ที่วัดดนยายหอม เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2526 แล้วนำไปประดิษฐ์บานที่วัดตระแบกโพรง ในปี 2529 ได้สร้างวัตถุมงคลอีกและบางส่วนได้บรรจุไว้ใต้ฐานพระประธานของวัดตระแบกโพรง
มรณภาพ
พระครูเกษมธรรมนันท์ (หลวงพ่อแช่ม ฐานุสสโก) ได้มรณภาพเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2536 รวมสิริมายุได้ 87 ปี พรรษา 67
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:32
ประสพการพระเครื่องหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
ประสพการที่ 1
น.ส.ประนอม พรามญานัง และ นางอำนาจ พรามญารัง อยู่ที่พัก 65 หมู่ที่ 7 บ้านดอนขนาก ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
น.ส.ประนอม ทำงานอยู่ที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ลำยุค ที่ตำบล ห้วยจระเข้ อำเภอ เมือง จังหวัดนครปฐม ไปเช้าเย็นกลับ วันที่ 15 กันยายน 2528 เป็นวันเงินเดือนออก ต้องกลับบ้านค่ำมากก็เลยให้ นายอำนาจ น้องชาย ขับมอเตอร์ไซด์มารับ เสร็จแล้วไปซื้อของใช้ที่ตลาด เมื่อเวลา 20.30 น. เดินทางกลับบ้าน ทางเปลี่ยวมาก เลยฟาร์มหมูตังกวยไปเล็กน้อย ก็มีมอเตอร์ไซด์แซงขึ้นมาและคนซ้อนยิงปืนใส่ 2 นัด นัดแรกถูกที่ไหล่ซ้าย ของนายอำนาจ นัดที่ 2 ถากไหล่นายอำนาจ ไปถูก น.ส.ประนอม พี่สาวที่ไหล่ขวา จนเสื้อขาด แต่ไม่เข้าเพียงแต่บวมช้ำผิวหนังไหม้เขียวช้ำไปหมด น.ส.ประนอม คล้องคอด้วยเหรียญเสมารูปเหมือนหลวงพ่อแช่มพร้อมเชือกเท่านั้น
ประสพการที่ 2
นายสุมิตร พฤติปัญญาสกุล อยู่บ้านเลขที่ 14/50 ซอย ศูนย์วิจัย 6 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ห้วยขวาง กรุงเทพ ได้ประสบมา คุณสุมิตรเล่าว่า ตัวเขาและพี่น้องอีก 2 คน ต่างมีความยากจนมาก ทำการค้าอยู่กับพี่น้องในครอบครัวและจนถึงวาระสุดท้ายที่เตี่ยสิ้นบุญ ก่อนที่เตี่ยจะสิ้นบุญ ได้บอกว่าให้พี่น้อง 3 คน สามัคคีกัน และต้องรักกัน ไม่ทอดทิ้งกัน และต้องช่วยเหลือกัน ผม 3 พี่น้องได้อยู่ด้วยกันอดทนต่อสู้กับชีวิตที่ล้มลุกคุกคลานมาตลอด โดยเฉพาะนายสุมิตรเองเกิดความกลัดกลุ้มใจ มีจิตใจคิดอยากจะขอแยกตัวไปประกอบอาชีพอื่นๆเอง แต่ได้รับปากกับเตี่ยที่เลี้ยงดูมา นายสุมิตรไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงได้ชักชวนน้องๆอีก 2 คน ไปปรึกษาพระตามวัดต่างๆ
มาวันหนึ่งได้เดินทางมากราบหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม พร้อมกับน้องอีก 2 คน ได้นั่งลงกราบหลวงพ่อแช่ม แล้ว หลวงพ่อแช่มจึงกล่าวว่า เถ้าแก่อาเสี่ย 3 คนนั่ง รับน้ำชาก่อนมีทุกข์ร้อนอย่างไร ก็อย่าลืมคำสั่งสอนของเตี่ยที่ให้ไว้ก่อนสิ้นบุญนะ เพียงคำพูด 2 ประโยคของหลวงพ่อแช่ม ทำให้คุณสุมิตรและน้องๆ ตกใจ ว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร จึงเกิดความเลื่อมใสหลวงพ่อแช่มมาก จึงได้คุยเรื่องปัญหาต่างๆ ให้หลวงพ่อแช่มฟังโดยละเอียด หลวงพ่อแช่มได้ฟังแล้วพยักหน้า แล้วท่านก็กล่าวขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งว่า
?ไม่เป็นไรหลอกน่ารักษาจดจำคำเตี่ยให้ไว้ดีๆอีกหน่อยจะรวยเป็นเถ้าแก่อาเสี่ย นายห้าง?
หลังจากนั้นมาอีกไม่นานนัก คุณสุมิตร และน้องๆ การทำมาหากินดีขึ้นเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ คุณสุมิตร มีกิจการค้าและโรงงานต่างๆ หลายแห่ง แถวศูนย์การค้าวรรัตน์ และเป็นคนกว้างขวางเป็นที่รู้จักของวงการต่างๆ
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:33
น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์เทไม่ออกจากขวด
ครั้งหนึ่งในสมัยหลวงพ่อเงินยังไม่มรณภาพ วันหนึ่ง หลวงพ่อเงินติดกิจนิมนต์ไม่ได้อยู่วัด ได้มีชาวจีนคนหนึ่ง บ้านอยู่ที่อำเภอ กำแพงแสน ได้เดินทางมาวัดดอนยายหอม เพื่อจะขอน้ำมนต์หลวงพ่อเงิน แต่หลวงพ่อเงินไม่อยู่ ชาวจีนนั่งคอยหลวงพ่อเงินด้วยความกระวนกระวายใจยิ่ง ได้พบกับนายจันทร์ ลำวิไล และได้แนะนำว่าให้ไป ขอน้ำมนต์หลวงพ่อเล็ก(หลวงพ่อแช่มแทน) นายจันทร์ได้บอกว่าน้ำมนต์หลวงพ่อแช่มใช้ได้เหมือนกัน ชาวจีนนั้นไม่มีความมั่นใจอยากได้น้ำมนต์ของหลวงพ่อแช่ม แต่ด้วยมาแล้วดีกว่ากลับไปมือเปล่าก็ได้เดินตามนายจันทร์เข้าไปในกุฏิหลวงพ่อแช่ม ขอให้ท่านทำน้ำมนต์ หลวงพ่อแช่มได้ถือขันน้ำมนต์เข้าไปในห้องสัก 15 นาที ก็นำน้ำมนต์ออกมามอบให้ชาวจีนนั้นกรอกใส่ขวด แล้วชาวจีนนั้นก็ลากลับ นายจันทร์ได้เดินตามไปส่ง พอเดินมาไม่ไกลยังไม่ทันออกนอกวัด หลวงพ่อเงินก็กลับมาพอดี ชาวจีนพอเห็นหลวงพ่อเงิน ก็เปิดจุกขวดเทน้ำมนต์ทิ้งทันที ปรากฎว่าน้ำมนต์ในขวดเทเท่าไรก็เทไม่ออกจากขวด ชาวจีนผู้นั้นถึงกับตะลึง กล่าวรำพึงรำพันขึ้นมาว่า .อ้ายหย๊าหลวงพ่อเล็กก็เก่งเหมือนกัน. แล้วชาวจีนนั้นก็เดินทางกลับ
เชือกจระเข้ขบศักดิ์สิทธิ ช่วยเด็กตกน้ำไม่ให้จมน้ำ
ป้าพร อินเสือสี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 1 ต.ดอนขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2528 ได้พาญาติ และหลานมากราบนมัสการหลวงพ่อแช่ม ที่วัดดอนยายหอม และได้เล่าเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของเชือกด้ายจระเข้ขบ ของหลวงพ่อแช่ม ว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ หลานชาย ชื่อ ด.ช. จิ๋ว อินเสือสี ตอนอายุได้ 2 ขวบ บุตรของนายอุบล อินเสือสี ได้พลาดตกไปในคลองใหม่ เป็นคลองที่อยู่ติดข้างบ้าน
วันนั้นป้าพรไม่สบายหลับไป ตื่นขึ้นมาหาหลานไม่พบ รีบตามหาจนทั่ว ไปพบด.ช.จิ๋วลอยคออยู่ในคลอง แต่ก็ไม่จมน้ำ ป้าพรริบลงไปอุ้มขึ้นมา ในคอ ด.ช. จิ๋วได้ผูกเชือกจระเข้ขบอยู่เส้นเดียวครับ
สายสิญจน์มหามงคล
วันหนึ่งได้มีชายกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจาก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ได้พาเด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี มหาหลวงพ่อ เพื่อขอของมงคลห้อยคอกันผีสิง เนื่องจากเด็กหนุ่มนี้เป็นคนขับรถแทรกเตอร์ ไถป่าที่ อ.จอมบึง ได้ถูกผีป่าเข้าสิง รักษามาแรมปีแล้วไม่หาย ในขณะหลวงพ่อแช่มทำมงคลเสร็จแล้ว หลวงพ่อได้เรียกเด็กหนุ่มผู้นั้นเข้ามา แต่ทันใดนั้น เด็กหนุ่มผู้นั้นได้มีอากัปกิริยา ฉุนเฉียวขึ้นทันที สีหน้าแดงกร่ำ พร้อมกับเปล่งวาจาเสียงดังใส่หลวงพ่อว่า กูไม่ยอม กูไม่ยอม กูจะได้อภิญญาแล้ว ใครจะทำกูไม่ได้ เปล่งเสียงพร้อมกับวิ่งเข้าหาตัวหลวงพ่อ จะทำร้ายหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อกลับอยู่ในสภาพสงบ พร้อมโยนมงคลใส่คอเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างแม่นยำ พอมงคลหลวงพ่อตกถึงคอ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ล้มตึงกับพื้นทันที พร้อมกับดิ้นลนสุดฤทธิ์ แล้วสลบไปด้วยอาการแน่นิ่ง สักครู่ต่อมา ประมาณ 3 นาทีเห็นจะได้ เด็กหนุ่มคนนั้นคลานเข้ามาหาหลวงพ่อแช่ม กราบอย่างเรียบร้อย
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:33
อภินิหารเหรียญ 67 รุ่นแรกหลวงพ่อแช่ม
เหตุเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2519 นางสุณี จินสมาน เป็นผู้มีกิจการรับเหมาถมดิน บ้านอยู่บางแค กรุงเทพ เล่าให้ฟังว่า ได้ไปถมดิน ที่อำเภอดำเนินสะดวก ในขณะนั่งรถจะกลับบ้าน โดยมีลูกน้องเป็นคนขับ รถวิ่งมาถึงทางโค้งก่อนถึงดำเนินสะดวก โค้งแรก เป็นเวลาพลบค่ำ ได้ถูกดักยิงด้วยปืนอาก้า ลูกกระสุนปืนถูกรถพรุนไปทั้งคัน และกระสุนนัดหนึ่งได้ถูกที่หัวเข่าคนขับรถ ส่วนรถปิกอัพมีเสียงดังติดขัดทำท่าจะดับ คนขับรถได้พยายามเร่งหนีไปได้สัก 200 เมตร รถก็ดับ นางสุณี ได้ทิ้งรถ แล้วประคองคนขับซึ่งบาดเจ็บหนีตาย คนร้าย 2 คน ถือปืนอาก้าวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ
นางสุณีประคองคนขับหนีเข้าไปในป่าข้างทาง คนร้ายถือปืนตามเข้าไปในป่า ส่องไฟฉายตามรอยเลือดไปอย่างติดๆ นางสุณีตกใจนั่งสงบนิ่งพร้อมพนมมือกับเหรียญหลวงพ่อแช่ม ขอให้หลวงพ่อแช่มช่วยด้วย ช่วยอย่าให้คนร้ายเห็นตัว
นางสุณี เล่าต่อไปว่าคนร้ายอยู่ข้างตัวห่างแค่เอื้อมมือ แต่ก็มองไม่เห็นตน ค้นหาอยู่ประมาณ 15 นาที เห็นจะได้ แต่ก็ไม่พบได้ยิงเสียงพูดว่ามันหายไปได้ยังไงวะ
นายจิ๋งไล้ แซ่ตั้ง อยู่บ้านเลขที่ 31 ตึกแถวหลังสถานีรถไฟนครปฐม และเป็นกรรมการสมาคมตั้งศรีแห่งนครปฐม
เมื่อเดือนมกราคม 2529 นายจิ๋งไล้ ได้ไปประชุมงานที่สมาคม ได้พบกับคนจีนคนหนึ่งมาอาศัยอยู่ที่สมาคม ชายจีนผู้นั้นอ้างว่าตั้งเหมือนกัน อยากหางานทำ นายจิ๋งไล้จึงรับไว้ ให้ช่วยขายอะไหล่เรือ หลังจากประชุมเสร็จได้พาชายจีนผู้นั้นไปพักคอยที่โกดังที่ตำบลบ่อพลับ พอถึงหน้าโกดัง ได้ลงจากรถไปเปิดประตูโกดัง ชายจีนผู้นั้นได้ใช้ขวดน้ำดื่มในรถ ที่ทำจากแก้วตีที่ศีรษะ 2 ที ทีละขวด จนขวดน้ำดื่มแตกละเอียดทั้ง 2 ขวด แต่นายจิ๋งไล้ ไม่เป็นอะไรเลย
