Baan Jompra
ชื่อกระทู้: เรื่องเล่า : การเลื่อนภพภูมิของเทพบุตรภุมมเทวา [สั่งพิมพ์]
โดย: oustayutt เวลา: 2015-4-14 14:43
ชื่อกระทู้: เรื่องเล่า : การเลื่อนภพภูมิของเทพบุตรภุมมเทวา
http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20110826-%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-13.html
ภายหลังจากที่พระธรรมกายได้เมตตาไปสอนให้เทพบุตรภุมมเทวาหรือคุณพ่อของลูก นั่งสมาธิ(Meditation)นึกถึงดวงแก้วนึกองค์พระแล้ว ด้วยความที่เทพบุตรภุมมเทวาต้องการที่จะไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปกว่านี้ ตามคำแนะนำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและปรารถนาดีของทุกๆคนในครอบครัว จึงทำให้ท่านตั้งใจนั่งสมาธิตามที่พระธรรมกายได้เมตตาสอนเอาไว้ในทันที โดยที่ท่านได้นั่งสมาธินึกถึงองค์พระที่ตัวท่านคุ้นเคย ซึ่งมีลักษณะตามที่ท่านเคยเห็นในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่างสบายๆ
ด้วยความที่เทพบุตรภุมมเทวาต้องการที่จะไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปกว่านี้
ท่านจึงตั้งใจนั่งสมาธิตามที่พระธรรมกายได้เมตตาสอนไว้
แต่เนื่องจากในสมัยที่เทพบุตรภุมมเทวายังมีชีวิตอยู่ ท่านแทบจะไม่ค่อยได้นั่งสมาธิ และหลังจากที่ท่านได้มาบังเกิดเป็นภุมมเทวาแล้ว ท่านก็เพิ่งจะได้นั่งสมาธิในครั้งนี้เป็นครั้งแรก ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ใจของท่านซัดส่ายไปมาและคิดไปในเรื่องต่างๆ กอปรกับเทพบุตรภุมมเทวาได้นึกนิมิตสลับไปสลับมาระหว่างองค์พระกับดวงแก้วไปเรื่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ใจของท่านจึงยังไม่หยุดนิ่ง ซึ่งทำให้ท่านไม่เห็นผลการ
ปฏิบัติธรรมอย่างชัดเจน
นอกจากใจของเทพบุตรภุมมเทวาจะซัดส่ายไปมาและคิดไปในเรื่องต่างๆแล้ว ท่านยังนึกนิมิตสลับไปสลับมา
ระหว่างองค์พระกับดวงแก้วไปเรื่อยๆ ใจของท่านจึงยังไม่หยุดนิ่ง
อีกทั้งเมื่อเทพบุตรภุมมเทวานั่งสมาธิไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ภาพของคุณแม่ของลูกและลูกๆของท่านได้แทรกเข้ามาปรากฏขึ้นภายในใจของท่าน ซึ่งทำให้ใจของท่านยิ่งคลายจากสมาธิไป แล้วไปติดอยู่กับภาพของคุณแม่ของลูกและลูกๆของท่านแทน เมื่อภาพของคุณแม่ของลูกและลูกๆของท่านได้มาปรากฏขึ้นภายในใจของท่านมากเข้าๆ จึงทำให้เทพบุตรภุมมเทวาเกิดความรู้สึกห่วงใยและอาลัยรักในตัวคุณแม่ของลูกและลูกๆของท่านขึ้นมา
เมื่อเทพบุตรภุมมเทวานั่งสมาธิไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ภาพของคุณแม่ของลูก
และลูกๆของท่านได้แทรกเข้ามาปรากฏขึ้นภายในใจของท่าน
ครั้นเทพบุตรภุมมเทวายังไม่เห็นผลการปฏิบัติธรรมอย่างชัดเจน อีกทั้งภาพของบุคคลอันเป็นที่รักได้แทรกเข้ามาปรากฏขึ้นภายในใจของท่านอีกด้วย เพราะเหตุนี้ จึงทำให้เทพบุตรภุมมเทวาได้เปลี่ยนอิริยาบถไปทำในสิ่งที่ท่านคุ้นเคยแทน คือ การไปรับประทานอาหารทิพย์ที่เกิดขึ้นกลางวิมาน และไปอยู่ใกล้ๆกับคุณแม่ของลูก
เทพบุตรภุมมเทวากลับไปทำในสิ่งที่ท่านคุ้นเคย คือ การไปรับประทานอาหารทิพย์
ที่เกิดขึ้นกลางวิมาน และไปอยู่ใกล้ๆกับคุณแม่ของลูก
