Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ตำนานว่าน [สั่งพิมพ์]

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:45
ชื่อกระทู้: ตำนานว่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย bigbird เมื่อ 2013-6-21 01:13

ตำนานว่าน




ตำราพิชัยสงครามทุกเล่มระบุว่าว่าน คือสุดยอดคงกระพัน โดยธรรมชาติ นักรบโบราณนิยมการอาบว่าน เคี้ยวว่าน โบราณจารย์ในอดีตล้วน ปลูกว่าน เลี้ยงว่าน เพื่อนำมาใช้ประโยชน์

พระเครื่องเนื่อดิน เนื้อผงล้วนมีส่วนผสมสำคัญคือว่าน การเปิดกรุที่สุโขทัย วัดตาเถรขึงหนัง กลิ่นหอบตลบของว่านเสน่ห์จันทร์ที่ยังคงกำซาบซ่านมาจนทุกวันนี้ ภาคเหนือที่ดอยคำจังหวัดเชียงใหม่เจดีย์ถล่มทลายพบพระพิมพ์สามหอมที่ผสมด้วยว่านหอมของภาคเหนือเป็นสำคัญ

คนไทยที่เป็นนักสู้อยู่บนหลังม้า หรือถือดาบอยู่บนดินต่างชำระร่างกายด้วยว่าน เคี้ยวว่าน หรือสวมใส่ผ้าประเจียดและรัดแขนด้วนว่านเช่นกัน

พระว่านที่พบนั้นแบ่งโดยลักษณะทางกายภาพสามารถแบ่งได้ดังนี้คือ

พระว่านหน้าทอง

พระว่านหน้าเงิน

พระว่านหน้านาค

พระว่านทั้งองค์

พระว่านในสมัยโบราณนั้นผสมว่านกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์สมัยนี้อาจน้อยกว่ามากเนื่องจากว่านหายากขึ้น  การสลายตัวของความเชื่อและความรู้ สึกศรัทธาในว่านนั้นเกิดจากการที่มีผู้ที่รู้ไม่จริงและอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง วิเศษเลิศล้ำจนเกินเหตุ ผู้คนรุ่นใหม่จึงท้อแท้ไม่รู้จะเชื่อใครดี อ่านเวปผมข้อเขียนผมแล้วอย่าเชื่อทันทีครับ อ่านแล้วคิดตามแล้วค่อยเชื่อ เนื่อจากความเชื่อที่เกิดจากความเข้าใจนั้น ย่อมแน่นหนักลึกล้ำ มิคลอนคลาย




ในยุคที่บ้านเมือเป็นป่าดงดิบดงดำนั้นความเร้นลับของธรรมชาติยังครอบงำอยู่ในจิตใจคน ว่านยังเป็นเอกห่งความเร้นลับ ว่านบางชนิดเมื่อออกดอกกลิ่นของมันทำให้สัตว์ป่าไม่กล้าเข้าไกล้ เช่นว่านนาคราชเป็นต้น  ใข้ป่าบางส่วนเกิดจากพิษของว่าน หรือดอกว่าน เช่น ว่านกระสือ ว่านผีโพง ว่านกระดูกผีเป็นต้น ว่านกระสือนั้นถือเป็นสุดยอดของความเร้นลับในป่าดงดิบ เมื่อหัวว่านแก่จัดจะเกิดแสงเรืองรองรอบๆ กอว่าน ทำให้เกิดตำนานผีกระสือ  พระหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ปัตตานีนั้นสร้างจากว่านสดๆ ผสมดินขี้ค้างคาวที่เรียกว่าดินกากยักษ์เนื้อพระจึงไม่แห้งเหมือนไม้ว่านแห้ง ออกสีเขียว เทา ดำ ตามส่วนผสม ครับเนื่องจากพระว่านตามตำราเดิมนั้นปรากฎเป็นสีเหมือนเนื้อไม้แห้ง




หากว่านนั้นมีความสดจะออกสีเขียวหรือเทา จากประวัติศาสตร์นั้นพระเนื้อว่านนั้นสร้างมานานมากอาจก่อนยุคสุโขทัยด้วยซ้ำไปดังที่เห็นหน้าตามากมายในวงการคือพระว่านหน้าทอง  สุโขทัย เช่านปางเปิดโลก ปางประทานพร สุดยอดของพระว่านที่พบมากที่สุดคือวัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม  เมื่อครั้งที่กรมศิลปากรณ์ไปบูรณะคราที่พระธาตุล้มเมื่อปี 11 สิงหาคม พศ  2518ครั้งนั้น มรว คึกฤทธิ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากข้าวของล้ำค่าเป็นทองคำ เงินนาค ที่มากที่สุดคือพระเนื้อว่าน หน้าเงิน หน้าทองอีกมาก มากสุดคือพระเนื้อว่านล้วน ว่านนี้เรียกว่าว่านจำปาศักดิ์





   
  ลองมาดูกันเรื่องว่านก่อนดีกว่าครับ "ว่าน" เป็นคำที่ใช้เรียกนำหน้าชื่อต้นไม้โดยเฉพาะต้นไม้ที่ใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรและไม้ประดับบางชนิด ว่านหลายชนิดถูกเรียกว่า "ว่าน" จนติดปากและเป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณ จากการสืบค้นพบว่ามีการกล่าวถึงว่านในหนังสือตำรายาไทยชื่อ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ รวบรวมโดย พระยาพิศประสาทเวช ในปี พ.ศ. 2452 และ หนังสือชื่อ แพทย์ตำบล เล่ม1 รวบรวมจัดพิมพ์โดย พระยาแพทย์พงศา วิสุธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) ต้นตระกูลสุนทรเวช ในปี พ.ศ.2464 หนังสือทั้งสองเล่มกล่าวถึงว่าน 5 ชนิดเท่านั้นคือ ว่านกีบแรด ว่านนางคำ ว่านหางช้าง ว่านน้ำ ว่านเปราะ
              
     หลังจากปี พ.ศ. 2464 เป็นต้นมา ว่านจึงเริ่มเป็นที่แพร่หลาย มีตำราที่กล่าวถึงลักษณะว่าน ตำราที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับว่าน ใน ปี พ.ศ. 2476 หลวงประพัฒน์สรรพากร รวบรวมหนังสือชื่อ ตำรากระบิลว่าน จนเป็นที่ยอมรับในหมู่นักเล่นว่านและนับว่าเป็นตำราที่ให้ความรู้เรื่องว่านอย่างสมบูรณ์ที่สุด แม้ราชบัณฑิตสถานยังยอมรับและใช้เป็นหนังสืออ้างอิงในการชำระพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน โดยนิยามไว้ว่า "ว่าน คือพืชที่มีหัวบ้าง ที่ไม่มีหัวบ้าง ใช้เป็นยาบ้าง ใช้อยู่ยงคงกระพันบ้าง" เห็นได้ว่าความหมายตามพจนานุกรม ว่านคือพืชที่มีหัวหรือไม่มีหัวก็ได้ บางชนิดปลูกเพื่อใช้เป็นยาสมุนไพร เป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันอันตราย พิษสัตว์กัดต่อย ยาเบื่อเมา ยาสั่ง ยาเสพติด สามารถดับพิษร้ายให้หายได้ ว่านแต่ละชนิดมีคุณานุภาพบันดาลให้เกิดผล เกิดโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา มีคนเคารพนับถือ มีความเชื่อกันว่าการปลูกเลี้ยงว่าน ถ้าทำให้ถูกต้องตามพิธีการ ให้ความสำคัญว่าว่านเป็นของศักสิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ ก็ต้องมีพิธีมากกว่าการปลูกเลี้ยงธรรมดา เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ปลูกเลี้ยงและเป็นการเพิ่มฤทธิ์ธานุภาพให้แก่ว่าน เช่น เวลารดน้ำต้องเศกคาถากำกับเป็นบทเป็นตอนต่างกันไป สามจบ เจ็ดจบหรือตามอายุของผู้ปลูกเลี้ยงแล้วแต่ชนิดของว่าน การขุดก็ต้องทำในวัน เดือน ต่างๆ กัน ทั้งข้างขึ้น ข้างแรม เช่น การขุดเก็บว่านมักเลือกวันอังคาร วันใดวันหนึ่งในดือนสิบสองหรือไม่เกินวันพุธข้างขึ้นของเดือนอ้าย เวลาขุดใช้มือตบดินใกล้กอว่านหรือต้นว่าน แล้วเศกคาถาเรียกว่านไปตบดินไปจนจบคาถา จึงคอยขุดนำหัวว่านขึ้นมา


              นับจาก พ.ศ. 2484 ความนิยมว่านก็ค่อยๆ ห่างหายไป จนกระทั่ง พ.ศ. 2500 ความนิยมว่านให้ความสำคัญกับว่านกลับมาอีกครั้งหนึ่ง มีการรวบรวมจัดพิมพ์หนังสือว่านขึ้นมาอีกหลายฉบับ โดยเฉพาะหนังสือ ว่านกับคุณลักษณะ รวบรวมโดย นายเลื่อน กัณหะกาญจนะ จัดพิมพ์จัดจำหน่ายในนามของ สมาคมพฤกษศาสตร์แห่งประเทศไทย เป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมจากนักเล่นว่านมาก


               ปัจจุบันผู้ที่ให้ความสนใจว่านไม่เพียงชื่นชอบเหมือนผู้เลี้ยงว่านในสมัยก่อนเท่านั้น แต่ยังให้ความสนใจในเรื่องต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในด้านอื่นๆ หลายรูปแบบ รวมทั้งการสนใจว่านในเชิงพฤกษาศาสตร์ ซึ่งมีการจัดแบ่งว่านได้ถึง 34 วงศ์ (Family) 512 สกุล (Genus) และ กว่า 1700 พันธุ์ (Species) มีทั้งว่านที่ให้ประโยชน์ทางยาสมุนไพรรักษาโรค ว่านที่มีชื่อเป็นมงคลนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ซึ่งมีความเชื่อว่าว่านเหล่านี้เมื่อปลูกเลี้ยงแล้วจะส่งผลให้ทำมาค้าขึ้น นำโชคลาภวาสนา มาสู่ผู้ปลูกเลี้ยง เช่นว่านที่เว็บไซท์ ๑๐๘ พรรณไม้ไทย นำเสนอนี้เป็นเพียงบางส่วนของว่านที่เป็นมงคลนาม มีความสวยงาม และเป็นที่นิยมของผู้ปลูกเลี้ยงทั่วไป




http://dvthai3.tripod.com/wan.htm



โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:46
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย bigbird เมื่อ 2013-6-21 01:10

ตำนานของว่านหอม

เมื่อไม่นานมานี้ คนทางอีสานแทบทุกจังหวัดจะนิยมปลูก ว่านหอม ไว้หน้าบ้าน เป็นทั้งว่านศักดิ์สิทธิ์ทางเมตตามหานิยม เป็นเครื่องหอม เป็นสมุนไพร และเป็นอาหาร เชื่อกันว่าว่านหอมเป็นว่านศักดิ์สิทธิ์ มีพลังในการปราบมารหรือภูตผีปีศาจ โดยเล่าว่าในสมัยที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ มีมารมาผจญ พระแม่ธรณีต้องบีบมวยผมเพื่อให้น้ำท่วมมาร พระพุทธเจ้าได้ประทานว่านหอมนี้ลงไปในน้ำเพื่อปราบมารนั้นด้วย ดังนั้น ในการขับไล่ผีของชาวบ้านอีสานในสมัยก่อน จะใช้ว่านหอมแช่น้ำให้คนไข้กิน และเชื่อกันว่าไม้ที่มีกลิ่นหอมเป็นไม้ของเทพ ว่านหอมจึงเป็นพืชศิริมงคลที่คนทางอีสานจะผสมใส่ลงในน้ำเพื่อสรงน้ำพระหรือสรงน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ และใช้ผสมในพระเครื่อง เด่นในทางเมตตามหานิยม ว่านหอมยังใช้เป็นว่านมหาเสน่ห์เวลาชายหนุ่มจะไปจีบสาว นิยมนำว่านหอมมาปลุกเสกด้วยคาถา แล้วใช้เขียนคิ้ว ทาปาก และอาจหุงใส่น้ำมันหรือสีผึ้งเก็บไว้ใช้ทาปากเพื่อให้ได้รับความเมตตา ความรักใคร่เอ็นดู จากเพื่อนฝูง ญาติมิตร เจ้านายหรือเพศตรงข้าม

