แต่จะมีใครรู้บ้างว่า มันคือสงครามที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์อันไกลโพ้น
ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ นั่นคืออารยัน(อินโด-ยูโรเปียน)และดราวิเดียน(ทมิฬ)
เพียงแต่บันทึกของสงครามนี้ไม่ได้ถูกบันทึกเก็บมาในรูปแบบของเอกสารทั่วไป
แต่กลายมาเป็นบทร้อยกรองอันสละสลวยและมีการแต่งเติมความพิสดารพันลึก
และแทนเรื่องราวหรือผู้คนหลายสิ่งด้วยสัญลักษณ์ต่างๆเช่น เทพ อสูร คนธรรพ์
ซึ่งหากเราลองตีความกันจริงๆแล้ว จะพบอะไรๆหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในเนื้อหา
และเรื่องราวของรามเกียรติ์มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ
ทำไม..????
จึงเชื่อได้แน่นอนว่าการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ เทพ ลิงและยักษ์ในรามเกียรติ์คือ...
บันทึกสงครามระหว่างชาวอารยันและดราวิเดียน นั่นเพราะเดิมทีชมพูทวีปโดยเฉพาะพื้นที่ตอนใต้นั้น
เป็นดินแดนที่มีชนเผ่าดราวิเดียนตั้งรกรากอยู่ ชนเผ่าดราวิเดียนนั้นเป็นพวกที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำคล้ำ ผมหยิก
ซึ่งจะเห็นได้ว่ายักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์กับชนเผ่าดราวิเดียนมีลักษณะไม่แตกต่างกันเลย ในขณะที่ชนเผ่าอารยันนั้น
ไม่ใช่ชนชาติที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้มาแต่แรก แต่เป็นชนชาติที่อพยพมาจากทางตอนเหนือ
พวกนี้มีผิวกายขาว รูปร่างหน้าตาคมสันกว่าพวกดราวิเดียน ซึ่งจะว่าไปก็คือพวกมนุษย์และเทพใน
รามเกียรติ์นั่นเอง
โดย: Sornpraram
เวลา: 2014-12-18 07:53
พระราม เป็น ชนชาวเผ่าอารยัน
การมาของชาวอารยัน (The Aryans)
ต่อมาพวกมิลักขะ หรือ ดราวิเดียน (Dravidian) ที่มีความเจริญมากกว่าเผ่าเดิมก็ได้อพยพเข้ามาสู่อินเดีย ชนพวกนี้ได้ขยายตัวสู่ภาคใต้กลายเป็น พวกทมิฬ (Tamil) เตุลุคุุ (Teluku) มาลาบาร์ (Malabar) และ กนะริส (Kanarise) เป็นต้น คำว่ามิลักขะ แปลว่า เศร้าหมอง หรือมีผิวดำ และต่อมาเมื่อประมาณ ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว ชนชาติอารยัน (Aryans) ซึ่งเดิมกล่าวกันว่ามาจากเอเซียกลาง ก็อพยพเข้าสู่อินเดีย การย้ายถิ่นของชาวอารยันแบ่งออกเป็น ๒ สาย คือ
สายแรกไปสู่ยุโรปกลายเป็นชาวอารยันยุโรปในปัจจุบัน
สายที่สองมุ่งสู่ทิสตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งรกรากแถวทะเลสาบแคชเบี้ยนในปัจจุบัน ต่อมาพวกเขาจึงแยกออกเป็นสองสาย คือสายหนึ่งไปสู่ตะวันออกกลางกลายเป็นชาวอารยันเปอร์เซีย และอีกเผ่ามุ่งตรงสู่อินเดียตั้งรกรากแถวแม่น้ำสิทธุตอนบน ลักษณะทั่วไป ของชาวอารยันคือผิวขาว ร่างกายสูงใหญ่ จมูกโด่งศรีษะค่อนข้างยาว ผมสีอ่อน หน้าตาได้สัดส่วน หน้าตาจึงออกไปทางฝรั่งชาวยุโรป สังคมชาวอารยันยุคแรก ๆ ประกอบด้วยนักรบ สามัญชน พ่อค้า นักบวช ทาส
เนื่องจากอารยันซึ่งแปลว่าเจริญรุ่งเรืองเป็นชนชาติที่เจริญมากกว่า มีความชำนาญในการขี่ม้า ใช้หอกและดาบ เป็นอาวุธสำหรับทำการรบมากกว่า จึงเอาชนะชนพื้นเมืองสองเผ่าเบื้องต้นได้ และพลักดันพวกเขาสู่ภาคใต้ ต่อมาพวกเขาจึงเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันอย่างฉันมิตรและมีการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ กลายมาเป็นชนส่วนมากของอินเดียปัจจุบัน
แม้ในด้านการปกครองระยะนี้จะตกอยู่ในอำนาจของชาวอารยันผู้มาใหม่ แต่ด้านวัฒนธรรมด้านศาสนากับมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่นพวกมิลักขะเป็นชนเผ่าที่เคารพบูชาธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ ภูเขา ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นต้น โดยถือว่ามีเทพสิงสถิตย์อยู่ทุกแห่งหน สามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้อ้อนวอนบวงสรวงได้ พวกอารยัน ก็มีความเชื่อถือในธรรมชาติ เช่นกัน เช่นพระอาทิตย์ ดวงจันทร์ดวงดาว ท้องฟ้า เมฆหมอก พายุ เป็นต้น โดยถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพระเจ้าของตน เมื่อพวกอารยันเข้ามาตั้งรกราก ชนทั้งสอง จึงมีการผสมผสานเข้ากันกลายมาเป็นศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูดังเช่นปัจจุบัน