ชายจีนได้วิ่งไปหยิบจอบสำหรับขุดดินเก็บอยู่ในโกดังมาสับใส่ตัว จนสลบ พอฟื้นขึ้นมาปรากฏว่าทรัพย์สินต่างๆหายไปพร้อมกับรถยนต์ แต่ร่างกายมีแต่รอยเลือดซิบๆเขียวซ้ำหน้าตาบูดเบี้ยวแต่ยังประคองตัวเดินมาเรียกรถกับบ้าน ภรรยาเห็นได้รีบพาส่งโรงพยาบาลและแจ้งความ เมื่อแพทย์ตรวจดูแล้ว ต่างตกใจว่า ?โอโฮเหนียวจริงๆ ขนาดจอบสับทั้งตัวไม่เป็นไร มีของดีอะไรหรือครับ? นายจิ๋งไล้ ได้หยิบเหรียญหลวงพ่อแช่มรุ่น 1 ที่ติดอยู่ปลอกปากกาหมึกซึมเพียงองค์เดียวโชว์ให้แพทย์ดู
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:52
อภินิหารเหรียญเสาร์ 5 หลวงพ่อแช่ม
เมื่อปี 2518 นายอินศักดิ์ แซ่อึ้ง อยู่บ้านเลขที่ 546/1 ถนนพระงาม ข้างวัดเสน่หา อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ไปส่งผ้าที่สกลนคร โดยมีลูกน้องไปด้วย 2 คน รวมเป็น 4 คน ขณะรถวิ่งผ่านช่วงเขาภูพานไปเล็กน้อย ในเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ได้มีคนร้ายถือปืนคาบิล วิ่งออกจากป่าข้างทาง 3 คน ได้สาดกระสุนปืนยิงเร็วใส่รถ พี่ชายนายอินศักดิ์นั่งอยู่ขวามือได้ถูกกระสุนถึงแก่ความตาย คนขับได้ถูกยิงกรามหลุด แต่คนอื่นๆไม่ถูกกระสุน รถได้เสียหลักลงข้างทาง คนร้ายได้เข้าประชิดตัวและได้ใช้ด้ามปืนตีที่หัวลูกน้อง จนหัวแตก คนได้ค้นทรัพย์สินได้เงินสดไป 300 บาท แต่คนร้ายยังไม่พอใจ ได้ใช้ปืนคาบิลจ่อที่ หน้าท้องนายอินศักดิ์ ซึ่งมีความรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่ๆ คนร้ายได้เหนี่ยวไกยิงใส่เป็นชุดแต่ได้ยินแต่เสียง แซะๆ เป็นชุดๆ ปรากฎว่าปืนยิงไม่ออกทุกกระบอก พอดีจังหวะรถมาติดต่อเป็นจำนวนมาก คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหนีไป นายอินศักดิ์ได้ เล่าต่อว่าทั้งตัวใส่เหรียญโก๋ เสาร์ 5 หลวงพ่อแช่ม เพียงเหรียญเดียว
อภินิหาร เหรียญยอดขุนพล ปี 2526
นายรม จวงสอน อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 1 ต.ดอนราก อ.ดอนตูม นครปฐม ซึ่งทำงานเป็นพนักงานแบกของอยู่ที่สถานีรถไฟนครปฐม ได้ถูกคนร้ายชิงรถ และถูกคนร้ายฟันด้วยมีด ที่กลางแสกหน้า และถูกตีด้วยไม้หน้าสามจนสลบหมดสติไป 1 คืน แล้วฟื้นขึ้นมามีผู้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล นายรมมีเพียงเหรียญยอดขุนพลติดตัวอยู่เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น นายรมเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เพราะร่างกายมีแต่รอยเชียวซ้ำไปทั้งตัว พอไปฉีดยาเกิดฉีดไม่เข้า จนต้องเอาเหรียญที่พกติดตัวออกจึงถึงจะฉีดเข้า
อภินิหารรูปหล่อพิมพ์นิยม หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
นายแกละ จิตรวิสุทธิกุล เป็นเสมียนโรงสีข้าว เลี่ยงซุ่นฮวด อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ขับรถปิคอัพหักหลบรถจักรยานยนต์ที่ขี่ออกมาจากปากทางเข้าวัดไผ่ล้อม และ กินเลนไปด้านขวา ได้ถูกรถบรรทุก 6 ล้อ ชนอย่างแรงจนหัวรถปิคอัพหันหลังกลับ หัวรถเละ แต่ส่วนตัวนายเกละตกอยู่นอกรถและสลบ จนรู้ตัวอีกที่ก็อยู่โรงพยาบาลนครปฐม โดยไม่ได้รับอัตรายอย่างไรเลยและสามารถกลับบ้านได้
อีกครั้งหนึ่ง เป็นวันฝนตกถนนลื่น นายแกละขับรถด้วยความเร็วสูง จนถึงโค้งอุหล่ม ถนนมาลัยแมน รถเสียหลังพุ่งไปหาบ่อขี้หมูใหญ่ข้างหน้า แต่พอรถถึงปากบ่อรถก็หยุดเองที่ปากบ่อ
จึงแสดงให้เห็นว่ารูปหล่อพิมพ์นิยมหลวงพ่อแช่ม ได้ช่วยชีวิต นายแกละถึง 2 ครั้ง 2 ครา
โดย: kit007 เวลา: 2013-7-4 19:53
เหรียญกลมสองหน้ารุ่น 6 รอบ พ.ศ. 2521 คงกระพันชาตรี
นายแก้ว เพ็งมูล อยู่บ้านเลขที่ 145/2 หมู่ที่ 2 บ้านบางกะโด ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นกรรมการวัดบางกะโด ทางวัดมีงานกฐิน ทางวัดจัดให้มีการละเล่นรำวงทั้งคืน โดยนายแก้ว มีหน้าที่ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยของงาน คืนนั้นนายสุธา คมสารพางค์ ได้ขี่รถเครื่องมารับ โดยมีนายสุพรรณ จันทร์ดี ได้พกระเบิดเหน็บมาด้วย และนายแก้วได้กระโดดขึ้นนั่งท้ายรถ แล้วกอดเอว ทำให้ไปกระทบโดนระเบิดหล่นลงกับพื้น ได้เกิดระเบิดขึ้น จนขาขวาชาไปหมดทั้งขา ปรากฏว่าไม่มีบาดแผล มีเพียงบวมเขียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆเสื้อผ้าขาดกระจุย แต่ไม่มีบาดแผลเช่นกัน โดยนายแก้ว มีเพียงเหรียญกลม 6 รอบ ปี 2521 เพียงองค์เดียว แต่เพื่อนๆนายแก้วได้ห้อยตระกรุตหลวงพ่อแช่ม คนละดอก และได้ไปมองดูรถปรากกฎว่าซีกลวด ขาดเกือบหมด
อีกครั้งหนึ่งนายแก้วได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนชื่อนายวงัสดิ์ จันทร์เพ็ญ ที่ อ.