ว่านหอมยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านหอมมงคล กล่าวคือในงานมงคลจะขาดว่านหอมไม่ได้ โดนเฉพาะในงานแต่งงาน จะมีสูตรเครื่องหอมที่ทำจากสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมชนิดต่างๆ สิ่งที่จะขาดเสียมิได้คือ ว่านหอมมงคล คนทางอีสานใต้ เช่น ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ จัดพิธีการเล่นออ (แกลออ) ประมาณเดือนสาม เดือนสี่ มีการรำผีฟ้ากันอย่างสนุกสนาน มีแคน กลอง และฉิ่ง โดยจะมีขันน้ำใส่เปราะหอมแช่ไว้ พอร้องรำกันจนเหนื่อยแล้ว ก็จะดื่มน้ำในขันนี้เพื่อความเป็นศิริมงคล บำรุงหัวใจ ขับลมและทำให้มีเรี่ยวแรง
โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:46
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย bigbird เมื่อ 2013-6-21 01:12

คนที่เกิดวันอาทิตย์


ให้ปลูก ว่านมหาลาภ ไว้ที่หน้าบ้าน


ในวันพระ ขึ้น 6-15 ค่ำ พร้อมให้ท่องคาถา


มหาลาโภคะ วันตุเม 3 ครั้ง จะมีโชคลาภมงคล

....



...

คนที่เกิดวันจันทร์


ให้ปลูก ว่าน 4 ทิศ  ไว้ที่ทางเข้าบ้าน


ในวันพฤหัส ขึ้น 9-15 ค่ำ พร้อมให้ท่องคาถา


เห็นหน้า วาจาเอ็นดูด้วย นะโมพุทธายะ 3 ครั้ง


จะช่วยเสริมให้ดวงชะตาราบรื่น ไม่ตกอับ

...




...

คนที่เกิดวันอังคาร


ให้ปลูก ว่านเศรษฐีเรือนนอก ไว้ที่หน้าบ้าน


ในวันอังคารหรือวันพฤหัส ขึ้น 4-15 ค่ำ พร้อมให้ท่องคาถา


นะโมพุทธายะ 3 ครั้ง


จะช่วยเสริมโชคลาภ และ เงินทอง ให้ร่ำรวยขึ้น

...




...

คนที่เกิดวันพุธ


ให้ปลูก ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ไว้ที่ใดๆก็ได้ในบริเวณบ้าน


ในวันพฤหัส ขึ้น 3-15 ค่ำ พร้อมให้ท่องคาถา


นะเมตตา นะโมพุทธายะ 3 ครั้ง


จะช่วยเสริมให้มีเมตตามหานิยม และเป็นสิริมงคล

...




...

คนที่เกิดวันพฤหัสบดี


ให้ปลูก ว่านธรณีสาร ไว้ที่ใดก็ได้ในบ้าน


ในวันพระ ขึ้น 3-15 ค่ำ พร้อมให้ท่องคาถา


พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นำโชค  3 ครั้ง


จะช่วยให้โชคดี และ มีลาภบารมีที่สมบูรณ์ขึ้น


คนที่เกิดวันศุกร์


ให้ปลูก ว่าน 4 ทิศ ไว้ที่หน้าบ้าน


ในวันพฤหัส ขึ้น 9-15 ค่ำ พร้อมให้ท่องคาถา


เห็นหน้าวาจาเอ็นดูด้วย นะโมพุทธายะ 3 ครั้ง


จะช่วยเสริมให้มีเมตตามหานิยม ทำการใดรุ่งเรืองราบรื่น




...

คนที่เกิดวันเสาร์


ให้ปลูก ว่านเศรษฐีเรือนใน ไว้ที่บริเวณใดก็ได้ในบ้าน


ในวันพฤหัส ขึ้น 4-15 ค่ำ พร้อมให้ท่องคาถา


นะโมพุทธายะ 3 ครั้ง


จะช่วยเสริมให้ฐานะมั่งคงร่ำรวยขึ้น


นี่แหละครับ ความเชื่อเกี่ยวกับการปลูกว่านมงคล


เพื่อเสริมชะตา บารมี และ เพื่อให้เป็นสิริมงคล


คนที่รักต้นไม้ อยู่แล้ว ก็ไปหามาปลูกเพิ่มในบ้าน


เชื่อเอาไว้บ้างก็ไม่เสียหายอะไร .... จริงไหมครับ


ยกเว้นแต่ว่า คนที่คิดว่า มีความลำบากยากเย็น


ในการไปสรรหาว่านมาปลูกตามความเชื่อนี้


ซึ่งถ้าความเชื่อใดๆก็ตาม ทำให้เราลำบากยุ่งยาก


หรือทำให้เราเป็นทุกข์ กังวล กับความเชื่อเหล่านั้น


เราก็ควรพิจารณาเอาเองว่า เราควรเลือกที่จะเชื่อหรือไม่

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:47
อานุภาพแห่งว่านมงคล 108 ชนิด ตามตำราโบราณ


1.ว่านตระกูลกวัก ซึ่งบันทึกไว้ในตำราสมุดข่อยโบราณ กล่าวไว้ว่ามีอานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคลต่อผู้ครอบครอง ประกอบด้วย ว่านกวักพระพุทธเจ้าหลวง ว่านกวักนางพญาใหญ่ ว่านกวักนางพญาเล็ก หรือ ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี ว่านกวักมาคาวดี หรือ ว่านมหาโชค ว่านกวักหงสาวดี ว่านกวักแม่จันทร์ ว่านกวักโพธิ์เงิน ว่านกวักทองใบ ว่านกวักเงิน กวักทอง ว่านกวักเศรษฐีพญาบดินทร์ ว่านกวักนางพญาเผือก โดยเฉพาะว่านกวักนางพญา ถือกันว่า เป็นว่าน ที่มีตระกูลสูงส่งผลทางด้านอำนาจราชศักดิ์ เรียกอีกอย่างว่า ว่านทรงยศ ทรงเกียรติ เป็นสง่าราศีแก่ผู้พบเห็น
2.ว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์ ประกอบด้วย เสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์ เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์เขียว เสน่ห์จันทร์หอม เสน่ห์จันทร์ทอง อานุภาพของว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์ จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น โบราณใช้ทำนางกวัก ค้าขายดี มีโชคลาภ
3.ว่านตระกูลเศรษฐี เป็นว่านที่บ่งบอกในตัวเอง อานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง โบราณกล่าวว่า ผู้ใดได้ครอบครอง จะเจริญด้วยฐานะ บริบูรณ์ ด้วย โภคทรัพย์ ข้าทาสบริวาร จัดเป็นตระกูลว่านที่นิยม อย่างยิ่ง โบราณมักจะนำมาปลูกในกระถางที่มีค่า เช่น กระถางลายคราม ดังนั้น จึงเป็นว่านตระกูลสูงอีกประเภทหนึ่งมีดังนี้ ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านเศรษฐีขอด (กอบ ทรัพย์) ว่านเศรษฐีด่าง ว่านเศรษฐีมงคล ว่านมหาเศรษฐี ว่านเศรษฐีจีน ว่านเศรษฐีญวน ว่านเศรษฐีแขก ว่านเศรษฐีใบพาย ว่านเศรษฐีใบโพธิ์ ว่านเศรษฐีเรือนใหญ่ ว่านเศรษฐีเรือนแก้ว
4.ว่านโกเมน อานุภาพทางด้านเมตตามหานิยม มีโชคลาภ
5.ว่านหม่องเล ว่านนี้ตามตำราพม่ากล่าวว่า มีอานุภาพ เรียกเงินเรียกทองเข้าบ้าน เรียกมิตรมาหาร้านค้าขาย ควรมีว่านชนิดนี้ไว้ครอบครอง
6.ว่านไก่กุก อานุภาพทางเสน่ห์เมตตานิยม ซึ่งว่านนี้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ผู้สร้างพระสมเด็จอันลือชื่อก็ได้ใช้ว่านนี้เป็นส่วนผสมในพระสมเด็จวัดระฆังที่ท่านสร้างด้วย

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:48
7.ว่านไก่ฟ้าพญาแล อานุภาพทางด้านเมตตามหานิยม
8.ว่านกำแพงเจ็ดชั้น มีอานุภาพทางด้านคุ้มครอง ป้องกันภัย กันและแก้คุณไสย ภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลทั้งปวงไม่ให้กล้ำกราย
9.ว่านกระแจะจันทร์หงสา มีอานุภาพทางเสน่ห์เมตตา นิยม เป็นที่รัก เมตตาแก่ผู้พบเห็น
10.ว่านคุ้มรจนา มีอานุภาพคุ้มครองปกป้องเคหะสถาน บ้านเรือนให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
11.ว่านเครือสาวหลง เป็นว่านพิเศษที่มีลักษณะฝอยๆ ไม่มีลำต้น ไม่มีใบ จะเกาะอยู่ตามต้นไม้ขนาดใหญ่ในป่าลึก มีกลิ่นหอมตลอดเวลา มีอานุภาพทางด้านเมตตามหานิยมสูงมาก ซึ่งว่านนี้พระเทพรัตนกวี เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุได้ให้พวกที่หาของป่า และนำมาวางขายในวัดช่วงงานประจำปี ไปหามาจากป่าลึกทางภาคเหนือ
12.ว่านเงินไหลมา มีอานุภาพเรียกเงินทองให้เข้ามาสู่เคหะสถาน บ้านเรือน ทั้งยังคุ้มครองปกป้อง เป็นว่านนิยมมากของคนไทย
13.ว่านเงาะถอดรูป มีอิทธิฤทธิ์เมตตามหานิยม เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น ดีทางค้าขาย ประดุจเงาะถอดรูป ใครเห็นใครก็รัก แล้วยังมีอานุภาพเรียกลูกค้าเข้ามาสู่ร้านค้าอีกด้วย
14.ว่านช้างพลาย มีอานุภาพทางเมตตามหานิยม เป็นสง่าราศี ขับเสนียดจัญไร ศัตรูหมู่มาร เป็นเดชอำนาจบารมี
15.ว่านช้างดำ มีอานุภาพทางคุ้มครองป้องกัน เสมือนเกราะแก้ว คุ้มกัน และ ป้องกันไฟเวทย์มนต์คาถาทำอันตรายไม่ได้
16.ว่านญาณรังษี มีอานุภาพประดุจพทุธานุภาพแห่งพระพุทธองค์ หัวว่านนี้ มีลักษณะชั้นๆ 3 ชั้น คล้ายพระพุทธรูปประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์
17.ว่านถุงเงินถุงทอง มีอานุภาพทางด้านโภคทรัพย์ ประดุจถุงเงินถุงทอง ในเคหะสถานบ้านเรือนดีทางโชคลาภ และป้องกันคุณไสยต่างๆ
18.ว่านทองไหลมา เป็นว่านมงคลคู่กัยว่านเงินไหลมา อานุภาพให้ผู้ครอบครองมีโชคลาภอยู่เป็นนิจ
19.ว่านเทพรำพึง เป็นเอกทางด้านเมตตามหานิยม เป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง
20.ว่านธรรมรักษา เป็นว่านสิริมงคล โน้มน้าวให้ประพฤติปฏิบัติ อยู่ในศีลธรรม ป้องกันภัยพิบัติ

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:48
21.ว่านนางพญาหงษ์ทอง เป็นว่านทางเมตตามหานิยม เจรจาสิ่งใดจะเป็นที่พอใจถูกอัธยาศัยกับผู้ที่พบเห็น
22.ว่านนพมาศ เป็นว่านเก่าแก่ครั้งกรุงสุโขทัย มีอานุภาพป้องกันเสนียดจัญไร คุ้มครองป้องกันภัยพิบัติ เป็นสิริมงคล พร้อมพรั่งทางด้านเมตตานิยม เป็นสง่าราศี
23.ว่านนเรศวร เป็นว่านที่ทรงอานุภาพ ด้านมหาอำนาจ ตบะเดชะ เป็นที่ยำเกรงต่อศัตรู หมู่มาร และ คุ้มครองปกป้องเป็นเลิศ
24.ว่านน้ำเต้าทอง เด่นทางเมตตา โชคลาภ ทั้งยังมีคุณทางด้านอยู่ยงคงกระพัน
25.ว่านปัดตลอด อานุภาพทางด้านแคล้วคลาด ปราศจาก อุปสรรค
26.ว่านปัญจเศวตร มีอานุภาพด้านคุ้มครอง ปกป้องเป็นตบะบารมี
27.ว่านประกายเพชร ดีทางโชคลาภ เป็นเสน่ห์มหานิยม เจริญด้วยโภคทรัพย์
28.ว่านพญาหัวเสือ เด่นทางด้านอำนาจราชศักดิ์ เป็นตบะเดชะ นะจังงัง และ คงกระพันชาตรี
29.ว่านพญากาเผือก เป็นว่านที่ดีทางเรียกโชค เรียกลาภ เด่นเป็นสง่า คือ เมตตาหานิยม
30.ว่านเพชรกลับดำ อานุภาพเด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล ไปที่ใดปราศจากอันตราย และกลับถึงเคหะสถานได้เป็นอัศจรรย์
31.ว่านเพชรหลีก ดีทางแคล้วคลาดจากภยันตราย ศาตราวุธ ทั้งปวง
32.ว่านมหาอุตม์ มีอานุภาพทางด้านคงกระพันชาตรี เป็นว่านเก่าโบราณ
33.ว่านมหาหงษ์แดง เป็นว่านที่มีสิริมงคล คนโบราณมักพกพากับตัวเวลาเข้าหาเจ้านาย ว่ากันว่าเป็นเสน่ห์มหานิยมยิ่งนัก
34.ว่านมงคลชัย เป็นว่านที่มีสิริมงคลตามชื่อว่าน ศัตรูหมู่มารมิอยากเข้าใกล้ ก็ด้วยอานุภาพแห่งชัยมงคลของว่านนี้
35.ว่านวาสนาทางลาย เด่นทางโชคลาภวาสนา เจริญด้วยความสมบูรณ์พูนสุข
36.ว่านแววมยุรา เป็นว่านที่มีสรรพคุณทางเมตตามหานิยม นำโชคลาภเป็นสิริมงคลแก่บ้านเรือนผู้ครอบครอง
37.ว่านสาริกาลิ้นทอง มีอานุภาพทางเมตตามหานิยมโบราณใช้โขลกตำผสมกับสีผึ้งทาปาก เพื่อไปติดต่อเจรจาค้าขาย จะเป็นที่เมตตาและสำเร็จตามปรารถนา
38.ว่านกระทู้เจ็ดแบก เป็นว่านเด่นทางคงกระพันชาตรี นักรบโบราณมักใช้ว่านนี้ในการรบทัพจับศึก
39.ว่านกำบัง มีอานุภาพป้องกันสรรพภัย คุณไสยเวทย์วิทยาคมที่ประสงค์ร้าย และ แคล้วคลาดปราศจากเหตุร้าย
40.ว่านกงจักรพระอินทร์ เป็นว่านดีทางอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยมเป็นอำนาจป้องปราบ ข้าศึกศัตรู

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:49
41.ว่านขมิ้นขาวปัดตลอด ว่านนี้อยู่ที่ใดก็นำความเจริญ มาสู่ที่นั่น ทั้งยังนำโชคลาภความเจริญ ความมีเมตตามหานิยม และความร่มเย็นเป็นสุขมั่งคั่ง สมบูรณ์พูนผล เจริญในหน้าที่การงาน ว่านนี้พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว พระเกจิอาจารย์ ผู้สร้างพระหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน อันโด่งดัง กล่าวไว้ว่า ว่านนี่เป็น “พญาว่าน” มีอานุภาพมาก ท่านเคยนำไปสร้างพระหลวงพ่อทวด เนื้อขมิ้นขาว ปัจจุบันองค์ละหลายหมื่นบาท
42.ว่านค้ำคูณ เป็นว่านดีทางเมตตามหานิยมแก่เคหสถาน บ้านเรือน ค้ำจุนชะตาชีวิต เพิ่มพูนพลัง
43.ว่านเพรชหน้าทั่ง เป็นว่านเสน่ห์มหานิยมและคงกระพันชาตรี
44.จ่าว่าน เป็นว่านอานุภาพสูง มีสรรพคุณคุมกำลังว่านต่างๆ ให้ทรงด้วยอานุภาพ ป้องกันเสนียดจัญไร พิษร้ายต่างๆ
45.ว่านจังงัง เป็นเมตตามหานิยม เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่ศัตรูหมู่มารทำให้ไม่กล้าคิดร้าย อำนาจของว่านจะทำให้ศัตรูเกิดจังงัง
46.ว่านดาบหลวง เป็นว่านที่มีอำนาจป้องกันฟ้าผ่า ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดเป็นเยี่ยม เป็นตบะเดชะและเสน่ห์ มหานิยมแก่ผู้พบเห็น
47.ว่านฤษี ดีทางเสน่ห์มหานิยมยอดเยี่ยม เข้าหาเจ้านายดียิ่งนัก
48.ว่านถอนโมกขศักดิ์ ใช้ดีทางด้านแก้ถอนคุณไสย ยาเบื่อเมาทุกประเภท
49.ว่านเถาวัลย์หลง ดีทางเจรจาพาที เป็นที่เมตตามหานิยม กลับจากโกรธเป็นรักเมตตา เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี
50.ว่านเทพรัญจวน ให้ในทางเมตตามหานิยม เป็นที่รัก เมตตาต่อผู้พบเห็น
51.ว่านนางล้อม เป็นว่านมหามงคล ป้องกันสรรพสัตว์ทั้งปวง และศัตรูหมู่มาร เมื่อเกิดเรื่องราวใด จะได้รับชัยชนะเสมอ
52.ว่านนางคุ้ม ป้องกันไฟ และคุ้มกันภยันตรายต่างๆ โบราณกล่าวว่า ว่านนางคุ้มมีไว้คุ้มครองบ้านเรือน เสมือนมีเกราะเพชรไว้ป้องกันภัยถึง 7 ชั้น
53.ว่านปลาไหลม่วง เป็นว่านแก้คุณไสย ลมเพลมพัด กันอัปมงคลต่างๆ
54.ว่านเพ็ชรนารายณ์ เป็นว่านตระกูลสูง มีอำนาจตบะเดชะ เพิ่มพูนบารมีและเจริญด้วยยศถาบรรดาศักดิ์
55.ว่านเพ็ชรกลับ ว่านนี้มีอานุภาพอยู่ยงคงกระพัน เป็นว่านป้องกันการถูกคุณไสยและแก้อาถรรพ์ ป้องกันอุบัติเหตุ เป็นมงคลแก้วคุ้มครองป้องกันทั้งไปและกลับ ปราศจากอันตราย
56.ว่านพัดโบก เป็นว่านมหามงคลสูงพร้อมด้วยเมตตา มหานิยม โบราณว่าว่านนี้อยู่บ้านใดจะได้ลาภมหาศาล นำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่บ้านเรือน
57.ว่านไพรปลุกเสก อานุภาพเกิดลาภผล ความอุดมสมบูรณ์พูนสุขเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังแก้คุณไสย ขับภูติ ผี ปีศาจ
58.ว่านพุทธกวัก ว่านนี้ดีทางเมตตาและทางการค้า เป็นสิริมงคลแก่สถานที่และผู้ครอบครอง
59.ว่านนางพญาห้าร้อย มีสรรพคุณทางเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชน
60.ว่านพญาจงอาง อานุภาพด้านกันงูและสัตว์มีพิษ ตลอดจนสรรพภัยทุกชนิดไม่ให้กล้ำกลาย
61.ว่านพระฉิม เป็นสิริมงคล อุดมด้วยโภคทรัพย์และคงกระพันชาตรี
62.ว่านพะตะบะ ใช้กันภูติ ผี ปีศาจ มีอานภาพสูงมาก วิญญาณต่างๆ จะไม่เข้าใกล้ แต่เทพยดาอารักษ์จะรู้จักว่านชนิดนี้ดี
63.ว่านพรายแก้ว เป็นว่านคงกระพันชาตรี เป็นเสน่ห์มหานิยมสำหรับร้านค้าขาย
64.ว่านมหานิยม ตรงตามชื่อ เป็นเมตตามหานิยม สิริมงคล ต่อผู้ครอบครอง
65.ว่านแม่ทัพ มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี เพิ่มพูนตบะเดชะ อำนาจบารมี
66.ว่านมหาเมฆ เป็นว่านนิยมมาตั้งแต่โบราณ ดีทางคงกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ
67.ว่านมหาปราบ สรรพคุณดีทางฤทธิ์และอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน ป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ ได้ดียิ่งนัก
68.ว่านมรกต ดีทางคงกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ
69.ว่านมหาเสน่ห์ อานุภาพดีทางเสน่ห์มหานิยม เป็นว่านมีอานุภาพชั้นสูง ดึงดูดจิตใจผู้คนใช้ทางค้าขาย มีสรรพคุณเป็นเลิศ

