Baan Jompra

ชื่อกระทู้: พระนารายณ์ ปางที่ 2 กูรมาวตาร [สั่งพิมพ์]

โดย: Metha    เวลา: 2014-12-10 12:31
ชื่อกระทู้: พระนารายณ์ ปางที่ 2 กูรมาวตาร
ปางที่ 2 กูรมาวตาร (อวตารเป็นเต่า)เพื่อช่วยเหล่าเทวะและอสูรกวนเกษียรสมุทร



นารายณ์อวตาร : มัตสยาวตาร, กูรมาวตาร

กำเนิดจักรวาล

ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู พระพรหมคือผู้สร้าง
เมื่อพระองค์สร้างจักรวาล ก็จะเรียกว่า พรหมทิวา มีระยะเวลา 4320 ล้านปี
เมื่อเสร็จสิ้นพระองค์ก็จะบรรทมก็จะเรียกว่า พรหมราตรี ใช้เวลาที่เท่ากัน
หลังจากนั้นน้ำก็จะท่วมโลก เกิดเป็นวัฏจักรของจักรวาล

เมื่อพระองค์บรรทมมีคัมภีร์พระเวทย์ ไหลจากพระโอษฐ์ตกลงมายังโลก
เผอิญยักษ์ที่ชือหัยครีพเห็นเข้าจึงรีบอ้าปากอมไว้
แล้วหนีไปกบดานที่ใต้ท้องสมุทรทันที

พระวิษณุเห็นโลกกำลังจะถูกน้ำท่วมก็สงสาร จึงมองหาผู้ที่ควรจะรอดตาย
เมื่อมองลงมาเห็นพระราชาองค์หนึ่ง ชื่อ สัตยพรต ครองกรุงอโยธยา
พระองค์จึงอวตารมาเป็นปลากรายสีทอง ชื่อ ศผริ ว่ายอยู่ในแม่น้ำคงคา

พระราชาเห็นปลาตัวนี้ประหลาดนัก จึงรับสั่งให้นำมาเลี้ยงในบาตรที่วัง
ไม่นานปลาตัวนี้ก็เติบโตจนตัวใหญ่เต็มบาตร
พระองค์จึงให้นำไปเลี้ยงในสระ แต่ปลาตัวนี้ก็ยังโตขึ้นจนตัวใหญ่คับสระอีก
พระองค์จึงต้องนำไปปล่อยที่มหาสมุทร และเสด็จไปกราบไหว้ทุกวัน

พระวิษณูเห็นพระราชาให้ความเคารพมิได้ขาด ก็พึงพอใจ
จึงบอกว่าอีกไม่นานจะเกิดนำท่วมโลก ให้พระราชาต่อเรือขนาดใหญ่ไว้
พระราชาก็ทำตาม ไม่นานฝนก็เริ่มตก พระวิษณูที่อวตารเป็นปลาก็บอกให้พระราชานำคนที่พระองค์ต้องการให้รอดขึ้นเรือ พร้อมเก็บต้นไม้ ใบหญ้าและสัตว์อีกอย่างละคู่ ไปพร้อมกับพระองค์ด้วย (เหมือนเรือโนอาห์เนอะ) แล้วให้นำพญานาคมาผูกเรือไว้กับเขาของปลา เพื่อให้มั่นคง

ไม่นานนำก็ท่วมโลก ท่วมจักรวาล ตามระยะเวลาที่พระพรหมทรงบรรทม
เวลาผ่านไป 4320 ล้านปี พระพรหมก็ตื่นขึ้น น้ำก็ค่อยๆลดลง
พระราชาก็เสด็จลงจากเรือ แต่ว่า

