Baan Jompra

ชื่อกระทู้: สัญญา [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-3-20 07:35
ชื่อกระทู้: สัญญา
สัญญา       
                    สัญญา หมายถึงความจำ ความจำนี้ก็ยังเป็นดาบสองคมอยู่นั้นเอง ถ้าใจ         มีอารมณ์ฝักใฝ่ไปในทางต่ำ ก็จะไปจำเอาในสิ่งที่จะให้เกิดกามคุณ ไปจำเอาในรูปเสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะน่าชอบใจ ทำให้เกิดความรู้สึกในความรักความใคร่        พอใจในกามคุณมากขึ้น หรือผู้ที่เคยสัมผัสในกามคุณมาแล้ว ก็จะไปจำเอาเรื่อง        เก่า ๆ เน่า ๆ มาอวดโชว์ใจอยู่เสมอ         เมื่อใจยังมีความโง่เขลาอยู่ทั้งรู้เท่าไม่ถึงการณ์        ก็จะเกิดความหลงไปตาม กามตัณหา หลงตามความอยากต่อไป ความจำจะมี        เหตุปัจจัยเชื่อมโยงกันได้ในชาติปัจจุบัน ในชาติปัจจุบันนี้จะแบ่งออกเป็นสอง        กาล


1. อดีตกาล


2. ปัจจุบันกาล


ทั้งสองกาลนี้มีความสัมพันธ์กับสัญญาความ        จำทั้งนั้น ส่วนมากจะจำในสิ่งที่ชอบใจ เช่น รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ        ที่ผ่านไปแล้วนานก็ตาม ก็จะสมมุติ จำเอาสิ่งที่ผ่านไปแล้วมาฝังใจอยู่เสมอ        เรียกว่าสัญญาจำเอาโดยสมมุติ หรือสัญญาจำในปัจจุบัน ขณะนี้มีความพอใจใน        กามคุณอย่างไร ก็จะจดจำฝังแน่นไว้ที่ใจไม่รู้ลืม จำในรูปลักษณะมีความสวย        งามอย่างไร มีผิวพรรณอย่างไรกิริยาเป็นอย่างไร จะสมมุติจำได้อย่างฝังใจทีเดียว        หรือไปจำเสียงที่ไพเราะเสนาะหู หรือคำพูดในความรักต่อกัน ให้คำมั่นสัญญา        กันในเรื่องอะไรก็จะจำได้ทั้งหมด



          เมื่อจำได้ในลักษณะนี้ก็จะเชื่อมโยงต่อกันไป        ในรูป ในเวทนา ในสังขาร ในวิญญาณ เชื่อมโยงกันอย่างไรจะได้อธิบายเป็น        หมวดหมู่ต่อไป เพื่อให้เข้าใจในการใช้สติปัญญาพิจารณาในหมวดนั้น ๆ ได้อย่าง        ถูกต้อง ส่วนมากผู้ปฏิบัติจะเข้าใจในเรื่องความจำในคาถาบาลีในตำราเท่านั้น        การจำได้ในตำราต่าง ๆ ก็ถูกต้องในหลักปริยัติแต่ยังไม่สมบูรณ์ในภาคปฏิบัติ ถ้า        ปัญญาไม่ดีถึงจะจำในตำรามาได้ ก็ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้อยู่นั้นเอง        ฉะนั้นสัญญาความจำจึงเป็นดาบสองคม ถ้าความจำมีในหมู่นักปราชญ์        บัณฑิต ความจำก็จะเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง และเป็นคุณเป็นประโยชน์        แก่สังคมส่วนรวมอย่างมากมาย เรียกว่าจำในสิ่งที่ดีเพื่อนำมาทำให้เกิดประโยชน์        ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ฉลาดจำในสิ่งที่ผู้อื่นทำดี        พูดดีและมีความคิดที่ดี เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขในความบกพร่องของตัวเองให้ดีขึ้น ในทางโลกต้องศึกษาหาเรียนเอาแบบอย่างจากผู้ที่มีความดี เพื่อเราจะได้        ประพฤติดีปฏิบัติดีเหมือนท่านเหล่านั้น


          ถ้าทางธรรมที่จะนำมาปฏิบัติได้อย่างไร        ก็ให้ศึกษาในอุบายวิธีในการปฏิบัติจากท่านเหล่านั้น เช่นการพิจารณาความแก่        เราก็จำความแก่จากผู้อื่นว่าเป็นลักษณะอย่างไร โอปนยิโก ก็ให้น้อมความแก่        ของคนอื่นเข้ามาหาตัวเรา ถ้าเรามีอายุมากเท่าเขา เราก็จะแก่เหมือนกันกับเขา        ไปเห็นคนเจ็บไข้ป่วยในโรงพยาบาลหรืออยู่ในที่ไหนก็ตาม ก็จำมาพิจารณาความ        เจ็บป่วยของเขาว่ามีความทุกข์อย่างไร ก็โอปนยิโก น้อมเข้ามาหาตัวเองว่า ในชาตินี้หรือในชาติหน้า         เมื่อเรามาเกิดในโลกนี้ก็มีการเจ็บป่วยเหมือนเขาเหล่านั้น        อย่างแน่นอน เราไปเห็นคนตายที่โรงพยาบาลหรือที่ไหนก็ตาม แม้แต่ไปงานศพ        ในที่ใดก็จำเอาเรื่องของความตายมาพิจารณาว่า         เมื่อท่านเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ก็เป็น        ปกติเหมือนคนทั่วไป เมื่อท่านเหล่านั้นได้หมดลมหายใจและจิตก็ได้ออกจากร่าง        กายนี้ไปแล้ว ก็นำธาตุที่ไร้วิญญาณนี้มาเผาในที่แห่งนี้ ในที่สุดก็เหลือเพียง        กระดูกเท่านั้นที่มองเห็น

           เมื่อพิจารณาความตายของผู้อื่นอย่างไร ก็โอปนยิโก        น้อมเข้ามาหาตัวเองว่า อีกวันหนึ่งข้างหน้าเราก็จะเป็นอย่างนี้เหมือนกัน         แต่บัดนี้        เป็นคิวของเขา อีกวันต่อไปก็จะเป็นคิวของเรา นี้คือสัญญาความจำในความจริง        นำมาสอนตัวเอง        ถ้าเป็นความจำของคนพาลสันดานชั่ว ก็จะไปจำเอาในสิ่งที่ถูกใจตัวเอง        เช่น รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ให้เป็นไปในกิเลสตัณหา เพื่อตอบสนอง        แห่งความรักความใคร่ของตัวเอง         เห็นคนอื่นมีความร่ำรวยด้วยวิธีใดทั้งที่เป็นเรื่อง        ที่ผิดกฎหมาย ไม่ได้มาโดยความชอบธรรม คดโกงกันอย่างไร ค้าขายสิ่งที่ผิด        กฎหมายอย่างไรก็ใฝ่ใจจดจำ เพื่อสนองความโลภของตัวเอง หรือมีใครมาขัดผล        ประโยชน์ในมิจฉาชีพ ก็จดจำผู้นั้นไว้เพื่อชำระความแค้นกันทีหลัง ถ้ามีใครพูด        ไม่สบอารมณ์ ก็จะจำคนนั้นเอาไว้และยังผูกใจพยาบาทอาฆาตจองเวรต่อกันไปไม่มีความสำนึกในเรื่องของบาปกรรมที่จะตามสนอง เป็นคนที่เห็นแก่ปากแก่        ท้อง เป็นคนใจดำอำมหิตไม่คิดที่จะทำความดีให้แก่ตัวเองและสังคม




         ถ้าคนมีจิต        ใจต่ำการทำการพูดทั้งความคิดและความเห็นจะต่ำทรามทั้งนั้น ขึ้นชื่อว่าคนพาล        แล้วเชื่อใจได้ยาก จะฝากฝังงานอะไรให้ดูแลรักษาก็จะเหมือนฝากปลาไว้กับแมว        ฝากข้าวสารไว้กับไก่จะไม่มีผลดีอะไร ใจของคนพาลจะให้ความเป็นธรรมแก่คน        อื่นนั้นเป็นของยาก ถ้าหากมาอยู่ในกลุ่มภาวนาปฏิบัติก็จะพาลหาเรื่องคนนั้นคนนี้        จนทำให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีกันไป ไม่มีความสำนึกในตัวเองว่ามี        ความผิดที่ตรงไหน มีแต่ความเข้าใจว่าตัวเองถูกต้องทั้งหมด ฉะนั้นสัญญาความ        จำจึงเป็นดาบสองคม ให้สังเกตดูว่าขณะนี้เราใช้ความจำไปในทางไหน ถ้าเห็นว่า        ไม่ดีก็ควรปรับปรุงแก้ไขพยายามฝึกใจให้จำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ตน และ        ประโยชน์คนอื่นให้มากที่สุด เพราะความผิดเป็นบทเรียนแล้วเปลี่ยนใจให้เป็นถูก        ได้ ความจำผิดอยู่ในที่ไหนก็ฝึกให้จำถูกอยู่ในที่เดียวกัน




โดย: Marine    เวลา: 2015-4-21 19:46
สาธุ...มีสติ..มีปัญญา




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2