Baan Jompra
ชื่อกระทู้: องค์ศรีสุวรรณนาคราช [สั่งพิมพ์]
โดย: Metha เวลา: 2015-1-5 15:57
ชื่อกระทู้: องค์ศรีสุวรรณนาคราช
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย metha เมื่อ 2015-1-5 16:02
องค์ศรีสุวรรณนาคราช
เป็นบุตรของ “องค์กาลนาคราช” ที่มีนามปรากฎอยู่ในพุทธประวัติตอนที่องค์พระมหาโพธิสัตว์เจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ลอยถาดทองเสี่ยงอธิษฐานจิตก่อนจะนั่งบำเพ็ญตรัสรู้ที่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชราเพื่อพระโพธิญาณ
องค์ศรีสุวรรณนาคราช ท่านมีหน้าที่ปกครองอาณาเขตดินแดนสุวรรณภูมิ
ทั้งหมด เป็นผู้ดูแลความอุดมสมบูรณ์ และความสมดุลย์ของปริมาณน้ำภายในเขตแผ่นดินสุวรรณภูมิทั้งหมด อีกทั้ง องค์ศรีสุวรรณนาคราชท่านยังเป็นผู้พิทักษ์ดูแลรอยพระพุทธบาท ๔ รอย ที่ประทับอยู่บนศิลาซึ่งท่านรองรับไว้บนหลังขององค์ท่านเองที่พระธาตุเชิงชุม
พระธาตุเชิงชุม ปัจจุบันตั้งอยู่ในวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ปลายถนนเจริญเมือง ริมหนองหาน เขตเทศบาลเมืองสกลนคร พระธาตุเชิงชุมเกิดจากผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้สร้างพระธาตุครอบเอาไว้เหนือหินที่ประทับรอยพระพุทธบาท
๔ รอย เพื่อสักการะบูชา และมิให้ผู้ใดข้ามผ่านรอยพระพุทธบาทโดยไม่รู้ตัว
หินที่ประทับรอยพระพุทธบาท ๔ รอยนี้อยู่บนหลังองค์ศรีสุวรรณนาคราช
ในกายในรูปลักษณ์นาคราช ทุกๆ ปี องค์ศรีสุวรรณนาคราช จะโก่งกายชูรอย
พระพุทธบาท ๔ รอย ให้มาแตะฐานพระธาตุเชิงชุมที่สร้างไว้ ณ ใจกลาง
พระองค์ธาตุ เป็นเวลา ๗ วัน คือ ในเทศกาลงานมงคลวันวิสาขบูชา เพื่อให้
พุทธศาสนิกชนมาสักการะบูชารอยพระพุทธบาท ๔ รอย ในเทศกาลงานมงคลหลังจากนั้นองค์ศรีสุวรรณนาคราชก็จะย่อหลังลงให้รอยพระพุทธบาท ๔ รอยกลับลงไปยังบาดาลพิภพ วังพญานาคที่อยู่ใต้พระธาตุเชิงชุม
โดยปกติกายที่เป็นกายเนื้อขององค์ศรีสุวรรณนาคราชที่เป็นพญานาคจะแบกรอยพระพุทธบาท ๔ รอยไว้บนหลัง แต่กายทิพย์ขององค์ศรีสุวรรณนาคราชสามารถถอดออกไปทำหน้าที่ของท่านตามที่ต่างๆ ได้ แต่แล้วก็ได้เกิดเหตุที่องค์ศรีสุวรรณนาคราช ถูกลงโทษตรึงดวงจิตไว้บริเวณที่สร้างพระธาตุศรีจำปา อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยสร้างพระธาตุพนม ยุคหนองหานหลวง หนองหานน้อย หลังพุทธปรินิพพานไม่เกิน ๑๐๐ ปี ที่ชาวจำปาสัก ได้นำทรัพย์สมบัติและคนงานมาเพื่อบรรจุถวาย พระบรมสารริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และร่วมสร้างพระธาตุพนมไม่ทัน จึงได้รับอนุญาตให้มาตั้งเมืองและสร้างพระธาตุบรรจุของที่นำมาถวาย
เป็นพุทธบูชา ณ บริเวณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระธาตุศรีจำปา อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนครในปัจจุบัน
โดย: Metha เวลา: 2015-1-5 16:00
ครั้งนั้นเจ้าเมืองผู้ครองเมืองมีนามว่า “พญากุสสราช” ซึ่งมี มเหสีนามว่า “แม่น้อยคำฝน” ปกครองเมืองและประชาชนอย่างผาสุก โดยขึ้นตรงต่อ หนองหานหลวงเรื่อยมา พญากุสสราชและแม่น้อยคำฝน มีพระธิดา ๔ พระองค์ ไม่มีพระโอรส พระธิดาองค์โต ผู้ขึ้นครองเมืองต่อจากพระบิดา มีนามว่า “แม่เจ้าอยู่หัวฟ้าคำหยาด” เป็นผู้ที่องค์ศรีสุวรรณนาคราชเอ็นดู ห่วงใยมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย และมีความสนิทสนมกันอย่างมาก เมื่อ องค์ศรีสุวรรณนาคราช ว่างจากภารกิจต่างๆ ท่านจะเนรมิตกายทิพย์เป็นมานพหนุ่มและไปบำเพ็ญตบะตามที่ต่างๆ ที่เป็นอาณาเขตการดูแลของท่านตามแต่จะไป ต่อมาเกิดการแย่งชิงบัลลังก์โดยผู้เป็นอา ระหว่างองค์หญิงออกไปเก็บส่วยสาอากร ได้จับน้องสาวทั้ง ๓ เป็นตัวประกัน หากองค์หญิงนำกำลังทหารเข้าตีจะฆ่าน้องสาวทั้ง ๓ ทิ้งเสีย องค์หญิงจึงต้องถอยไปตั้งหลักที่ศาลบรรพชน และบริเวณพระธาตุศรีจำปา จากนั้นได้อธิษฐานขอให้สิ่งศักสิทธิ์บันดาลอย่าให้ใครได้แย่งชิงเมืองนี้เพื่อครองอำนาจกันต่อไป
องค์ศรีสุวรรณนาคราชจึงบันดาลให้ฝนตก ๗ วัน ๗ คืน จนเกิดน้ำป่าไหลหลากพัดพาดินทรายถล่มล่มเมืองเสีย และสูบเมืองทั้งเมืองจมดินหายไปกายทิพย์องค์ศรีสุวรรณนาคราชจึงถูกจองจำไว้ในอาณาเขตพระธาตุเดิมที่จมไป ไม่สามารถไปทำหน้าที่ต่างๆ ได้ เป็นผลให้ระบบนิเวศน์น้ำในเขตสุวรรณภมิ รวมถึงประเทศไทยของเรา เกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำตลอดมาทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
คณะผู้จัดสร้างจึงมีโครงการจะ สร้างรูปหล่อองค์ศรีสุวรรณนาคราช เพื่อให้ดวงจิตท่านส่งพลังงาน ออกมาช่วยประเทศและปรับสมดุล
ของน้ำในสุวรรณภูมิให้เป็นปกติ เพื่อให้สุวรรณภูมิเป็นแผ่นดินอุดมสมบูรณ์เป็นที่สถิต ของพระพุทธศาสนาสืบไป
ที่มา http://www.saimahayana.com
โดย: Metha เวลา: 2015-1-7 18:30
องค์พญาสุวรรณนาคราชเจ้าวิสุทธิเทวา
เป็นพญานาคราชที่อยู่ในตระกลูวิรูปักขะ
พระวรกายสีทอง เศียรและปล้องพระนาภีสีทอง
เป็นพญานาคราชที่ดูแลและปกครองอาณาเขตลุ่มแม่น้ำยมและน่าน
อดีตเคยเป็นสหาย กับ เจ้าปู่ศรีสุทโธฯ
แต่มีเหตุให้ทั้งสองพระองค์ บาดหมางกัน
ไม่รู้ ณ เวลานี้ คืนดีกันหรือยัง
เพราะขนาดนำน้ำในแม่น้ำน่าน มารวมกับ น้ำในแม่น้ำโขง
มีพระมเหสีคือนางพญาแก้วคำกลองนาคิณี
เป็นพญานาคิณีที่อยู่ในตระกลูฉัพพะยาปุตตะ
มีพระวรกายสีม่วงเม็ดมะปราง บางครั้งอาจจะเห็นเป็นสีขาว - ทองในช่วงจำศีล
มีพระเศียรและปล้องพระนาภีสีทอง
โดย: ปุจฉา เวลา: 2015-5-9 17:15
สาธุค่ะ
โดย: ppicha เวลา: 2016-11-21 16:54
สาธุค่ะ ได้ฝันถึงนามท่านเมื่อนานมาแล้ว หาข้อมูลมาตลอดจนได้เจอที่นี่ และได้สมัครเป็นสมาชิกนี้ขอบพระคุณเวป ที่ลงข้อมูลไว้ ให้ได้ทราบว่านามที่ฝันถึงนั้นมีอยู่จริง ขอสอบถามเพิ่มเติมได้ไหมคะว่าจะบูชาท่านอย่างไรคะขอบพระคุณค่ะ
โดย: Metha เวลา: 2016-11-22 17:20
ยินดีตอนรับสมาชิกใหม่
โดย: sritoy เวลา: 2016-11-23 11:25
สาธุครับ
โดย: ธี เวลา: 2016-12-7 18:58
อสอบถามครั้ง เพื่อนผม(หญิง) เล่าให้ฟังว่า ก่อนท้อง ไปตรวจงานที่จ.นครพนม เดินทางไปฝั่งลาว ไปที่วัดลาวและได้อธิฐานขอลูกมาเลี้ยง ตอนน้ำท่วมปี 54 ยังไม่รู้ว่าท้อง น้ำเข้าบ้านในห้องครัว เห็นเป็นรอยพญานาคอยู่ที่พื้น เรียกสามีมาดู ต่อมา (ยังไม่รู้ว่าท้อง) สามีฝันว่า มีงูตัวใหญ่มากสีทอง (ตัวเท่าประตูบ้าน) มาขออยู่ด้วย สามีหนี(ฝัน) แต่งูมาดักหน้าหลัง พอคลอดอายุได้ 6 เดือน เอาไปเลี้ยงที่ทำงาน ที่ปรึกษา รมว. ดร.ธรรมชัย เชาว์ปรีชา (ห้างหุ้นส่วนก่อสร้างฤทธา-เสียชีวิตแล้ว) เห็นก็ทักว่า ลูกชายชาติที่แล้วเป็นพญานาคฝั่งแม่น้ำโขง สิ่นบุญแล้วมาเกิด ใครไปขอมา ถ้า 10 ขวบ ให้พาไปดูบั้งไฟพญานาค ต่อไปภายหน้าเขาจะบวชไม่สึก และระลึกชาติได้ ดร.บอกว่า ท่านก็เป็นเชื้อสายพญานาคและชอบนั่งสมาธิ
เพื่อผมบอกว่า ลูกชายเลี้ยกยากมาก มีปัญหาทุกช่วงชีวิต ชอบวายน้ำ ชอบกินปลา เลี้ยงยากต่างจากน้องสาวที่เลี้ยงง่าย
มีใครพอรู้วิธีแก้ไขการเลี้ยงยากของเด็กคนนี้บางครั้ง ควรทำอย่างไง บางคนบอกให้ตั้งบายศรีบอกกล่าว
โดย: ธี เวลา: 2016-12-7 19:00
แปลกดีนะครับ ที่พญานาคกายสีทองคือ องค์พญาสุวรรณนาคราชเจ้าวิสุทธิเทวา
เป็นพญานาคราชที่อยู่ในตระกลูวิรูปักขะพระวรกายสีทอง เศียรและปล้องพระนาภีสีทอง
เป็นพญานาคราชที่ดูแลและปกครองอาณาเขตลุ่มแม่น้ำยมและน่าน
แต่เพื่อนผมสามีฝันเห็นงูกายสีทอง แต่ขอลูกที่ฝั่งโขง
โดย: Nujeab เวลา: 2016-12-8 10:48
เคยได้ยินมาว่า เลี้ยงยากแบบนี้ ต้องไปฝากให้เป็นลูกของพระหรือครูบาอาจารย์ที่นับถือ หรือญาติผู้ใหญ่
โดย: Metha เวลา: 2016-12-8 19:04
น่าจะต้องปฏิบัติตามนี้ครับ
โดย: ธี เวลา: 2016-12-8 20:05
โดย: Metha เวลา: 2016-12-8 20:07
พญานาค ก็เหมือนมนุษย์ มีมากมายหลายเผ่าพันธ์
โดย: Nujeab เวลา: 2016-12-9 11:03
เมื่อถึงเวลาเหมาะสมก็ไปไถ่คืน
โดย: พระศรี เวลา: 2017-2-3 12:28
ขอแสดงความเห็นตามประสบการณ์ที่เคยเห็นและตามเหตุผล ครับ
ลูกที่เกิด ที่พ่อแม่เคยไปขอมา ส่วนมากจะเลี้ยงยาก ดูแลยาก ดื้อบ้าง เจ็บป่วยบ้าง เป้นต้น บางคนพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดด่าหรือตี ไม่ได้ด้วย แล้วแต่จริตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พ่อแม่นั้นไปขอมา ส่วนใหญ่ก็จะยกถวายให้เป็นลูกท่านที่เราไปขอมานั้นช่วยดูแล ......ส่วนใหญ่พ่อแม่นั้นจะรู้ว่าขอกับใครไว้
แต่ก็มีกรณีที่พ่อแม่ไม่รู้ หรือจำไม่ได้ว่าขอใคร หรือขอเยอะไปหมด .....ส่วนใหญ่ก็จะมอบยกถวายเป้นลูกของพระพุทธเจ้า หรือพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีบารมีที่เราศรัทธา ให้ท่านช่วยดูแล ตรงนี้แม้ลูกนั้นจะขอจากเทพพรหม แต่เมื่อเรายกถวายเป็นลุกพระส่วนมากก็จะไม่ค่อยมีปัญหา
ส่วนกรณี ปู่ศรีสุวรรณนาคราช กับ ปู่ศรีสุทโธ ตามความเห็นน่าจะ หันมาช่วยเหลือพระพุทธศาสนา แต่ก็อาจมีบริวารบ้างบางส่วนที่มีความขัดๆ เคืองๆ บ้าง แต่ก็ต้องว่าไปตามผู้นำ
นาคสีต่างๆ มีอยู่ได้ทุกที่เหมือนคนเรานี่แหละมั้งครับ แต่อยู่ที่ใหนก็จะรู้ว่านี่เชื้อสายจีน ไทย แขก ฝรั่ง ฯ
##
โดย: Metha เวลา: 2017-2-3 19:53
จริงที่สุดเลยครับ
โดย: Metha เวลา: 2017-7-27 14:09
สาธุ สาธุ
โดย: juntipa เวลา: 2018-12-1 22:30
พญานาคสีทอง มักจะเป็นพญานาคตระกูลวิรูปักษ์ (ที่อยู่บนสวรรค์) และไม่ได้มีแค่พญานาคสีทององค์เดียวนะคะ ยังมีอีกเยอะแยะมากที่ท่านเป็นพญานาคสีทอง คนเราเกิดหลายภพหลายชาติ ไม่ใช่ว่าจะเกิดเป็นพญานาคชาติเดียว นกชาติเดียว ปลาชาติเดียว นะคะ คนบางคนอาจเกิดเป็นพญานาคสีทองบ้าง เป็นเทวดาบ้าง เป็นพรหมบ้าง เป็นมนุษย์บ้าง เป็นสัตว์บ้าง เป็นเปรตบ้าง อสูรกายบ้าง แล้วบางคนก็อาจกลับไปเป็นพญานาคสีเขียว หรือเป็นพญานาคสีอื่นๆแล้วแต่บุญวาสนาที่ทำ ส่งผลให้ไปเกิดในภพภูมิต่อไป เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะเข้านิพพาน อย่างตัวดิฉันเองเท่าที่รู้เคยเกิดเป็นพญานาคไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง เคยเกิดเป็นพญานาคสีขาวครีบทอง สีฟ้าครีบขาว สีทองครีบดำ สีเขียวครีบขาว เพราะจิตเมื่อยังไม่หลุดพ้น ก็จะเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้น ซึ่งนับไม่ได้ว่านานแค่ไหนเพราะเลยหน่วยนับ มาตรานับของโลกมนุษย์
ขอยกตัวอย่างจาก สาสปสูตร (สังยุตนิกาย อนมตัคคสังยุต ข้อ 129 หน้า 220-221 พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย) ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลขอให้พระพุทธเจ้าอุปมาความยาวนานของกัป พระองค์ตรัสตอบว่า
อาจอุปมาได้ ภิกษุ เปรียบเหมือนนครที่สร้างด้วยเหล็กมีความยาว 1 โยชน์ กว้าง 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ เต็มด้วยเมล็ดผักกาด รวมกันเป็นกลุ่มก้อน บุรุษพึงหยิบเมล็ดผักกาดออกจากนครนั้น 100 ปีต่อ 1 เมล็ด เมล็ดผักกาดกองใหญ่นั้นพึงหมดสิ้นไป เพราะความพยายามนี้ยังเร็วกว่า ส่วนกัปหนึ่ง ยังไม่หมดสิ้นไป กัปนานนักหนาอย่างนี้ บรรดากัปที่นานนักหนาอย่างนี้ เธอได้ท่องเที่ยวไป มิใช่ 1 กัป มิใช่ 100 กัป มิใช่ 1,000 กัป มิใช่ 100,000 กัป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าสงสารนี้มีเบื้องต้นและเบื้องปลายรู้ไม่ได้ ฯลฯ ควรเพื่อหลุดพ้นจาก สังขารทั้งปวง[6]
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9B
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |