Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
ภาพหาชมยาก หลังจากหลวงปู่แหวน เข้าสู่นิพพาน.ขอบคุณท่านเจ้าของภาพ
[สั่งพิมพ์]
โดย:
morntanti
เวลา:
2014-11-26 07:27
ชื่อกระทู้:
ภาพหาชมยาก หลังจากหลวงปู่แหวน เข้าสู่นิพพาน.ขอบคุณท่านเจ้าของภาพ
ภาพหาชมยาก หลังจากหลวงปู่แหวน เข้าสู่นิพพาน.ขอบคุณท่านเจ้าของภาพ
โดย:
morntanti
เวลา:
2014-11-26 07:28
เรื่องเล่าชาวสยาม
ได้แชร์
สถานะ
ของ
อาจารย์เสือ บารมี คงทอง
23 ชั่วโมงที่แล้ว
อิมัสมิงกาเย, เกศาคือผม อย่าได้ชื่นชม ว่าผมโสภา,
ทั้งเก้าล้านเส้น เป็นอนันตา, ครั้นแก่ชรา กลับขาวน่าชัง,
โลมาคือขน งอกทั่วตัวตน เป็นอนิจจัง,
ได้เก้าโกฏิเส้น เป็นอสุภัง, น่าเกลียดน่าชัง อย่าชมว่าดี,
นะขาคือเล็บ ถอดหักมักเจ็บ ว่าเล็บกะลี
ทั้งยี่สิบทัส วิบัติอัปรีย์, แก่นสารไม่มี วิปริตสาธารณ์,
ทันตาคือฟัน สามสิบสองอัน ใช่แก่น ใช่สาร,
คลอนคลุกงุกงัน หลุดหักสาธารณ์, ไม่ตั้งอยู่นาน ควรแต่อนิจจา,
ตะโจคือหนัง เปื่อยเน่าพองพัง ทั่วทั้งกายา,
ถ้าจะม้วนเข้า เท่าลูกพุดทรา, อันธพาลา นับถือว่าดี,
มังสาว่าเนื้อ เปื่อยเน่ามิเหลือ เท่าเส้นเกศี,
ทั้งเก้าร้อยชิ้น ในกายอินทรีย์, ตายแล้วเป็นผี น่าเกลียดน่าชัง,
นะหารูว่าเอ็น เก้าร้อยทำเข็ญ เมื่อยขบสรรพางค์,
ลุกโอย นั่งโอย รัญจวนครวญคราง, ให้โทษทุกอย่าง อย่าถือว่าดี,
อัฐิกระดูก เส้นรัดมัดผูก สามร้อยท่อนมี,
เป็นอนัตตา อย่าชมว่าดี, แก่นสารไม่มี เครื่องถมแผ่นดิน,
หาปัญญาไม่ รักใคร่อาจิณ, จะเพิ่มพูนดิน บ่มิคิดถึง,
อวิชชาหุ้มห่อ ผูกรัดมัดตรึง, หลงรักตะบึง บ่มิถอยหลัง,
อิฏฐิมิญชัง เยื่อในกระดูก ละลายหลั่งไหล, เหม็นขื่นเหม็นเขียว
น่าเกลียดน่าชัง, ควรคิดอนิจจัง ทุกขังอนัตตา,
วักกะว่าม้าม แต่ล้วนไม่งาม โสโครกนักหนา,
เครื่องเปื่อยเครื่องเน่า ถมแผ่นพสุธา, ครั้นสิ้นชีวา กาแร้งแย่งกิน,
หะทะยังหัวใจ ม้ามปกคลุมไว้ ในอกอาจิณ,
สิ้นลมหายใจ สุนัขกากิน, เครื่องเน่าทั้งสิ้น ไม่เหลือสักอัน
ยะกะนังว่าตับ เป็นชิ้นประทับ กับหว่างนมนั้น,
กำหนดโดยสี สีแดงแสงอัน, เครื่องเน่าทั้งนั้น ในกายอินทรีย์,
กิโลมะกัง พังผืดนั้นเล่า, พระสรรเพ็ชญ์เจ้า กำหนดโดยสี,
เหมือนทุกูลพัตร, ที่ผ้าพอดี, เก่าแก่เศร้าสี มิสู้งามตา,
เป็นเครื่องสาธารณ์ อาหารแร้งกา, ควรคิดอนิจจา อย่าได้ละวาง,
ไตมีสีอย่าง คอนคนสีทอ, สัณฐานไตนั้น เหมือนสีโคมอ,
อาศัยอยู่ต่อ ที่ท้ายดวงใจ,
ปับผาสังว่าปอด เอาปัญญาสอด ส่งลงภายใน,
ให้เห็นอนิจจัง ประจักษ์แจ่มใส, สีปอดนั้นไซร้ แดงแดงสำราญ,
สามสิบสองชิ้น, ติดกันสัณฐาน, เหมือนขนมหวาน ตัดชิ้นเสี้ยวเสี้ยว,
อันดังไส้ใหญ่ เป็นสายยาวเรียว, เป็นขดลดเลี้ยว ยี่สิบแปดขด,
ไส้ชายกำหนด สามสิบสองศอก, ว่ายืดยาวออก กว่าไส้สตรี,
