การสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางศาสนาต่างๆนั้นสถานที่ที่ถูกสร้างจะต้องทำการออกแบบให้สอดคล้องกับจักวาลเพื่อเป็นการดึงอำนาจเบื้องสูงลงมารวมทั้งเป็นการนำพาพลังงานจากเบื้องต่ำขึ้นไปสู่เบื้องสูงทั้งนี้จึงเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับพลังงานจักรวาลโดยตรงอย่างเช่นการสร้างพีระมิดอันเป็นสถานที่ที่มีประจุกระแสพลังงานมหาศาลอยู่ภายในหรือการสร้างพระเจดีย์ต่างๆเช่นมหาปราสาทนครวัดนครธมการสร้างพระเจดีย์ต่างๆที่เราเห็นกันทุกวันนี้ก็ล้วนมาจากญาณทัศนะที่ล่วงรู้รูปแบบบางอย่างอันจะสามารถเชื้อเชิญพลังงานอันมหาศาลจากจักรวาลการรวบรวมพลังงานที่กระจัดกระจายให้เป็นระเบียบการแผ่พลังงานออกมาอย่างต่องนื่องและทรงประสิทธิภาพรวมทั้งการยกพลังงานชีวิตและคลื่นพลังงานภายในของผู้ที่เข้ามาให้สูงขึ้น
จากการสร้างรูปแบบเพื่อทำสถาปัตยกรรมชั้นสูงที่มีขนาดใหญ่อีกทางหนึ่งคือการจำลองเอารูปลักษณ์ดังกล่าวเป็นพระยันต์เพื่อพกติดตัวโดยเชื่อว่าคือการย่อส่วนลงมาเพื่อให้เป็นขุมพลังงานที่เคลื่อนที่ได้การสร้างแผนผังเพื่อสร้างวัดวาอารามคือการสร้างแผนผังจำลองจักวาลที่ใหญ่มหาศาลมาเป็นตัวเรือนแต่กระนั้นตัวเรือนหรือสิ่งก่อสร้างก็ไม่สามารถเคลื่อนที่หรือจับย้ายไปมาให้ติดไปกับแต่ละตัว
บุคคลแต่สามารถใช้ได้กับคนจำนวนมากพร้อมกันได้ขณะที่การจำลองรูปแผนผังจักวาลมาสู่รูปลักษณ์ขนาดเล็กที่สามารถติดตัวไปไหนต่อไหนจึงเป็นสิ่งที่สามารถส่งพลังงานอย่างต่อเนื่องให้แก่บุคคลผู้นั้นและสามารถผันแปรพลังงานที่ส่งออกมาในรูปที่เราต้องการได้โดยตรงดีกว่า
ยันต์ศรีจักราคือพระยันต์ที่มีความหมายภายในตัวที่กว้างขวางและลึกมีอิทธิพลต่อหลายระนาบของมิติต่างๆเป็นทั้งการสื่อพลังงานจักวาลการสื่อพลังงานของเทพจนกระทั้งการเข้าถึงปรัชญาระดับสูง
จุดกึ่งกลางของพระยันต์นี้หมายถึงจุดเริ่มต้นของการแผ่ขยายพลังงานพลังงานที่แผ่ออกมามีลักษณะเป็นระลอกคลื่นขณะเดียวกันก็มีการดึงดูดพลังงานจากจักรวาลเข้ามาสู่ตัวเองการแผ่พลังงานและการดึงพลังงานจักวาลของศรัจักรานี้เป็นแบบเดียวกันกับกระบวนการหายใจเข้าออกของมนุษย์และเป็นปรากฎการดึงพลังงานเข้าออกของจักรภายในตัวคนเราด้วย
การแผ่พลังงานที่มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมซ้อนๆกันนั้นสามเหลี่ยมคือตัวแทนของเวลาทั้งสามอันได้แก่ อดีต ปัจจุบันอนาคตและภพทั้งสามคือกามเทพรูปภพและอรูปภพรวมไปถึงพลังงานอันรังสรรค์ของพระเป็นเจ้าอีกสามอย่างคือแสงน้ำและอากาศเมื่อแรกที่พลังงานจากจุดกึ่งกลางทำการแผ่ออกมากลายเป็นรูปสามเหลี่ยมนั้นหมายถึงคุณสมบัติแรกสามประการของพระเป็นเจ้าคือแสงน้ำและอากาศเมื่อเกิดแสงน้ำและอากาศขึ้นมาก็เกิดเป็นภพต่างๆที่มีความละเอียดต่างๆกันและเกิดเป็นเวลาต่างๆที่ต่างกันออกไปในแต่ละภพการแผ่นพลังงานของศรีจักราแผ่ไปในทิศหลักทั้งสี่คือเหนือใต้ออกตกและแผ่ไปในทิศทั้ง6คือด้านหน้าด้านหลังซ้ายขวาเบื้องบนและเบื้องล่างฐานบัวที่ซ้อนกันสองชั้นจาก8เป็น16แสดงให้เห็นถึงการขยายพลังงานที่คล้ายกับการแย้มของกลีบดอกบัวเป็นแบบทวีคูณและไม่มีที่สิ้นสุดตามแนวของศาสตร์แห่งโยคะ
ศรีจักราคือการย่อส่วนพลังจักวาลหรือพลังแห่งพระเป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่ลงมาสู่รูปแบบที่มีขนาดเล็กดังนั้นศรีจักราจึงทำหน้าที่คล้ายชิบของคอมพิวเตอร์หรือแผงวงจรของคอมพิวเตอร์ที่ประมวลความรู้ข้อมูลหรือสาระสำคัญอย่างยิ่งยวดเอาไว้
http://aiphan.blogspot.com/2011/12/blog-post.html