มีหนังหลายเรื่องที่ดัดแปลงจากการ์ตูนแล้วล้มไม่เป็นท่า เพราะไม่สามารถถ่ายทอดความเจ๋งจากหน้ากระดาษสู่จอภาพยนตร์ได้ แต่เหตุไฉนเราจึงควรมีความหวังกับ Parasyte หนังไซไฟ แอ๊คชั่นเรื่องนี้ล่ะ
1. เพราะเรื่องต้นฉบับมันเจ๋งอยู่แล้ว: สร้างจากมังงะขายดีในตำนานเรื่อง Parasyte (ปรสิต เดรัจฉาน) เขียนโดย ฮิโตชิ อิวากิ เจ้าของรางวัล Kodansha Manga Award ปี 1993 และรางวัลชนะเลิศจากเวที Seiun Award ในปี 1996
เรื่องของ เด็กหนุ่มนาม ชินอิจิ ที่รอดพ้นจากการถูกครอบครองร่างโดยมนุษย์ต่างดาวนาม มิกกี้ เนื่องจากมันสิงได้เพียงแค่ส่วนมือซ้ายของเขาเท่านั้น หลังจากได้ทำความรู้จักกันและกัน ชินอิจิจึงทราบว่ามนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์นี้ต้องการครองโลก โชคดีที่มิกกี้ต่างไปจากพรรคพวกของมัน เขาจึงต้องอาศัยความรอบรู้ของเพื่อนต่างดาวในการยับยั้งแผนร้ายจากนอกโลกให้จงได้
2. เพราะประเทศต้นตำรับสร้าง: หลายครั้งที่ตะวันตกเอามังงะตะวันออกไปสร้าง แล้วตัดองค์ประกอบทางวัฒนธรรมออก จนหนังไม่มีเสน่ห์ ขาดอรรถรสแบบในมังงะ เรียกว่ามีแต่ร่าง แต่ไร้จิตวิญญาณเดิม ไม่ต่างจากดูฝรั่งคอสเพลย์ประหลาดๆ แต่ Parasyte ได้รับการทะนุถนอมโดย Toho Studio ค่ายหนังเสาเอกของแผ่นดินญี่ปุ่นที่ผลิตภาพยนตร์ในตำนานมาแล้วหลายเรื่อง โดยก่อนหน้านี้สิทธิ์ของ "ปรสิต" เคยตกไปอยู่ในมือฮอลลีวูด ในปี 2005 ของบริษัท New line Cinema แต่ประสบปัญหาเรื่องของการหาบทภาพยนตร์และผู้กำกับที่เหมาะสมไม่ได้
3. หนังดีต้องมาจากผู้กำกับที่ดี: หลังจากได้สิทธิ์การสร้างภาพยนตร์มา มินามิ อิชิกาว่า หัวเรือใหญ่ของ Toho ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาได้ชักชวนเพื่อนโปรดิวเซอร์ของเขาของเขา ชิจิ อาเบะ ผู้เคยผลิตผลงานอย่าง Always Sunset on Third Street ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีตุ๊กตาทองญี่ปุ่นมาแล้ว อาเบะ ยืนยันทันทีว่าผู้กำกับที่น่าจะมาทำหน้าที่นี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ทาคาชิ ยามาซากิ ผู้กำกับคู่บุญจาก Always นั่นเอง ทว่าทีมงานต้องรอเขาอยู่สักพักใหญ่ เนื่องจากในตอนนั้นเจ้าตัวกำลังขะมักเขม้นกับ Stand by Me Doraemon นับเป็นการดัดแปลงการ์ตูนสองแบบ สองสไตล์ ที่มีคิวฉายและถ่ายทำแทบจะพร้อมกันเลยทีเดียว
และสไตล์การทำงานของทาคาชิก็คือต้องศึกษาเรื่องราวที่จะทำอย่างลึกซึ้ง
ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง Always ที่เขาต้องศึกษาเรื่องราวของการ์ตูนเรื่องนั้นอย่างละเอียด รวมไปถึงการเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความหมายของเรื่อง ซึ่งเมื่อทาคาชิได้มาคุมโปรเจค เรื่อง Parasyte สิ่งแรกที่เขาทำคือ กลับไปนั่งอ่านการ์ตูนมังงะสุดโปรดของเขาอีกครั้ง “นี่เป็นการ์ตูนที่ผมรักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มันมีทั้งแง่คิด ปรัชญา และเนื้อหาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร จริงๆแล้วผมอยากจะทำหนังเรื่องนี้ก่อนเรื่อง Always ด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นสิทธิในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ไปอยู่ที่ต่างชาติ” –ทาคาชิ กล่าว
4. วิสัยทัศน์ด้านภาพ: นอกจากจะกำกับแล้ว ทาคาชิ ยังรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมฝ่ายวิชชวลเอ็กเฟ็กซ์ด้วยเช่นกัน ความจริงแล้วก่อนที่เขาจะหันไปทำหนังดราม่าอย่าง Always เขาเคยกำกับหนังและทำหน้าที่ฝ่ายวิชชวลให้กับหนังแอคชั่นไซไฟให้กับภาพยนตร์เรื่อง Returner และกำกับหนังซีจีเน้นๆ อย่าง Space Battleship Yamato อีกด้วย “ผมโตมากับงานวิชชวลเอ็ฟเฟ็กซ์ ผมหลงไหลในความมหัศจรรย์ของภาพ CG บนภาพยนตร์” ทาคาชิกล่าว
5. รายได้ และเสียงตอบรับ: หลังจากฉาย part 1 ไปเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้วในญี่ปุ่น หนังก็สามารถเปิดตัวได้ที่อันดับ 1 บนตาราง box office และทำรายได้แตะ 800 ล้านเยน ทันทีฉายได้เพียงสองสัปดาห์เท่านั้น พร้อมคำชมอย่างล้นหลาม จนภาคต่อ part 2 ที่จะออกฉายในเดือนเมษายน กลายเป็นหนึ่งในหนังที่หลายคนตั้งตาคอยด้วยใจจดจ่อเลยทีเดียว
สำหรับที่เมืองไทย เตรียมใจให้พร้อม เพราะมิกกี้และผองเพื่อนจะมาบุกโรงภาพยนตร์พร้อมกัน กับ Parasyte part 1 ปรสิตเพื่อนรักเขมือบโลก วันที่ 7 พฤษภาคมนี้แน่นอน
[youtube]kLE_hLEUpqM&feature=youtu.be[/youtube]