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:49
70.ว่านมหาอุดม เป็นว่านมหานิยมสูงมาก เป็นที่รักใคร่ เมตตาแก่ผู้ที่พบเห็น
71.ว่านมหาจักรพรรดิ ใช้ดีทางเมตตามหานิยม มีอิทธิฤทธิ์ทางคุ้มครองเคหสถานบ้านเรือน ป้องกันเสนียดจัญไร อีกชื่อคือ ว่านอรหันต์แปดทิศ
72.ว่านมหากวัก อานุภาพสิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้าและเจริญก้าวหน้า เข้าเจรจากับผู้ใหญ่เป็นที่รักของผู้คนโบราณเอาว่านนี้ แช่น้ำมนต์ประพรมร้านค้า จะค้าขายดีมาก
73.ว่านรางจืดเถา มีอานุภาพทางถอนพิษ ถอนยาสั่งโบราณว่าว่านนี้มีค่า 5,000 ตำลึงทอง ดังนั้นต้องเป็นว่านที่ไม่ธรรมดา
74.ว่านภควัมบดี มีอานุภาพเป็นศรีสง่า สิริมงคลนำโชคลาภบันดาลให้เจริญด้วยโภคทรัพย์ มีความอุดมสมบูรณ์และอยู่เย็นเป็นสุข
75.ว่านศรนารายณ์ มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี และเมตตามหามงคล
76.ว่านสามพันตึง มีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี ต่อศัตราวุธทั้งปวง
77.ว่านสามกษัตริย์ เป็นเมตตามหานิยมรักใคร่และความเจริญรุ่งเรือง
78.ว่านสาวหลง เป็นว่านที่ทรงคุณค่าทางด้านเมตตามหานิยมอย่างสูงสุด โบราณกล่าวว่า ว่านนี้ไม่เป็นเสนียดจัญไร มีอานุภาพสูงล้ำเกิดเสน่ห์เมตตาเจรจากับใครไม่มีรังเกียจ ทั้งยังเป็นว่านที่ดีทางโภคทรัพย์พกไว้ เงินจะไม่ขาดกระเป๋า
79.ว่านเหล็กไหล ดีทางด้านคงกระพันชาตรี มีตบะเดชะ
80.ว่านพัดแม่ชี มีอานุภาพสูงทางด้านปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ป้องกันอำนาจคุณไสย และผู้ที่คิดร้าย ว่านี้ใช้ถอนคุณไสยได้
81.ว่านอุมาวดี มีอานุภาพบันดาลให้ประสบโชคลาภ ความร่มเย็นเป็นสุข
82.ว่านกวักพระพรหม เป็นว่านที่มีอานุภาพสูง นำโชคลาภความร่มเย็น เป็นสุขมาสู่เคหสถานบ้านเรือน เจริญรุ่งเรืองและคุ้มครอง ป้องกันภัยอันตรายได้อย่างดีเยี่ยม
83.ว่านกระบี่ทอง มีสรรพคุณทางคงกะพันชาตรี
84.ว่านกุมารทอง มีสรรพคุณทางด้านคงกระพันชาตรี ค้าขายดี มีกำไรเป็นสิริมงคลทั้งยังมีอำนาจ มีเทวดารักษาคุ้มครอง
85.ว่านกาสัก มีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปลอดภัย
86.ว่านกบ เป็นว่านมีเทพรักษา มีอานุภาพทางด้านคงกระพันชาตรี ป้องกัน ไม่ให้ภัยพิบัติมาแผ้วพาล
87.ว่านขมิ้นขาวเสน่ห์ ดีทางด้านเมตตามหานิยม ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม
88.ว่านเขียวพันปี ให้คุณทางด้านเมตตามหานิยม
89.ว่านพระยาค่าง ให้คุณทางด้านคงกระพันชาตรี
90.ว่านเฉลิม ตำราว่านกล่าวว่า ว่านนี้ดีทางเมตตามหานิยม คนเห็นคนรักคนชอบ
91.ว่านเณรแก้ว เป็นเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี
92.ว่านรางเงิน เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ
93.ว่านรางทอง เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ
94.ว่านรางนาค เป็นสิริมงคลและเมตตามหานิยมโชคลาภ
95.ว่านสิทธิโชค เป็นว่านที่มากด้วยสรรพคุณทางเมตตามหานิยม ทำให้ประสบโชคลาภ

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:50
96.ว่านแสนนางล้อม เป็นว่านที่มีสิริมงคลและป้องกันอัคคีภัยได้
97.ว่านเสือสามทุ่ง มีอานุภาพทางด้านบารมี ปกป้อง คุ้มครองเป็นตบะเดชะอำนาจ
98.ว่านปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มีอำนาจเดชบารมี อยู่ที่ใดมักมีทรัพย์สมบัติมิได้ขาด
99.ว่านแสงอาทิตย์ มีอิทธิฤทธิ์อำนาจ ความร่มเย็นเป็นสุข
100.ว่านสบู่เหล็ก มีสรรพคุณทางคงกระพันชาตรี
101.ว่านหอมดำ เป็นว่านมีอานุภาพทางคงกระพันชาตรี
102.ว่านหางเสือ มีอานุภาพทางด้านป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ และคุณไสยต่างๆ
103.ว่านพญาหงส์เงิน ดีทางด้านเมตตามหานิยมและเดชอำนาจ
104.ว่านลิ้นกระทิงลาย ดีทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี ป้องกันอันตรายจากหมู่มาร
105.ว่านกลิ้งกลางดง มีสรรพคุณทางด้านคงกระพันชาตรี
106.ว่านสบู่เลือด ดีทางด้านคงกระพันชาตรี โบราณนิยมมาสร้างพระ เช่น พระผงน้ำมัน วัดชนะสงคราม
107.ว่านท้าวชมพู ดีทางคงกระพันชาตรี
108.ว่านชมพูหนังแห้ง ดีทางคงกระพันชาตรีป้องกันศัตราวุธ เป็นว่านที่ดีมาก
โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:53
โบราณกาลเก่าก่อนได้บอกเอาไว้ ชื่อเรียก คือ ว่านกลิ้งกลางดง หรือ ตาเฒ่าหนังหยาบ หรือ ตะลุมปุมเป้า

สรรพคุณ

•เป็นยาทางด้านแก้อาการฟกช้ำ ดำเขียว ที่เกิดจากอาการช้ำภายใน  แก้อาการปวดเข่าปวดเอว ปวดขา
•ด้านอิทธิฤทธิ์  โบราณใช้ผสมกับพระเครื่องโบราณเป็นพระว่าน ใช้ในทางคงกระพันชาตรี  แคล้วคลาด
วิธีใช้

•ทางยา ให้ใช้ผล นำมาฝานบางๆ ต้มเคี่ยวในกาน้ำร้อน จากน้ำ  ๑  ส่วน จนเหลือราวประมาณ ๓/๔ ส่วน
•ทางแคล้วคลาด นำผลมาติดตัวพร้อมบริกรรมพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ


ลักษณะ: เป็นไม้วงศ์กลอย ต้นเป็นเถาเลื้อย มีหัวออกตามข้อของเถารอบๆ หัวมีปุ่ม เล็กๆ ขรุขระอยู่ทั่ว บางตอนก็บุ๋มเข้าไปรอยขรุขระนี้จะเป็นกระขาวๆ

ประโยชน์: กินแก้ผี ทาแก้ผีโดยใช้หัวฝนเข้าด้วยกันกับน้ำซาวข้าว ทาแก้เจ็บเอว หากนำติดตัวหรือกินเข้าไป จะทำให้เนื้อหนังอยู่ยงอีกประการหนึ่ง

วิธีปลูก: ชอบขึ้นในที่ซึ่งมีใบไม้ผุๆ แล้วจะงอกเลื้อยไปห่างออกไปเรื่อยๆเนื่องจาก หัวออกตามข้อ และนอนอยู่กับพื้นดิน ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าว่านกลิ้งกลางดง หากจะนำมาปลูกในบ้าน ควรทำร้านให้เกาะ



โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:54
ว่านเถาวัลย์หลง

สรรพคุณทางสมุนไพร นำต้นมาตำให้ละเอียด ใช้พอกแผลช่วยให้หายเร็ว ว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม ว่านนี้นิยมมาแต่โบราณ บ้านเรือนร้านค้าใด นำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ผู้มีว่านนี้ไว้ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นใช้ในพิธีสร้างพระผงพระเครื่อง ความเชื่อและโชคราง คนโบราณเชื่อถือมาก เกือบทุกภาครวมทั้งคนจีนนิยมปลูกไว้หน้าบ้านมักจะปลูกต้นเถาวัลย์หลงไว้หน้าบ้านทำให้ค้าขายดี หากนำเถาแห้งพกติดตัวจะเป็นนะจังงังและเมตตาอีกด้วย คาถาเสกว่านให้เสกด้วย " นะโม พุทธายะ " หรือ " อิธะคะมะ"



โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:55
ว่านกุมารทอง

ลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่มาก ด้นที่สมบูรณ์ขนาดของหัวจะยิ่งใหญ่สีเขียวอ่อน

มีจุดแดงทั้วหัว เมื่อยังอ่อนจะมีสีขาวส่วนรากเป็นแท่นรอง มองดูคล้ายเด็กน่งแท่นไว้ผมจุก

ดอกสีแดงเป็นเกสรฝอย เมื่อบานเต็มที่เป็นพุ่มกลมสวยงาม ลักษณะเกสรเป็นพู่กระจาย

จึงได้หนี่งชื่อว่า "พู่จอมพล" ภาคกลางและอีสานเรียก "แสงอาทิตย์" ทางเหนือเรียก "ดอกพฤษภา"

ส่วนในตำราบิลว่านโบราณท่านเรียก "กุมารทอง"

    เป็นว่านโบราณที่นิยม ใช้ปลูกเสี่ยงทาย ให้คุณนำโชคลาภมาสู่ผู้ปลูก ถือเป็นว่านคู่กับ ว่านนางคุ้ม

ถ้าจะใช้ในทางคงกระพันโบราณท่านใช้ ดอกมาผสม กับ น้ำมันที่สกัดจากพืช นำมาทาตัวจะคงกระพัน

แต้ต้องเป็น น้ำมันที่สกัดจากพืชเท่านั้น ห้ามใช้น้ำมันจากเกสรดอกไม้ น้ำมันจากสัตว์

ว่านนี้ห้ามรับประทาน เพราะยางของว่านจะทำให้ลิ้นแข็งตายได้ หัวว่านนำไปแกะทำกุมารได้

(ถ้าจะให้ดีอย่าให้ไก่บินข้ามว่าน เพราะอิทธิฤกษ์ว่านจะเสื่อม)


โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:55
เคล็ดลับการปลูกว่าน

ประโยชน์อันใดที่ผู้มีอุปการระคุณพึงจะได้รับแล้วจะต้องนำมาบันทึกไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะขึ้นชื่อว่า ว่าน (พืชมีหัว) กับ สมุนไพร (พืชไม่มีหัว) ปัจจุบันมีทั้งที่ค้นพบสรรพคุณทางภสัชแล้ว และที่อยู่ระหว่างค้นคว้าอยู่นั้นมีอยู่ประมาณ 3.000 ชนิด ในเมืองไทยและที่สถาบันพฤกษชาติได้ค้นคว้าขึ้นทำเทียบไว้ มีอยู่ทั้งสิ้น 34 วงศ์ 12 สกุล 1,715 พันธุ์ หลักฐานนี้ได้รวบรวมขึ้นไว้ เมื่อปี พ.ศ. 25l5
การปลูกเลี้ยงว่านและสมุนไพรของคนไทยเรานั้นนิยมมาแต่โบราณและได้แยกประเภทสรรพคุณไปตามอิทธิฤทธิ์ของว่นมีทั้งทางเภสัช.....เมตตามหานิยม...โชคลาภและคงกระพันชาตรี เหตุนี้โบราณท่านจึงได้กำหนด วัน เดือนปีที่ปลูกและขุดว่าน และคาถากำกับตามที่ได้มีอยู่ในรายละเอียดของหนังสือนี้เล้ว เพื่อความสมบูรณ์ วันเดือนปีที่จะปลูกซื่งขอนำมากล่าวไว้เสียด้วยตรงนี้คือ

ปลูกว่านในเดือนอ้ายหรือเดือน 1       ท่านให้ปลูกในวันพุธ
ปลูกว่านในเดือน  2  หรือเดือน  7      ท่านให้ปลูกในวันพฤหัสบดี
ปลูกว่านในเดือน  3  หรือเดือน  8      ท่านให้ปลูกในวันศุกร์
ปลูกว่านในเดือน  4  หรือเดือน  9,11 ท่านให้ปลูกในวันเสาร์
ปลูกว่านในเดือน  5  หรือเดือน  10    ท่านให้ปลูกในวันอาทิตย์
ปลูกว่านในเดือน  6  หรือเดือน  12    ท่านให้ปลูกในวันอังคาร

การปลูกนิยมปลูกในเดือน 6 เพราะตรงกับฤดูฝน และในเดือน 12 นั้นเป็นฤดูน้ำไหลบ่าและว่านจะยุบฟักตัวจึงเป็นฤดูกาลที่จะกู้ว่านขึ้นมาใช้หรือเก็บไว้ขยายพันธุ์ต่อไป
อีกประการหนึ่ง ที่อดที่จะนำมากล่าวไม่ได้คือ วิญญาณอนุรักษ์มรดกไทย ผู้นิยมว่านและสมุนไพร ควรได้มีไว้ประจำใจเสมอ การที่จะไปตั้งชื่อขึ้นให่ม่ทั้งๆ ที่สถาบันพฤกษชาติได้ประกาศไว้แล้วในทำเนียบนั้นเป็นสิ่งที่มีควรกระทำเลย  ยิ่งในรายที่ ไม่มีวิญญาณ จะอนุรักษ์มรดกไทย ปลอมแปลงนำหัว ว่านหลักที่มีราคาแพงในปัจจุบัน ออกมาวางขายนั้นเป็นสิ่งที่น่าละอายและจะให้อภัยกันไม่ได้ จำเป็นจะต้องนำมาบอกกล่าวไว้บนเนื้อที่ตรงนี้ เพื่อท่านจะได้รู้เรื่องจุดตายของว่านที่ราคาเพงและว่านหลักนิยมไว้ ดังนี้คือ
ว่านตระกูลกวัก
กวักพุทธเจ้าหลวง - ใบจะต้องบิด
กวักนางพญาใหญ่ - หูใบจะชิดกัน
และบรรดาว่านตระกูลกวักอื่นๆ ดอกสีขาวและมีกลีบดอก 6 กลีบ แทบทั้งสิ้น ส่วน ว่านมหาโชค จะมีกลีบดอกเพียง 5 กลีบเท่านั้น ตรงนี้คือจุดตายของว่านมหาโชค
ในชุดกวักใบพาย กวักแม่ทองใบ กวักหงสาไทย และกวักสิบแสนนั้นมีราคาแพงมาก จึงมีผู้นำหัวว่านต่อไปนี้มาปลอมคือ หัวว่านพญาลิ้นงู ว่านกวักเศรษฐี และว่านนางล้อมกับน้ำเต้าทองนี้มาวางขายเกร่อ
และว่านเสน่ห์จันทน์ขาว ปัจจุบันมีราคาแพง และมีหน่อวางขายเกร่ออีกเช่นกัน ขอได้ทราบด้วยว่า อันหน่อเสน่ห์จันทน์ขาวนั้นสีของหน่อมิได้มีสีขาว จะต้องสีเขียวครับ
แน่นอนที่สุด หากพากันหยุดพิจารณาสักนิดว่าว่านราคาแพงๆ ที่มีหน่อและหัว ราคาถูก ๆ มาวางขายนั้น ไม่มีใครเขทำกันแน่ จึงขอให้พากันยับยั้งหยุดพิจารณาก่อนซื้อไว้เพื่อป้องกันความผิดหวังของนักนิยมว่านมือใหม่
สุดท้าย ต้องขอลาท่านผู้มีอุปการคุณด้วยเคล็ดตรงที่พากันเข้าใจว่า ว่านจะขลังนั้นต้อง ขโมย ผู้อื่นไปปลูกจะขลังนั้น ขอจงทราบด้วยว่า เคล็ดนี้มิใช่จะให้เที่ยวไปปีนรั้วบ้านผู้อื่นเข้าไปขโมยก็หาไม่ อย่าได้ประพฤติเช่นนั้นเด็ดขาด เป็นได้มีหวังถูกปืนหรือไม่ก็ติดคุกหัวโตโบราณท่านว่ายังงี้ ก่อนขุดว่านของเรานั่นแหละ ก่อนลงมือขุดก็ใช้มือตบที่พื้นดินและส่งเสียงร้องตะโกน.....ขโมย.....ขโมย.....ขโมย เรื่องของเคล็ดก็มีอยู่เท่านี้เองแหละคุณ

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล หนังสือชุมนุมว่านยาและไม้มงคล ซึ่งให้ความรู้ไว้โดยละเอียดเป็นอย่างยิ่งhttp://www.gardenerstory.com/ind ... 43-28&Itemid=17
โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:56
ชื่อ : พญาว่าน
พญาว่านถือเป็นสุดยอดของว่านทั้งปวง ทางพฤษกศาสตร์ จัดให้พญาว่านอยู่ในวงศ์ขิง ซึ่งเมืองไทยเรานี้มีอยู่ 11 สกุล และ 46 พันธุ์ด้วยกัน หัวของพญาว่านนั้นมีลักษณะเหมือนขิง การแตกแขนงแทงหน่อขยายพันธุ์ของพญาว่านก็เหมือนกับขิง

ลักษณะ :ลำต้นสีแดง ลักษณะลำต้นและใบเหมือนขมิ้นมาก แต่ขนาดลำต้นของพญาว่านจะสูงใหญ่กว่าขิง กระดูกใบ ตลอดไปถึงส่วนยอดของใบสีแดง ส่วนพื้นหน้า-หลังของใบนั้นสีเขียว สีเนื้อในหัวมีสีเหลืองขมิ้น และมีรสขม ดอกสีขาว คล้ายกับดอกกระเจียว พญาว่านจะแทงช่อดอกออกมากลางลำต้น

ประโยชน์ : สรรพคุณของพญาว่าน เป็นว่านที่สูงด้วยคุณค่า สามารถใช้ได้ทั้งกันและแก้ พญาว่านนี้สามารถป้องกันควบคุมอิทธิฤทธิ์ของบรรดาว่านทั้งปวงทุกชนิดมิให้เสื่อมสรรพคุณ และสามารถใช้แก้เมื่อกินว่านที่เบื่อเมาเข้าไป หรือถูกพิษภัยของบรรดาไม้มีพิษต่างๆ พญาว่านจะใช้รักษาได้ชงัด หากกินว่านมีพิษเข้าไปหรือถูกภัยของไม้มีพิษ ให้นำหัวพญาว่านมาฝนกับน้ำซาวข้าวทา หรือโขลกละเอียดคั้นน้ำผสมสุราโรงกินอาการจะหายทันที และพญาว่านนี้เมื่อนำไปปลูกรวมกับว่านอื่นๆในกระถางเดียวกันบรรดาว่านอื่นๆ นั้นจะกลายเป็นพญาว่านไปด้วย แต่ถ้าหากว่าปลูกพญาว่านไว้เดี่ยวในกระถางเดียว แล้วนำไปตั้งในท่ามกลางหมู่ว่านอื่นทุกชนิด อิทธิฤทธิ์ของพญาว่านนี้จะคุ้มครองสรรพคุณของว่านทั้งหลายนั้นให้คงสภาพเดิม มีคุณค่าในสรรพคุณไม่เสื่อมคลาย

สำหรับรายที่ปลูกว่านเป็นแปลงใหญ่เพื่อการค้า พญาว่านนี้นิยมกันนำไปปลูกเป็นประธานในแปลงหัวแถวอยู่เสมอ และยังจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้เป็นเจ้าของว่านนั้นอีกด้วย

วิธีปลูก : ดินร่วนปนทรายเหมาะสำหรับที่จะปลูกพญาว่านนี้ แต่ควรเป็นดินที่สำอาดจากกลางแจ้งนำมาเผาไฟแล้วทุบให้ละเอียดผึ่งตากน้ำค้างไว้สักคืนจะดียิ่ง ปุ๋ยต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้น ดินที่ใช้ปลูกควรคลุกเคล้ากับมูลวัวมูลควายตากแห้งสนิท หรือใบพืชตระกูลถั่วทุกชนิดที่ผุพังจะทำให้ว่านเจริญงอกงามดี
ในการปลูกว่านหัวใจสำคัญคือต้องปลูกให้ “หัวว่านโผล่” อย่ากลบดินจนมิดหัวว่านและอย่ากดดินจนแน่นเกินไป จะทำให้การระบายน้ำไม่ดี

การรดน้ำ : ก็รดแต่เพียงชุ่มๆ อย่าให้โชกจนน้ำขัง รดน้ำว่านนั้นวันละ 2 เวลา เช้าเย็น และในตอนเย็นควรให้สิ้นแสงอาทิตย์เสียก่อน ประการสุดท้ายบรมครูแนะนำให้รดน้ำเสกด้วยคาถา “อิติปิโสภควา จนถึง ภควาติ” หนึ่งจบทุกครั้งไป ท่านให้ปลูกในเดือน 6 และวันพฤหัส เฉพาะข้างขึ้นเท่านั้น
ป้ายกำกับ:ว่านมงคล พญาว่าน ( สุดยอดของว่านทั้งปวง )


โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:57
ดาวน์โหลด (7.87 KB)
2012-1-28 21:49

ดาวน์โหลด (4.32 KB)
2012-1-28 21:49



ว่านกวักพุทธเจ้าหลวง

ในสมัยโบราณ ว่านกวักพุทธเจ้าหลวง เป็นว่านมงคลที่มีชื่อเสียงมาก และมีนิยมปลูกกันมากจนมาถึงปัจจุบัน บางคนก็ปลูกเลี้ยงตกทอดกันมา โดยไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ กล่าวกันว่า ว่านกวักพุทธเจ้าหลวงนั้น มีอิทธิฤิทธิ์เหนือกว่าว่านกวัก....ทั้งหลาย เป็นว่านที่มีอานุภาพสูงมากในด้านเมตามหานิยม เรียกโชคลาภเงินทอง อีกทั้งช่วยคุ้มครองจากภัยพิบัติต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยม ที่สำคัญเป็นว่านที่หาได้ยากยิ่ง หากว่าใครได้ครอบครองควรปลูกไว้ที่สูงอย่าให้ผู้มีประจำเดือนเข้าใกล้ และเมื่อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วท่านจะได้พบกับความมหัศจรรย์ ทุกครั้งที่รดน้ำต้องเสกด้วยคาถา อิติปิโส 3 จบจึงรดน้ำ ผู้เลี้ยงจะประจักษ์ด้วยตัวเอง ว่านนี้สำคัญหากว่าเจ้าของว่านประพฤติไม่ดีต้นว่านจะไม่สวยงามและเหี่ยวเฉา ตายไปเอง เมื่อใดว่านออกดอกให้หาผ้าแพรสีขาวมาผูกรับขวัญแล้วอธิษฐานจะสมดังใจ


ลักษณะใบของว่านกวักพุทธเจ้าหลวง
ข้อสังเกตุ เนื่องจากว่านกวักพุทธเจ้าหลวง มีลักษณะคล้ายคลึงกับว่านซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกันหลายต้นจึงมีผู้แอบอ้างมา ขายกันมากในสมัยก่อน แม้ในสมัยนี้ก็หายากที่จะดูออก จึงมีจุดให้สังเกตุดังนี้
1. ขอบใบจะบิดเป็นคลื่นหงิก ผิวใบขรุขระ มีแถบด่างสีเหลืองกระจายอยู่ทั่วไป
2. ว่านกวักพุทธเจ้าหลวงจะแตกกอได้ยากมาก ปีหนึ่งถ้าเลี้ยงดีๆก็อาจจะได้ดูดอกกันถ้าออกดอกเมื่อไหร่ก็มีหน่อให้ได้ยลกันละครับ
3. เมื่อนำว่านกวักพุทธเจ้าหลวงไปวางไว้ใกล้ต้นว่านชนิดอื่น ต้นนั้นก็จะมีจุดแถบด่าง ปื้นสีเหลืองตามไปด้วย

ลักษณะ เป็น พืชหัว หัวคล้ายหอมหัวใหญ่ สีขาว ใบรูปรีปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบบิดเป็นคลื่น หงิก ผิวใบขรุขระ มีจุดด่างสีเหลืองทางกระจาย ขอบกลีบดอกเป็นคลื่น

การปลูก เครื่องปลูกต้องสะอาด เป็นดินกลางนา ดินที่โล่ง ปลูกในวันพฟหัวข้างขึ้นจะดี ก่อนปลูกก่อนรดน้ำควรเสกบูชาก่อน จึงจะดี ถ้าไม่เสกบูชา ก้ไม่มีปัญหาครับเพียงแต่เขาก็จะเป็นไม้ธรรมดาไม่มีอิทธิฤิทธิ์อันใดเท่า นั้นเองhttp://saimherbal.blogspot.com/2011/09/blog-post_12.html



โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:58
ว่านตอด...ว่านอันตราย

ว่านตอด เป็นว่านชนิดหนึ่งที่คนรู้จักกันน้อย เพราะคนที่รู้จักก็มักจะปิดบังข้อมูล เพราะต้องการจะให้เป็นความลับ เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์บางอย่าง นั่นคือ เพื่อใช้ในการป้องกันอาณาบริเวณหรือทรัพย์สิน (ส่วนบุคคล) กล่าวว่า เป็นต้นไม้ที่ขนหรือหนามเล็กๆ ของมัน ไม่ว่าจะไปถูกต้องผิวหนังส่วนใด ก็จะปวดแสบปวดร้อน เกิดการอักเสบเป็นแผลลุกลามกินไปถึงกระดูก ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันไม่อาจวิเคราะห์อาการและวางยาให้หายได้ จะแก้ได้ก็ด้วยการใช้สมุนไพรและว่านบางชนิดตามตำรับโบราณเท่านั้น

ผู้เขียนเองไม่เคยปลูกและไม่คัดค้านหากผู้ใดคิดจะปลูกว่านดังกล่าวไว้เพื่อวัตถุประสงค์ดังที่ว่านั้น เพราะเป็นสิทธิอันชอบธรรมของท่าน แต่ท่านก็ควรจะมีความรู้ไว้เพื่อการป้องกันพิษภัยของว่านตอดให้ตนเอง คนในครอบครัว หรือคนดีๆ คนอื่นๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย หากเผลอไผลไปถูกต้องเข้า

ขณะที่เขียนบทความชิ้นนี้อยู่ ผู้เขียนยังไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับชื่อทางวิทยาศาสตร์ของว่านชนิดนี้ เพราะพจนานุกรมหลายเล่มไม่ได้บันทึกชื่อของ "ว่านตอด" เอาไว้ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตย์ท่านบันทึกชื่อต้นไม้ที่มีลักษณะและคุณสมบัติเหมือนว่านตอดเอาไว้คือ คำว่า "ตะรังตังช้าง" รายละเอียดมีว่า

"ตะรังตังช้าง น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Dendrocnide sinuata (Blume) Chew ในวงศ์ Urticaceae ใบใหญ่ ขอบจัก ถูกเข้าจะปวดคันและเป็นผื่นตามผิวหนัง"

เนื่องจากตัวของผู้เขียนเองเคยเห็นแต่ต้นของ ว่านตอด แต่ยังไม่เคยเห็นต้นตะรังตังช้าง จึงไม่อาจสรุปว่า พืชทั้ง 2 ชื่อดังกล่าวเป็นพืชชนิดเดียวกันหรือไม่ แต่อาจารย์วิศิษฏ์ ดวงสงค์ ข้าราชการบำนาญของกระทรวงศึกษาธิการ ท่านบอกว่า ท่านเคยเห็นต้นตะรังตังช้างและเข้าใจว่าน่าจะเป็นพืชชนิดเดียวกันกับ ว่านตอด (ขอฝากเรื่องนี้ให้เป็น "การบ้าน" สำหรับท่านผู้อ่านด้วยครับ)

ตามตำรา "ชุมนุมว่านยาและไม้มงคล" ของ "บัว ปากช่อง" ได้ให้ความรู้ไว้ว่า ว่านตอดมีด้วยกันถึง 3 ชนิด ได้แก่ 1. ลักษณะเหมือนใบหนาด 2. เหมือนใบขมิ้น และ 3. เหมือนใบยอ คนมักปลูกไว้เพื่อป้องกันทรัพย์สิน (ตั้งใจจะ "แกล้งขโมย" โดยเฉพาะ ว่างั้นเถอะ) แต่ตนเองหรือคนในครอบครัวก็อาจจะพลั้งเผลอไปโดนเข้าได้โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น ท่านจึงแนะนำว่า ก่อนจะปลูกว่านตอด จะต้องหาว่านแก้พิษคือ พญาว่าน หรือ จ่าว่าน (คนละชนิดกัน) ให้ได้เสียก่อน เผื่อฉุกเฉินจะได้นำเอาหัวว่านดังกล่าวมาฝนกับน้ำซาวข้าวทาแก้พิษว่านตอด หรือโขลกหัวว่าน (พญาว่าน หรือจ่าว่าน) คั้นเอาน้ำผสมเหล้าโรงดื่ม จะสามารถทำลายพิษของว่านตอดได้ มิฉะนั้น จะต้องเสียชีวิตภายใน 15 วัน
โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 00:59
ผู้เขียนเองไปพบต้นว่านตอดเอาด้วยความบังเอิญ ในสวนสมุนไพรของ คุณศุภกร ศรีคำแหง (คุณโต้ง) ที่หมู่ที่ 8 ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี (ซึ่งมีอยู่เพียงต้นเดียว) เจ้าของปลูกเอาไว้เพื่อศึกษาลักษณะและนิสัยของมัน เพราะเห็นเป็นว่านแปลกที่ได้รับมาจากญาติที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นว่านตอดที่ได้ต้นพันธุ์มาจากป่าแถบชายแดนของประเทศกัมพูชา และเป็นว่านตอดชนิดที่มีลักษณะใบเหมือนกับใบยอ (แต่ใบสาก ไม่เลื่อมเป็นมันเหมือนใบยอ) ลักษณะลำต้นและใบอวบ เติบโตดีมาก สูงราว 1 เมตรเศษ ส่วนว่านตอดชนิดใบหนาดและชนิดใบขมิ้น ยังไม่เคยเห็น

อันที่จริงแล้ว หากพิจารณาถึงประโยชน์หรือโทษที่มีต่อมนุษย์แล้ว ว่านตอด ไม่มีระบุไว้ถึงประโยชน์ในทางเป็นยาสมุนไพรตำรับใดๆ จะมีก็แต่ประโยชน์ในเชิงป้องปรามขโมย คือใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น แต่ในด้านโทษภัยของว่านชนิดนี้ นับว่ามีอยู่มากทีเดียว ทั้งต่อตัวหรือลูกหลาน (ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่) ของผู้ปลูกเอง หรืออาจจะเป็นขโมยขโจรที่เข้ากระทำการลักทรัพย์ของผู้อื่นก็ตาม เรียกว่าผู้ปลูกเองก็อาจจะมีโอกาสพลาดไป เผลอถูกว่านชนิดนี้เข้าได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการศึกษาเรื่องราวว่านตอดเอาไว้ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่คิดจะเลี้ยงต้นไม้แปลกๆ ซึ่งประโยชน์ถ้าจะมีก็น่าจะเป็นในด้านของการอนุรักษ์พืชพรรณไม้หายากเอาไว้ หรือเป็นประโยชน์เพื่อการศึกษาเรียนรู้ เพื่อจะได้ไม่ถูกพิษร้ายของต้นไม้ชนิดนี้จนเกิดอันตรายขึ้นได้สำหรับคนที่มีโอกาสจะต้อง "เดินป่า"

สำหรับคนที่ประพฤติตนเป็นหัวขโมยนั้น แม้ว่าจะรอดพ้นจากพิษของว่านตอดไปได้ แต่ไม่ช้าก็เร็ว คงจะหนีคุกหนีตะรางไม่พ้น หรือที่หนักไปกว่านั้น ก็คือ หนีมีดหนีปืนไม่พ้น ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องศึกษาเรื่องราวของว่านตอดกันต่อไป เรียกว่า "แสวงหาความรู้เพื่อนำมาป้องกันอันตรายให้แก่สุจริตชน" ว่างั้นเถอะ ส่วนที่จะหวังให้ป้องภัยจากขโมยได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ คงจะหวังได้ยาก

ตามตำราท่านกล่าวว่า ใครคิดจะปลูกว่านตอดเอาไว้ ก็ต้องระมัดระวังให้จงหนัก ต้องบอกกล่าวถึงพิษภัยของว่านดังกล่าวให้คนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องที่มักจะไปมาหาสู่ได้ทราบเป็นข้อมูลเอาไว้ ถ้าจะให้ดีต้องแยกต้นไปปลูกในจุดที่ไม่มีคนเข้า-ออกพลุกพล่าน หรืออาจจะถึงกับต้องล้อมคอกเอาไว้ พร้อมทั้งเขียนป้ายบอกไว้ว่า "ต้นไม้อันตราย" หรือ "ต้นไม้มีพิษ ห้ามจับต้อง" เป็นต้น และสิ่งที่ผู้ปลูกควรจะเตรียมเอาไว้ก็คือ ต้องหาต้นพญาว่าน หรือต้นจ่าว่าน มาไว้ในครอบครองและขยายพันธุ์ให้ได้หลายๆ ต้นเสียก่อน เพื่อที่ว่าหากเกิดเหตุการณ์อันไม่คาดคิด มีคนไปถูกหรือไปต้องเข้า ก็จะได้ใช้หัวของพญาว่าน หรือหัวของจ่าว่านมาใช้ฝนกับน้ำซาวข้าวทา หรือโขลกคั้นน้ำผสมกับเหล้าโรงกินถอนพิษว่านตอดได้ทันท่วงที เรียกว่า เตรียมการไว้ให้พร้อม ก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายขึ้น อย่างที่ฝรั่งเขาบอกว่า "เซฟตี้เฟิรสต์" (Safety First) คือ "ปลอดภัยไว้ก่อน" นั่นเอง

ต้นพญาว่าน กับ ต้นจ่าว่าน เป็นว่านคนละชนิดกัน แต่มีสรรพคุณในการแก้พิษเสมอกัน ลักษณะของต้น สีสันคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีส่วนแตกต่างที่พอให้สังเกตได้ ว่านทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่ในตระกูลขมิ้น พญาว่าน มีใบเหมือนกับขมิ้น แต่ต้นเล็กกว่า ลำต้นมีกาบสีแดงเข้ม ร่องกลางใบสีแดงเข้ม ใบสีเขียวค่อนข้างเข้ม ขนาดของลำต้นเล็กกว่าขนาดของจ่าว่าน ในขณะที่กาบของจ่าว่านจะมีสีแดงเรื่อๆ ใบสีเขียวแต่จางกว่าพญาว่าน (รูปทรงของใบจะกว้างกว่าพญาว่าน) เนื้อในหัวสีเหลือง ในขณะที่หัวของพญาว่านจะมีขนาดเล็ก แต่มีสีเหลืองเข้มกว่าจ่าว่าน คนที่รักว่านจะต้องหาว่านทั้ง 2 ชนิดนี้มาไว้ในครอบครองให้จงได้

ก่อนจะจบเรื่องราวของว่านตอดในฉบับนี้ ผู้เขียนบังเอิญไปอ่านพบวิธีแก้พิษว่านตอดในหนังสือ "เคล็ดลับตำรับยาสมุนไพรรักษาโรค" ซึ่งเขียนโดย "ลำปาง ปาซิโร" (เจ้าของคอลัมน์ "เล่าขานตำนานว่าน" ใน "นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน") ซึ่งไม่ต้องพึ่งพญาว่าน หรือจ่าว่าน เห็นว่าน่าสนใจ และคงจะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยทั่วไป จึงขออนุญาต อาจารย์ลำปาง ปาซิโร คัดลอกมาบันทึกไว้เป็น "วิทยาทาน" ดังต่อไปนี้

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 01:00
"วิธีแก้พิษว่านตอด-ว่านตอด เป็นไม้พุ่มมีพิษที่ใบ ใบหรือทรงพุ่มมองดูเผินๆ จะเหมือนต้นยอบ้าน ที่ใบว่านตอดจะมีขนเล็กๆ เวลาขนสัมผัสหรือถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเราจะทำให้เจ็บปวด ทรมาน ยิ่งถูกความเย็น เช่น อาบน้ำ ไปตรวจกับหมอแผนปัจจุบันก็ไม่มีสาเหตุอะไร วิเคราะห์ไม่ได้ เพราะปกติ แต่ตัวคนป่วยจะตายภายใน 5-7 วัน ต่อไปนี้คือยาแก้ ตัวยาให้เอา ดังนี้

น้ำมะนาว ปูนขาว ยาสูบ ตำผสมกัน ใส่น้ำนิดหน่อย ใช้สำลีชุบทาตรงที่ถูกว่านตอดตำจะหายในทันที