ไส้หญิงว่าสั้น สี่ศอกโดยมี, กำหนดโดยสี เหมือนฉายปูนขาว,
เบื้องบนนั้นยาว ตลอดลำคอ, เบื้องต่ำนั้นต่อ ทวารเบื้องใต้,
อันตะคุณัง ไส้น้อยกำหนด รัดขัดไส้ใหญ่,
บางทีรัดไว้ บางทีโยนยาน,
อุททะริยัง คืออาหารใหม่, เข้าอยู่ในไส้ เหมือนไถ้ข้าวสาร,
และกะรีสัง คืออาหารเก่า ลงตามทวาร, เหม็นพ้นประมาณ รังเกียจน่าชัง,
ปิตังว่าดี เขียวๆ โดยสี ดีมีสองอย่าง,
อย่างหนึ่งดีฟัก ซึมซาบสรรพางค์, ดีทั้งสองอย่าง อสุจิอสุภัง,
เสมหะเสลดค่น เป็นไข้ไหลล้น น่าเกลียดน่าชัง,
ท่านผู้บัณฑิต ควรคิดอนิจจัง, เสลดปิดบัง อยู่บนอาหาร,
บุพโพว่าหนอง เกิดแต่พุพอง เปื่อยเน่าทุกประการ,
โลหิตังคือเลือด เหลว ไหลซาบซ่าน, ทั่วกายทวาร สีแดงดังชาด,
เลือดคนนั้นไซร้ พอได้เต็มบาตร, เป็นอาโปธาตุ
ขังอยู่ในท้อง,ทับท่วมหัวใจ ตับไตทั้งผอง, ระทึกตรึกตรอง ให้เห็นอนัตตา,
เทโสคือเหงื่อ ซาบอยู่ในเนื้อ ทั่วทั้งสรีรา,
ต้องร้อนไหลหลั่ง เทพังออกมา, โซมทั่วกายา น่าเกลียดเป็นทาง,
เมโทมันข้น ซาบอยู่ในตน ทั่วทั้งสรรพางค์,
สีเหมือนขมิ้น เหลืองอ่อนจางๆ, เหม็นสาบเหม็นสาง โสโครกนักหนา,
อัสสุน้ำเนตร โทมนัสเป็นเหตุ หลั่งไหลออกมา,
จากคลองจักษุ ทั้งสองซ้ายขวา, เป็นท่อธารา หยดย้อยฟูมฟอง,
วะสามันเหลวต้องร้อนไหลนอง, สติตริตรอง ให้เห็นอนัตตา,
เขโพน้ำลาย ที่เหลวอยู่ปลาย ประเทศชิวหา,
ค่นอยู่ปลายลิ้น ไหลออกอัตรา, เร่งคิดอนิจจา อย่าหลงว่าดี,
สิงคาณิกาน้ำมูก ออกช่องจมูก เห็นน่าบัดสี,
บ้างขังบ้างไหล มิใช่พอดี, โสโครกเต็มที น่าเกลียดน่าอาย,
ละสิกาไขข้อ อยู่ที่ข้อต่อ กระดูกร่างกาย,
เหมือนไขทาเพลา แห่งเกวียนทั้งหลาย, อย่าได้มั่นหมาย ว่าเป็นของดี,
เร่งคิดสังเวช จิตตั้งสังเกต ถึงกายอินทรีย์,
ปัญญาส่องมอง ตามครองวิถี, โดยพระบาลี ว่าไว้ในสูตร,
มุตตังมูตรเน่า, ปัสสาวะเก่า แบ่งออกเป็นมูตร, ยิ่งเก่ายิ่งเหม็น
ยิ่งเน่าถึงบูด, รู้ว่าเป็นมูตร แสยงขนพอง,
มัตถะเก มัตถะลุงคัง เยื่อในศีรษะ, คือแป้งสำปั้น อยู่ในสมอง,
ต้องร้อนเมื่อไร เหลวไหลออกนอง, อย่าได้คิดปอง ว่าเป็นแก่นสาร,
เมื่อน้อยเมื่อหนุ่ม หน้าตาฉ่ำชุ่ม เห็นงามตระการ,
ครั้นถึงแก่เฒ่า ปรวนแปรสาธารณ์, ชั่วถ่อยทุกสถาน เห็นน่าบัดสี,
ฟันหักแก้มตอบ หน้าตาเว้าวอก เรี่ยวแรงไม่มี,
ตามืดหูหนัก อัปลักษณ์อัปรีย์, ไม่งามไม่ดี สักสิ่งสักอัน,
เนื้อหนังหู่เหี่ยว เส้นขึ้นเป็นเกลียว ดุจดังเถาวัลย์,
ผมดำก็หงอก กลับกลอกทุกอัน, สิ้นทั้งตัวนั้น เป็นอนัตตา,
ท่านทั้งหลายเอ๋ย อย่าหลงนักเลย กับรูปมายา,
อุตส่าห์ทำบุญ ค้ำจุนเอาไว้ เป็นทางไปสัคคา
อะหัง วันทามิ สัพพะโส, อะหัง วันทามิ นิพพานะปัจจะโย โหตุ ฯ
แชร์ 1 ครั้ง
ถูกใจ
ถูกใจ
· ·
แชร์
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2