Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ตำนานการก่อกำเนิดเพชรนาคา [สั่งพิมพ์]

โดย: AUD    เวลา: 2013-6-22 11:49
ชื่อกระทู้: ตำนานการก่อกำเนิดเพชรนาคา
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-6-22 11:51

[attach]3657[/attach]

ตำนานการก่อกำเนิดเพชรนาคา

นับย้อนหลังนานแสนนานไปในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า "กัสสโป" ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4) ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาลด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาพระโพธิสัตว์

เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด “ฝนโบกพรรษ” ตกลงมา ใครใคร่ให้เปียกก็เปียกใครใคร่ไม่เปียกก็ไม่เปียก ด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป เมื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพสุธาบางส่วนได้ประมวลตัวรวมธาตุดึงดูดธาตุทั้งสี่ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น “เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมา มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7 สี ส่องแสงสว่างไปทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน

รัศมีแห่งเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงนี้ ส่องสว่างครอบคลุมจนไปถึงนครใต้บาดาล ดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประกา รกลบรัศมีแสงสว่างอัญมณีพลอยอันมีค่าต่างๆ ที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมด จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาล จนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ ต่างหาสาเหตุต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้

จนทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมืองนามว่า “พญานาคราชสุนันโท” กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาล ที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วน ได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของตนอธิษฐาน ขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์อัศจรรย์ใจในครั้งนี้

ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนาและได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพ ุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา ก่อนที่จะละสังขารตายลง (ขอเว้นในเหตุของกฏแห่งกรรมที่ทำให้กำเนิดเป็นพญานาคผู้มีฤทธิ์)

ด้วยเหตุนี้เองทำให้ล่วงรู้ถึงการก่อกำเนิดแห่ง “เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง” ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้ถึงหน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้ พญานาคราชสุนันทโทผู้เป็นใหญ่ได้แสดงฤทธิ์อำนาจ แทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลาย ขึ้นมาสู่พื้นปัฐพีมาดูต้นเหตุอัศจรรย์อันที่ทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพื้นพิภพใต้บาดาล

ท่านพญานาคราชสุนันโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลาย ต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บรักษาเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป เหล่านาคีนาคาบริวารทั้งหลายต่างก็อัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขา หมวดหมู่ที่พวกตนได้สิ่งสถิตย์พักอาศัยอยู่

ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆ มาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรม หรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดา อีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำที่ลึกลับ ที่ยากจะเข้าไปได้นำไปประดิษฐสถานเอาไปไว้ในแอ่งน้ำต่างๆ ภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควร พร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสีย จนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป




โดย: AUD    เวลา: 2013-6-22 11:50
หลวงปู่เทพโลกอุดร เกี่ยวข้องกับเพชรนาคา

ตามความเป็นจริงแล้ว ผมไม่ต้องการที่จะกล่าวถึง หลวงปู่เทพโลกอุดร หรอกนะครับ แต่มีเหตุที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง “เพชรนาคา” ที่ผมได้รับและสัมผัสเป็นครั้งแรก ถ้าไม่กล่าวถึงเลยมันก็จะข้ามขั้นตอนไปเสียในความเป็นจริงที่เกิดกับตัวผมเอง และที่สำคัญผมเคารพสักการะบูชาหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์

ในวันหนึ่งผมเดินทางไปพบพี่จิม (นามสมมุติ) ที่บ้าน เพราะว่าพี่จิมได้บูชาเพชรนาคามาจากบุคลท่านหนึ่งก่อนหน้านี้หลายปี ผมได้อ่านข่าวที่ลงทางหน้าสื่อพิมพ์เกี่ยวกับเพชรพญานาคว่า เป็นการหลอกลวงเรียกเงินกันเป็นแสนๆ ว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์เป็นของอาถรรพ์ จึงทำให้ผมไม่ค่อยจะเชื่อถือเท่าใดนัก นี้นับเป็นครั้งที่จะได้เห็นของจริง

เมื่อได้สัมผัสเห็นของจริงแวบ..แรกที่สัมผัสเห็น ภายในจิตบอกว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แต่ในความที่ผมได้อ่านข่าวคราวมา มันเลยทำให้จิตผมขุ่นมัวต่อต้านอยู่บ้าง ผมจึงขออนุญาตินั่งเข้าสมาธิสัมผัสดู ช่วงจังหวะนั้นเองปรากฏเห็นภาพหนึ่งขึ้นมา เห็นเป็นลักษณะมองเห็นทิวยอดไม้เห็นภูเขาสูง เหมือนดึงซูมภาพเข้าไปจนถึงปากถ้ำ เมื่อมองลงไปด้านข้างภูเขามองเห็นสายน้ำไหลคดเคี้ยวยาวมากอยู่พื้นดินด้านล่าง ก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำผมถอยออกมาจากสมาธิเสียก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น

โดย: AUD    เวลา: 2013-6-22 11:50
รูปร่างสัณฐานสีสันของเพชรนาคา

"เพชรนาคา" หรือ "เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง" นั้น มีรูปร่างหลายสัณฐานหลายขนาดหลายสีสัน เพชรนาคาสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 สัณฐานใหญ่คือ

1. สัณฐานลูกรักบี้ จะมีรูปร่างกลมยาวเรียวหัว-ท้ายเรียวมนคล้ายหัวจรวด จะมีความยาวประมาณตั้งแต่ 2-3 ซ.ม.จนถึง 9-10 ซ.ม. สามารถแบ่งเป็นประเภท
1.1 เป็นเพชรนาคา ,
1.2 เป็นเหล็กไหลชนิดดูดติดเหมือนแม่เล็ก หรือแบบดูดไม่ติด

2. สัณฐานเหมือนพลอยหลังเบี้ย จะมีรูปร่างสัณฐานแบ่งออกได้อีก 2 แบบคือ
2.1. รูปกลม (แฮมเบอเกอร์) จะมีรูปลักษณะทรงกลมตรงกลางจะนูนขึ้นมาดังหลังเบี้ยทั้งสองด้าน ด้านข้างจะสามารถมองเห็นคล้ายขอบรอยเชื่อมของเพชรนาคา จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์ตั้งแต่ 7 มิลลิเมตรถึง 1 ซ.ม.กว่าๆ
2.2. รูปวงรี จะมีรูปทรงเป็นวงรีตรงกลางจะนูนขึ้นมาดังหลังเบี้ยทั้งสองด้าน จะมีขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรจนกระทั่งมีความถึงยาว 1-2 นิ้ว

3.สัณฐานกลมแบบลูกแก้ว จะมีลักษณะกลมเป็นลูกแก้ว แต่สังเกตุดูดีๆ แล้วบางเม็ดจะมีรอยขอบ รอบๆ มีตั้งแต่ขนาดเม็ดเท่าปลายนิ้วก้อย ( ประมาณ 1 ซ.ม.) จนถึงขนาดเท่าไข่ไก่

4.สัณฐานพิเศษที่หายาก จะมีคือ..
4.1 ลักษณะลูกสมอจันทน์ จะมีลักษณะออกจะกลมคล้ายดังลูกแก้ว เหมือนกับสัณฐานกลมหลังเบี้ยแบบที่ 2.1 จะมีขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณเกือบ 2 ซ.ม. หรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้ง
4.2 ลักษณะเป็นเขี้ยวแก้ว จะมีลักษณะรูปทรงสัณฐานเป็นเขี้ยว จะมีความยาวประมาณหนึ่งข้อนิ้วก้อยนิดๆ จนกระทั่งมีความยาว 6 - 7 นิ้ว
4.3 ลักษณะรูปหยดน้ำ จะมีลักษณะรูปทรงคล้ายหยดน้ำขนาดใหญ่ประมาณปลายนิ้วก้อย
4.4 ลักษณะเป็นฟันกราม จะมีลักษณะรูปทรงคล้ายฟันหน้าหรือฟันกรามของคน จะมีส่วนที่ยื่นออกมาดังรากฟัน จะมีหลายขนาดทั้งฟันกรามเล็กฟันกรามใหญ่
4.5 ลักษณะรูปหัวใจ
4.6 ลักษณะรูปดอกบัว
4.7 ลักษณะรูปหงอนพญานาค
4.8 ลักษณะเป็นไข่

ซึ่งเพชรนาคานั้นจะมีสีสันที่สวยงามส่องแสงเป็นประกายมาก ยิ่งเอาไปส่องด้วยแสงไฟจะส่องเป็นประกายสีถึง 7 สี และจะมีความมันเงาแวววาว บางสัณฐานภายในคล้ายกับมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ หรือคล้ายกับมีดวงตาซ้อนอยู่ภายใน แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจนนั้น จะเป็นสัณฐานเหมือนพลอยหลังเบี้ย จึงนับว่าแปลกอัศจรรย์เป็นอย่างมาก

มีผู้ที่มีความชำนาญในการดูพลอยบอกว่า ถ้าพลอยดีชั้นดีเวลาส่องดูจะเห็นเป็นแถบสายรุ้ง ถ้าเป็นพลอยรองลงมาเวลาส่องดูจะเห็นเป็นประกายของสี ทั้ง 7 สี เมื่อนำเพชรนาคานำมาส่องดู (แบบสัณฐานที่2)บางเม็ดด้านหนึ่งส่องดูเห็นเป็นแถบสี พอพลิกดูอีกด้านหนึ่งส่องดูเห็นเป็นประกายสีเหมือนมีชีวิต เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก

ซึ่ง หลวงปู่พวง สุวีโร วัดป่าปูลูสันติวัฒนา จ.อุดรธานี ได้เล่าให้ฟังว่า ลูกศิษย์ท่านได้นำไปตรวจสอบตรวจดูที่ต่างประเทศ ซึ่งผลปรากฏว่ามีคุณค่าเกือบจะเท่าอัญมณี แต่ก็ถือว่าเป็นแร่รัตนชาติชนิดหนึ่งที่มีคุณค่า

การแบ่งสีสันของเพชรนาคานั้น สามารถที่จะแบ่งออกได้ 3 ประเภทก็คือ

1. สีอ่อนแต่ใส
2. สีเข้ม
3. สีเข้มออกโทนเทาดำ

จะมีอานุภาพพลังที่แตกต่างกันไป ตามสีสันและตามขนาดสัณฐานด้วย ยิ่งออกเป็นสีในประเภทที่ 3 ยิ่งมีพลังลึกลับอาถรรพ์เพิ่มมากขึ้น

การแบ่งตามวรรณะตามโทนสีของ "เพชรนาคา" สามารถแบ่งออกได้คือ

1. สีน้ำเงิน วรรณะกษัตริย์
2. สีฟ้าน้ำทะเล วรรณะเชื้อพระวงศ์
3. สีเขียว วรรณะนักบวช, ผู้ทรงศีล
4. สีแดง วรรณะนักรบ,ขุนพล
5. สีม่วง วรรณะขุนนาง
6. สีขาว วรรณะ กลาง
7. สีเหลือง,สีส้ม,สีชมพู วรรณะทั่วไป


โดย: AUD    เวลา: 2013-6-22 11:52
ความหมายตามสีสันของเพชรนาคา ก็คือ

1. สีขาว หมายถึง พลังบารมีพุทธคุณหรือบารมีขององค์มหาพระโพธิสัตว์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรถือศีลภาวนาปฏิบัติธรรมลดละกิเลสตัณหาอุปทาน ให้วางจิตให้อยู่ในสายกลางไม่มีบุญไม่มีบาป มีสติเป็นผู้รู้ (เกิดปัญญา) เท่าทันในสภาวะปัจจุบัน เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหวรวนเรไม่มีความมั่นใจ

2. สีแดง หมายถึง สีแห่งกำลังฤทธิ์อำนาจ กล้าหาญเด็ดเดียวความคิดฉับไหวเฉียบคมดุดัน ตัดสินใจรวดเร็วตรงเป้าหมายทันอกทันใจ เป็นที่เคารพน่าเกรงขาม ผู้ที่ได้ครอบครอบเพชรนาคาสีแดงนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมฝึกฝนให้จิตมี “สติ” รู้เท่าทันอารมณ์ มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีเกิดขึ้น ทั้งตนเองและผู้อื่น

สีแดงเป็นสีที่บ่งบอกถึง “โทสะจริต” ที่มีความต้องการให้ทันอกทันใจรวดเร็ว บางครั้งไม่เป็นตามที่เราต้องการก็จะเกิดอารมณ์โมโหโกรธขึ้นมานี้ละตัวร้าย ยิ่งเพชรนาคาที่มีสีเข้มขึ้นมากเท่าใด ยิ่งจะมีพลังทางลบมากเท่านั้น มันจะเผาผลาญทั้งกายและจิตใจให้เกิดความหม่นหมองมืดมัวเศร้าสร้อยไปทางทุคติที่ไม่ดี

2.1. สีแดงพิเศษ จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาวประมาณ 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่พลังอานุภาพฤทธิ์อำนาจสูงกว่าสีปกติมาก เพราะจะเป็น “เพชรนาคาสีแดงขอบดำ” ครูบาอาจารย์บอกว่า “เป็นพลังอนันตจักรวาล” ผู้ที่สามารถที่จะครอบครองได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมมาจากอดีตชาติไว้มาก หรือและต้องเป็นผู้ที่มี “จิต” เป็นฤทธิ์เดชตบะมหาอำนาจที่ฝึกฝนมาทางนี้ มิเช่นนั้นไม่สามารถที่จะรองรับพลังอานุภาพของเพชรนาคาที่มีพลังอนันตจักรวาลได้

3. สีเขียว หมายถึง อำนาจจิตที่มีความเมตตาเย็นกายเย็นจิต มีเดช ตบะบารมีของผู้ทรงธรรมที่มีจิตสัมผัสทางโลกลี้ลับเหล่าเทพพรหมเทวดา มีพลังอำนาจลี้ลับไหลเวียนเป็นกระแสล้อมรอบตัว ทำให้จิตมีความสงบเยือกเย็นมั่นคง แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ

ยิ่งสีเข้มยิ่งมีอานุภาพของพลังที่สื่อผ่านมาจากเพชรนาคาจนเย็นยะเยือก เป็นที่เคารพนอบน้อมเป็นที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดพูดจาอะไร เป็นเหตุที่เกิดมาจากการบำเพ็ญเพียรตบะบารมี “สัจจะอธิษฐาน” ที่ไม่พูดปดมดเท็จหลอกลวงตลบแตลง และเป็นสีของกายทิพย์ผู้เป็นจอมเทพใหญ่ในสวรรค์ชั้นฟ้าทรงช้างเอราวัณ 3 เศียรที่มีอำนาจฤทธานุภาพ จ้าวแห่งสรวงสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

4. สีเหลือง หมายถึง ความนุ่มนวลมีสง่าราศี สีที่แสดงถึงความมั่งคั่งมีโชคมีลาภไหลมาเทมา มีความเจริญสดใสรุ่งเรืองดัง “ทองคำ” ที่มีคุณค่าในตัวเอง กระแสแห่งสียิ่งสีสดใสเท่าใดยิ่งมีกระแสแห่งโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น เป็นกระแสที่ทำให้น่าเกรงขาม เคารพศรัทธาในความมีสง่าราศี ดังเจ้าขุนคุณนายเจ้าพระยาผู้มีศักดิ์มีศรี จะได้รับการช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ ทำให้หน้าที่กิจการเจริญก้าวหน้าราบรื่น

หมายเหตุ… ผู้ใดได้เพชรนาคาสีเหลืองไว้ครอบครอง จะต้องมีจิตใจที่ชอบทำบุญทำทานเป็นนิจวัตร มีน้อยทำน้อยมีมากเท่ามากตามกำลังของตนเอง และต้องเป็นผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม ยิ่งจะส่งผลให้เกิดกระแสแห่งทานบารมีที่บริสุทธิ์ ส่งเสริมพลังเพชรนาคาสีเหลืองและองค์เทพที่รักษาดูแลมีบุญบารมีเพิ่มขึ้น

5. สีส้ม หมายถึงพลังแห่งการป้องกันภัยจากอาวุธภัยอันตรายต่างๆ เป็นพลังที่มีความคิดเด็ดเดียวกล้าหาญกล้าคิดกล้าทำกล้าที่จะเผชิญ และเป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้ายุติธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เป็นกระแสพลังที่ป้องกัน และลดสลายอุปสรรคพลังที่ไม่ดีที่เข้ามากระทบ กระทำให้บุคคลใดผู้ใดที่คิดจะมาเบียดเบียนต้องพ่ายแพ้ตนเองไปในที่สุด มีเทพที่มีคุณธรรมดูแลปกปักรักษา และเป็นสีแห่งพระบารมีของ “องค์พระสยามเทวาธิราช” องค์มหาเทพที่ดูแลปกปักรักษาคุ้มครองประเทศชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์ จากภัยอันตรายจากศัตรูผู้ไม่เป็นมิตรที่คิดมากระทำย่ำยี

6. สีม่วง หมายถึง พลังที่มีอำนาจลึกลับยากที่จะหยั่งถึงได้ ดังคำว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ” เกี่ยวข้องจิตวิญญาณโอปาติกะ ภูติผีปีศาจทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะคิดไม่ดีกระทำไม่ดี เหมือนมีพลังลึกลับจ้องมองอยู่ ยิ่งสีที่เข้มจนเกือบดำไม่ต้องพูดถึง มีพลังลึกลับอานุภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณ ป้องกันภูติผีปีศาจคุณผีคุณคนคุณไสย การกระทำย่ำยีต่างๆ ให้เสื่อมสลายหายไป และเป็นสีที่สามารถดูดซับพลังอำนาจลึกลับทั้งดีและไม่ดีได้ขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของ

หมายเหตุ… บุคคลที่มีวาสนาครอบครองเพชรนาคาสีม่วงนี้ จะเป็นคนที่มีพลังลึกลับหรือมีสัมผัสพิเศษเรื่องลึกลับ บางคนอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ และเป็นคนที่ช่างคิดช่างตรึกตรองเจ้าวางแผน ถ้ามีมากจนกระทั่งออกไปทางหน้ากลัว อาจจะเกิดผลเสียหรือเกิดพลังที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น ควรที่จะฝึกปฏิบัติจิตให้มีความเมตตาหนักแน่น ปล่อยวางจากอารมณ์ที่มากระทบ ให้จิตมีแต่ความโปร่งใสบริสุทธิ์ จะทำให้อานุภาพของเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเปล่งประกายออกมาครอบคลุมทั่วร่างตลอดเวลา เสมือนเกราะแก้วคุ้มครอง

6.1.สีม่วงพิเศษ จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาว 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่มีพลังฤทธิ์อำนาจแห่งความลึกลับแห่งจิตวิญญาณโอปาติกะ ป้องกันอาถรรพ์การกระทำคุณไสยคุณผีคุณคน การกระทำย้ำยีต่างๆ ผูกพยนต์ ฝังรูปฝังรอย ทำให้เกิดการสลายเสื่อมอานุภาพ ศัตรูหมู่มารต่างสยบไม่กล้าที่จะคิดร้ายกระทำไม่ดี มีอานุภาพแผ่พลังครอบคลุมเป็นปริมณฑลได้ทั้งบ้าน แต่ก็ขึ้นอยู่ผู้ที่เป็นเจ้าของครอบครองมีจิตสะอาดอยู่ในศีลในธรรมหรือไม่เป็นหลัก ยิ่งที่เป็นผู้ที่ปฏิบัติทางจิตจะยิ่งเปล่งประกายของอานุภาพรัศมีกว้างขึ้น

7. สีฟ้า หมายถึง ถึงผู้ที่มีบุญวาสนาที่ได้สร้างสมมาในอดีต มีน้ำใจกว้างขวางใสสะอาด น่าเคารพนอบน้อมดังเพื่อนสนิทมิตรสหายสนิทชิดเชื้อกันมานาน พูดจาเจรจาพาทีเข้าทีเข้าท่าติดต่อค้าขายคล่องตัวลื่นไหลสะดวก เป็นผู้ที่มีบุญฤทธิ์ที่เหล่าเทพยดาดูแลค้ำชู เดินทางไปไหนมาจะมีความสะดวกสบาย

8. สีน้ำเงิน หมายถึง ผู้ที่มีอำนาจวาสนาบารมีสูงมีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์บารมี เป็นผู้นำผู้ปกครองมีทั้งเดชตบะบารมีเป็นที่เคารพน่าเกรงขามมีขุมทรัพย์มหาศาลที่ซ้อนเร้นอยู่ ดังร่มโพธิ์ร่มไทรที่แผ่กิ่งก้านร่มเย็นที่พักพิงแก่สรรพสัตว์ มีพลังที่ป้องกันศัตรูภัยอันตรายต่างๆทั้งแปดทิศ จะต้องมีเทพพรหมเทวดาดูแลปกปักรักษาตลอดเวลาเสริมสร้างบารมียิ่งขึ้น

หมายเหตุ… ผู้ที่บุญวาสนาได้ครอบครอง จะต้องเป็นผู้ที่บุญวาสนาบารมีมาในอดีตชาติที่สร้างสมมานาน และต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมประจำใจ มิฉะนั้นจะเกิดอาถรรพ์ที่ไม่ดีแก่ผู้ที่ครอบครองเกิดความวิบัติ อย่าหลงอดีตอย่าบ้าอำนาจอย่าอวดเก่งหลงตัวเอง จงทำจิตให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด คือการปล่อยวางจากกิเลสตัณหาอุปทาน

9. สีชมพู หมายถึง สีแห่งพลังอานุภาพเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์มหานิยมนิ่มนวลอ่อนโยน มีความโดดเด่นสะดุดตาดึงดูดสำหรับเพศตรงข้ามและผู้คนรอบข้างผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความเมตตาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ใจ ยิ่งสีชมพูเข้มออกสดใสยิ่งมีพลังมหาเสน่ห์ดึงดูดเป็นที่รักใคร่เป็นที่พึงปรารถนาดังนางพญาที่สูงศักดิ์สง่างดงามอย่างน่าประหลาด



โดย: AUD    เวลา: 2013-6-22 11:52


หมายเหตุ… ผู้ที่ได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ดีงาม ไม่นำพลังไปใช้ในทางไม่ดีดัง”ปากหวานก้นเปรี้ยวเลี้ยวตลบแตลง”ยิ่งกระทำกับเพศตรงข้ามจนกระทั่งผิดศีลในข้อที่ 3 จนเกิดความทุกข์กายทุกข์ใจ บั้นปลายท้ายสุดแล้วจะอเน็จอนาถน่าสังเวชเป็นอย่างมาก เมื่อผลกรรมนั้นมาตอบสนอง

10.สีชา (สีพิเศษ) หมายถึง สีที่มีพลังอานุภาพสามารถที่จะยับยั่งอารมณ์ความคิดที่ใช้แต่อารมณ์ ทำให้สติปัญญาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถูกที่ควรที่ตามไม่ทัน จนกระทำพลาดพลั้งผิดพลาดไปจนเกิดความเสียหาย เหมาะกับผู้ที่ขาดแหล่งพึงพิงทางจิตใจหรือผู้ที่มีจิตใจเลื่อนลอยเสร้าเสียใจผิดหวังท้อแท้ และมีความพิเศษก็คือจะมีอานุภาพทางมีโชคมีลาภอย่างที่คาดไม่ถึง ( เป็นสีที่หาพบได้ยาก )

แต่ตามความเป็นจริงแล้วในการบูชาเพชรนาคา หรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงนั้น มิใช่บูชาตามความหมายของสีว่าสีนี้ดีอย่างนี้แบบนั้น หรือสีที่เหมาะกับวันเกิดเดือนเกิดแล้วจะได้ตามนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมกันตั้งแต่ในอดีตชาติ และเคยได้เป็นเจ้าของกันมาก่อน

ผนวกในปัจจุบันเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในศีลในธรรมเป็นที่ตั้ง มิฉะนั้นแล้วจะเกิดอาถรรพ์เพทภัยไม่ดีกับตนเอง จึงจำจะต้องมีการอธิษฐานจิต ”เสี่ยงบารมี” ตามกำลังบุญวาสนาบารมีของตนเองว่า ”สีใดแบบใด” จะคู่ควรกับบุญวาสนาบารมีของตัวเรา หรือได้คำแนะนำจากครูบาอาจารย์ผู้รู้เท่านั้น.

โดย: AUD    เวลา: 2013-6-22 11:52
การอธิษฐานจิตบูชา

การอธิษฐานจิตบูชา ”เพชรนาคา” นั้นมีเครื่องสักการะบูชา
1. ธูป 5 ดอก ,
2. เทียน 2 เล่ม ,
3. พวงมะลิหรือพวงมาลัย

จุดธูปเทียนตั้ง ”นะโม 3 จบ ,ท่องไตรสรณคม , อาราธนาศีล 5 , บทพุทธคุณ , ธรรมคุณ , สังฆคุณ และคาถาบูชา โอม อุ อะ มะ นะ โม พุท ธา ยะ ยะ สะ สุ มัง” ต่อด้วยการตั้งจิตอธิษฐานตามที่ต้องการ (ไม่เกินกำลังของกฏแห่งกรรม)

หมายเหตุ : แต่ในเว็บ suvannaka.com แนะนำว่า..เมื่อได้รับ "เพชรพญานาค" หรือ "วัชรธาตุเพชรนาคา" มาแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำมนต์ก่อน แล้วเช็ดด้วยผ้าขาวสะอาด ก่อนนำใส่พานหรือผอบ บูชาด้วยธูป 10 ดอก เทียนขาว 10 เล่ม ดอกดาวเรืองหรือดอกไม้อะไรก็ได้ที่พอจะหาได้จำนวน 10 ดอก ผลไม้ 5 อย่าง

"เพชรพญานาค" หรือ "วัชรธาตุเพชรนาคา" ให้วางใส่พานเล็กๆ หล่อด้วยน้ำไว้ในที่อันควร แล้วตั้งจิตอธิฐานบูชา จะนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง และมีโชคลาภกับทุกท่านที่ครอบครอง คาถาบูชา ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วกล่าว คัด-สะ-มะ-อุ-มะ ทุกวันพระบูชาด้วยน้ำผลไม้ ถวายพวงมาลัย และถวายน้ำมะพร้าวอ่อน
ต้องการทำนำมนต์ โดยการหาขันใส่น้ำสะอาด อัญเชิญ ”เพชรนาคา” ลงแช่ในน้ำ พร้อมกับการจุดธูปเทียนบูชาท่องคาถา พร้อมกับสำรวมกายวาจาใจให้สงบนิ่งสักอึดใจหนึ่ง แล้วตั้งจิตอธิษฐานด้วยความแน่วแน่ตั้งมั่นจบด้วยบทแผ่เมตตา เมื่อสำเร็จสมหวังดังที่ได้อธิษฐานทุกครั้ง จะต้องทำบุญใส่บาตร, ถวายสังฆทาน, ถวายพระพุทธรูป เป็นต้น อุทิศถวายให้ ”พระแม่ธรณี,หลวงปู่เทพโลกอุดร, ปู่ทวดนาคราชสุนันโท, นาคานาคีเงือกบริวารทั้งหลาย ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรเป็นที่ตั้ง” ซึ่งจะเป็นการสร้างกุศลผลบุญบารมีไปในตัว

การอธิษฐานเพชรนาคา 9 สี นำมาบรรจุรวมกันในภาชนะเดียวกัน แล้วอธิษฐานและหมุนตามเข็มนาฬิกา คือหมุน 1 ครั้งป้องกันภัย , หมุน 2 ครั้งป้องกันภูติผีปีศาจ , หมุน 3 ครั้งขอโชคลาภ , หมุน 4 ครั้งสะท้อนป้องกันสิ่งไม่ดี ( ป้องกันการทำร้ายจากศัตรู ) , หมุน 5 ครั้งป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน , หมุน 6 ครั้งรักษาโรค , หมุน 7ครั้ง ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ( สามี,ภรรยารัก ) , หมุน 8 ครั้งถ้าไม่สบายรักษาตนเอง , หมุน 9 ครั้งชนะศัตรูหมู่มาร

หลังจากเสร็จสิ้นจากการที่นำเพชรนาคาติดตามตัวเช่น เป็นเครื่องประดับเป็นหัวแหวน, เป็นจี้ห้อยคอ, เป็นสร้อยข้อมือก็ตาม หรือนำมาบูชาเอาไว้ที่บ้าน ควรที่จะจัดหาพานรองรับตามความเหมาะสม วางผ้าแดงผ้าขาวรองพื้นก่อนที่นำเพชรนาคา หรือเครื่องประดับที่มีเพชรนาคาวางลงบนพาน และจัดหาขันหรือถ้วยใส่น้ำสะอาดโรยมะลิร่วงวางบูชาไว้ตรงด้านหน้าพานที่วางบรรจุเพชรนาคาอยู่ ควรจะเปลี่ยนน้ำสะอาดทุกวันหรือวันเว้นวันตามความเหมาะสม

น้ำที่วางบูชาเพชรนาคานี้เป็นน้ำมนต์ที่มีพลังอานุภาพ ใช้ดื่มกินอาบราดทั่วตัวไล่สิ่งไม่ดีสิ่งไม่ดีเสนียดจัญไรที่มาเกาะติดตามตัวเรา เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นเกราะคุ้มกันปกป้อง พร้อมระลึกขอบารมี "ปู่ทวดนาคราชสุนันโท" กำหนดเห็นเป็นรูปองค์พญานาคมาขดล้อมรอบตัวของเรา ส่องแสงสว่างเป็นรัศมีกระจายรอบตัวประมาณ 1 วา หรืออาจจะหาขันหรือภาชนะที่ใส่น้ำสะอาด พร้อมขันหรือภาชนะเล็กที่ลอยน้ำได้เพื่อนำเพชรนาคาหรือเครื่องประดับมีเพชรนาคาวางอยู่ในขันหรือภาชนะที่ลอยน้ำได้อีกทีหนึ่ง

โดย: AUD    เวลา: 2013-6-22 11:53
บ่งบอกลักษณะผู้เป็นเจ้าของ

“เพชรนาคา” นั้นสามารถบ่งบอกลักษณะนิสัยหรือข้อติดขัด (วาระกรรม) ของผู้ที่ครอบเป็นเจ้าของ เพราะธาตุกายสิทธิ์นี้ เมื่อได้เลือกผู้ใดบุคคลใด จะเชื่อมกำลังบารมีซึ่งกันและกัน คล้ายดังเป็นดวงจิตเดียวกัน มีพลังอำนาจที่จะบ่งบอกจุดบกพร่องจุดที่จะต้องพัฒนา เพื่อยกระดับภูมิจิตภูมิธรรมและเพื่อแก้ไขสภาวะกรรมที่เป็นอกุศลที่ได้ตามติดมาจากอดีตที่จะส่งผลในชาติปัจจุบันนี้ (ไม่เกินกฎแห่งกรรมที่หนัก)

ที่สำคัญเพชรนาคานี้สามารถ “ขยายโตใหญ่และเล็กลงได้ เกิดความขุ่นใสเปลี่ยนสีได้” ตามระดับภูมิจิตภูมิธรรมของผู้ที่ครอบครองประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรมแค่ไหน เพชรนาคามีพลังงานของธรรมชาติที่สะสมประมวลธาตุมานานหลายล้านล้านปีประมาณมิได้ ย่อมสามารถที่จะ “เปิดสภาวะกรรม” ให้รู้ให้เห็นได้ และมีพลังที่สามารถลดกระกรรมหนักให้สลายเป็นเบาได้

แต่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสภาวะกฏแห่งกรรมได้ นอกจาก “จิต” ผู้เป็นเจ้าของต้องเป็นผู้พฤติปฏิบัติในแนวทาง “ศีลอริยะมรรค” ก่อกำเนิดพลัง “โลกุตระ” ยกภูมิจิตยกภูมิธรรมให้จากอบายภูมิมีสัตว์และสัตว์เดรัจฉาน เป็นการ “อโหสิกรรม” กันไป

ที่มา - www.amulet.in.th


โดย: Metha    เวลา: 2013-6-22 12:52
สาธุ สาธุ สาธุ
ปู่ศรีสุทธรรมนาคราช
โดย: sriyan3    เวลา: 2013-6-24 08:22
ขอบคุณครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-14 22:53
ขอบคุณครับ

โดย: Nujeab    เวลา: 2014-6-29 03:48
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2