โดย: Metha
เวลา: 2014-12-23 00:49
พระเครื่องของอาจารย์ รุ่นนี้คงเป็นตำนานกล่าวขานไปอีกนานครับ
โดย: morntanti
เวลา: 2014-12-23 08:03
องค์พระราม รุ่นนี้ น่าจะเป็นรุ่นแรกที่ด้านหลังมีชื่ออาจารย์สรายุทธด้านหลัง...( ถ้ายังไม่แก่ คงจำไม่ผิด )
โดย: taka_jipata
เวลา: 2014-12-23 20:54
พระรามพุทธเจ้า
ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ผู้เจริญ ในสมัยที่ศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรเสื่อมไปแล้วในภัทรกัปนี้ ไฟจะไหม้ปฐพีผืนนี้ ฯ
เมื่อภัทรกัป ล่วงไปแล้วเกิด สุญญกัปมีอายุหนึ่งอสงไขยแล้ว ฯ เมื่อสุญญกัป ล่วงไปแล้ว ก็เกิด มัณฑกัปขึ้น หนึ่งกัป ฯ ในมัณฑกัป นั้น
มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ เสด็จอุบัติ คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ารามะ พระองค์หนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ปัสเสนทิโกศล (ธรรมราชา)
พระองค์หนึ่งในกาลนั้น สรรพสัตว์ จะมีอายุกำหนด 1 อสงไขย ฯ เมื่อใดคนทั้งหลาย เสื่อมจากอายุ 1 อสงไขย ได้มีอายุ 9 หมื่นปี
เมื่อนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า รามราช จะเสด็จ อุบัติในโลกก่อน ฯ พระผู้ มีพระภาคเจ้า ทรงมีพระชนมายุ 90,000 ปี
ทรงมีพระวรกายสูง 80 ศอก มีต้นจันทน์เป็นต้นไม้ตรัสรู้ แสงสว่างพระพุทธรัศมีครุวนาดั่งธงชัยสว่างไสวในอากาศ ทั้งมวล ตลอดกาล เป็นนิตย์ ฯ
ครั้งนั้น ด้วยพุทธานุภาพ ได้บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ต้น 1 แล้ว ฯ มหาชนทั้งปวงอาศัย ต้นกัลปพฤกษ์เลี้ยงตนตลอดกาลเป็นนิตย์ ฯ ในศาสนา
ของพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า รามะ สรรพสัตว์พากันไปสู่สวรรค์
ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารี บุตรผู้เจริญ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า รามราช ทรงบำเพ็ญบารมี 10 ประการ บารมีข้อหนึ่งปรากฏชัดแล้ว
จึงทรงได้สมบัติด้วยประการฉะนี้ ฯ ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เจริญ ในกาลแห่งพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ทรงพระนาม
ว่า รามราช ได้มาณพนามว่า นารทะ ฯในกาลนั้น นารทมาณพ ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมบูรณ์ด้วยพระอนุพยัญชนะ 80 อันเหล่าเทวดามี
พระอินทร์และพระพรหม เป็นต้น แวดล้อมแล้วคิดว่า
“พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าเราได้พบยากแสนยาก เราจะมีประโยชน์อะไรด้วยอัตภาพที่น่ารังเกียจ เราจะกระทำตน
ให้เป็นประหนึ่งประทีปทองบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า”ครั้นคิดแล้ว ถือเอาผ้า 2 ผืนชุบน้ำมันให้ชุ่มแล้วพัน
ตั้งแต่ศรีษะจนถึงฝ่าเท้าจุดไฟบนศรีษะบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ฯ เขาได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่า
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เจริญ ด้วยการถวายร่างกาย และชีวิตนี้ขอจงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณเถิด” ฯ
ในกาลนั้นพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์นารทมาณพในท่ามกลางบริษัท 4 ฯ พระศาสดา ทรงพยากรณ์ว่า
“ดูก่อนนารทมาณพผู้เจริญ เมื่อไฟไหม้ภัทรกัปแล้ว ได้มีสุญญกัป มีอายุ 1 อสงไขย เมื่อสุญญกัปล่วงไปแล้ว
เกิดมีมัณฑกัปขึ้นแล้ว ในอนาคตในกัปนั้น ท่านนั้นจักบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า รามะ ฯ
ในกาลนั้น นารทมาณพ มีไฟลุกโพลงแล้วตลอด 1 คืน จุติแล้วบังเกิดในสวรรค์ชั้น ดุสิต ฯ วันหนึ่ง เขาเก็บดอกปทุม 2 ดอก