บ้านแพ้ว สมุทรสาคร โดยไปพัก 5 วัน และพอดีมีงานที่วัดรางตันประดิษฐ์ และมีเรื่องกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง เกิดการถกเถียงกัน และวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวได้ชักปืน .38 ยิงใส่ ที่กลางหลังรู้สักเสียวร้อย ไปหมด แต่พอคนร้ายรู้ว่ายิงไม่เข้าจึงแยกย้ายกันหลบหนี ประกฎว่ากระสุนยิงไม่เข้าแม้นัดเดียว จนวัยรุ่นตกใจรีบรีบวิ่งหนีไป
นายแก้วถอนเสื้อดูปรากฏว่า มีรอยเขียวช้ำที่หลังเพียงอย่างเดียว
ที่มา http://www.sitwatthongsai.com/webboard/index.php/topic,564.0.html
โดย: Metha เวลา: 2013-12-11 18:17
กราบนมัสการครับ
ขอบพระคุณข้อมูลครับ
โดย: oustayutt เวลา: 2014-10-18 11:51
วัวพยนต์ก็คือ วัวดินเหนียว
ผูกหุ่นนี้ทำให้นึกถึงพวกวูดูที่ผูกหุ่นฆ่าคนจริงๆ
แต่วิชาผูกหุ่นซี่งเป็นคัมภีร์เก่าแก่ตกทอดมาหลายชั่วคนในสำนักวัดดอนยายหอมนั้นมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้คนเท่านั้น ไม่มีสำหรับทำร้ายคน
พระครูสมุห์อวยพร อธิบายว่า วิชาผูกหุ่นเป็นสมบัติของวัดดอนยายหอม สืบทอดผ่านมือผู้ศึกษาเล่าเรียนมานับร้อยกว่าปี ทุกวันนี้ยังมีอยู่ ใครสนใจสามารถขอดูได้จากพระครูสมุห์อวยพร
การสร้างหุ่นถ้าจะว่าไปแล้วไม่มีข้อจำกัดว่าจะต้องทำด้วยดินเหนียวอย่างเดียว จะสร้างขึ้นด้วยอะไรสุดแล้วแต่ความต้องการและความเหมาะสม เคยเห็นการผูกหุ่นจากขี้ผึ้ง จากฟางข้าวมาบ้างเหมือนกัน
วัวพยนต์ที่ปลุกเสกเสร็จแล้วถูกนำไปไว้ในลานนวดข้าว เมื่อวางวัวพยนต์ไว้แล้วสิ่งที่ปรากฏคือ เจ้าของข้าวไม่ต้องออกไปอดหลับอดนอนเฝ้าข้าวก็ได้ วัวพยนต์จะทำหน้าที่รักษาข้าวให้แทน
เคยมีขโมยเข้าไปลักข้าวแล้วโดนวัวพยนต์ไล่ขวิดแทบตาย จนปรากฏข่าวระบือไปทั่วดอนยายหอม ข้าวใคร ๆ ก็ไม่หาย เรียกว่าหมดเรื่องหมดกังวลไป
วัวพยนต์มีลักษณะคล้ายคลึงกับวัวธนู ต่างกันที่วัวพยนต์เป็นไปในทางป้องกัน แต่วัวธนูเป็นไปในทางจู่โจมทำร้ายผู้อื่น
คุณสมบัติของวัวพยนต์หลวงพ่อแช่ม นอกจากจะป้องกันทรัพย์สินแล้วยังเป็นไปในทางเมตตามหานิยม ดีเด่นทางทำมาหากิน ซื้อง่ายขายคล่อง
สมัยก่อนวัวพยนต์ทำด้วยดินเหนียว หรือตอกไม้ไผ่สานเป็นรูปวัว ทุกวันนี้วัวพยนต์หลวงพ่อแช่มทำด้วยโลหะ ใครไปที่วัดดอนยายหอม สามารถบูชามาไว้กับบ้านกับตัวได้ทันที
พระครูสมุห์อวยพรเล่าต่อไปอีกว่า ท่านได้เคยเห็นหลวงพ่อแช่มรักษาคนเป็นโรคฝีในท้อง (วัณโรคหรือเปล่าไม่ทราบ, ผู้เขียน) หายขาดใน 7 วัน วิธีรักษาก็คือผูกหุ่นผู้เจ็บขึ้นมาแล้วสอบถามหาตำแหน่งที่เจ็บปวด เมื่อรู้จักแล้วหลวงพ่อแช่มได้บอกให้ผู้ป่วยนั่งพนมมือนิ่งอยู่ และบอกว่า “ทนเจ็บหน่อยนะ” ต่อจากนั้นท่านได้ใช้มีดหมอขีดเขียนลงไปที่หุ่น (เข้าใจว่าจะเป็นการลงอักขระ, ผู้เขียน) บางทีก็เคาะที่พื้นกระดานกุฏิและในขั้นตอนสุดท้าย ท่านเอาตะปูตอกลงบริเวณที่คนป่วยบอกว่าเจ็บ ขณะตอกตะปูลงในหุ่นนั้น ผู้ป่วยสะดุ้งไปด้วย ภายหลังได้อธิบายว่าไม่เจ็บ เป็นแต่เสียว แต่เสียดบริเวณที่ตะปูตอกลงเท่านั้น ครั้นเสร็จพิธีกรรมทั้งหมด หลวงพ่อได้บอกว่าจะหายภายใน 7 วัน
ถ้าหากครบกำหนด 7 วันแล้วคนไข้ไม่มาหาท่าน ก็หมายความว่าหายจากโรคแล้ว ท่านก็จะถอนตะปูออกจากหุ่นที่ท่านเก็บไว้กับตัว เมื่อถอนตะปูออกจากหุ่นแล้วเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรมในการรักษาอย่างแท้จริง หุ่นจะถูกนำไปทิ้ง
ลักษณะของการช่วยเหลือคนทุกข์เหล่านี้ เป็นสิ่งที่หลวงพ่อเงินเปิดโอกาสให้หลวงพ่อแช่มทำแทนมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อแช่มยังมีฐานะเป็นพระลูกวัด
นี่คือการแบ่งเบาภาระ ธุระของผู้อาจารย์ซึ่งวางใจศิษย์ได้ถึงขนาดนั้น การมาถึงที่ขลังของหลวงพ่อแช่มมาได้อย่างไร
ใครเป็นอาจารย์ของท่าน
ระหว่างปี 2470 สมัยบวชพระใหม่ๆ นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการศึกษาวิชาอาคมขลัง เพราะว่าจังหวัดนครปฐมระหว่างปี 2470 มีครูบาอาจารย์ทางด้านนี้มากมาย แต่ละองค์นับว่าเยี่ยมยอดทั้งสิ้น
ครูบาอาจารย์สมัยนั้นแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นพระเถระ (ผู้ใหญ่) แล้วก็หาได้ว่างธุระธุดงค์ไม่ ทุกปีจะออกธุดงค์เป็นวัตรประจำ ซึ่งเรื่องนี้ทราบจากหลวงปู่โต๊ะว่า ท่านเองก็ได้โอกาสเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือเสมอ ถือเป็นวัตรปกติธรรมดาของพระสงฆ์สมัยนั้น และเมื่ออกธุดงค์แล้ว ที่ขาดไม่ได้หรือมักไม่ขาดคือการเดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง ในเขตเมืองกาญจนบุรี ซึ่งที่นี่คือที่ชุมนุมพระสงฆ์จากทั่วทุกสารทิศ ครูบาอาจารย์ตัวกลั่นก็ชุมนุมอยู่ที่นี่ด้วย
ที่ไหนก็ตามหากมีการชุมนุมแล้ว ย่อมต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถแก่กันและกันเป็นธรรมดา ดังนั้นวิชาความรู้ทางขลัง ไสยศาสตร์อาคม ก็ถูกถ่ายทอดสอนกันอยู่ที่นี่ หลวงพ่อแช่มได้ความรู้ความสามารถเพิ่มเติมจากที่นี่เช่นกัน ถ้าหากประทับใจครูบาอาจารย์องค์ใดก็อาจติดตามท่านกลับวัดของท่านเพื่อศึกษาเพิ่มเติมก็ได้
เรื่องครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อแช่มจึงไม่อาจระบุชัดเจนได้ว่ามีใครบ้าง
แต่สำหรับครูบาอาจารย์ที่แน่ชัดในสายสำนักดอนยายหอม แล้วสามารถบอกได้ว่าหลวงพ่อแช่มมีหลวงพ่อเงินเป็นอาจารย์ ซึ่งหลวงพ่อเงินได้เล่าเรียนเพียรศึกษาต่อจากหลวงพ่อฮวบ อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม องค์ที่ 1 และจากโยมพ่อของหลวงพ่อเงินเอง
