Baan Jompra

ชื่อกระทู้: กินอาหารแบบพระ [สั่งพิมพ์]

โดย: ธี    เวลา: 2015-2-2 10:48
ชื่อกระทู้: กินอาหารแบบพระ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-2-2 10:54

เราจะเห็นว่า ความศรัทธาของชาวพุทธมีมากเหลือเกิน อาหารที่นำถวายพระมีมากมายจนเหลือ โดยเฉพาะอาหารที่ใส่ถุง บางครั้งเราจะพบว่าพระไม่ได้ฉันอาหารในถุงเลย ไม่มีรอยแกะ ทุกถุงก็ได้เด็กวัดเป็นผู้จัดการกินแทน

เรื่องนี้ ผมได้รับการเล่าจากผู้ชราเรื่องพระโบราณท่านหนึ่ง ท่านมีวิธีฉัน(กิน)อาหารที่แปลกและน่านำเป็นแบบอย่างได้

พระรูปนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง เป็นผู้ที่เคร่งครัดในศีลมาก จีวรของท่านเป็นผ้าที่ย้อมด้วยแกนขนุน ท่านนุ่งหมจนขาดและปะชุน หากไม่มีการย่้อมผ้าแก่นขนุนให้ท่านจึงเปลี่ยนผ้า แต่ถ้ามีคนถวายผ้าสำเร็จรูป ท่านจะมอบให้พระในวัดไปใช้ เรื่องมีอยู่ท่านบิณฑบาตได้อาหารมา ท่านจะนำอาหารไปถวายพระพุทธก่อน เสร็จแล้วจึงจะนำมาฉัน ในขณะที่ฉันอาหาร ท่านจะฉันให้ทุกอย่าง แทนที่จะตักอาหารทุกอย่างจนอาหารเต็มจาน (บางวัดเจ้าอาวาสใช้ถาดแทนจาน) ท่านใช้วิธีคือ ใช้ช้อนจิม(แทง)ไปที่กับข้าวให้เป็นคราบและนำมาจิม(แทง)ที่ข้าวในจาน เหมือนการคลุกะปิกับข้าว ท่านทำอย่างนี้กับอาหารทุกอย่างและส่งให้พระรูปอื่นต่อไป ท่านถือว่า ฉันให้ทุกอย่างที่รับถวายมา

ท่านบอกลูกศิษย์ว่า หลังจากฉันอาหารแล้วให้ปฏิบัติรักษาศีล และรุ่งเช้าให้ทำการกรวดน้ำอุทิศให้ผู้ที่ให้อาหาร เพื่อทดแทนอาหารที่รับบิณฑบาตได้มา ถ้าไม่อุทิศบุญจะติดทานของเขาไปชดใช้ชาติหน้า

น่าคิดครับ...ถ้าเราไปวัดและกินอาหารที่เหลือจากพระ(อาหารที่คนอื่นได้ถวายพระ) เราจะติดทานคนที่ทำบุญด้วยหรือไม่????  หาคนตอบครับ....


โดย: ธี    เวลา: 2015-2-2 11:14
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-2-2 11:21

มีเรื่องเล่าอีก 2 เรื่องเกี่ยวกับเจ้าอาวาสองค์นี้ครับ (ท่านมรณะก่อนผมเกิดหลายปี)
1. วันหนึ่งขณะที่ท่านนั่งฉันอาหาร มีคนบ้านำขี่้ช้างแห้งจะมาถวายพระ ชาวบ้านช่วยกับขับไล่ แต่ท่านบอกให้คนบ้าเข้ามา คนบ้านำขี่ช้างแห้งถวาย ท่านก็รับและตั้งไว้ข้างๆ หลังฉันอาหารเสร็จ ท่านก็เลือกเอาก้านมะพร้าวในขี้ช้างแห้งมาจิมฟัน คนบ้าดีใจและกราบท่านและออกไป ท่านบอกลูกศิษย์ว่า ถึงเขาจะเป็นบ้าแต่ก็มีศรัทธาในพุทธศาสนา เมื่อเขาตั้งใจเราก็ไม่ควรปฏิเสธ
2. ท่านบิณฑบาตได้อาหารมา หลังจากแกะห่อใบตอง พบขี่หมาแห้ง (มีคนห่อใบตองใส่ขี่หมา) ลูกศิษย์จะนำไปทิ้ง ท่านบอกไม่ต้องทิ้ง เมื่อเขาใส่บาตรมา ท่านก็จะฉันขี้หมาให้เขา หลังจากฉันอาหารเสร็จ ท่านก็ใช้นิ้วแตะที่ขี้หมาแห้งและมาแตะปลายลิ้น ท่านบอกลูกศิษย์ว่า ฉันให้แล้ว เดียวจะอุทิศบุญนี้ให้พ่อแม่เขาด้วย เพื่อจะได้กินกัน รุ่งเช้ามีผู้ชายคนหนึ่งมาที่วัดแต่เช้า มากราบท่านและบอกว่า เขาเป็นคนใส่ขี้หมาแห้งในบาตร เมื่อคืนพ่อแม่มาเข้าฝันและด่าว่าเขาได้ใส่บาตรพระด้วยขี้หมา ทำให้พ่อแม่ต้องกินขี่หมา เขาจึงรีบมาแต่เช้าเพื่อจะขอขมาโทษจากท่าน

เรื่องนี้น่าคิดครับ......วิธีฉันอาหารแค่พระฉันได้แตะเป็นคราบก็อุทิศให้ดวงวิญญาณได้แล้วไม่ต้องกินจนอ้วนและป่วยเป็นโรค ปัจจุบันพระเป็นโรคอ้วนมากครับ.....ผมนำมาเล่าเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ตั้งใจบวชหรือบอกลูกหลานที่บวชครับ...

โดย: Nujeab    เวลา: 2015-2-2 15:24
กินอาหารที่เหลือจากพระ(อาหารที่คนอื่นได้ถวายพระ) ก็เหมือนกับฉลองศรัทธาของคนที่ทำบุญด้วย เค้าน่าจะยินดีแล้วได้บุญมากขึ้นไปอีกนะครับ แล้วเราก็ตอบแทนโดยการล้างจาน กวาดลานวัด ขัดห้องน้ำ หรือใส่ปัจจัยหยอดใส่ตู้เพื่อชำระหนี้แล้วอุทิศบุญให้กับเค้า ร่วมอนุโมทนาบุญกับเค้า ก็ไม่น่าจะติดค้างอะไรกันนะครับ หากเจอกันชาติหน้า ก็อาจจะเป็นลักษณะที่เป็นบุญสัมพันธ์กัน มาเจอกันและได้เกื้อกูลกันก็ไม่แน่
โดย: ธี    เวลา: 2015-2-2 17:21
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-2-2 19:40

พูดถูกต้องครับ ผู้ชราสอนผมว่า หากเรากินข้าววัดให้กวาดวัด ล้างจาน หรืออื่นๆ โดยใช้แรงทดแทนอาหาร เพื่อจะไม่ติดทาน ส่วนพระที่บิณฑบาตแต่ไม่กรวดน้ำแผ่บุญให้ผู้ทำทาน ก็เป็นเรื่องของพระกับผู้ทำทานครับ ...
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-2-3 15:00
เวลาพระบิณฑบาต เราใส่บาตรท่านเสร็จ ท่านจะสวดบท สัพเพฯ ถือว่าท่านอุทิศบุญให้หรือยังครับ
โดย: ธี    เวลา: 2015-2-5 19:11
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-2-6 14:23

ผมว่าคำแปลบทกรวดน้ำยังพูดถึงผู้ที่จะรับไว้โดยเจาะจง เช่น พ่อ แม่ ครู อาจารย์ เทวดา และสัตว์ ถ้าใช้สัพเพ สัตว์ตา.... (สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อทุข...)เป็นการกรวดน้ำให้สัตว์ ไม่ได้กรวดให้ผู้ทำทานให้ข้าวบิณฑบาต ถ้าจะอุทิศต้องพูดเจาะจงให้ผู้ที่ตักบาตรโดยเฉพาะครับ....

ในพระไตรปิฎก...ชายคนหนึ่งขณะนั่งกินอาหารในเรือให้ข้าวแก่ปลาในน้ำ ชายคนนี้พูดอุทิศบุญให้แก่เทวดาประจำแม่น้ำลำคลองนี้ เทวดารับรู้ก็สาธุรับบุญ (เทวดารับบุญได้ดีกว่าสัตว์) เมื่อชายคนนี้เดือดร้อน เทวดาก็ช่วยเหลือ ในชาตินี้เทวดาคืออดีตชาติของพระพุทธเจ้า......

จากเรื่องนี้ แค่ตั้งใจและพูดอุทิศเท่านั้น เทวดาก็รับบุญได้ ดังนั้น การอุทิศบุญให้ใครก็ต้องเจาะจง เช่น พ่อ แม่ ปู่ยา ตายาย ทวด (ภาคใต้ทำบุญงานเดือนสิบ ถ้าจำชื่อญาตที่ต้องการอุทิศบุญไม่ได้ ใช้คำว่า... เจ็ดชั่วโคตร....แทนชื่อญาติทุกคนครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-2-6 11:49
ขอบคุณครับ
โดย: ธี    เวลา: 2015-2-6 15:44
หลวงพ่อเกษมเขมโก จังหวัดลำปาง ท่านให้สวดอุทิศว่า
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-2-6 17:40
สาธุครับ




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2