เดินไปขายตามทางขณะนั้น พระโกนาคมนพุทธเจ้า เสด็จไปบิณฑบาตยังหมู่บ้านทอดพระเนตรเห็นสุทธมาณพ
ทรงพิจารณาสุทธมาณพนี้ ด้วยพระสัพพัญญุตญาณ ทรงดำริว่า
“สุทธมาณพนี้ เป็นพุทธวงศ์ ครั้นบำเพ็ญบารมีแล้ว ก็จักเป็นพระพุทธเจ้า บัดนี้ เราจักพยากรณ์หน่อแห่งพระพุทธเจ้านี้”
ครั้งนี้ทรงดำริดังนี้ แล้วจึงได้ทรงยิ้มแล้ว ฯ มาณพได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงยิ้มแย้มให้ปรากฏ จึงทูลถามพระพุทธเจ้าว่า
“ข้าแต่พระโลกนาถผู้เจริญ ข้าพระองค์ มิใช่ญาติ มิใช่สหาย เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงยิ้มแย้มให้ปรากฏเล่า” ฯ
พระบรมศาสดา ได้ตรัสพระดำรัสว่า
“ดูก่อนสุทธมาณพ ผู้เจริญเจ้าคนเดียว เป็นน้องชายร่วมมารดา ร่วมบิดาเดียวกับเรา”
มาณพได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นน้องชายของพระองค์เมื่อไหร่”
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
“ดูก่อนมาณพผู้เจริญ เมื่อภัทรกัปนี้ ล่วงไปแล้วมัณฑกัปเกิดขึ้น แล้ว ในกัปนั้น มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์เสด็จ
บังเกิดขึ้น รามราช จักเป็นพระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่แรกเมื่อ พระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า ล่วงไปแล้ว ผู้เจริญจักเป็นพระ
พุทธเจ้าทรง พระนามว่า ธรรมราช เราจักเป็นพระพุทธเจ้าก่อน ท่านจักเป็นพระพุทธเจ้าในภายหลัง เพราะฉะนั้น เราจึงกล่าวว่า
ท่านจักเป็นน้องชายของเรา ด้วยประการฉะนี้” ฯ
สุทธมาณพ สดับพระพุทธพจน์ ทำจิตให้เลื่อมใส ดำริว่า
“ธรรมดาว่า พระพุทธพจน์นี้ไม่มีเป็นสอง เป็นจริงแท้ สม่ำเสมอ เราใช้ค่าขายดอกปทุม 2 ดอกเลี้ยงชีพ บัดนี้
จักถวายดอกปทุม 2 ดอก เป็นทานแก่พระพุทธเจ้า”
จึงน้อมนำดอกปทุม 2 ดอก เข้าไปถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ฯ พระพุทธเจ้าทรงรับเอาดอกปทุม ประทับนั่งเหนือดอก
ปทุม 2 ดอกแล้ว ฯ
สุทธมาณพเห็นพระพุทธเจ้าประทับนั่งบนดอกปทุม คิดอย่างนี้ว่า
“ขอแสงดวงอาทิตย์ อย่าแผดเผาพระผู้มีพระภาคเจ้าเลย”
ครั้นแล้ว จึงถือเอาต้นอ้อ 4 ต้นมา ยกขึ้นไว้ทั้ง 4 ทิศ ถือเอาผ้า 2 ผืนมากาง ปิดกั้นแดดถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้ว ตั้งความปรารถนาว่า
“ข้าแต่พระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอการถวายดอกไม้และผ้านี้ จงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณเถิด” ฯ
ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงพยากรณ์ว่า
“ขอความปรารถนาจักพลันสำเร็จแก่ท่านเหมือนอย่างที่ท่านมีความดำริเถิด” ฯ
ในกาลนั้น เสียงนั้น ดังกระฉ่อนไปเบื้องต่ำลงไปจนถึงนาคพิภพเบื้องบนขึ้นไปจนถึงพรหมโลก ฯ ในกาลนั้นพระยา
นาคราช ขึ้นมาจากนาคพิภพ ฯ ท้าวมหาพรหมลงมาจากพรหมโลก ฯ ท้าวมหาพรหมและพระยานาคราช เข้าไปเฝ้าพระ
ศาสดา ถวายบังคมทูลถามพระศาสดาว่า
“ความปรารถนาของสุทธมาณพ จะสำเร็จหรือไม่ พระเจ้าข้า” ฯ
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า
“ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลายสุทธมาณพ ใช้ผ้ากางกั้นหมอกและแดดให้เราทั้งกลางคืนและกลางวันเพราะฉะนั้นเขาจะ
สำเร็จความปรารถนา”
เทวดาทั้งหลายทูลถามว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรเป็นความสำเร็จ อะไรเป็นเหตุ ปัจจัยอะไร พึงสำเร็จแก่สุทธมาณพ”
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสบอกเทวดาทั้งหลาย ถึงความสำเร็จแห่งสุทธมาณพนั้นว่า
“ดูก่อนเทวดาทั้งหลายผู้เจริญ เมื่อภัทรกัป ล่วงไปแล้ว เกิดมีมัณฑกัป ขึ้นในกัปนั้น พระรามราชจักเป็นพระราม
สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์ปฐมมาณพนี้ จักเป็นพระพุทธเจ้าในภายหลัง” ฯ
ในกาลนั้น เทวดาทุกหมู่เหล่า นาคราชทุกหมู่เหล่า มหาพรหมทุกหมู่เหล่า พากันสาธุการ บูชามาณพนั้น เป็นการบูชาวิเศษยิ่งใหญ่แล้ว ฯ
ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เจริญ ด้วยผลที่สุทธมาณพถวายดอกปทุม 2 ดอกจึงเกิดดอกปทุม 2 ดอกเท่าล้อรถ
ในเวลาเสด็จ พระราชดำเนินด้วยพระบาท ฯ ด้วยผลที่มีขันติธรรม จึงบังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ ฯ ด้วยผลที่ใช้ผ้ากั้นแดด
ถวาย จึงบังเกิดมีห้องน่ารื่นรมย์แล้ว ด้วยการ 7 ประการ ณ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับนั่ง (และ) บรรทมนั้น ๆ ฯ ด้วยผล
ที่ถวาย ดอกปทุม 2 ดอกและชีวิต (อายุ) พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีพระชนมายุ 5 หมื่นปี ฯ
ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เจริญ ณ สถานที่ที่พระโกนาคมนพุทธเจ้าพยากรณ์แล้วนั้น ได้เกิดมีต้น
กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่งแล้ว ฯ มหาชนทั้งหมดอาศัยต้นกัลปพฤกษ์
เลี้ยงชีวิต ฯ
ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เจริญมหาชนทั้งปวงต้องการพบพระศาสนาของพระศรีอริยเมตไตร หากไม่ได้
พบไซร้ ก็ย่อมต้องการพบพระศาสนาของพระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า หากไม่ได้พบ (ศาสนา) พระรามสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นไซร้
ก็ย่อมต้องการยิ่งที่จะได้พบ (ศาสนา) พระปัสเสนทิโกศลธรรมราชสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯ
โดย: Metha
เวลา: 2014-12-24 07:14
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2014-12-23 08:03
องค์พระราม รุ่นนี้ น่าจะเป็นรุ่นแรกที่ด้านหลังมีชื่ ...
ใช่แล้วครับ....เค้าบอกว่ารุ่นแรกมักจะเป็นตำนาน
โดย: MarcoReus
เวลา: 2014-12-24 12:14
เนื้อสำริด มีมวลสารอะไรบ้างครับ มีชนวนผสมเยอะไหมครับ
โดย: taka_jipata
เวลา: 2014-12-24 19:10
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย taka_jipata เมื่อ 2014-12-24 19:14
เท่าที่ผมทราบ มีชนวนเก่าที่หล่อในพิธีชัยมหานาถ (น่าจะเป็นก้านช่อองค์พ่อชัยวรมันรุ่นแรก พระกริ่ง และท้าวเวสสุวรรณ)
ชนวนหล่อองค์พ่อชัยวรมันรุ่น 2 โลหะอาถรรพ์ต่างๆ รวมทั้งเครื่องสัมฤทธิ์โบราณที่หลวงปู่ท่านเสกเอาไว้ครับ (ขุดได้จาก
กรุแหล่งโบราณสถานและตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเคยเป็นเมื่องโบราณมาก่อนและหลวงปู่ท่านนำมาเสกไว้เวลาท่านเสกวัตถุมงคล
เพื่อเป็นชนวนในการสร้างวัตถุมงคล แต่ยังไม่ได้นำไปใช้) ซึ่งจริงๆ แล้วมีผสมอยู่ในทุกเนื้อครับแตกต่างกันในเรื่องความเข้มข้น
ของมวลสารเท่านั้น โดยที่เนื้อชนวนล้วนนั้นไม่ได้ผสมโลหะอื่นเป็นการนำชนวนเก่าที่กล่าวมาเอามาหลอมหล่อทั้งหมดครับ
ผิดถููกประการใดรบกวนผู้รู้มาเกลาแต่งให้สมบูรณ์ด้วยครับ
โดย: taka_jipata
เวลา: 2014-12-24 19:54
mail ตอบกลับเมื่อ 2014-12-24 19:19
มีก้านช่อหนุมานด้วยมั้ง และเนื้อเงิน ก็มิใช่เงินให ...
เนื้อชนวนก็ผสมก้อนช่อของเนื้อเงินด้วยนะครับ และตาที่บอกเลยเนื้อเงินเป็นโลหะเงินของจตุคามรุ่นดังๆ
ในอดีตทั้งสิ้น เรียกได้ว่า แต่ละองค์ที่นำมาหล่อนั้นบอกชื่อไปต้องร้อง wow แน่นอน นี่ใส่หลายองค์
ล้วนๆ แค่ไม่ได้แจงว่ารุ่นไหนบ้างเท่านั้นเอง แต่รับรองว่ามูลค่ารวมแล้ว ...
โดย: orisis
เวลา: 2014-12-24 21:27
รอเนื้อดินเผา เพราะไม่ฉโลกกับเนื้อโลหะครับ อิอิ
โดย: chakpetch
เวลา: 2014-12-26 16:56
หากเปรียบ พระร่วงหลังรางปืน
เป็น จักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน
พระศรีราม ก็เป็น
จักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน
ศรีติคญาโณ เช่นเดียวกัน
[attach]9904[/attach]
โดย: chakpetch
เวลา: 2014-12-26 17:06
ทำไมที่ผนังปราสาทนครวัด
...ถึงมีภาพสลักเรื่องรามเกียรติ์ ??
... คิดว่าเป็นเพียงศิลปะ วัฒนธรรม เพื่อความสวยงามเมื่อครั้นก่อนแค่นั้นหรือ ??
[attach]9905[/attach]
โดย: kruangbin
เวลา: 2014-12-27 08:03
ได้เนื้อสำริดมาก็ดีใจแล้ว
โดย: taka_jipata
เวลา: 2014-12-27 23:50
พระนารายณ์ (สันสกฤต: नारायण; อังกฤษ: Narayana; ความหมาย: ผู้ที่ได้เคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ[1])
เป็นเทพเจ้าสูงสุดหนึ่งในสามพระองค์ (ตรีมูรติ) ในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยมากถือว่าเป็นองค์เดียวกันกับ
พระวิษณุ แต่ทว่าชาวไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับพระนาม พระนารายณ์ มากกว่าเหตุที่มีพระนามแตกต่างกัน เนื่องจากมีบางคัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเล่าว่า เดิมทีมีเทพเจ้าเพียงองค์เดียว คือ
"พระนารายณ์" ซึ่งเรียกว่า "ปรพรหม" ซึ่งเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
เมื่อพระนารายณ์รำพึงถึงการสร้างโลก ก็ทรงคำนึงถึงการปกปักรักษาแต่พระปรพรหมนั้นเป็นอกรูปกเทพ คือ ไม่มีตัวตน
จึงไม่สามารถที่จะสร้างโลกได้ จึงแบ่งภาคแยกร่างออกมาเป็น พระวิษณุ ซึ่งทรงประทานพระนามให้ และเมื่อพระวิษณุ
บรรเทาหลับในเกษียรสมุทร ก็ทรงสุบินถึงการสร้างทุกสรรพสิ่ง ซึ่งพระวิษณุเป็นเทพผู้สร้างโลก สิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์
และที่พระนาภีของพระองค์ก็บังเกิดมีดอกบัวหลวงผุดขึ้นมา และภายในดอกบัวนั้นก็มี พระพรหม ซึ่งเป็นหนึ่งในตรีมูรติอยู่
ภายใน ซึ่งพระวิษณุก็เป็นผู้ให้กำเนิดพระพรหมด้วย
โดย: majoy
เวลา: 2014-12-28 22:05
อาทิตย์หน้าไปรับกลับแล้ว
โดย: รามเทพ
เวลา: 2014-12-30 09:46
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2014-12-27 08:03
ได้เนื้อสำริดมาก็ดีใจแล้ว
ดีทุกเนื้อล่ะครับ
โดย: bigbird
เวลา: 2014-12-30 11:11
เด๋วรีบไปรับกลับวันท้ายปีเลยก๊าบ
เข้าไปสวดมนต์ข้ามปีด้วยก๊าบปีใหม่จะได้ดีๆรวยๆ
โดย: taka_jipata
เวลา: 2014-12-30 19:57
mail ตอบกลับเมื่อ 2014-12-30 18:08
อาจารย์จัดสวดมนต์ข้ามปีด้วยเหรอครับ ...
มามั้ยครับ
โดย: taka_jipata
เวลา: 2014-12-30 21:04
สวดข้ามปีครับมาเตรียมตัว นั่งคุนก่อนตอนบ่ายๆ เย็นๆ ก็ดีครับผม
เผื่อมีงานบุญให้ร่วมกันทำครับ
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-2 07:10
taka_jipata ตอบกลับเมื่อ 2014-12-30 21:04
สวดข้ามปีครับมาเตรียมตัว นั่งคุนก่อนตอนบ่ายๆ เย็นๆ ...
อนุโมทนาบุญครับ
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-6 10:41
คาถาบูชาพระศรีราม
อิติปิโสภะคะวา ยามตรายามดี พระอาทิตย์ไชยศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ
ให้สวดตามกำลังวัน เดินทางไปไหน มีลาภแล
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-6 11:07
พระศรีราม เป็นปางที่ 7 ของพระนารายณ์ที่อวตารมาเป็นพระมหากษัตริย์ มหาราชผู้ยิ่งใหญ่
ชาวไทยมีคติความเชื่อว่า พระมหากษัตริย์ ถือเป็นพระนารายณ์อวตาร พระนามของกษัตริย์ไทยหลายๆพระองค์จึงมีคำว่า ราม อยู่ด้วยเสมอ เช่น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) หรือแม้กระทั่งในสมัยกรุงสุโขทัย ก็มีพระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า รามคำแหง
อนึ่งนาม “รามาธิบดี” นั้นหมายถึงพระรามผู้เป็นใหญ่ ตามคติความเชื่อของชาวฮินดูนั้นพระวิษณุจะอวตารลงมาโลกมนุษย์เพื่อปราบยุคเข็ญอย่างกรณีของพระรามในมหากาพย์รามายณะก็เรียกว่า “รามาวตาร” ซึ่งคติความเชื่อนี้ก็ได้รับความนิยมแพร่หลายในดินแดนสุวรรณภูมิรวมถึงสยามประเทศเองด้วย ดังจะเห็นได้จากพระเจ้าอู่ทองจารึกพระนามในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑” ทรงตั้งนามพระนครแห่งใหม่ว่า “กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา” และทรงส่งพระราเมศวร(ราม+อิศวร)พระโอรสองค์โตไปครองเมืองละโว้(ลพบุรี) ล้วนเป็นไปตามคติของมหากาพย์รามายณะทั้งสิ้น
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-6 12:22
ทำไมถึงใช้คำว่า Rama 1-9 ในภาษาอังกฤษแทนการเรียกพระนามของกษัตริย์ไทย คำว่ารามานี้หมายถึง รามเกียรติ์หรือไม่?
ราชวงศ์จักรี เป็นราชวงศ์ที่ปกครองประเทศไทย ต่อจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (พระนามเดิม ทองด้วง ทรงสืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนนางในสมัยกรุงศรีอยุธยา) ทรงสถาปนาราชวงศ์โดยการปราบดาภิเษกเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 ยุคของราชวงศ์นี้เรียกว่า
"ยุครัตนโกสินทร์"
ที่มาของชื่อราชวงศ์จักรีมีที่มาจากบรรดาศักดิ์
"เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์" ตำแหน่งสมุหนายก ซึ่งเป็นตำแหน่งทางราชการที่พระองค์เคยทรงดำรงตำแหน่งมาก่อนในสมัยกรุงธนบุรี
คำว่า "จักรี" นี้พ้องเสียงกับคำว่า "จักร" และ "ตรี" ซึ่งเป็นเทพศาสตราวุธคู่กายขององค์พระนารายณ์ ตามคติความเชื่อที่มาแต่โบราณกาลของไทยเรา พระบาทสมเด็จพระพุธทยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระแสงจักร และพระแสงตรีไว้ 1 สำรับ และกำหนดให้ใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำราชงวศ์จักรีสืบมาจนถึงปัจุบัน
และด้วยเพราะพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ยังทรงมีอีกพระนามหนึ่งหลังขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติด้วยว่า “สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1” ที่ทำให้พระมหากษัตริย์พระองค์ต่อมาทุกพระองค์จึงจะต้องมีอีกพระนามหนึ่ง ด้วยเช่นเดียวกันว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ไปตามลำดับต่อเนื่องกันมาในราชวงศ์จักรีนับตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งได้มีการเรียกขานกันแบบสั้นๆขึ้น เพื่อเป็นการกล่าวแสดงถึงยุคสมัยของแต่ละพระองค์ไว้ว่า พระรามที่ 1 พระรามที่ 2 พระรามที่ 3 ตามลำดับ และก็ได้ใช้ในภาษาอังกฤษตามที่นิยมเรียกขานกันนั้นมาด้วยว่า Rama 1 Rama 2 หรือ Rama 3 ตามลำดับด้วยเช่นกัน ดังนั้น ที่มาของคำว่า "Rama" (รามา) ในภาษาอังกฤษจึงมีที่มาจากคำว่า "พระราม" (King Rama) ที่ย่อมาจากคำเต็มว่า "สมเด็จพระรามาธิบดี" ซึ่งก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับ "พระราม" องค์อวตารมาจาก "พระนารายณ์" ในตำนาน "รามายณะ" นั่นเอง
จากประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๕๙ จะพบว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับนาม “รามาธิบดี” มาก ดังนี้
“...ในพระบรมราชวงศ์มหาจักรีนี้ จำเดิมแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้เสวยราชสมบัติเป็นปฐมบรมกษัตริย์ในพระบรมราชวงศ์นี้แล้ว ต่อแต่นั้นมาก็ได้สืบสันตติวงศ์โดยตรงลงมาจนปัตยุบันนี้หาได้มีการยักเยื้องผันแปรอย่างใดไม่ ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 2 แลที่ 3 ก็ได้ทรงพระนามสมเด็จพระรามาธิบดีต่อเนื่องกันมา พึ่งมาเปลี่ยนพระราชประเพณีใช้คำอื่นนำพระนามเมื่อในรัชกาลที่ 4 อาไศรยเหตุนี้ จึงควรเฉลิมพระปรมาภิไธย ให้ทรงพระนามสมเด็จพระรามาธิบดีทุกรัชกาลด้วย...”
ทำให้พระองค์ทรงเปลี่ยนพระปรมาภิไธยจาก “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ...พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” เถลิงพระปรมาภิไธยใหม่เป็น “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ...พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว”(โดยคงสร้อยท้ายเดิมไว้) หรือ “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๖”(Rama VI) ทรงเปลี่ยนพระปรมาภิไธยย่อจาก “ว.ป.ร.” เป็น “ร.ร.๖”
โดย: chakpetch
เวลา: 2015-1-6 16:27
[attach]9955[/attach]
โดย: JimMoriarty
เวลา: 2015-1-6 18:46
มนต์อาถรรพ์พระเวท นารายณ์คุณ สุดยอดเลยทั้ง 3 ชิ้น
โดย: morntanti
เวลา: 2015-1-7 00:19
chakpetch ตอบกลับเมื่อ 2015-1-6 16:27
โชคดี หลวงปู่และอาจารย์เมตตา มีครบทั้ง ๓ ครับ...สาธุ
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-7 11:18
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2015-1-7 00:19
โชคดี หลวงปู่และอาจารย์เมตตา มีครบทั้ง ๓ ครับ...สาธุ ...
พี่มรมีครบ 3 ชิ้นเลยเหรอ
โดย: chakpetch
เวลา: 2015-1-7 18:20
[attach]9970[/attach]
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-7 18:46
สุดยอดมวลสารทั้งนั้นเลย
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-9 17:17
[attach]9975[/attach]
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-10 06:51
คิดไปเองหรือเปล่าหนอ ใส่นั่งสมาธิได้ดีจัง อาจเพราะปลื้มในองค์ท่านอยู่แล้ว ลองดูกันนะครับ
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-10 07:07
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-10 06:51
คิดไปเองหรือเปล่าหนอ ใส่นั่งสมาธิได้ดีจัง อาจเพราะป ...
ไม่ได้คิดไปเองหรอกครับ
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-10 07:20
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-10 07:07
ไม่ได้คิดไปเองหรอกครับ
นั่นแน่ แสดงว่ารู้สึกเหมือนกัน ดีจังๆ มีคนรู้สึกแบบเดียวกัน
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-10 07:43
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-10 07:20
นั่นแน่ แสดงว่ารู้สึกเหมือนกัน ดีจังๆ มีคนรู้สึกแบ ...
ไม่หรอกครับ.....พระเครื่อง หรือคาถาบูชา ครูบาอาจารย์ท่านทำไว้เป็นกุศโลบายในการทำให้เรามีสติมีสมาธิ
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-11 09:52
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-13 07:20
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-17 18:49
ใช้ดีจริงๆ ครับ บารมีพ่อพระรามจัดการอุปสรรค์การงานให้เบาบางลงมาก
โดย: thegaalettt33
เวลา: 2015-1-18 17:19
หมดยังอ่ะครับ
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-19 07:40
thegaalettt33 ตอบกลับเมื่อ 2015-1-18 17:19
หมดยังอ่ะครับ
เหลือเนื้อสำริดอย่างเดียว
ส่วนเนื้อเงิน กับเนื้อชนวนมวลสาร หมดก่อนจะพุทธาภิเษกครับ
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-19 08:36
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-19 07:40
เหลือเนื้อสำริดอย่างเดียว
ส่วนเนื้อเงิน กับเนื้อชน ...
เนื้อสำริดก็ผสมก้านชนวนไม่ต่างจากเนื้ออื่นเลย
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-19 09:34
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-19 08:36
เนื้อสำริดก็ผสมก้านชนวนไม่ต่างจากเนื้ออื่นเลย ...
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-19 10:54
สุดยอดมวลสารชนวน โดยเฉพาะพิธีชัยมหานาถที่1 ซึ่งรวมเอาก้านชนวนของพระที่หลวงปู่ท่านเสกไว้เช่น พระกริ่งปทุมฯ องค์พ่อรุ่นแรก ท้าวเวสสุวรรณ หนุมานลอยองค์ฯ มาไว้ในองค์ราม
สาธุๆ
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-20 06:54
ต้องบูชาคู่หนุมาน
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-21 07:11
ทหารเอกกับองค์ราม สุดยอดคู่ดูโอ้
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-21 17:56
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-21 07:11
ทหารเอกกับองค์ราม สุดยอดคู่ดูโอ้ ...
เหรียญหนุมานแบบกลม เลี่ยมเป็นสามห่วงน่าจะเข้ากันสุดๆๆ
โดย: Sornpraram
เวลา: 2015-1-22 06:48
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-21 17:56
เหรียญหนุมานแบบกลม เลี่ยมเป็นสามห่วงน่าจะเข้ากันส ...
โชว์หน่อยครับ เสี่ย
โดย: morntanti
เวลา: 2015-1-22 07:52
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-20 06:54
ต้องบูชาคู่หนุมาน
ถูกต้องแล้วครับชุดนี้ต้องคู่กัน....ผมว่าอาจารย์สรายุทธท่านจัดชุดไว้ในใจแล้วว่าวัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างมาชิ้นไหนคู่กับชิ้นไหน?
[attach]10030[/attach][attach]10031[/attach]
โดย: จ๊อ
เวลา: 2015-1-22 08:41
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2015-1-22 07:52
ถูกต้องแล้วครับชุดนี้ต้องคู่กัน....ผมว่าอาจารย์สราย ...
สุดยอดค่ะพี่มร
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-26 06:49
ประสบการณ์ล่าสุดของหมอพาย ตอกย้ำความศักดิ์สิทธิ์ขององค์รามมาก
หาอ่านได้ที่ห้องประสบการณ์ครับ
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-26 10:53
รับองค์ท่านมาบูชาแล้วครับ วันนี้
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-26 11:06
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2015-1-26 10:53
รับองค์ท่านมาบูชาแล้วครับ วันนี้
นึกว่าจะสละสิทธิ
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-26 11:16
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-26 11:06
นึกว่าจะสละสิทธิ
ไม่มีทาง มีแต่จะเก็บเพิ่ม เด๋วจะไปเก็บเนื้อสำริดแก่ชนวนเพิ่มอีก
โดย: Metha
เวลา: 2015-1-26 11:29
ดีใจด้วยครับ
โดย: Sornpraram
เวลา: 2015-1-28 07:20
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-26 06:49
ประสบการณ์ล่าสุดของหมอพาย ตอกย้ำความศักดิ์สิทธิ์ขอ ...
เห็นเป็นจริงตามนั้นครับ
โดย: kruangbin
เวลา: 2015-1-28 19:40
วันนี้ท่องคาถาอยู่ดีๆๆก็ปวดต้นคอยิ่งท่องยิ่งปวดครับ
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-30 06:52
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2015-1-28 19:40
วันนี้ท่องคาถาอยู่ดีๆๆก็ปวดต้นคอยิ่งท่องยิ่งปวดครั ...
สุดยอดเลย
โดย: Sornpraram
เวลา: 2015-1-30 06:54
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 06:52
สุดยอดเลย
พระรามแรงจริงครับ มีคนมารายงานว่า.
เห็นเป็นตัวเป็นตน เลยล่ะ
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-30 07:00
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 06:54
พระรามแรงจริงครับ มีคนมารายงานว่า.
เห็นเป็นตัวเป็น ...
โอววว บุญของจอยแท้ๆ ทที่บูชากับเค้าไว้ด้วย
ของสำนักนี้สร้าง ไม่ผิดหวังจริงๆ ทั้งรูปทรงและมวลสาร แถมพิธีเสกอีก
เย.....ศรีราม
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-30 11:44
พระศรีราม สาธุ
โดย: majoy
เวลา: 2015-1-30 11:56
ไว้รอพี่สุริยา มาเล่าประสบการณ์ศิษย์มีครูกัน
โดย: chakpetch
เวลา: 2015-1-30 14:25
พระศรีราม...แรงตั้งแต่เททองหล่อ ....
[attach]10084[/attach]
ครั้นเมื่อ..พระจันทร์เกาะเทวีฤกษ์...
อาจารย์ตั้งใจจะเททองหล่อในฤกษ์วันนั้น
เพื่อให้ได้ผลงานสำเร็จ สวยงาม ต้องตาต้องใจลูกศิษย์ทุกคน
แต่แล้ว... ช่วงหลอมมวลสาร ... ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น....
สายแก๊ซที่ใช้พ่นหลอมมวลสารเกิดระเบิด ขึ้นดังลั่นโรงหล่อ
เดชะบุญ ที่ไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆร้ายแรง
แต่นี่เอง ก็เหมือนสัญญาณจากองค์ท่านว่าฤกษ์นี้ยังไม่เป็นที่ต้องการ...
ช่างเลยต้องยกเลิกงาน...
เพื่อไปหล่อในวันถัดไป...
ซึ่งพระจันทร์ได้โคจรไปเกาะที่เพชฌฆาตฤกษ์ ซึ่งเป็นฤกษ์ขาด
หรือที่เรียกกันว่า ฉินทฤกษ์ เป็นฤกษ์แรงที่โบราณห้ามใช้กันสักเท่าไหร่
เพราะ ผลที่เกิดขึ้นของฤกษ์อาจทำให้ผู้ใช้ฤกษ์มีอันตรายได้
และ ในที่สุดพระศรีรามก็ถือกำเนิดในฤกษ์นี้ แล้วออกมาสวยงดงามทุกองค์ !!
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-30 14:59
เพชฌฆาตฤกษ์ พระรามจึงได้แรงมากๆ
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-1-30 16:19
chakpetch ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 14:25
พระศรีราม...แรงตั้งแต่เททองหล่อ ....
คุณ chakpetch ครับ อยากฟังเรื่องเล่ากำเนิดพระศรีรามครับ พอจะทราบไหมครับ
โดย: รามเทพ
เวลา: 2015-1-30 17:02
ฉินทฤกษ์ (ฤกษ์ตัดจุก).
โดย: Sornpraram
เวลา: 2015-2-2 07:43
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 16:19
คุณ chakpetch ครับ อยากฟังเรื่องเล่ากำเนิดพระศรีรามครับ ...
ซื้อตั๋วหรือยัง เจ้
โดย: Nujeab
เวลา: 2015-2-2 10:37
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-2-2 07:43
ซื้อตั๋วหรือยัง เจ้
ซื้อๆๆ ครับ ทราบมาว่าช่วงที่สายแก๊ชระเบิดนั้น มีแสงวาบเป็นรูปศรเลยทีเดียว สุดยอดไปเลย ยิ่งทำให้อยากฟัง อยากทราบถึงมูลเหตุของที่มาในการจัดสร้างและก่อกำเนิดพระศรีรามอันลือลั่น
หรือว่าท่านรอมาโปรดพวกเราอยู่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนประจวบเหมาะพอดี
โดย: Sornpraram
เวลา: 2015-2-3 06:23
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 07:00
โอววว บุญของจอยแท้ๆ ทที่บูชากับเค้าไว้ด้วย
ของสำนั ...
ประสบการณ์กำลังร้อนแรง
โดย: Sornpraram
เวลา: 2015-2-3 07:42
คาถาพระนารายณ์แผลงฤทธิ์
ภะคะวาติ พุทโธ มะนุสสานัง สัตถา เทวะสาระถิ
ปุริสะทัมมะอะนุตตะโร โลกะวิทู สุคะโตสัมปันโน
จะระณะวิชชา สัมมาสัมพุธโธ อะระหัง ภะคะวา ปิโสติอิ ฯ
คาถาพระนารายณ์แผลงฤทธิ์บทนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งนัก สารพัดที่จะใช้ได้ทุกประการ
ภาวนาไว้แล้วคนเห็นเป็น ๔ มือ เป็นคาถาของสมเด็จพระนารายณ์แล ฯ
โดย: Metha
เวลา: 2015-2-3 08:16
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-2-3 07:42
คาถาพระนารายณ์แผลงฤทธิ์
โดย: Sornpraram
เวลา: 2015-2-4 11:56
ธรรมะแห่งราชา
[youtube]HcX_LZ7UdSY[/youtube]
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |