Baan Jompra

ชื่อกระทู้: เนื้อสัตว์ที่ไม่ควรกิน... [สั่งพิมพ์]

โดย: ธี    เวลา: 2015-2-13 15:33
ชื่อกระทู้: เนื้อสัตว์ที่ไม่ควรกิน...
พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่ตรัสรู้ในภัทรกัปปัจจุบันนี้
ในสมัยต้นปฐมกัป มีพญากาเผือก 2 ตัวผัวเมียทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคา อันเป็นธรรมชาติสถานที่รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาพระโพธิสัตว์ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์ แม่พญากาเผือกพร้อมกันถึง 5 พระองค์ เมื่อครบทศมาสแม่กาเผือกก็เกิดออกไข่ ณ ที่รัง ต้นมะเดื่อจำนวน 5 ฟอง (สถานที่นี่ในกาลต่อมาเรียกชื่อว่า วัดพระเกิด ) แม่กาเผือกคอยเฝ้าฟักดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพญากาเผือก ได้ออกไปหากิน ถิ่นแดนไกล ได้ไปถึงสถานที่ หนึ่งอันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธรรมชาติ พืชพรรณธัญญาหาร แม่กาเผือกได้เพลิดหากินอาหาร ชื่นชม ธรรมชาติอันรื่นรมย์จนมืดค่ำ พอดีฝนตกฟ้าคะนองพายุใหญ่พัดกระหน่ำทำให้มืดครึ้มทั่วไปหมด ทำให้พญากาเผือก
หาหนทางออกไม่ถูกจึงหลงในบริเวณสถานที่นั้นๆ ( สถานที่นั้นต่อมา จึงได้ชื่อว่า เวียงกาหลง ) แม่กาเผือกได้พักอยู่ที่เวียงกาหลงคืนหนึ่ง รุ่งอรุณเบิกฟ้า แม่กาเผือกจึงรีบถลาบินกลับสถาน ที่พัก ณ ที่รังต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำ แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อ ที่ทำรังอยู่ได้ถูกลมพายุใหญ่ พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกไข่ทั้ง ๕ ในแม่น้ำ แต่ อนิจจาหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ แม่กาเผือกพยามหาไข่ลูกของตนไปในทุกสถานที่ ตามลำน้ำจนเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้า ด้วยความ
โศกเศร้าเสียใจในความรักลูกอย่างสุดซึ้ง จึงไม่สามารถระงับความอาลัยทุกข์ได้ในที่สุดก็สิ้นใจ ไปอย่างน่าสงสาร ด้วยอานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์ กับทั้งทิ่ลูกของแม่กาเผือก เป็นโพธิ์สัตว์ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นบุญกุศลหนุนส่งให้แม่กาเผือกตายไปเกิดอยู่แดนพรหมโลก ชั้นสุธาวาสมีวิมานทองคำสดใสบริสุทธิ์ งดงามตระการตา ได้พระนามชื่อว่า “ ฆติกามหาพรหม” จักได้เป็นผู้ถวายอัฏฐะบริขารบวชแก่ลูกทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ส่วนไข่ทั้ง ๕ ได้ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่างๆ
ไข่ฟองที่ ๑ มีไก่เก็บไปดูแลรักษา ไข่ฟองที่ ๒ แม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา ไข่ฟองที่ ๓ แม่เต่าเก็บไปดูแลรักษา
ไข่ฟองที่ ๔ แม่โคเก็บไปดูแลรักษา ไข่ฟองที่ ๕ แม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา

ครั้งในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ทั้ง ๕ ปรากฏเป็นมนุษย์ รูปร่างสวยสดงดงาม ทั้ง ๕ พระองค์ ในเวลาเดียวกันตามลำดับของแม่เลี้ยงทั้ง ๕ ที่นำไข่ไปเก็บ ดูแลรักษา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ได้เจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงดัวยความกตัญญู จึงรู้ทำหน้าที่ ทุกอย่างทดแทนบุญคุณแม่เลี้ยงเป็นอย่างดีจนถึงอายุได้ ๑๒ ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่ง ก็มีจิตคิด ที่จะออกบวชเนกขัมบารมี เป็นฤาษีอยู่ในป่าจึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั่ง ๕ พระองค์ฝ่ายแม่เลี้ยงถึงจะมีความรักความอาลัยในลูกสักเพียงใด แต่ก็ไม่ขัดความประสงค์เจตนาที่เป็น บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของลูกจึงได้ อนุญาตให้ลูกไปบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความ อนุโมทนา ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของพระโพธิ สัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ ที่มุ่งมั่นจะบำเพ็ญบานมี พระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลก ให้พ้นจากกองทุกข์ภัยในวัฏฏะสงสาร แม่เลี้ยง ทั้ง ๕ เห็นปณิธาน อย่างนั้นจึงฝากนามของแม่เลี้ยง ไว้กับลูกเพื่อเป็นอนุสรณ์ ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาคหน้าเมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพุทธเจ้าโปรดโลกแล้วตามลำดับ พระนามดังนี้

1. องค์ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่
2. องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
3. องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
4. องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
5. องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงที่ เป็นราชสีห์

ในกัปป์นี้ได้ชื่อว่าภัทรกัปเป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้า
เกิดขึ้นในโลกนี้ถึง๕ พระองค์มีพระนามตามที่กล่าวมาแล้วนั้นทั้ง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของคำว่า “ นโมพุทธายะ”
นะ คือ พระกกุสันโธ โม คือ พระโกนาคมโน พุทธ คือ พระกัสสะโป
ธา คือ พระโคตโม ยะ คือ พระศรีอริยเมตไตยโย

จนเป็นคาถาสืบต่อกันมาเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์

ผู้ที่นับถือพระเจ้าทั้ง 5 จะไม่กินเนื้อสัตว์ดังกล่าว

โดย: oustayutt    เวลา: 2015-2-13 16:44

โดย: majoy    เวลา: 2015-2-13 17:34
  
โดย: ธี    เวลา: 2015-2-13 17:42
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-2-13 17:49

ขอเพิ่มเติมเรื่องนี้ที่ไม่ได้กล่าวถึงในข้อมูลที่เผยแพร่ เดิมพญากาเผือกผัวเมียเป็นผู้มีศีลไม่ฆ่าสัตว์กินแต่สัตว์ที่ตายแล้ว มีบริวารเป็นกาดำ 500 ตัว กาดำจะหาอาหารมาให้ แต่การหาสัตว์ที่ตายหายากจึงฆ่าสัตว์และนำมาให้พญากาเผือก เมื่อพญากาเผือกรู้ก็คิดว่า เราจะตกนรกเพราะบริวารเหล่านี้ จึงได้หนีไปอาศัยที่ต้นมะเดื่อ

เรื่องนี้มีคำทำนายเกี่ยว "ถิ่นกาขาว" บางคนแปลไปว่า มีการติดต่อค้าขายรุ่งเรื่อง แต่ผู้ชราบอกผมว่า คำว่า "ถิ่นกาขาว" คือผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน(พญากาเผือก) เป็นผู้มีศีลธรรม แต่มีบริวารไม่ดี(กาดำ) มักสร้างความเดือดร้อนแก่แผ่นดิน
โดย: Metha    เวลา: 2015-2-13 20:12

โดย: Nujeab    เวลา: 2015-2-14 22:48
ขอบคุณครับ




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2