สำหรับหลวงพ่อแช่มนั้น นอกจากจะศึกษาวิชาความรู้จากหลวงพ่อเงินแล้ว ยังมีหลวงพ่อรุ่งอีกองค์หนึ่งเป็นผู้อบรมสั่งสอน ซึ่งหลวงพ่อรุ่งก็เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันกับหลวงพ่อเงินคือมีหลวงพ่อฮวบเป็นอาจารย์เช่นเดียวกัน แต่หลวงพ่อรุ่นที่มีชื่อปรากฏอยู่นี้จะเป็นหลวงพ่อรุ่งวัดทำกระบือหรือเปล่าไม่ทราบ ยังไม่มีเวลาตรวจสอบดู
หลวงพ่อแช่มได้กล่าวถึงการเรียนสมถกรรมฐานของท่านในสมัยแรกว่า ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ดีว่ามีพระอาจารย์รุ่งคอยควบคุมช่วยเหลืออยู่นานปี
ลูกศิษย์ท่านหนึ่งเล่าว่าเคยได้ยินหลวงพ่อเงินเตือนหลวงพ่อแช่มว่า
“คุณแช่ม ระวังไฟไหม้กุฏินะ”
เรื่องนี้ตัวเขาสงสัยมาก จึงได้เฝ้าสังเกตดูหลวงพ่อแช่มอย่างใกล้ชิด เห็นว่าตอนกลางคืนมักมีแสงสว่างสดใสแผ่กระจายในกุฏิ บางทีก็ปรากฏเป็นแสงพุ่งขึ้นลง เมื่อย่องเข้าไปแอบดูก็เห็นเพียงหลวงพ่อแช่มนั่งอยู่ตรงหน้าเทียนเล่มเดียวเท่านั้น
ว่ากันง่าย ๆ ก็เรียกว่านี่คือ กสิณไฟ
เรื่องของกสิณ มีตำราอธิบายมากแล้วว่ามีกี่ห้อง กี่อย่าง ผู้อ่านสามารถค้าอ่านได้ทั่วไป
สำหรับกสิณไฟของหลวงพ่อแช่มนั้นท่านได้กรุณาอธิบายว่า สมัยพุทธกาลก็มีการเจริญเตโชกสิณแล้ว ผู้เจริญเตโชกสิณต้องสร้างอุปกรณ์ขึ้นเองทั้งหมด เช่น หาไม้แก่นชนิดที่มียางไม้ติดไฟได้มาผึ่งให้แห้ง ตัดเป็นท่อนๆ เอาไปวางไว้ที่โคนไม้หรือประจำตามความเหมาะสม จุดไม้นั้นได้ติดไฟ เอาเสื่อลำแพนเจาะรูกลม ๆ ถ้าไม่มีเสื่อจะใช้แผ่นหนังสัตว์หรืออะไรก็ได้เจาะเป็นรูปเหมือนกัน วางกั้นไฟกับตัวผู้เจริญเตโชกสิณ แล้วนั่งเพ่งไฟที่ทะลุผ่านรู
กรรมวิธีละเอียดพิสดารกว่านี้ก็มี แต่ของดไว้ไม่กล่าวถึง
นั่นเป็นวิธีเจริญเตโชกสิณสมัยก่อน ส่วนสมัยนี้สะดวกสบายกว่ามาก เพียงหาสถานที่สงบสงัดกับเทียนเล่มเดียวก็ใช้ได้
หลวงพ่อแช่มได้กล่าวว่า
“ลูกผู้ชายเมื่อทอดทิ้งความเพียรเสียแล้ว จะพึงได้รับคุณวิเศษแม้แต่เพียงนิดหน่อยนั้น ข้อนี้ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้เลย”
โดย: oustayutt เวลา: 2014-10-18 11:52
เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2528 คุณวิสิทธิ์ เจริญอิทธิกุล นักเขียนใหม่แห่งนิตยสารพระเครื่องโพธิ์ทองได้ดำริที่จะเขียนประวัติพระเถราจารย์องค์สำคัญในประเทศไทย จึงมาคิดว่า น่าจะเริ่มที่หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม ทั้งอยากจะพิสูจน์ทดสอบด้วยว่า หลวงพ่อแช่มท่าจจะมีอภิญญาจิตฤทธิขลังสมดังคำร่ำลือหรือไม่ คุณวิสิทธิ์จึง ติดตามคุณฮึกหาญ ประวัติโยธิน ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดไปกราบหลวงพ่อแช่ม จนถึงวัดดอนยายหอม
โดยหลังจากที่ได้นมัสการกราบหลวงพ่อแช่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสัมภาสน์บรรดาศรัทธาสาธุชนที่กำลังรุมล้อมขอพึ่งบารมีอยู่นั้น ก็ให้มีชายคนหนึ่งมากราบนิมนต์หลวงพ่อแช่มว่า”มีเรื่องด่วน ให้ไปที่หลังวัดหน่อย” หลวงพ่อแช่มก็ด่วนด้วย ติดตามโยมไปในทันทีเหมือนกัน ซึ่งคุณวิสิทธิ์ก็มิได้สนใจอะไรมาก เพราะมัวแต่สัมภาสน์ญาติโยมเพลิน จนไม่ช้านาน คุณฮึกหาญก็ตะโกนเรียกคุณวิสิทธิ์ให้รีบเอากล้องมาถ่ายภาพสำคัญที่น้อยคนนักจักเคยเห็นโดยด่วนที่สุด ซึ่งคุณวิสิทธิ์ได้เขียนถึงตอนนี้ไว้ว่า
“เมื่อไปถึงยังบริเวณลานหลังวัด ภาพที่ผู้เขียนเห็นก็เป็นภาพที่ชวนให้ฉงนยิ่งนักม้ารุ่น(ทราบภายหลังว่าชื่อ"กำไล") รูปร่างเปรียวกำลังผกโผนพยศอย่างเต็มที่ ผู้บังคับม้าต้องพยายามต่อสู้กับการสะบัดดิ้นของมันอยู่ โดยมีหลวงพ่อแช่มยืนสงบสำรวม ใบหน้ามีแววยิ้ม มองดูอาชาพยศด้วยความปราณี (สังเกตดูเวลาหลวงพ่อแช่มเห็นสัตว์เลี้ยงหรือเด็กเล็กๆ ท่านจะอมยิ้มอย่างปราณีเสมอ)
แต่”เจ้ากำไล” ม้ารุ่นหาได้ละพยศไม่ มันย่างสามขุมเข้ามาใกล้โดยมีชายผู้เป็นเจ้าของพยายามรั้งมันไว้สุดกำลัง แต่มันกลับยิ่งเพิ่มพยศเข้ามาใกล้กับหลวงพ่อ ซึ่งท่านยืนก้มหน้าเพ่งมองที่พื้นดินสงบนิ่ง คล้ายกำลังทำสมาธิภาวนาอะไรสักอย่าง
เมื่อเจ้ากำไลเผชิญหน้าหลวงพ่อในครั้งแรก มันหาละพยศไม่ ยังคงพยศเมามันตามประสาของม้ารุ่น ผู้เขียนเองกับชาวบ้านหลายๆคนที่กำลังหวาดเสียว เกรงว่าหลวงพ่อจะได้รับอันตราย เพราะสองขาหน้าของเจ้ากำไลยกขึ้นห่างจากร่างหลวงพ่อไม่เกิน 1 วา (4 ศอก หรือราว 2 เมตร)
หลวงพ่อกลับยืนนิ่งแล้วเพียงแต่ยกมือขึ้นสูงประมาณระดับใบหน้าของหลวงพ่อ ท่าทางคล้ายกับว่ากำลังห้ามไม่ให้เจ้ากำไลคลุ้มคลั่งมากไปกว่านี้ แล้วสิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตของผู้เขียนก็บังเกิดต่อหน้าของผู้เขียนพร้อมๆกับสายตาอีกหลายๆคู่ที่เพ่งมองอย่างพิศวงนั่นเองก็คือ
เพียงแต่ที่หลวงพ่อยกมือขึ้นเท่านั้น เจ้ากำไลก็คลายพยศทันที มันกลับทรุดสองขาหน้า ก้มหัวของมันลงแนบพื้นดินแทบเท้าของหลวงพ่อ คล้ายกับเป็นการคารวะขอสมาลาโทษต่อความไม่ประสาของมันที่ได้กระทำสิ่งที่ไม่บังควรต่อพระสงฆ์ที่มีแต่เมตตาธรรมเยี่ยงหลวงพ่อ
เจ้ากำไล หลังจากที่ได้แสดงคารวะต่อหลวงพ่อแล้ว มันก็ละพยศลงไปมาก ผู้เขียนได้บอกท่านที่เป็นเจ้าของบอกให้มันทำความเคารพหลวงพ่ออีก เพื่อที่จะได้ถ่ายภาพเก็บไว้ให้มากที่สุด ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง คราวนี้เพียงแต่บอกว่า “กำไล กราบหลวงพ่อ” มันจะทรุดเท้าลงที่แทบเท้าของหลวงพ่อ ซึ่งท่านก็ยืนอมยิ้มมองดูเจ้ากำไลที่เปลี่ยนมาเป็นม้าแสนรู้แทนแล้วด้วยแววตาปราณี ปากท่านก็พูดว่า “ดีจ้ะ ดีจ้ะ” มันจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่บอกมัน จนหลวงพ่อขอตัวไปนั่งรับแขกต่อไป...”
โดย: oustayutt เวลา: 2014-10-18 11:55
หลวงปู่แช่ม
วัดดอนยายหอม
ผมได้ไปกราบหลวงปู่แช่มครั้งแรก ประมาณปี30หรืออาจหลังจากนั้นนิดหน่อย ช่วงนั้นไปกับเพื่อนๆเช่ารถตู้ไปตระเวนกราบเกจิสายนครปฐม ก็เริ่มจากองค์นี้และก็ไม่ผิดหวัง หลวงปู่นั่งต้อนรับญาติโยม บริเวณหน้ากุฏิท่านใครไปกราบท่านก็จะมีวัตถุมงคลเช่นเหรียญหลวงพ่อเงิน เสมาเหรียญเล็กๆ ผ้ายันต์ที่ใช้ผ้าจีวรห่อม้วน(2ผืน)เข้าด้วยกันและมัดด้วยเชือกจระเข้ขบที่เลื่องลือของท่าน แจกทีละเป็นกำมือ ถ้ามีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆไปกราบท่านจะหยอกโดยเอาเหรียญเดาะเล่นในมือ แล้วเด็กก็จะเดินเตาะแตะไปคว้าเหรียญจากมือท่าน ดูแล้วน่ารักสุดๆ ผมไปกราบท่านหลายครั้ง บางครั้งก็ได้เหรียญเสมาใหญ่รูปท่านเองหรือเหรียญรูปไข่หน้าหลวงพ่อเงิน หลังหลวงปู่แช่มปี16ที่ท่านปั๊มออกมาอยู่เรื่อยๆ......เหรียญไม่มีราคาเล่นหา แต่รับมากับมือ
ตรงหน้าที่หลวงปู่นั่ง จะมีกระปุกแป้งเจิมและไม้เจิมอันเล็กๆ ใครบูชาวัตถุมงคลท่านก็จะเจิมให้ด้วยแป้งกระปุกนั้น ใครให้ท่านเจิมมือเจิมหน้า ท่านก็สงเคราะห์ให้ ยุคนั้นใครออกจากวัดดอนยายหอมจะมีสัญลักษณ์หน้าผากขาวติดออกมาทุกคน แต่ที่ผมประทับใจก็ตอนท่านเจิมพระบูชา ท่านจะพูดว่า.......นี่พระสังกัจจายน์ของใคร.....นี่หลวงพ่อเงินของใคร......แล้วที่ติดหูติดตาจนทุกวันนี้ก็ตอนท่านเจิมรูปเหมือนท่านเอง แล้วพูดว่า....นี่อาตมาของใครมารับไป.......เห็นแล้วชอบเลยกดมาซะ 2 อาตมา
ผู้ชายที่ไปหาท่าน ท่านจะเรียกว่าเถ้าแก่ ส่วนผู้หญิงท่านจะเรียกคุณนาย (หลวงปู่เรียกผมมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ผมเป็นเฒ่าแก่แล้วครับ)
ถ้ามีใครนำของไปถวายท่าน หลังจากท่านรับประเคนแล้ว ท่านจะแบ่งคืนมาให้บางส่วน บอกว่าเอากลับมากินกันท่านเสกให้แล้ว
หลวงปู่แช่ม วัดดอนยายหอม
เขาเล่าว่า..........
มีคณะศรัทธาธรรมจากนครปฐม ไปกราบหลวงปู่แหวน ถึงวัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่ เมื่อหลวงปู่แหวนรู้ว่ามาจากนครปฐม ท่านก็บอกว่าทำไมต้องดั้นด้นมาไกลถึงขนาดนี้ ที่นครปฐมก็มีพระดี ชื่อท่านแช่ม อยู่วัดดอนยายหอม
น้ำมนต์หลวงปู่แช่ม เทไม่ออกจากขวด(ตำนานน้ำมนต์เทไม่ออก มีเรื่องที่ไปอ้างกันหลายวัด แต่เรื่องของหลวงปู่แช่ม มีบันทึกในหนังสือประวัติหลวงปู่ฉบับของวัด และญาติห่างๆของผมที่อยู่ละแวกวัดกลางบางแก้ว ก็เล่าให้ฟัง ซึ่งครอบครัวนี้เดิมขึ้นกับหลวงปู่เพิ่ม เมื่อสิ้นหลวงปู่เพิ่ม ก็มาเทใจให้หลวงปู่แช่มจนหมด)โดยเล่าว่าในสมัยที่หลวงพ่อเงินยังอยู่ มีชายคนนึงจะไปขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อเงิน แต่ท่านติดกิจนิมนต์นอกวัด พระในวัดจึงแนะนำให้ไปขอกับหลวงปู่แช่มก็ได้ หลังจากได้รับใส่ขวดมาแล้ว เมื่อจะพ้นประตูวัดเห็นหลวงพ่อเงินนั่งรถกลับมา จึงจะเทน้ำมนต์หลวงปู่แช่มทิ้ง แต่น้ำมนต์หาได้ไหลออกจากขวดไม่ จนต้องยอมสยบกับความขลังว่า......หลวงพ่อเล็กก็ขลังไม่แพ้หลวงพ่อใหญ่......
เชือกจระเข้ขบผูกข้อมือเส้นเล็กๆ คุ้มครองสาวโรงงานรอดตายจากการถูกยิงไม่เข้า(ในหนังสือประวัติฉบับของวัดมีระบุชื่อบุคคลในข่าวไว้ด้วย)
หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญที่โด่งดังเรื่องเชือกเบญจรงค์ ได้รับวิชานี้จากหลวงปู่แช่ม โดยในหนังสือที่อ่านเจอบอกว่า ท่านเรียนถักจากหลวงปู่ใจและเรียนผูกกับหลวงปู่แช่ม ซึ่งปมไหมเบญจรงค์หลวงปู่หยอดก็เป็นแบบเดียวกับปมของเชือกจระเข้ขบของหลวงปู่แช่ม
ในช่วงที่หลวงปู่แช่มยังอยู่ นอกจากการต้อนรับญาติโยมอย่างเสมอภาคกันแล้ว ตอนที่จะกราบนมัสการลาท่าน ท่านจะพรมน้ำมนต์ให้พร้อมกับให้พรที่ดูเรียบง่ายแต่กินใจดังนี้.......ขอให้เฮงๆรวยๆ ร้ายๆซวยๆจงไปซะให้หมด อย่าได้มารบกวนญาติโยมทั้งหลาย เกี่ยวกับการทำมาค้าขาย ก็ขอให้ซื้อง่ายขายคล่อง เงินทองไหลมาเทมา ถ้าทำราชการ ก็ขอให้ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ได้เงินได้ทองเยอะๆ ขอให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขทั่วๆกันนะ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง..........
.........สาธุ ขอกราบน้อมระลึกถึงหลวงปู่ และจารึกไว้ในความทรงจำตลอดกาล.......
หลวงปู่แช่ม วัดดอนยายหอม
หลังจากไปหาในช่วงแรกๆประมาณ3ครั้ง ผมก็ว่างเว้นไปประมาณ 3-4ปี กลับไปหาใหม่อีกครั้ง หลวงปู่ผอมซูบไปถนัดตา บริเวณใกล้ๆที่ท่านนั่งต้อนรับญาติโยม มีป้ายกำหนดเวลาเข้ากราบนมัสการหลวงปู่ แต่ดูท่านไม่ได้แยแสกับคำแนะนำของแพทย์เลย ผมไปทีไรก็เจอท่านนั่งอยู่ที่เดิม ไม่เคยเห็นท่านลุกไปไหนเลย ในชีวิตไปกราบท่านร่วม 10ครั้ง ผมเจอท่านทุกครั้ง มีอยู่ครั้งนึงที่เกือบไม่ได้เจอ เพราะท่านไปกิจนิมนต์ ผมตั้งท่าจะกลับอยู่แล้ว เจอท่านลงจากรถและเห็นมีญาติโยมรออยู่ ท่านก็รีบเข้าประจำตำแหน่งท่านทันที ไม่มีแม้แต่จะนั่งพักเหนื่อยหรือเข้าห้องน้ำก่อนมาสงเคราะห์ผู้ศรัทธา
ถึงแม้ท่านจะผอมไปมาก แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือความเมตตาเกินประมาณของท่าน และวัตถุมงคลที่ท่านแจกให้ก็เป็นแบบเดิมๆ ผมได้มาจนต้องบอกท่านว่า.......หลวงปู่ครับ ผมได้มาเยอะแล้ว อยากได้ของก้นย่ามหลวงปู่บ้าง.....คิดว่าท่านจะล้วงลงไปในย่ามหาอะไรมาให้ แต่ผิดคาด หลวงปู่ยื่นย่ามมาให้ทั้งใบแล้วบอกว่า.....เอ้า ลองหาดู มีอะไรที่อยากได้หรือเปล่า.....ปรากฏว่า ในย่ามหลวงปู่มีเพียงสายสิญจน์1ม้วน และมีด 1เล่ม ไว้สงเคราะห์ทำมงคลคล้องคอและด้ายผูกข้อมือให้ญาติโยม นอกจากนั้น มีเหรียญเสมาหลวงพ่อเงินเหรียญเล็กๆแบบที่ท่านแจก อยู่ก้นย่าม 1เหรียญ และมีกระเป๋าเงินที่มีแบงค์10 แบงค์20 ติดกระเป๋าอยู่ไม่กี่ใบ สำหรับกระเป๋าเงินของท่าน ท่านก็ไม่เคยใส่ใจว่ามีเงินอยู่ในกระเป๋าหรือไม่ มีอยู่เท่าไหร่ ผมเคยเจอคนสติไม่ดีที่ท่านสงเคราะห์อยู่ในวัด เข้ามายกมือไหว้ท่าน แล้วบอกว่า......หลวงพ่อ ขอตังค์หน่อย...ท่านก็หยิบกระเป๋าเงินทั้งใบส่งให้เฉย ไม่สนใจเลยว่าหมอจะหยิบไปเท่าไหร่
ครับ.......นี่ล่ะ อริยะเมตตา ที่ผมเลือกไปกราบเป็นองค์แรก ผมเลือกไม่ผิดเลยใช่ไหม??
กราบหลวงปู่แช่ม ยังรำลึกถึงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
หลวงปู่แช่ม วัดดอนยายหอม
ในช่วงปลายชีวิตหลวงปู่ สมัยเหรียญเจ้าสัวเฟื่องฟู มีออกกันเป็นร้อยเป็นพันวัดในยุคนั้น ส่วนใหญ่จะเลียนแบบเจ้าสัวหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วแทบจะเป็นฝาแฝด มีดัดแปลงบ้างก็ให้มีโค้ดหรือยันต์ด้านหลังที่แตกต่าง วัดดอนยายหอมก็มีสร้างออกมา2พิมพ์ พิมพ์หนึ่งเป็นทรงคล้ายของวัดกลางบางแก้ว แต่ด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่ครึ่งองค์ ส่วนอีกพิมพ์ที่ผมชอบคือพิมพ์ที่ประยุกต์เหรียญหล่อชินราชหลวงพ่อเงิน และด้านหลังระบุว่า...เจ้าสัว หลวงพ่อแช่ม....ผมว่างาม,ลงตัวและเป็นเอกลักษณ์ดี
ช่วงนั้นผมเข้าไปที่วัดแล้วบูชาเหรียญเจ้าสัวทั้ง2พิมพ์ และให้หลวงปู่เจิมให้ ตอนนั้นคนที่เข้าไปกราบท่านค่อนข้างมาก ผมจึงไม่ได้คุยเป็นส่วนตัว รอเมื่อผู้คนซาลง ผมจึงจะเข้าไปกราบลาท่าน แล้วถามท่านว่า...หลวงปู่ สร้างเหรียญเจ้าสัวด้วยหรือครับ.....ท่านพยักหน้า และร้องเรียกกรรมการวัดว่า.....ทิดๆ เอาเหรียญเจ้าสัวมาแจกโยมเขาคนละเหรียญ เร็ว.....ผมเกรงใจท่าน ต้องบอกท่านว่า.....ไม่ต้องครับหลวงปู่ ผมบูชามาแล้วทั้ง2พิมพ์......(ในช่วงนั้น วัตถุมงคลส่วนใหญ่ของท่าน ค่าบูชาหลักสิบยกเว้นพระกริ่ง,พระบูชาและพระตระกูลเนื้อแร่ทั้งหลาย แต่เหรียญเจ้าสัวตั้งราคาทำบุญไว้ที่300 หลวงปู่จะแจกให้เฉย)
ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม ต่อจากหลวงพ่อเงิน ตอนบวชดูเหมือนหลวงพ่อเงินจะเป็นพระกรรมวาจาจารย์ให้ด้วย แต่ท่านไม่วัดรอยเท้าครูบาอาจารย์ มีวัตถุมงคลรุ่นหนึ่งของท่าน ที่ผมเห็นครั้งแรกแล้วอดยิ้มไม่ได้ เป็นพระผงสมเด็จด้านหลังเป็นรูปเหมือนท่านเองครึ่งองค์ กรรมการวัดยุคนั้นเรียกว่าพระสมเด็จเงินล้าน แต่ของจริงด้านหลังใต้รูปหลวงปู่ ประทับตัวอักษรว่า....แช่มล้าน.....ท่านไม่ใช้คำว่าเงินล้าน อาจเพราะเป็นชื่อครูบาอาจารย์ แต่ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ ทั้งแช่มชื่นและมีเงินล้าน......ทั้งรวยและมีความสุข ใครบ้างไม่ชอบ
หลวงปู่แช่ม วัดดอนยายหอม
นอกจากจะเป็นพระเกจิที่แสดงออกด้านเมตตาอย่างสูงแล้ว ด้านพลังจิตของหลวงปู่แช่ม ก็นับว่าไม่ธรรมดา เหรียญรุ่นสุดท้ายของท่านที่สร้างเพื่อหาทุนสร้างโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม พระครูอวยพรหลานท่านจะจัดพุทธาภิเษกหมู่ ท่านบอกกับพระครูอวยพรว่า......ฉันกับพระครู2คนก็พอแล้ว.......แล้วในวันปลุกเสกที่ท่านนั่งเสกกับพระครูอวยพร บนศาลาหอสวดมนต์ ท่านก็อัดซะหลังคาหอสวดมนต์ระเบิด
แม้แต่มรณภาพ ก็ไม่รบกวนศิษย์ให้เดือดร้อน........ในวัย87ของหลวงปู่ไม่มีอาการให้เห็นว่าท่านอาพาธหนัก ถึงขนาดต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเลย แต่ใครบ้างจะคิดว่า เช้ามืดวันที่9ธันวาคม 2536หลวงปู่ได้ละสังขารในกุฏิของท่าน โดยไม่ได้สร้างภาระเรื่องค่ารักษาพยาบาลหรือความกังวลให้กับวัดและลูกศิษย์ มีแต่ทุกคนที่รู้ต่างก็ช็อคไปตามๆกัน ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้ว เมื่อมรณภาพยังฝากความทรงจำด้วยการมรณภาพอย่างสงบ ด้วยท่าสีหไสยาสน์.......สิ้นสงสัยในองค์หลวงปู่
หลวงปู่แช่มมรณภาพด้วยวัย87ปี 67พรรษา ญาติห่างๆผมที่อยู่นครปฐม รื้อฟื้นความจำให้ผมว่าคนนครปฐม ถูกหวยกันเกือบยกจังหวัด เพราะงวดนั้นหวยออก 67
จากวันที่หลวงปู่มรณภาพไปแล้ว นับเวลาสิบกว่าปีมาแล้ว เมื่อ2-3ปีที่ผ่านมาผมแวะเข้าไปวัดดอนยายหอม ก็ขอชมเชยทางวัดที่อนุรักษ์บริเวณที่หลวงปู่เคยต้อนรับญาติโยมไว้เหมือนเดิม ต่างกันแค่เพียงมีรูปบานใหญ่ตั้งไว้แทนองค์หลวงปู่ ซึ่งก็นับว่าเหมาะสมแล้ว เพราะสถานที่ตรงนั้นไม่มีผู้ใดเหมาะสมที่จะประทับ ยกเว้นแต่เพียงอริยะเมตตาแห่งดอนยายหอมรูปนี้รูปเดียวเท่านั้น ถึงจะมีรูปบานใหญ่แทนองค์หลวงปู่ ทุกครั้งที่เห็นอดคิดถึงความเมตตาที่เคยได้รับมาในอดีตไม่ได้ ณ.วันนี้ ไม่มีแล้ว หลวงปู่ที่เจิมมือเจิมหน้าให้ศิษย์ ไม่ได้ยินพรที่เป็นเอกลักษณ์......ขอให้เฮงๆรวยๆ.......มานานแสนนานแล้ว
หลวงปู่แช่ม วัดดอนยายหอม พระเกจิรูปแรก ที่ผมเลือกไปนมัสการจากการรู้จักจากหนังสือพระ พระเกจิที่ผมเลือกให้เจิมรถคันแรกในชีวิตของผม จากวันนั้น....วันแรกที่ไปกราบหลวงปู่ จวบจนวันนี้ ยังไม่มีเกจิรูปไหนที่จะทัดเทียมหลวงปู่ได้ในเรื่องของความเมตตา
..............กราบนมัสการหลวงปู่
โดย chanunt
โดย: oustayutt เวลา: 2014-10-18 15:23
สาลิกาลิ้นทอง
คือสิบกว่าปีก่อน ตอนที่หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมมรณภาพใหม่ๆ มีเพื่อนของพี่ชายแฟนผม แกเป็นญาติหลวงพ่อแช่ม มานั่งเล่าให้ฟังว่า ตอนแกบวชที่วัดดอนยายหอมแล้วจะสึก หลวงพ่อแช่มถามว่าเอาเหรียญรุ่นหนึ่งมั๊ย ท่านยังพอมีเก็บไว้ให้ลูกหลาน แต่พี่เขาไม่เอา หลวงพ่อเลยถามว่างั้นอยากได้อะไร แกเลยได้ทีรีบตอบว่าจะเอาสาลิกาลิ้นทอง หลวงพ่อแช่มได้ยินแล้วก็อึ้งไปพักใหญ่ จากนั้นก็ถามกลับมาว่ารู้ได้อย่างไรว่าหลวงลุงมี(หมายถึงได้วิชานี้ไว้) พี่เค้าก็ตอบว่าเดาเอา หลวงพ่อแช่มก็ถามต่อไปว่าทำไมอยากได้ พี่เขาก็เลยเล่าเรื่องพ่อของเขาให้หลวงพ่อแช่มฟังว่าในสมัยหลวงพ่อเงิน ได้ลงที่ฟันกับลิ้นให้พ่อเค้า จากนั้นมาพ่อเขาก็ได้เมียมากมายแต่ที่เอามาอยู่ด้วยก็สาม เมียคนที่สาม ก็คือแม่ของพี่เขานั่นเอง แต่อีกไม่นาน ตอนพ่อเขาซึ่งอายุกว่า๖๐ปีก็ได้เด็กอายุ๑๖มาเป็นคนที่๔อีก ทีนี้แม่เขาเกิดทนไม่ได้จึงไปฟ้องและต่อว่าหลวงพ่อเงินว่าเป็นเพราะท่านนั่นแหล่ะไปลงสาลิกาลิ้นทองให้ไอ้...(ชื่อพ่อของพี่เขา).....มัน ถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำเอาหลวงพ่อเงินต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการมาถึงบ้านโยม......(พ่อของพี่เขา).... พอเจอหน้ากันเท่านั้นแหล่ะ หลวงพ่อเงินท่านก็พูดว่า โยม..(ชื่อ)....ไอ้ที่หลวงอาเคยลงสาลิกาลิ้นทองให้ไว้นั่น หลวงอาขอคืนนะ พอกล่าวเสร็จหลวงพ่อเงินท่านก็เดินกลับวัดไป ปรากฏว่ารุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง พอตื่นขึ้นมาพ่อของพี่เขาฟันร่วง๔ซีกเลย และ๔ซีกนี้คือซีกที่หลวงพ่อเงินเคยลงสาลิกาไว้ให้เมื่อหลายสิบปีก่อน ศิษย์อริยะ
ที่มา , คุณมงคลชัย เหล่างาม
โดย: oustayutt เวลา: 2014-10-18 15:26
เมื่อคืนฝันถึงท่านโดยที่ก่อนนอนก็ไม่ได้คุยหรือนึกถึงเลย ยังงงอยู่ว่ามีนัยหรือว่าธาตุแปรปวนเลยฝันเรื่อนเปื่อย
โดย: oustayutt เวลา: 2016-11-24 23:19
สาธุครับ
โดย: Sornpraram เวลา: 2016-12-1 07:47
โดย: Sornpraram เวลา: 2016-12-1 07:47
โดย: oustayutt เวลา: 2017-3-13 23:26
โดย: Sornpraram เวลา: 2017-3-14 08:30
โดย: oustayutt เวลา: 2017-6-11 22:39
กราบหลวงปู่ครับ
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |