Baan Jompra

ชื่อกระทู้: เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ประกอบกรรมดี [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-6-12 06:46
ชื่อกระทู้: เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ประกอบกรรมดี
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-12 07:19







หลายๆท่านที่ศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม อาจจะเคยตำหนิ หรือ ต่อต้าน

หรือปฏิเสธไม่เห็นด้วยกับการที่หลายๆท่านบูชาพระเครื่อง พระพุทธรูป

หรือของขลังวัตถุมงคลต่างๆ ว่าเป็นสิ่งงมงาย

โดยอ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติหรือเคยทรงสั่งสอนไว้

และไม่เป็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์หรือนิพพาน สิ่งที่พระพุทธองค์

สอนสั่งไว้เป็นหลักใหญ่แห่งปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์

คือ การทำทาน การถือศีล และการสวดมนต์ภาวนานั่งสมาธิวิปััสนากรรมฐาน




ซึ่งข้าพเจ้าลองพิจารณาดูก็เห็นว่าจริงอยู่ว่าการปฏิบัติธรรมให้ได้ผล

อย่างไม่ลดละในความเพียร อย่างถูกต้อง ย่อมได้พบกับนิพพานแน่ๆ

ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง แต่อาจลืมคิดกันไปว่าใน

หมู่คนมากมายที่เป็นพุทธศาสนิกชนนั้น สามารถแบ่งได้หลายกลุ่ม



กลุ่มแรกคือ..


กลุ่มที่ไม่เคยปฏิบัติธรรมเลย อาจหลงระเริงในสุข หรือคนที่เพียงแค่ต้องดิ้นรน

ปากกัดตีนถีบทำมาหากินเพื่อให้พ้นทุกข์ไปวันๆก็ไม่เหลือเวลาแล้ว

กลุ่มต่อมาคือกลุ่มที่เริ่มปฏิบัติธรรมบ้าง



กลุ่ม  2



กลุ่มที่ปฏิบัติธรรมจนเชี่ยวชาญพอควร กลุ่มสุดท้ายคืออริยสงฆ์

หรืออริยบุคคลที่พร้อมจะเข้าถึงพระนิพพานในไม่ช้า

อาจจะในชาตินี้หรือภพภูมิหรือชาติต่อๆไป



ดังนั้น..








พระสงฆ์เกจิอาจารย์บางรูปที่ท่านได้สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลนั้น

อาจเพื่อช่วยเหลือให้คนกลุ่มแรกๆที่ยังอีกนานกว่าจะได้ไปถึง

พระนิพพานหรืออาจไม่มีวันไปถึงเลยก็ได้ คนกลุ่มนี้จะได้มี

เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นการเสริมสร้างกำลังใจ ในเวลาที่

เผชิญความทุกข์ที่เป็นอนิจจังจนขาดสติ เป็นการช่วยให้ผ่าน

พ้นความทุกข์เศร้าหมองไปได้..

และอาจเป็นกลวิธีที่ได้เข้าใกล้พระสงฆ์เข้าใกล้พระธรรมได้บ้าง

อย่างน้อยพระสงฆ์จะสอนให้ทำดีละชั่ว และสร้างบุญกุศล

เพื่อให้พระเครื่องวัตถุมงคลนั้นๆได้แสดงมหิธานุภาพได้



อย่างที่เราทราบกันว่า...


บ่อยครั้งโจรพกพาพระเครื่องที่มีพุทธคุณทางแคล้วคลาด หนังเหนียว

ก็ไม่อาจป้องกันคมกระสุนคมดาบจากเจ้าพนักงานตำรวจไปได้

เพราะพระพุทธคุณย่อมไม่ปกป้องคนชั่ว




ยกตัวอย่าง พระสงฆ์ในอดีตที่เชื่อกันว่าท่านเป็นอริยสงฆ์คือ...



สมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี


ท่านได้สร้างพระเครื่องวัตถุมงคลไว้มากมายที่คนในยุคปัจจุบันเชื่อว่ามีพระพุทธคุณสูงยิ่ง

สามารถปกป้องคุ้มครองคนดีและส่งเสริมให้มีความเจริญรุ่งเรือง








หลวงปู่โตท่านเคยบันทึกไว้ความว่า...




วัตถุประสงค์ในการสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล

นั้นเพื่อให้คนที่บูชาที่ยังไม่ค่อยได้ปฏิบัติธรรม

หรือยังเพิ่งเริ่มต้นได้มี..


เครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้ประกอบกรรมดี




ดังนั้น



เมื่อมาลองพิจารณาเรื่องที่ว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้คนห้อยพระเครื่องหรือบูชาวัตถุมงคล

เพราะแน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ไปสู่พระนิพพานหรือพ้นทุกข์




แต่...



พระพุทธองค์ก็ไม่เคยบัญญัติห้ามไว้ สิ่งใดที่ไม่มีในพระไตรปิฎก

ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีจริง

พระพุทธเจ้าเองยังเคยทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

ทรงยกย่องพระโมคคัลลานะว่าเป็นพระอรหันต์ที่มีอิทธิฤทธิ์มาก

แต่พระองค์ทรงห้ามมิให้พระสงฆ์แสดงอิทธิฤทธิ์

ให้คนทั่วไปได้เห็น ตามเหตุผลที่จะไม่กล่าวในที่นี้

ดังนั้นพระสงฆ์ที่เป็นอริยะสงฆ์ย่อมอาจมีฤทธิ์ที่จะอธิษฐาน

ให้พระเครื่องหรือวัตถุมงคลมีมหิธานุภาพพระพุทธคุณ

ต่อผู้พกพาและบูชาได้

ของผู้อ่านแต่ละท่านโดยไม่จำเป็นต้องเชื่อ


โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-6-12 06:58
ตัวอย่างพระสงฆ์ในยุคปัจจุบัน



หลวงพ่อหลวงปู่่ อีกหลายๆองค์ ท่านเน้นการสอนปฏิบัติด้านการสวดมนต์

วิปัสนากรรมฐานเพื่อช่วยให้คนพ้นทุกข์และส่งเสริมให้ชีวิตเจริญ มีความสุขมากขึ้น

ท่านไม่เน้นให้คนสนใจด้านพระเครื่องวัตถุมงคลมากนัก แต่ท่านก็ได้อธิษฐานจิต

หรือปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น และหลายๆท่านที่นำไปสวมคอ

พกพาด้วยความศรัทธาในองค์พระภิกษุสงฆ์ เชื่อว่ามีพลังพระพุทธคุณที่จะช่วยให้

แคล้วคลาดจากอันตราย ผ่านพ้นทุกข์ที่เข้ามา และมีความเจริญในสัมมาอาชีวะ

ทั้งนี้ผู้ที่ศรัทธานำไปบูชาส่วนใหญ่เชื่อว่าได้รับผลดีทางฤทธานุภาพด้านต่างๆ

เช่นแคล้วคลาดจากภยันตราย มีโชคลาภวาสนา สุขภาพแข็งแรง

และยึดมั่นในการทำความดี




แม้แต่วัดบวรนิเวศฯที่มีองค์สมเด็จพระสังฆราชฯประทับอยู่ก็

ได้สร้างพระเครื่องมากมาย ที่รู้จักกันดีคือพระไพรีพินาศ เป็นต้น



โดยสรุปนั้นข้าพเจ้าเชื่อว่าการปฏิบัติธรรมให้สมบูรณ์ถึงพร้อม

ตามแนวทางของพระพุทธเจ้าย่อมเป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน

เพื่อการพ้นทุกข์พบสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป




แต่สำหรับ


คนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้เริ่มหรือปฏิบัติธรรมยังไม่ถึงพร้อมและ

ยังมีจิตใจที่ไม่เข้มแข็งพอในการเผชิญกับทุกข์ของชีวิตที่

เป็นอนิจจังนั้นย่อมอาจได้ประโยชน์จากการบูชาพกพา

พระเครื่องวัตถุมงคล เพราะอย่างน้อยๆพระพุทธคุณ

ของพระเครื่องวัตถุมงคลที่ได้มานั้น จะต้องควบคู่กับกันเป็นคนดี

ที่ทำบุญกุศลร่วมด้วยจึงจะส่งผลดีเต็มที่ ซึ่งช่วยให้คนกลุ่มนี้ยึดมั่น

ในการทำความดี และได้เข้าวัดวาอารามบ้าง





แต่สิ่งสำคัญที่ข้าพเจ้าเชื่อคือหากเรามีความศรัทธาในพระเครื่องวัตถุมงคลแล้ว

อิทธิฤทธิ์พระพุทธคุณจะแสดงให้เราเห็นหรือสัมผัสได้ โดยเฉพาะวัตถุมงคล

ที่ได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจากพระอริยสงฆ์ดังที่ยกตัวอย่างไว้ข้างต้น





เรียบเรียงโดย "คุณหมอเนเน่"

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ท่ีเชื่อถือศรัทธาในพระธรรม

คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและเชื่อในพลังแห่งพระเครื่องวัตถุมงคล

โดยอ้างอิงจากเอกสารและคำสอนพระสงฆ์ที่ไม่อาจเอ่ยนาม


ดังนั้นโปรดพิจารณาตามความคิดเห็น
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-6-12 07:04
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-12 07:08

อย่าไปตำหนิติเตียนอะไรเลย




(ถาพถ่ายหลวงปู่ดุลย์ที่มีกายทิพย์ปรากฎเป็นภาพซ้อนที่หน้าอกของท่าน)





หลวงปู่เล่าว่า ครั้งหนึ่ง มีพวกสาธุชนปัญญาชน

กลุ่มหนึ่งมาสนทนาธรรมด้วย และถามท่านว่า

"วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ หลวงปู่จึงได้สร้าง

หรืออนุญาตให้สร้างเหรียญขึ้น?"




หลวงปู่จึงวิสัชชนาว่า...



"พวกท่านทั้งหลายแสดงความสนใจในการบำเพ็ญภาวนา ก็พากันบำเพ็ญภาวนาไป

ไม่ต้องไปห่วงไปสนใจกับวัตถุมงคลอันเป็นของภายนอกนี้ แต่สำหรับผู้มีจิตใจ

เพลิดเพลินอยู่ ยังยินดีในการเกิดตายในวัฏฏสงสาร ยังไม่สามารถหันมาสู่การ

ปฏิบัติธรรมได้ ก็ให้อาศัยวัตถุภายนอกเช่นวัตถุมงคลเช่นนี้เป็นที่พึ่งไปก่อน



***...อย่าไปตำหนิติเตียนอะไรเลย...***



ครั้นเขาเหล่านั้นประสบเหตุเภทภัยมีอันตรายแก่ตน และเกิดแคล้วคลาดด้วย

คุณแห่งพระรัตนตรัยก็ดี โดยบังเอิญก็ดี ก็จะเกิดความเลื่อมใสศรัทธาใน

พระพุทธศาสนาได้ในภายหลัง ซึ่งก็จะเป็นเหตุให้....

เจริญงอกงามในทางที่ถูกต้องได้เอง

สำหรับผู้ที่มีศรัทธามากแล้วชอบการบำเพ็ญภาวนาจิตใจในธรรมปฏิบัติอันยิ่งๆ ขึ้นไป

ในเรื่องวัตถุมงคลนี้ หลวงปู่จะบอกตามสัจจธรรมว่า



"ไม่มีอะไร เป็นเพียงช่วยด้านกำลังใจเท่านั้น"




หลวงปู่มักกล่าวว่า     "เอาไปทำไม???"









  ของที่เป็นภาระต้องเอาใจใส่ดูแลของที่ต้องทิ้งเสียในภายหลัง"


แล้วท่านก็สอนเป็นปริศนาธรรมว่า...



"จงเอาสิ่งที่เอาได้ จงอย่าเอาสิ่งที่เอาไม่ได้"




ถ้ามองในแง่ของปุถุชนสามัญธรรมดาแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์แห่งคุณพระรัตนตรัยย่อมมี

ปรากฏเป็นอัศจรรย์ได้ ดังเช่นพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดาที่..



ได้ทรงแสดงแก่เหล่าเดียรถีย์นอกศาสนา...



ดังนั้น ความอัศจรรย์ของอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัยจะบังเกิด

คุณประโยชน์อย่างไร? ขอท่านทั้งหลายพิจารณาถือเอาตามสมควรแก่ตนเทอญ???  




อตุโล ไม่มีใดเทียม
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-6-12 07:06




ศาสนาตั้งมั่นอยู่มาได้จนบัดนี้

ก็เพราะพิธีต่างๆ นี้ ทั้งนั้น

บางคนก็สร้าง อุโบสถ-ศาลา-กุฏิ

ถวายอุทิศให้แก่ผู้ตาย

วัดจึงเป็นวัดมาได้เท่าทุกวันนี้


ต้นไม้ถ้ายังเหลือแต่แก่น

ก็จะอยู่ได้ไม่นาน

ต้องมีเปลือก กระพี้

ห่อหุ้มบำรุงแก่นไว้ จึงไม่ตาย

พุทธศาสนาก็ฉันนั้น

เหมือนกัน

ต้องอาศัยศาสนาพิธีเหล่านี้แหละช่วยบำรุง

ห่อหุ้มไว้ จึงยืนนานมาถึงวันนี้...



หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-6-12 07:06
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-12 07:08





หลวงปู่ดู่ท่านสร้างพระเครื่องเพื่อบำรุงศรัทธา เติมเต็มมกำลังใจ สิ่งที่จะเป็น

"เครื่องมือ" ในการสร้างความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติสมาธิภาวนา

มากกว่าคำว่า...



“เครื่องราง”


  
    แม้ท่านจะกล่าวว่า....




"ติดวัตถุมงคล ก็ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"







ก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันท่านก็ไม่ให้ไปลุ่มหลงหรือ..

ยึดติดเสียจนละเลยเป้าหมายสำคัญของแต่ละชีวิต




"นั่นก็คือการพัฒนาให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-6-12 07:11
การบูชาพระเครื่องนั้น จุดประสงค์ดั้งเดิมที่แท้จริงก็คือ...



การโน้มนำจิตใจให้ยึดเหนี่ยวกับคุณงามความดี สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี

คราวที่ท่านเริ่มทำพระเครื่องที่เรียกกันในยุคต่อมาว่า “พระสมเด็จ” ที่ปัจจุบันราคาแพง

ลิบลิ่วเป็นตัวเลขถึง 8 หลัก ก็เพราะต้องการให้ประชาชนเข้าถึงในพระพุทธศาสนา

โดยเริ่มจากการรักษาศีลก่อน หากศีลจะขาดก็ให้ยึดเอาพระเครื่องที่ท่านปลุกเสกไว้

นั้นแหละเป็นเครื่องเตือนใจยึดเหนี่ยวใจไม่ให้กระทำผิด


แต่อย่างไรก็ตาม “สิ่งสำคัญก็ยังไม่อาจเห็นได้ด้วยตา” พลังงานความศักดิ์สิทธิ์และ

บุญบารมีนั้นมีอยู่ในทุกหนทุกแห่งโดยเฉพาะในพระเครื่องที่ปลุกเสกด้วยพุทธมนต์

และมีพลังจิตแห่งความดีงามเคลือบแฝงอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะไปบอกได้ว่า

ไม่มีจริง เพียงเพราะเรามองไม่เห็นมันเท่านั้น


การบูชาพระเครื่องให้ได้ผลอย่างแท้จริงก็คือ ต้องมีศีลเป็นตัวนำและมีสติปัญญา

เห็นจริงก่อนว่า ทำดีแล้วย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว




คนชั่วต่อให้ห้อยพระสมเด็จปลุกเสกมา

วิเศษแค่ไหนพระท่านก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์

ไม่ปกป้องคุ้มครองคนเลวอย่างแน่นอน








หากเป็นคนดีมีศีลธรรมเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าหยิบจะจับอะไร

หรือแม้แต่ดื่มน้ำ น้ำแก้วนั้นก็ยังเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้


พระเครื่องเป็นวัตถุมงคลเสริมพลังให้คุณความดีที่เราเพียรสร้างมาได้ส่องแสงเปล่ง

พลังอานุภาพปรากฏชัดมากขึ้น เมื่อคนเราเห็นว่าทำดีได้ดีจริง ทำชั่วได้ชั่วจริง

ก็จะมีกำลังใจในการสร้างคุณงามความดีต่อไปได้

คนห้อยพระเป็นที่มีสติปัญญามีศีลกำกับ

ตกน้ำก็ไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ เดินทางไกลไม่หลงทาง









ทำงานใดก็ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระหนัก คบกับใครก็ไม่รู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าค่าตา

ทำการใดๆ ก็มีแต่คนเชื่อถือคล้อยตาม แขวนพระศีลพระธรรมไว้ในใจก่อน

ทำอะไรก็ย่อมเจริญก้าวหน้าร่ำรวยได้ทั้งสิ้น



โดย: Metha    เวลา: 2013-6-13 12:13

โดย: TATIE    เวลา: 2013-6-13 12:28
ต้นไม้ถ้ายังเหลือแต่แก่น

ก็จะอยู่ได้ไม่นาน

ต้องมีเปลือก กระพี้

ห่อหุ้มบำรุงแก่นไว้ จึงไม่ตาย

พุทธศาสนาก็ฉันนั้น

เคยอ่านเจอจำได้แต่เนื้อหา แต่จำไม่ได้ว่าหลวงพ่อที่ไหนเทศน์ไว้  ขอบคุณเฮียศรที่ยกมาให้ทบทวนความรู้ครับ
โดย: sriyan3    เวลา: 2013-6-13 13:34
ขอบคุณครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-6-13 15:58
ขอบคุณครับ สาธุ
โดย: morntanti    เวลา: 2013-6-14 00:20
สาธุ............จงทำแต่ กรรมดี
โดย: Metha    เวลา: 2013-6-14 10:59
หายใจเข้าก็พุท หายใจออกก็โท
ทุกๆๆเวลา ตอนนี้ผมพยามยามฝึกอยู่ครับ

โดย: สุวนาคา    เวลา: 2013-6-14 14:16
ศิล ภาวนา สมาธิ
โดย: chuchat9999    เวลา: 2013-6-14 19:57
สา....ธุ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-6-30 23:25
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-6-14 10:59
หายใจเข้าก็พุท หายใจออกก็โท
ทุกๆๆเวลา ตอนนี้ผมพยามย ...

สุดยอดครับเสี่ยเมธา
โดย: Metha    เวลา: 2013-7-1 14:59
chuchat9999 ตอบกลับเมื่อ 2013-6-14 19:57
สา....ธุ

เมื่อวันไหว้ครู ติดธุระที่ไหนครับ
ถึงไม่เห็นพี่ชูชาติมางาน
โดย: Metha    เวลา: 2013-7-1 15:00
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-6-30 23:25
สุดยอดครับเสี่ยเมธา

จะพยายามปฏิบัติ ไปเรื่อยๆๆครับผม
โดย: sritoy    เวลา: 2013-7-1 16:45
ขอบคุณครับ
ปลูกต้นศรัทธา
เริ่มจากสิ่งที่ชอบ
ยอมง่ายในการ...ต่อไป
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-7-1 20:29
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2013-7-1 16:45
ขอบคุณครับ
ปลูกต้นศรัทธา
เริ่มจากสิ่งที่ชอบ

คมกริบ
โดย: chuchat9999    เวลา: 2013-7-1 20:48
เสี่ยเมธาครับ...พอดีทางโรงเรียนพาเด็กเข้าค่ายพุทธบุตรครับหลายวันยาวเลยครับ ทั้งได้บุญและเหนื่อยครับ เป็นวัดสาขาวัดธรรมกายแต่เป็นวัดนานาชาติครับ  เด็กชอบมากครับพระต่างชาติพูดภาษาไทย เป็นของใหม่สำหรับเด็กครับ
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-10-27 09:35




พระพุทธรูป

หมายถึง รูปที่สร้างขึ้นแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อกราบไหว้บูชา อาจใช้การแกะสลักจากวัสดุต่างๆ เช่น ศิลา งา ไม้ หรือวัสดึอื่นๆ นอกจากนี้ยังอาจใช้การปั้นหรือหล่อด้วยโลหะก็ได้ โดยทั่วไป คำว่า พระพุทธรูปมักจะหมายถึง รูปขนาดใหญ่พอที่จะวางบูชาได้ สำหรับรูปขนาดเล็กมักจะเรียกว่า พระเครื่อง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองแบบสามารถเรียกว่า พระพุทธรูป ได้เช่นกัน



กำเนิดพระพุทธรูป


แต่เดิมนั้นพุทธศาสนาไม่มีรูปเคารพแต่อย่างใด ศาสนาพราหมณ์ หรือ ฮินดู ซึ่งมีมาก่อนศาสนาพุทธ ก็ไม่มีรูปเคารพเป็นเทวรูปเช่นกัน หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ผู้ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา อยากจะมีสิ่งที่จะทำให้รำลึกถึง หรือเป็นสัญญลักษณ์ขององค์ศาสดา เพื่อที่จะบอกกล่าวเล่าขาน เรื่องราวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงศึกษาค้นคว้าหาทางดับทุกข์ และทรงชี้แนะสอนสั่งผู้คน ถึงการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงความเป็นอยู่ ที่ก่อให้เกิดความผาสุกในหมู่มวลมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในโลก


คราวแรกนั้นชาวพุทธก็ได้แต่นำเอาสิ่งของอันได้แก่ ดิน น้ำ และกิ่ง ก้าน ใบโพธิ์ จากบริเวณสังเวชนียสถาน 4 แห่ง คือ สถานที่ประสูติ (ลุมพินีวัน),ตรัสรู้ (พุทธคยา), ปฐมเทศนา (สารนาถ) และปรินิพพาน (กุสินารา) เก็บมาไว้เป็นที่ระลึกบูชาคุณพระพุทธเจ้า


ล่วงมาถึงในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พุทธศาสนูปถัมภกที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง เมื่อ 2,200 ปีก่อน หรือหลังจากการดับขันธ์ของพระพุทธเจ้ามา 300 ปี พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ทรงส่งสมณะทูต จำนวน 500 รูป ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาราฐ จึงมีชื่อเสียงในฐานะเป็นเมืองที่ประสิทธิประสาทวิทยาการต่าง ๆ นับว่า "เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกทางพระพุทธศาสนา"
แต่ก็ยังไม่มีรูปเคารพแทนพระพุทธเจ้าที่เป็นรูปคน


พระพุทธรูป หรือ รูปเคารพแทนพระพุทธเจ้า เริ่มมีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่ระหว่าง พ.ศ. 500 ถึง 550 เมื่อชาวกรีก ที่ชาวชมพูทวีป(อินเดียโบราณ) เรียกชาวต่างแดนว่า "โยนา" หรือ "โยนก" โดยพระเจ้าเมนันเดอร์ที่ 1 หรือ พระยามิลินท์ กษัตริย์เชื้อสายกรีก ยกทัพกรีกเข้ามาครอบครองแคว้นคันธาราฐ (ปัจจุบันเป็นดินแดนของอัฟกานิสถาน) จากนั้นพระองค์ก็แผ่อาณาเขตไปทั่วบริเวณด้านตะวันตกเฉียงเหนือของชมพูทวีป และสร้างเมืองหลวงเป็นที่ประทับ ณ เมืองสากล (Sakala) หลังจากที่ได้พบพระสงฆ์ท่านหนึ่งนามว่า นาคเสน จึงมีเรื่องราวแห่งการตั้งคำถามของพระเจ้ามิลินท์ต่อพระนาคเสน จนทำพระเจ้ามิลินท์ ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา (คำถามคำตอบปุจฉาวิสัชนา ซึ่งถูกเขียนบันทึกเป็นหนังสือและแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงมาก เรื่องนี้ก็คือ ..

มิลินทปัญหา
- The Milinda Panha or The Questions of King Minlinda) ได้มีการสร้างสถาปัตยกรรม และประติมากรรมทางพุทธศาสนามากมายในแคว้นคันธาราฐ ซึ่งการสร้างพระพุทธรูปนั้นมีลักษณะต่างๆ ตามพุทธประวัติ (ปางพระพุทธรูป)


พระพุทธรูปรูปแรกจึงเกิดขึ้นในสมัยของพระเจ้ามิลินท์ หรือเมนันเดอร์ที่ 1 ชาวกรีกที่มาครอบครองแคว้นคันธาราฐ เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 หรือ 2,000 ปีที่แล้วนั่นเอง พระพุทธรูปที่เกิดขึ้นครั้งแรกจึงเรียกรูปแบบของพระพุทธรูปนี้ว่า แบบคันธาราฐ โดยถ่ายแบบอย่างเทวรูปที่พวกชาวกรีกนับถือกันในยุโรปมาสร้าง พระพุทธรูปแบบคันธาราฐจึงมีใบหน้าเหมือนฝรั่งชาวกรีก จีวรก็เป็นริ้วเหมือนเครื่องนุ่งห่มของเทวรูปกรีก และต่อมาในภายหลัง ราวพุทธศตวรรษ ที่ 4-12 มีคตินิยมสร้างพระพุทธรูปเป็นขนาดเล็กๆ (พระเครื่อง) บรรจุไว้ในพุทธเจดีย์



http://th.wikipedia.org/wiki





โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-10-27 10:49
อานิสงส์การหล่อ/สร้างพระพุทธรูป



สร้างพระ 1 องค์ ได้อานิสงส์ 5 กัป(หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)....ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ สร้างด้วยอะไรก็ตาม หมายความว่าบุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึง 5 กัป ฯ



หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวว่า"การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำได้ยาก คือ ว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด การสร้างองค์ปฐมนี้ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ โดยใช้บัญชีสีทอง เป็นทองคำล้วนทั้งเล่ม จดบันทึก(เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา) ก็แสดงว่า คนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ ต้องเป็นคนมีบุญมาก และไปนิพพานได้เร็วมาก" เพราะบัญชีสีทอง หลวงพ่อฯบอกว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องโมทนาหมด



ผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้า จะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคาก็ดี ใหญ่กว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเป็นมนุษย์ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหมื่นชาติ แสนชาติ จะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย ตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน(หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว)



การสร้างพระ เปรียบได้กับธนาคารบุญ ซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้าง โดยบุญกุศลนั้น จะเกิดขึ้นทุกครั้ง ที่มีผู้มากราบไหว้ สักการะบูชา เท่ากับจำนวนคน และจำนวนครั้ง(หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา)



การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปได้เกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทาน ในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มี"ความเห็นตรง เห็นถูกแท้" เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ประมาท ชื่อว่า เป็นผู้ได้เตรียมตัวก่อนตาย(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)


ถวายสังฆทาน 100 ครั้ง อานิสงส์ไม่เท่ากับถวายวิหารทาน 1 ครั้ง


โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-10-27 11:03
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2013-10-27 11:04




การสร้างพระเครื่องให้มีขนาดเล็กเพื่อที่จะสามารถสร้างได้จำนวนมาก

สำหรับบรรจุในพระพุทธเจดีย์ เพื่อว่าในอนาคตเมื่อพระพุทธศาสนาเสื่อมลง

วัตถุต่างๆ พังทลายยังสามารถพบรูปสมมุติของพระพุทธเจ้า


เพื่อแสดงให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา เป็นหลักฐานทางวัตถุว่า

ที่นี่มีพระพุทธศาสนา มีผู้ศรัทธาในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และปฏิบัติตาม

เป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ รวมทั้งเป็นสิ่งระลึกอันประเสริฐของบุคคล

ผู้คนรุ่นแต่ก่อน ปัจจุบันและต่อไปในอนาคต "



ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นความเชื่อและคตินิยม ในการสร้างพระเครื่อง

ซึ่งอาจจะรวมถึงรูปสมมติของพระโพธิสัตว์ พระอริยสงฆ์

และเทพเจ้าที่มีขนาดเล็กด้วยบรรจุไว้ในพุทธเจดีย์ หรือฝังลงดินไว้ตามสถานที่ต่างๆ

พระกรุจึงถือเป็นมรดกของชาติ ที่เพียบพร้อมด้วยความศักดิ์สิทธิ์

อันบริสุทธิ์ของพลังอำนาจแห่งพระพุทธคุณ






โดย: oustayutt    เวลา: 2013-10-27 21:30
อนุโมทนาครับ
โดย: AUD    เวลา: 2013-10-28 21:29
โมทนาสาธุครับ
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-10-29 08:06
"ติดวัตถุมงคล ก็ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"


หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-11-22 08:28
รามเทพ ตอบกลับเมื่อ 2013-10-29 08:06
"ติดวัตถุมงคล ก็ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"


เยี่ยม
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-11-22 10:28
รามเทพ ตอบกลับเมื่อ 2013-10-29 08:06
"ติดวัตถุมงคล ก็ยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล"


ครับ
โดย: wind    เวลา: 2013-11-22 11:27
สาธุ กราบๆๆ

โดย: นาคปรก    เวลา: 2013-11-24 10:36
อนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านในผลบุญครั้งนี้ครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-9 15:33

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-9 15:34
ตัวอย่างพระสงฆ์ในยุคปัจจุบัน



หลวงพ่อหลวงปู่่ อีกหลายๆองค์ ท่านเน้นการสอนปฏิบัติด้านการสวดมนต์

วิปัสนากรรมฐานเพื่อช่วยให้คนพ้นทุกข์และส่งเสริมให้ชีวิตเจริญ มีความสุขมากขึ้น

ท่านไม่เน้นให้คนสนใจด้านพระเครื่องวัตถุมงคลมากนัก แต่ท่านก็ได้อธิษฐานจิต

หรือปลุกเสกพระเครื่องวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น และหลายๆท่านที่นำไปสวมคอ

พกพาด้วยความศรัทธาในองค์พระภิกษุสงฆ์ เชื่อว่ามีพลังพระพุทธคุณที่จะช่วยให้

แคล้วคลาดจากอันตราย ผ่านพ้นทุกข์ที่เข้ามา และมีความเจริญในสัมมาอาชีวะ

ทั้งนี้ผู้ที่ศรัทธานำไปบูชาส่วนใหญ่เชื่อว่าได้รับผลดีทางฤทธานุภาพด้านต่างๆ

เช่นแคล้วคลาดจากภยันตราย มีโชคลาภวาสนา สุขภาพแข็งแรง

และยึดมั่นในการทำความดี




แม้แต่วัดบวรนิเวศฯที่มีองค์สมเด็จพระสังฆราชฯประทับอยู่ก็

ได้สร้างพระเครื่องมากมาย ที่รู้จักกันดีคือพระไพรีพินาศ เป็นต้น



โดยสรุปนั้นข้าพเจ้าเชื่อว่าการปฏิบัติธรรมให้สมบูรณ์ถึงพร้อม

ตามแนวทางของพระพุทธเจ้าย่อมเป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน

เพื่อการพ้นทุกข์พบสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป




แต่สำหรับ


คนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้เริ่มหรือปฏิบัติธรรมยังไม่ถึงพร้อมและ

ยังมีจิตใจที่ไม่เข้มแข็งพอในการเผชิญกับทุกข์ของชีวิตที่

เป็นอนิจจังนั้นย่อมอาจได้ประโยชน์จากการบูชาพกพา

พระเครื่องวัตถุมงคล เพราะอย่างน้อยๆพระพุทธคุณ

ของพระเครื่องวัตถุมงคลที่ได้มานั้น จะต้องควบคู่กับกันเป็นคนดี

ที่ทำบุญกุศลร่วมด้วยจึงจะส่งผลดีเต็มที่ ซึ่งช่วยให้คนกลุ่มนี้ยึดมั่น

ในการทำความดี และได้เข้าวัดวาอารามบ้าง





แต่สิ่งสำคัญที่ข้าพเจ้าเชื่อคือหากเรามีความศรัทธาในพระเครื่องวัตถุมงคลแล้ว

อิทธิฤทธิ์พระพุทธคุณจะแสดงให้เราเห็นหรือสัมผัสได้ โดยเฉพาะวัตถุมงคล

ที่ได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจากพระอริยสงฆ์ดังที่ยกตัวอย่างไว้ข้างต้น





เรียบเรียงโดย "คุณหมอเนเน่"

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ท่ีเชื่อถือศรัทธาในพระธรรม

คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและเชื่อในพลังแห่งพระเครื่องวัตถุมงคล

โดยอ้างอิงจากเอกสารและคำสอนพระสงฆ์ที่ไม่อาจเอ่ยนาม


ดังนั้นโปรดพิจารณาตามความคิดเห็น
โดย: taka_jipata    เวลา: 2014-12-9 16:47

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-10 07:14
อย่าไปตำหนิติเตียนอะไรเลย




(ถาพถ่ายหลวงปู่ดุลย์ที่มีกายทิพย์ปรากฎเป็นภาพซ้อนที่หน้าอกของท่าน)





หลวงปู่เล่าว่า ครั้งหนึ่ง มีพวกสาธุชนปัญญาชน

กลุ่มหนึ่งมาสนทนาธรรมด้วย และถามท่านว่า

"วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ หลวงปู่จึงได้สร้าง

หรืออนุญาตให้สร้างเหรียญขึ้น?"




หลวงปู่จึงวิสัชชนาว่า...



"พวกท่านทั้งหลายแสดงความสนใจในการบำเพ็ญภาวนา ก็พากันบำเพ็ญภาวนาไป

ไม่ต้องไปห่วงไปสนใจกับวัตถุมงคลอันเป็นของภายนอกนี้ แต่สำหรับผู้มีจิตใจ

เพลิดเพลินอยู่ ยังยินดีในการเกิดตายในวัฏฏสงสาร ยังไม่สามารถหันมาสู่การ

ปฏิบัติธรรมได้ ก็ให้อาศัยวัตถุภายนอกเช่นวัตถุมงคลเช่นนี้เป็นที่พึ่งไปก่อน



***...อย่าไปตำหนิติเตียนอะไรเลย...***



ครั้นเขาเหล่านั้นประสบเหตุเภทภัยมีอันตรายแก่ตน และเกิดแคล้วคลาดด้วย

คุณแห่งพระรัตนตรัยก็ดี โดยบังเอิญก็ดี ก็จะเกิดความเลื่อมใสศรัทธาใน

พระพุทธศาสนาได้ในภายหลัง ซึ่งก็จะเป็นเหตุให้....

เจริญงอกงามในทางที่ถูกต้องได้เอง

สำหรับผู้ที่มีศรัทธามากแล้วชอบการบำเพ็ญภาวนาจิตใจในธรรมปฏิบัติอันยิ่งๆ ขึ้นไป

ในเรื่องวัตถุมงคลนี้ หลวงปู่จะบอกตามสัจจธรรมว่า



"ไม่มีอะไร เป็นเพียงช่วยด้านกำลังใจเท่านั้น"




หลวงปู่มักกล่าวว่า     "เอาไปทำไม???"









  ของที่เป็นภาระต้องเอาใจใส่ดูแลของที่ต้องทิ้งเสียในภายหลัง"


แล้วท่านก็สอนเป็นปริศนาธรรมว่า...



"จงเอาสิ่งที่เอาได้ จงอย่าเอาสิ่งที่เอาไม่ได้"




ถ้ามองในแง่ของปุถุชนสามัญธรรมดาแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์แห่งคุณพระรัตนตรัยย่อมมี

ปรากฏเป็นอัศจรรย์ได้ ดังเช่นพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดาที่..



ได้ทรงแสดงแก่เหล่าเดียรถีย์นอกศาสนา...



ดังนั้น ความอัศจรรย์ของอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัยจะบังเกิด

คุณประโยชน์อย่างไร? ขอท่านทั้งหลายพิจารณาถือเอาตามสมควรแก่ตนเทอญ???  




อตุโล ไม่มีใดเทียม




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2