อีกขนาน ให้เอากะปิปั้นเป็นก้อน แล้วเอามาคลึงแผลที่ถูกตอด จะถอนขนพิษว่านตอดออกได้ ขนานนี้พอบรรเทา"

เป็นตำราที่ใช้วัตถุสมุนไพรง่ายๆ ของพื้นบ้าน คือ น้ำมะนาว ปูนขาว ยาสูบ หรืออีกขนานหนึ่งใช้เพื่อการบรรเทา คือกะปิที่เราใช้ตำน้ำพริกนี่เอง ท่านผู้อ่านที่มีโอกาสจะเข้าป่าเข้าดงควรจะจดจำไว้ให้ขึ้นใจนะครับ (ถ้าเข้าป่าหลายวัน ก็ควรเตรียมใส่ย่ามไปด้วยแหละดี)

ก่อนจะจบเรื่อง "ว่านตอด" ผู้เขียนอยากจะพูดถึงความหมายของชื่อว่านไว้สักเล็กน้อย คำว่า "ตอด" นั้น ภาษาภาคกลางมีความหมายไม่รุนแรงและไม่ร้ายแรง เพราะท่านหมายความว่า "ตอด 1 ก. เอาปากงับกัดทึ้งโดยเร็ว อย่างปลาตอด, โดยปริยายหมายถึง อาการเหน็บแนม เช่น พูดตอดเล็กตอดน้อย" แต่หากเป็นภาษาลาว หรือภาษาอีสาน จะมีความหมายที่รุนแรงกว่า เพราะหมายถึงทั้งจิก ฮุบ กัด และต่อย ดังที่ว่า

"ตอด ก. จิก นกจิกบ้ง เรียก นกตอดบ้ง ฮุบ ปลาฮุบเหยื่อ เรียก ปลาตอดเหยื่อ ต่อย แตนต่อย เรียก แตนตอด งูกัด เรียก งูตอด อย่างว่า แนวนามเชื้อทำทานปล้องถี่ คัน ได้ตอดพี่น้องบ่ทันได้สั่งไผ (กลอน) เห็นว่าเหวกเหวกฮ้องอย่าฟ้าวว่าเสียงกบ ลางเทื่อเป็นทำทานตอดตายบ่มีฮู้ (กลอน) เห็นว่ากองฝอยน้อยอย่ากลอยใจฟ้าวนั่ง ลางเทื่องูอยู่ลี้ในหั้นชิตอดตาย (ย่า). to peck, swallow (like fish), sting (like bee), bite (like snake)"

ผู้เขียนนำมาจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตย์ และสารานุกรม ภาษาอีสาน-ไทย-อังกฤษ ของ อาจารย์ ดร.ปรีชา พิณทอง เช่นเคย ทั้งนี้ ก็เพื่อจะได้เห็นว่า ชื่อ "ว่านตอด" นั้น มิใช่เป็นเพียง "ตอดเล็กตอดน้อย" หากแต่ร้ายแรงเทียบได้กับ "พิษของงูเห่าหรืองูจงอาง" เลยทีเดียว

เรื่องราวของ ว่านตอด ก็ขอจบลงแต่เพียงแค่นี้

ไพบูลย์ แพงเงิน

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 01:01

" ... ว่านโพง ..."



ว่านโพงนี้ ชาวบ้านแถบอีสาน มักจะเรียกกันว่า " ว่านกระสือ " หรือ " ว่านผีปอบ "
   
ซึ่งขึ้นตามป่าทึบแถวภาคอีสาน โดยเฉพาะชายแดนที่ติดกับเขมรจะพบบ่อย ว่านนี้คนสมัยก่อน...เชื่อกันว่ามีวิญญาณร้ายสิงอยู่ ว่านชนิดนี้ชอบกินเลือดสด ๆ และเนื้อสัตว์ป่าเป็นอาหาร โดยอาจารย์ไสยเวทย์ที่เป็นฆราวาส ชอบนำว่านชนิดนี้มาเลี้ยงไว้ เพื่อใช้ให้ทำงานต่าง ๆ ให้ โดยเฉพาะการสั่งให้ไปทำร้ายคู่อริหรือฝ่ายตรงข้าม ผู้ที่จะเลี้ยงว่านชนิดนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีวิชา อาคมแก่กล้าเข้าขั้นทีเดียว จึงจะสามารถสะกดเหล่าดวงวิญญาณร้าย ที่สิงสถิตย์อยู่ในว่าน ให้อยู่ภายใต้คำสั่งได้ หากมิฉะนั้นดวงวิญญาณเหล่านั้น ที่อยู่ในว่านโพงจะก็จะทำร้าย และกินวิญญาณผู้เลี้ยงเป็นอาหารแทน หากว่าไม่สามารถ ที่จะสะกดดวงวิญญาณเหล่านั้นได้
โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 01:02
ว่านดอกทอง (หรือรากราคะ)

"รากราคะ" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ว่านดอกทอง"ซึ่งเป็นว่านโบราณที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์

นายณรงค์ ค้านอธรรม นักอนุรักษ์ว่านไทยโบราณ เจ้าของว่านรากราคะ เผยว่า ว่านนี้อยู่ในวงศ์ซิงจิเบอร์เรซี เป็นพืชตระกูลเดียวกับขิง ลักษณะลำต้นใต้ดินเป็นเหง้ากลม แตกแง่งเป็นไหลเล็กยาว 5-10 นิ้ว เนื้อในหัวถ้าเป็นตัวผู้จะมีสีเหลือง ส่วนตัวเมียเนื้อสีขาว มีกลิ่นคาวจัดคล้ายกับอสุจิของคนพบมากทางภาคตะวันตกและภาคเหนือ แถบจังหวัดกาญจนบุรี ตาก ลำปาง ใบเป็นรูปหอกสีเขียวมีขนาดเล็กเส้นกลางใบสีแดง ทั้งต้นสูงประมาณ 1 ฟุต ออกดอกในหน้าฝน คล้ายดอกกระเจียว แต่ไม่มีก้านดอกจะอยู่ติดกับพื้นดิน มีสีขาวอมเหลือง โดยแทงดอกขึ้นจากเหง้าหลักที่อยู่ใต้ดินก่อนการงอกขอ งใบว่านดังกล่าวนี้

ตามตำราโบราณระบุว่ามีอำนาจทางเพศรุนแรง โดยเฉพาะผู้หญิงเกิดรุนแรงมาก ถ้าเอาหัว หรือใบหรือต้นใส่โอ่งน้ำหรือบ่อน้ำ หากใครกินเข้าไปจะมีความรู้สึกทางเพศรุนแรงมาก โดยเฉพาะดอกเพียงได้กลิ่นผู้คนที่ได้กลิ่นทั้งหญิงแล ะชายจะพากันมัวเมาในโลกีย์รส ฉะนั้นจึงต้องเด็ดดอกออกเสีย


นอกจากนี้ตามความเชื่อโบราณปลูกไว้ที่บ้าน ร้านค้า มีสรรพคุณทางเมตตามหานิยม ทำให้มีลูกค้าอุดหนุนอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งว่านดังกล่าวใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว จึงนำออกมาแสดงให้ประชาชนได้ชมก่อนที่จะสูญพันธุ์ไป

Credit: http://www.thaimiss.com/webboard/index.php?topic=17611.0



โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 01:03
ว่านพะตะบะ
ลักษณะ ต้นเหมือนต้นขมิ้นอ้อย ทั้งต้นและใบมีสีเขียว หลังใบมีคราบคล้ายใบลิ้นเสือ หัวเหมือนขมิ้นอ้อยแต่ใหญ่กว่านิดหน่อย ตะเกียงยาวก้าวก่าย มีรสร้อนฉุนจัด เนื้อในมีสีขาว แสดงลักษณะว่ามีธาตุปรอทที่มีอิทธิฤทธิ์มาก

ประโยชน์ใช้ป้องกันภูตผีปีศาจได้เก่งนัก แม้แต่ใบหรือราก หรือดินที่ปลูกว่านนี้เมื่อเอาซัดเข้าไปยังผู้ที่ถูกปีศาจสิงอยู่ สามารถขับไล่ปีศาจออกได้ หากมีว่านนี้ติดตัวไปด้วยภูตผีทั้งปวงกลัวยิ่งนัก ไม่กล้าสำแดงฤทธิ์เดชอภินิหารอย่างใด ๆ ใช้กับผีได้ทุกชนิดหมด ตลอดทั้งพรายน้ำพรายบก และพรายอากาศทั่วไป ผู้ที่ถูกปีศาจเข้าสิงอยู่พอแลเห็นผู้มีว่านนี้เข้ามักจะแสดงอาการเกรงกลัว ให้เห็นเป็นพิรุธทันที

ว่านนี้จึงใช้กันตัวได้ทุกแห่งหน จะไม่มีปีศาจชนิดใดมาสำแดงการหลอกหลอนได้เลย จนตลอดทั้งตามป่าดงพงสูง ผีป่า ผีปอบ ผีชมบ ผีที่มีชื่อใด ๆ ก็ตามย่อมเกรงกลัวว่านนี้ทั้งสิ้น

ปีศาจเข้าใครอยู่ เอาว่านนี้ไปซุกไว้ใต้ที่นอนโดยไม่ให้รู้ตัว มันจะกระโดดลุกหนีเพราะปรากฏว่า ที่นอนนั้นร้อนเป็นไฟแก่มันขึ้นมา ปีศาจใดหากกลัวพอถือว่านนี้เข้าไปใกล้ก็จะล้มลงชักในทันที

การคลอดบุตรไม่ต้องใช้ยันต์ เพียงแบ่งหัวว่านนี้ผูกแขวนไว้ตรงหัวนอนหญิงคลอดบุตร และแขวนไว้ที่กระโจมเด็กเพียงชิ้นเล็ก ๆ ก็สามารถป้องกันได้ทุกอย่าง เด็กนอนสดุ้งผวา เอาว่านผูกข้อมือจะหลับสบาย ผู้ใหญ่หลับตาเห็นแต่ภูตผีปีศาจ เอาว่านนี้ใส่ไว้ใต้หมอนก็จะหายได้ มีว่านนี้อยู่กับตัวพรายแม่ที่ตายไปจะมารบกวนลูกไม่ได้ และพรายลูกที่ตายไปก็ไม่อาจมารบกวนแม่ได้เช่นเดียวกัน

การจะปลูกใช้ดินร่วนปนทราย หรือ ดินร่วน การปลูก ใช้ฝังหัวให้พอมิด รดน้ำวันละครั้ง ต้องปลูก วันข้างขึ้น ตรงกับ วันอังคาร พฤหัสเสาวร์ ก่อนปลูกต้องท่องคาถา นะโม 3 จบ อิติปิโส 3 จบ
เวลารดน้ำ ต้องกั้นใจท่อง นะโมพุทธายะ 3 หน จึงรดน้ำ

http://www.nanagarden.com/%E0%B8 ... B8%B0-142694-4.html

โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 01:05
ชื่อวิทยาศาสตร์: Chrysopogon aciculatus (Retz.) Trin.
วงศ์: POACEAE
ชื่ออื่น: หญ้ากร่อน;หญ้ากระเตรย;หญ้าก่อน (ภาคเหนือ);หญ้าขี้ครอก;หญ้าขี้เตรย (ภาคใต้);หญ้านกคุ่ม (ภาคกลาง);หญ้าน้ำลึก (ตราด)


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น: ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ลำต้นทอดนอนไปตามพื้นดินได้ไกลๆ ลำต้นเก่ามีกาบแก่หุ้ม ลำต้นตั้งตรงไม่ค่อยแตกแขนง
ใบ: มักมีมากที่โคนต้น กาบใบยาว 3-6 เซนติเมตร หุ้มรอบลำต้น มีลายตามยาว บางทีมีสีม่วง มีขนยาวนุ่มประปราย ที่รอยต่อระหว่างก้านใบกับตัวใบ ตัวใบกว้าง 3-5 มิลลิเมตร ยาว 2-8 มิลลิเมตร ใบบนสุดเล็กมาก ขอบใบสาก และหยักห่างๆ
ดอก: ออกเป็นช่อตั้งตรงที่ปลายยอด สีม่วงแกมแดง
ผล: รูปขอบขนาน ติดไปกับผ้าได้ง่าย


สรรพคุณทางสมุนไพร


ราก : แก้ท้องเสีย ,ต้น : เป็นยาขับปัสสาวะ และถอนพิษบางชนิด เถ้าจากต้นกินแก้ปวดข้อ
แก้ไข้ทับระดู
หญ้าเจ้าชู้มาหนึ่งกำมือ ล้างให้สะอาดมัดเป็นสามเปลาะใส่หม้อต้ม ใส่น้ำให้ท่วมตัวยา ต้ม  10 นาทีแล้วตักกินครั้ง  1  แก้ว ถ้ากินหนึ่งแก้วให้แก้มัดหนึ่งเปลาะพอกินครบสามเปลาะอาการจะหายทันที




โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 01:06
"ว่าน" เป็นคำที่ใช้เรียกนำหน้าชื่อต้นไม้
ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่ใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร และบางครั้งเป็นไม้ประดับ
ตำรากระบิลว่านให้คำนิยามว่า ‘ว่าน คือพืชที่มีหัวบ้าง ที่ไม่มีหัวบ้าง
ใช้เป็นยาบ้าง ใช้อยู่ยงคงกระพันบ้าง’

สมัยหนึ่งว่านเป็นที่นิยมในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์
สามารถบันดาลโชคลาภ อำนาจ วาสนาให้แก่ผู้เลี้ยงได้
หากดูแลว่านเป็นอย่างดีและมีคาถาเสกกำกับ
ความนิยมนี้แพร่หลายในช่วงปี 2464 และสร่างซาลงไปในปี 2484
และค่อยกลับมาอีกครั้งในปี 2500 (ถ้าเปรียบก็คงเปรียบได้
เหมือนกระแสของจตุคามรามเทพในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
ข้อนี้สะท้อนให้เห็นว่าเมืองไทยเรานี้มีเอกลักษณ์อยู่หนึ่งอย่าง
นั่นคือผู้คนจะมีความนิยมสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างฟู่ฟ่าและฮือฮากันไปทั่วทั้งเมือง
พอกระแสความนิยมสร่างซาไปแล้ว คนส่วนใหญ่ก็หันไปฮือฮากับอย่างอื่นต่อ)

กระนั้น ว่านที่นำมาพูดคุยกันในวันนี้

เครดิต...คุณririka
ก็เยื้องย่างเข้ามาทำความรู้จักกับเราอย่างสง่าผ่าเผย
ด้วยคุณลักษณะที่ไม่ได้ด้อยค่าลงไปตามกาลเวลา
ว่านนี้มีชื่อพ้องกับพระนามหนึ่งของพระอิศวร
ซึ่งเราอาจพอจะได้ยินชื่ออื่นของพระองค์บ้าง
ไม่ว่าจะเป็น พระศิวะ พระวิศวนาถ หรือพระมหาเทวะ
แต่อีกชื่อหนึ่งที่มีความหมายลึกซึ้งคือ “มหากาฬ”
ซึ่งแปลว่า ผู้ที่มีอยู่เหนือเวลาและความตาย
ว่านนี้ได้ชื่อนั้น...

ว่านมหากาฬเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีรากขนาดใหญ่ ลำต้นอวบน้ำสีม่วง
ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปลักษณะของใบคล้ายหอก ขอบใบหยักห่างๆ
ก้านใบสีเขียวสว่างแต่โดยรอบใบเป็นสีม่วงคล้ำคล้ายสีพระศอของพระศิวะ
ที่เกิดจากการดื่มยาพิษจากมหาสมุทรไม่ให้ทำลายล้างโลก
(บ้างก็ว่ารักแท้คือสีดำ มีที่มาจากสีของพระศอของพระศิวะ
ที่เสียสละพระองค์ดื่มยาพิษแทนมวลมนุษย์นี้เอง)
นี่คงเป็นที่มาของชื่อว่าน แต่เมื่อหันไปดูชื่อทางวิทยาศาสตร์ของว่านมหากาฬ
จะพบว่า นักวิทยาศาสตร์เขามองพืชชนิดนี้ในแง่มุมของดอกช่อที่สวยงาม

ว่านมหากาฬมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gynura pseudochina (L) DC.
และจัดในอยู่ในวงศ์ Asteraceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับดอกดาวเรือง
ทานตะวัน เบญจมาศ และบานชื่น
ดอกของว่านมหากาฬเป็นดอกช่อกระจุกแน่นออกที่ปลายยอด
กลีบดอกสีเหลืองทอง (บางท้องถิ่นเรียกว่านนี้ว่า “ดาวเรือง” เสียด้วยซ้ำ)

มาต่อที่สรรพคุณกันบ้าง หัวของว่านมหากาฬมีสรรพคุณดับพิษ
แก้ไข้ แก้พิษอักเสบ ใบมีสรรพคุณถอนพิษต่างๆ แก้ปวดแสบปวดร้อน
ขับระดู แก้ปวดบวม คนโบราณใช้ว่านมหากาฬมาตำพอกหรือฝนกับน้ำปูนใส
ทาบริเวณที่เป็นฝีและแผลพุพอง ก็ช่วยให้ฝีและแผลหายได้อย่างทันตาเห็น
ปัจจุบันว่านมหากาฬเป็นสมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน
ใช้บรรเทาอาการแบบเดียวกับที่โบราณสืบทอด
คำโฆษณาที่ปรากฏบางที่มีบอกว่าว่านมหากาฬสามารถแก้เริม
งูสวัด และไฟลามทุ่งได้ดีกว่ายาฝรั่งเสียอีก

ข้อนี้ผู้เขียนก็อยากจะเห็นผลจริงจังเหมือนกัน
เมื่อไรจะมีคนไทยใจกล้า ลงมือพิสูจน์ความจริงให้โลกรู้กันเสียที


โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 01:08
ว่านนี้มีชื่อ                  เลื่องลือยิ่งนัก                                 

พญากาสัก                 ว่านยิ่งใหญ่

หลายนามเรียกขาน   เช่นว่านหอกหล่อ               

บางถิ่นเรียกต่อ          ว่านเสือร้องไห้

ใบใหญ่ยิ่งเหลือ         เรียกเสือนั่งร่ม                     

สรรพคุณน่าชม         มีมากมาย

หัว ใบ เข้ายา             รักษา ฝีแผล                        

เขาว่าดีแท้                 แก้โรคหนองใน

สรรพคุณสำคัญ        คงกระพันชาตรี                  

ออกรบราวี                ควรมีติดกาย



นักรบโบราณ           ใช้งานสืบมา                     

ครั้งอยุธยา                และสุโขทัย

สักเสกเลขยันต์         ว่านนั้นทำหมึก                    

เข็มสักจึ๊กจึ๊ก             ก็กินว่านไป

ต้มกินทั้งต้น              ได้ผลค้นพบ                          

เจ็ดครั้ง อาบครบ      หนังเหนียวเกินใคร

อุทธัง อุทโธ              นโมพุทธายะ                        

คาถาอักขระ             เจ็ดคาบเสกใส่

ว่านจะศักดิ์สิทธิ์        มีฤทธิ์ป้องกัน                       

ไม่ต้องไหวหวั่น        ภยันตราย

ปลูกไว้ต่อเติม          สร้างเสริมชีวี                       

เกิดบารมี                เป็นเจ้าเป็นนาย

ศัตรูยำเยง               กลัวเกรงอำนาจ                  

จักมิสามารถ            ทำอันตราย

พญากาสัก               คุณนักอนันต์                        

รีบหาปลูกกัน           สุขสันต์ใจกาย
โดย: bigbird    เวลา: 2013-6-21 01:09
พอดีได้ไปอ่านตำหรับของหลวงพ่อกวยมาครับ

เรื่องเล่าจาก ศิษย์หลวงพ่อ เรื่องที่ 1(จากศิษย์แพร่ง)
ผมกำลังจะเขียนถึงมนต์พระกาฬ หรือมนต์มหากาฬ ซึ่งมีฤทธิธานุภาพในการสะท้อนกลับ ของหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท  
ครั้งนี้จะถือโอกาสพูดถึงอีก เพราะเป็นที่ประจักษ์ใจผมว่า กับคนที่คิดไม่ดีต่อลูกศิษย์หลวงพ่อกวย  มักจะมีเหตุให้วิบัติเป็นไปต่างๆ นานา เสมอ ซึ่งก็เป็นไปตามสรรพคุณของมนต์บทนี้ ที่คุ้มครองผู้ที่มีพระของหลวงพ่อไว้ ทุกประการ
เพื่อนบ้านคนนี้ มีบ้านอยู่ติดกันกับผม อยู่กันมาตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อครั้งยังไม่มีฐานะอะไร พอมีพอกิน ก็มีนิสัยใจคอก็เรียบร้อย เจียมเนื้อเจียมตัวดี แต่ภายหลังมา เมื่อฐานะความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น มีเงิน มีรถหลายคัน พฤติกรรมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะฝ่ายภรรยา ที่มักสร้างความเอือมระอากับเหล่าเพื่อนบ้านจนไม่มีใครอยากคบด้วย ไม่ว่าจะเรื่องความเห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนอื่น และปากร้าย  ในบรรดาทุกบ้าน ของผมถือว่าได้รับผลกระทบสุด เพราะที่ข้างบ้านผมเธอก็ถือวิสาสะใช้เป็นที่จอดรถของตัว แถมพ่นสีบนกำแพงบ้านผม ห้ามคนอื่นมาจอดเสียด้วย และที่น่าเกลียดที่สุด คือ การเอาถังขยะมาไว้ข้างบ้านผม แทนที่จะไว้หน้าบ้านตัวเองเหมือนบ้านหลังอื่นๆ ไม่สนใจว่าบ้านผมจะเดือดร้อนกับกลิ่นขยะของเขามากน้อยขนาดไหน แต่พอผมเอาขยะมาทิ้งร่วมถังไปด้วย ก็แสดงความไม่พอใจ ไปนินทาว่าร้ายผมต่างๆ นานา  
ปัญหาที่มีกับบ้านนี้ ผมได้แต่อุเบกขาวางเฉย และอดทนมาตลอด เพราะไม่อยากมีเรื่องผิดใจกัน คิดเสียว่าใครทำอะไร ก็ต้องได้อย่างนั้น เมื่อกล้าเอาความเดือดร้อนมาให้คนอื่น ตัวเขาเองก็ต้องพร้อมที่จะรับคืนไปสักวัน โดยเฉพาะเมื่อมาทำกับผมที่เป็นศิษย์หลวงพ่อกวย แห่งวัดโฆสิตาราม จ. ชัยนาท ยิ่งต้องได้เห็นกันแน่ ไม่ช้าก็เร็ว...
ครอบครัวนี้ ตอนหลังมา เมื่อ ปลาย ปี 2550 สามีเลิกภรรยา สาเหตุจาก ภรรยาไปมีกิ๊ก ทำชั่วเสียเอง ส่วนลูกๆ ก็เหมือนแพแตก พลัดพรากกันไปคนละทิศทาง จบชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นไปอย่างขมขื่น เป็นที่ประหลาดใจของเพื่อนบ้าน แต่ไม่น่าประหลาดใจสำหรับผม.. นี่คือผลแห่งมนต์มหากาฬครับ

ด้วยจิตคารวะ
ศิษย์แพร่ง ศิษย์หลวงพ่อกวย
http://www.apichoke.org/index.php?topic=1113.0;wap2

โดย: sriyan3    เวลา: 2013-6-21 15:59
ขอบคุณครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-5-24 06:35





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2