Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ◎ ตักศิลาแห่งเมืองกรุงเก่า ◎ [สั่งพิมพ์]

โดย: morntanti    เวลา: 2015-5-15 00:58
ชื่อกระทู้: ◎ ตักศิลาแห่งเมืองกรุงเก่า ◎
◎ ตักศิลาแห่งเมืองกรุงเก่า ◎

เรื่องเล่าชาวสยาม ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ในอัลบั้ม: เรื่องเล่าชาวสยาม
3 ชม. ·




◎ ตักศิลาแห่งเมืองกรุงเก่า ◎
วัดประดู่โรงธรรมเป็นแหล่งเรียนรู้สรรพวิชาการหลายแขนง เชื่อว่าหลายท่านคงสงสัยว่าตักศิลาแห่งนี้มีเรียนพระกรรมฐานและคาถาอักขระเลขยันต์ที่โดดเด่น แต่ยังมีอีกหลายสาขาที่น่าศึกษาอีกหลายแขนง
วัดประดู่ทรงธรรม ถูกสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพระนครศรีอยุธยา ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเมือง บริเวณกลุ่มวัดในเขตอโยธยา
วัดประดู่ทรงธรรมถูกกล่าวถึงในพระราชพงศาวดาร ในคราวที่พระภิกษุสงฆ์ของวัดประดู่แปดรูป ได้ช่วยเหลือพระเจ้าทรงธรรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาหลบหนีจากการก่อกบฏของ พวกญี่ปุ่นที่หมายปลงพระชนม์ชีพ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงในคราวที่พระเจ้าอยู่หัวอุทุมพร หรือที่เรียกกันว่า "ขุนหลวงหาวัด" ทรงผนวชและพำนักที่วัดประดู่ทรงธรรมนี้เป็นวันสุดท้าย ก่อนถูกกวาดต้อนไปอังวะภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. ๒๓๑๐
วัดประดู่ทรงธรรม เดิมชื่อวัดประดู่ หรือ วัดประดู่โรงธรรม ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างสมัยใด ภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น ภาพกระบวนพยุหยาตราทางสากลมาตร การแสดงมหรสพในงานถวยพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า
ในอดีตวัดประดู่ทรงธรรม เป็นวัดที่เป็นแหล่งศิลปศาสตร์หลายแขนง อาทิ เช่น วิชาพุทธศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีวิชาความรู้รอบตัวต่างๆ ดังนี้ครับ
๑. สูติศาสตร์ ตำราฟังเสียงสัตว์ร้อง
๒. สัมมติศาสตร์ ตำรารู้กำเนิดเกิดเขาและไม่รู้ว่าชื่อนั้นๆมีสรรพคุณและโทษอย่างไรใช้ทำยาได้อย่างไร
๓. สังขยาศาสตร์ ตำราการคำนวณเลข
๔. โยคศาสตร์ ตำราการเป็นช่าง
๕. นิติศาสตร์ ตำรารู้ที่จะเป็นครู สอนแบบแผนราชการประเพณี
๖. วิเสริกศาสตร์ ตำราเลี้ยงฝูงชนให้จำเริญศิริมงคล
๗. คณิตศาสตร์ ตำรานักขัตฤกษ์และตำรากาลต่างๆ
๘. คันธัพพศาสตร์ ตำราลำนำเพลงขับร้อง
๙. ติกิจฉศาสตร์ ตำราคัมภีร์แพทย์
สุดยอดภูมิปัญญาของบรรพชน
การเรียนวิชาสายวัดประดู่โรงธรรม
คนที่เรียนวิชาคาถาอาคมได้ต้องผ่านห้อง ๔
ห้อง๔นี้หมายถึง เราสามารถวางจิตได้ละเอียดกว่าญาณลาภีบุคคลชั้นสามัญ อย่างคนสามัญ ฝึกได้ฌาณสี่ แต่โพธิสัตว์บารมีสูงๆจะได้ฌาณห้า ซึ่งโดยหลักอารมณ์เสมอกันแต่ผู้มีบารมีจะพิจารณาวางอารมณ์ได้ละเอียดกว่าและใช้ความละเอียดกว่านี้เองทำสิ่งที่เหนือกว่าในมิติทางจิต บารมีทางจิตนั้นหากเราพอพิจารณาได้จะเห็นเป็นชั้นๆซ้อนๆกันสุดคณา ก็เลยเรียกว่า ”สาย“ อย่างเราเรียกว่าคนนั้นสายวิชานั้นสายวิชานี้ก็ คือ การต่อบารมีต่อๆมากับใคร เวลาเดินวิชา มันจะซ้อนกันเป็นชั้นๆเรียกว่าต้นธาตุตั้นธรรม ถ้าไม่ผ่านขึ้น๔นี้่ไม่ได้แล้ว(ฌาณ) สายวัดประดู่โรงธรรม จะไม่สอนอาคมให้ ถือว่าจะเอาตัวไม่รอด ดังนั้นสายวัดประดู่โรงธรรม สายวัดบรมนิวาส จึงสอนการเดินจิตแบบโสฬสสะระตะ ซึ่งตำรานี้สายวัดสุทัศน์ก็มีแต่ไม่ได้สอนกันแล้ว เมื่อผ่านห้อง๔หรือขั้น๔แล้วจึงสอนอาคมให้แก่ผู้ที่เรียนกรรมฐานเป็นลำดับสืบต่อไป เรียกว่าเป็นเคล็ดลับของวิชาสายนี้....
ที่มา www.guyyasit.com
เรื่องเล่าชาวสยาม






โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-5-17 09:57

โดย: LightGuardian    เวลา: 2015-5-18 11:23
โอ้ว ขอบคุณครับพี่




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2