เมื่อเทพบุตรภุมมเทวาไปอยู่ใกล้ๆกับคุณแม่ของลูกแล้ว ท่านได้พูดพรรณนาให้คุณแม่ของลูกได้ฟังในทำนองที่ว่า พระธรรมกายได้เมตตามาเยี่ยมท่าน แล้วพระธรรมกายได้เมตตาสอนให้ท่านนั่งสมาธิ ซึ่งในตอนนี้ท่านได้ตั้งใจนั่งสมาธิเพื่อที่จะได้ไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปกว่านี้ ตามคำแนะนำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและปรารถนาดีของทุกๆคนในครอบครัว ซึ่งอีกไม่นานนัก ท่านก็คงจะต้องจากที่นี่ไป และคงจะไม่ได้อยู่ดูแลคุณแม่ของลูกอย่างใกล้ชิดอีกต่อไปแล้ว ซึ่งเทพบุตรภุมมเทวาได้พูดพรรณนาให้คุณแม่ของลูกฟังด้วยใจที่ห่วงใยอาลัยรัก และยังไม่อยากที่จะจากคุณแม่ของลูกไป
เทพบุตรภุมมเทวาได้พูดพรรณนาให้คุณแม่ของลูกได้ฟังถึงเรื่องที่พระธรรมกาย
เมตตามาสอนให้ท่านนั่งสมาธิ
แต่เมื่อตัวลูกได้ทำ
บุญแล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้เทพบุตรภุมมเทวาหรือคุณพ่อของลูกแล้ว สายบุญจึงได้ไปเชื่อมจรดที่ศูนย์กลางกายของท่าน จากนั้นภาพที่ตัวลูกได้สั่งสมบุญและภาพที่พระธรรมกายได้เมตตามาสอนให้ท่านนั่งสมาธิ จึงได้มาปรากฏฉายให้ท่านได้เห็น เมื่อเทพบุตรภุมมเทวาได้เห็นภาพบุญดังกล่าวแล้ว ก็ทำให้ท่านได้สติขึ้นมา แล้วสามารถสอนตัวเองได้ หลังจากนั้นท่านจึงได้กลับไปนั่งสมาธิต่อในทันที
ภาพที่ตัวลูกได้สั่งสมบุญและภาพที่พระธรรมกายได้เมตตามาสอนให้นั่งสมาธิ
ได้มาปรากฏฉายให้เทพบุตรภุมมเทวาได้เห็น
ในช่วงวันแรกที่พระธรรมกายได้เมตตาไปเยี่ยม และสอนให้เทพบุตรภุมมเทวานั่งสมาธินั้น ใจของท่านยังไม่หยุดนิ่งมากนัก กล่าวคือ จะมีภาพของคุณแม่ของลูกและลูกๆของท่านแทรกเข้ามาปรากฏขึ้นภายในใจของท่าน สลับกับภาพขององค์พระที่ท่านนึกถึง และเมื่อท่านเลิกนั่งสมาธิแล้ว ใจของท่านก็ยังรู้สึกห่วงใยและอาลัยรักในตัวคุณแม่ของลูกอยู่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ท่านได้ไปเฝ้าดูและอยู่ดูแลคุณแม่ของลูกอย่างใกล้ชิด
ในช่วงวันแรกที่เทพบุตรภุมมเทวานั่งสมาธิ ภาพของคุณแม่ของลูกและลูกๆของท่าน
ได้แทรกเข้ามาปรากฏขึ้นภายในใจของท่าน สลับกับภาพขององค์พระที่ท่านนึกถึง
เมื่อเข้าสู่วันที่สอง เทพบุตรภุมมเทวาสามารถนั่งสมาธิได้ดีขึ้นกว่าวันแรก กล่าวคือ ท่านสามารถนั่งสมาธิได้นานขึ้นกว่าเดิม และมีอยู่รอบหนึ่งที่ท่านนั่งสมาธิแล้วใจเบาสบายจนเห็นจุดสว่างวาบขึ้นมา ซึ่งทำให้ท่านมีความสุขเป็นอย่างมาก ซึ่งความสุขที่เกิดจากใจหยุดนิ่งจนเห็นความสว่างวาบนี้ เป็นความสุขที่มากกว่าความสุขทั้งหมดที่ท่านเคยสัมผัสมา ทั้งในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่และช่วงที่ท่านได้มาบังเกิดเป็นภุมมเทวาแล้ว
มีอยู่รอบหนึ่งที่เทพบุตรภุมมเทวานั่งสมาธิแล้วใจเบาสบาย จนเห็นจุดสว่างวาบขึ้นมา
ซึ่งทำให้ท่านมีความสุขเป็นอย่างมาก
เมื่อเทพบุตรภุมมเทวาได้เข้าถึงความสุขภายในที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง จนเห็นความสว่างวาบแล้ว ท่านรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก และท่านอยากให้คุณแม่ของลูกและลูกๆของท่านได้เข้าถึงความสุขอย่างนี้บ้าง ด้วยเหตุนี้เอง เทพบุตรภุมมเทวาจึงได้คอยไปพูดใกล้ๆกับคุณแม่ของลูกในทำนองที่ว่า ท่านอยากให้คุณแม่ของลูกได้นั่งสมาธิ เพื่อที่คุณแม่ของลูกจะได้เข้าถึงความสุขเช่นเดียวกับท่าน ซึ่งความสุขที่เกิดจากการนั่งสมาธินี้เป็นความสุขที่สุขมากจริงๆ
เทพบุตรภุมมเทวาได้คอยไปพูดใกล้ๆกับคุณแม่ของลูกว่า อยากให้คุณแม่ของลูก
ได้นั่งสมาธิ จะได้พบความสุขเหมือนอย่างท่าน