มนุษย์โลกไม่มีวิชาความรู้หลงเหลืออยู่อีก เนื่องจากไม่มีคัมภีร์พระเวทย์
พระวิษณุจึงออกตามหา หัยครีพยักษ์ เพื่อนำคัมภีร์พระเวทย์กลับมา
เมื่อพบกันหัยครีพยักษ์ก็แปลงร่างเป็นหอยสังข์เพื่อป้องกันคัมภีร์ไว้ในเปลือก
แต่จะสู้อะไรกับพระผู้เป็นเจ้า หัยครีพยักษ์จึงโดนแหวกท้องเอาคัมภีร์ออกมา
มนุษย์ก็เลยอยู่รอดปลอดภัย มีคัมภีร์ไว้สวดบูชาพระเจ้าอีกครั้ง



โดย: Metha    เวลา: 2014-12-10 12:32
กูรมาวตาร

อสูรกับเทพ นั้นรบกันเป็นเรื่องปกติ ผลัดกันแพ้ชนะ
วันหนึ่งฤษีทุรวาสเจอพระอินทร์ทรงช้างผ่านมา
แกก็ดีใจและถวายพวงดอกไม้ให้กับพระอินทร์
ซึ่งทรงรับไว้แล้วไปวางบนตะพองช้าง แม้ดอกไม้จะกลิ่นหอมสำหรับคน
แต่กลับทำให้ช้างทรงนั้นรำคาญ ก็เลยเอางวงดึงดอกไม้นั้นมาขยี้ทิ้ง

ฤษีทุรวาสเห็นดังนั้นก็โมโหเป็นอันมาก
แม้ว่าพระอินทร์จะแก้ตัวอย่างไร ก็ไม่ทำให้หายโกรธได้
ฤษีทุรวาสจึงสาปพระอินทร์และเหล่าเทวดาทั้งปวงว่า

ถ้ารบกับพวกอสูรครั้งใด ขอให้รบแพ้ทุกครั้ง

หลังจากโดนคำสาป ฝ่ายเทวดาก็รบแพ้ทุกครั้ง สูญเสียอาณาเขตไปเรื่อยๆ
ซึ่งเหล่าเทพเห็นว่าถ้าปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะสวรคค์ก็คงถึงคราวสูญสิ้น
พระอินทร์จึงพาเหล่าเทวดาไปหาพระนารายณ์ ขอให้ทรงช่วยพระองค์
พระองค์จึงแนะนำวิธีกวนเกษียรสมุทร เพื่อทำน้ำอมฤต

แต่การกวนเกษียรสมุทรเป็นงานใหญ่ ต้องให้พวกอสูรร่วมมือด้วย
จึงมีการไปเจรจาสงบศึกชั่วคราว ให้มาช่วยกันทำพิธีนี้ซะก่อน
แล้วเอายอดเขามันทระมาทำเป็นไม้คน ใช้พระยาอนันตนาคราชมาทำเชือก
ให้เหล่าเทพและอสูรดึงกันคนละข้าง

พวกเทพก็ฉลาดแกมโกง อยู่ทางหางนาค ให้อสูรไปดึงทางหัวนาค
เพราะว่าระหว่างนั้นไปแล้วพญาอนันตนาคราชก็จะเจ็บปวด คายไอพิษออกมา
พวกอสูรก็จะโดนพิษได้รับความเจ็บปวดเป็นอันมาก

การกวนที่ใช้เวลาอันยาวนานนี้ จะทำให้เขามันทระทะลุพื้นสมุทร น้ำจะท่วมโลก
พระนารายณ์จึงต้องแบ่งภาค อวตารไปเป็นเต่ายักษ์เอากระดองไปรองรับยอดเขาไว้
หลังจากกวนกันมาหนึ่งพันปี พญาอนันตนาคราชผู้น่าสงสาร ก็ต้องทนเจ็บปวดมานาน
ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ต้องสำรอกพิษร้ายออกมา ซึ่งถ้าพิษนั้นตกลงสู่โลก
ก็จะทำให้เหล่ามนุษย์และสัตว์ตายหมด

พระศิวะเห็นดังนั้น ด้วยความรักและเมตตาอันสูงสุดต่อมนุษย์และสัตว์ พระองค์จึงปรากฎกายขึ้นดูดเอาพิษร้าย ไปไว้ในตัวพระองค์ทั้งหมด
และพิษร้ายนั้นได้เผาผลาญทำให้พระศอของพระองค์เป็นสีดำสนิท
จึงเชื่อว่า สีดำเป็นสีแห่งความรักของการเสียสละอันยิ่งใหญ่

พวกเทพกับอสูรก็กลับมากวนเกษียรสมุทรกันต่อ
จนในที่สุดก็เกิดของวิเศษขึ้น

1. ดวงจันทร์ ซึ่งพระศิวะหยิบไปปักไว้บนเกศา
2. เพชรเกาสตุภะ ที่พระนารายณ์นำไปประดับพระอุระ
3. ดอกบัวลอยขึ้นมาพร้อมพระลักษมี ซึ่งต่อมาก็คือพระชายาของพระนารายณ์
4.วารุณี เทวีแห่งสุรา
5. ช้างเอราวัณ ซึ่งพระอินทร์ได้นำไปเป็นช้างทรง
6. ม้าอุจฉัยศรพ ซึ่งพระอาทิตย์นำไปเทียมรถทรง

7. ต้นปาริชาติ เป็นต้นไม้ทิพย์ที่ใครได้กลิ่นก็จะระลึกชาติได้
8. โคสุรภี ผู้ให้ทุกอย่างตามที่ปรารถนา เหล่าเทวดาได้ยกให้พระวิสิษฐ์มุนี
9. หริธนู
10. สังข์
11. นางอัปสรสวรรค์
12. พิษร้าย ที่กล่าวกันว่าฝูงนาคและงูได้มาดูดพิษกันไป
13. ธันวันตริ หรือ แพทย์สวรรค์นั่นเอง ซึ่งเทวแพทย์ที่ผุดขึ้นมานี้
ได้ทูนหม้อน้ำทิพย์หรือน้ำอมฤต อันเป็นของชิ้นที่ 14

ถ้าเหล่าอสูรได้กินน้ำอมฤตก็จะเป็นอมตะเหมือนเทวดา
สิ่งที่ทุ่มเทลงไปก็ไม่มีประโยชน์
พระนายณ์จึงอวตารเป็นนางฟ้าโรหิณี เพื่อไปลวงฝ่ายอสูรให้ตามไป
แล้วให้เหล่าเทวดารีบดื่มน้ำอมฤต

แต่มีอสูรตนหนึ่งที่ไม่หลงกล คือราหู
ซึ่งแปลงร่างเป็นเทพ มั่วนิ่มไปต่อคิวกินน้ำอมฤตติกับพวกเทวดา
แต่ว่าพอดี พระจันทร์ กับพระอาทิตย์ แอบไปเห็นเข้า
จึงรีบไปฟ้องพระนารายณ์ ว่าราหูแอบปลอมเป็นเทพ

พระนารายณ์จึงปล่อยจักร ไปตัดร่างกายราหูขาดเป็นสองท่อนทันที
แต่ราหูกินน้ำอมฤกตไปแล้วจึงเป็นอมตะ แต่ร่างกายก็เหลือเพียงครึ่งท่อน
เหล่าอสูรพอรู้สึกตัว ก็หันกลับมาจะขอแบ่งน้ำอมฤกตจากเหล่าเทพ
ฝ่ายเทพจึงโกงกันดื้อๆท้ารบกับอสูร
อสูรก็พ่ายแพ้เพราะเทวดาฆ่าไม่ตายซะแล้ว

ฝ่ายราหูด้วยความแค้นพระจันทร์และพระอาทิตย์
จึงคอยดักจับพระจันทร์กับพระอาทิตย์กินอยู่เรื่อย ๆ
แต่ว่ามีร่างกายครึ่งเดียว เมื่อกลืนพระจันทร์หรือพระอาทิตย์ไปก็หลุดออก
เป็นที่มาของการเกิดจันทรุและสุริยุปราคา นั่นเอง






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2