เมื่อเทพบุตรภุมมเทวาได้พูดกับคุณแม่ของลูกแล้ว แม้ว่าคุณแม่ของลูกจะไม่ได้ยินหรือรับรู้ในสิ่งที่ท่านได้พูดด้วยความปรารถนาดีก็ตาม แต่ตัวท่านเองก็รู้สึกดีใจรู้สึกสบายใจที่ได้พูดกับคุณแม่ของลูกเช่นนั้น หลังจากนั้น เทพบุตรภุมมเทวาจึงได้ไปรับประทานอาหารทิพย์ที่เกิดขึ้นกลางวิมาน เมื่อท่านรับประทานอาหารทิพย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านได้รีบไปนั่งสมาธิต่อในทันที ซึ่งใจของท่านก็หยุดนิ่งได้นานขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ท่านสามารถเห็นจุดสว่างที่เกิดขึ้นได้เป็นช่วงๆ จากแต่เดิมที่เห็นแวบเดียว และยังสามารถเห็นได้บ่อยครั้งขึ้นอีกด้วย
เมื่อเทพบุตรภุมมเทวารับประทานอาหารทิพย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านได้รีบไปนั่งสมาธิต่อ
ซึ่งใจของท่านก็หยุดนิ่งได้นานขึ้นกว่าเดิม จนทำให้สามารถเห็นจุดสว่างที่เกิดขึ้นได้เป็นช่วงๆ
โดย: oustayutt เวลา: 2015-4-14 14:44
เมื่อเข้าสู่วันที่สาม ด้วยความที่เทพบุตรภุมมเทวาได้เข้าถึงความสุขภายในที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม จึงทำให้ท่านมีฉันทะ (มีใจรัก) ในการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก เมื่อเทพบุตรภุมมเทวามีฉันทะเกิดขึ้นแล้ว จึงทำให้ท่านมีวิริยะ (ความเพียร) ที่จะทำให้ได้อย่างตลอดต่อเนื่องทั้งในรอบและนอกรอบของการปฏิบัติธรรม มีจิตตะ (ความเอาใจใส่และจดจ่อ) อยู่กับการปฏิบัติธรรม และมีวิมังสา (ความพิจารณาไตร่ตรองและสังเกต) เพื่อให้มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีขึ้น ตามมาด้วย จนทำให้ท่านสามารถนั่งสมาธิจรดใจไว้ที่กลางจุดสว่างที่อยู่กลางท้องได้อย่างตลอดต่อเนื่อง
ด้วยความที่เทพบุตรภุมมเทวาได้เข้าถึงความสุขภายในที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม
จึงทำให้ท่านมีฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ตามลำดับ
อีกทั้งถึงแม้ว่าเทพบุตรภุมมเทวาจะเลิกนั่งสมาธิจากในรอบแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังประคองใจดูจุดสว่างไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ใจของท่านคลายความรักความผูกพันจากครอบครัวของท่านได้มากขึ้นไปกว่าเดิมเป็นอันมาก ซึ่งความรู้สึกนี้ก็เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาเองหลังจากที่ท่านได้เข้าถึงความสุขภายในแล้ว
ถึงแม้ว่าเทพบุตรภุมมเทวาจะเลิกนั่งสมาธิจากในรอบแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้น
ท่านก็ยังประคองใจดูจุดสว่างไปเรื่อยๆ
ในตอนนี้เทพบุตรภุมมเทวาไม่ได้รู้สึกอาลัยรัก และเฝ้ารอคอยวันที่คุณแม่ของลูกจะได้มาอยู่ด้วยกันในภพภูมิของท่านเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว แต่ท่านกลับมองดูคุณแม่ของลูกด้วยความรู้สึกปรารถนาดีที่มีให้แก่กันและกัน และท่านก็รู้สึกซาบซึ้งในความรักและปรารถนาดีของคุณแม่ของลูกและลูกๆของท่านมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม ที่อยากจะให้ท่านได้ไปบังเกิดอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปกว่านี้ ซึ่งผลแห่งบุญที่เกิดจากการที่เทพบุตรภุมมเทวาได้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงจุดสว่างภายในนี้ ได้ส่งผลทำให้ผิวพรรณวรรณะของท่านผ่องใสมากขึ้นไปกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้เทพบุตรภุมมเทวาไม่ได้รู้สึกอาลัยรัก และเฝ้ารอคอยวันที่คุณแม่ของลูก
จะได้มาอยู่ด้วยกันในภพภูมิของท่านเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว
โดย: ธี เวลา: 2015-4-20 16:50
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |