Baan Jompra

ชื่อกระทู้: หลวงปู่ชา สุภัทโท ท่านเคยไปเตือนสติพ่อพ่วง(โยมอุปัฏฐากวัด) [สั่งพิมพ์]

โดย: morntanti    เวลา: 2014-11-24 08:59
ชื่อกระทู้: หลวงปู่ชา สุภัทโท ท่านเคยไปเตือนสติพ่อพ่วง(โยมอุปัฏฐากวัด)
ภาพแห่งสยาม


22 พฤศจิกายน
ภาพแห่งสยาม22 พฤศจิกายน


อุปลมณี

หลวงปู่ชา สุภัทโท ท่านเคยไปเตือนสติพ่อพ่วง(โยมอุปัฏฐากวัด) ในคราวที่พ่อพ่วงกำลังจะสิ้นใจ

หลวงพ่อนั่งบนเตียง มองดูพ่อพ่วงอยู่ครู่หนึ่ง
จึงเอามือลูบหน้าพ่อพ่วงเบาๆ และเรียกว่า

"พ่อพ่วง พ่อพ่วง"

เป็นเวลาพอสมควร พ่อพ่วงจึงลืมตาขึ้นเพราะได้ยินเสียงหลวงพ่อ ทั้งหันหน้ามองหลวงพ่อจึงถามว่า

"พ่อพ่วง จำอาตมาได้ไหม?"

พ่อพ่วงผงกศรีษะรับ มองดูหน้าหลวงพ่อแล้วน้ำตาไหล แต่ยังมีเสียงครางอยู่

หลวงพ่อ เอามือจับหน้าผากพ่อพ่วงไว้ แล้วให้โอวาทว่า

" พ่อพ่วง เราเป็นนักปฏิบัตินะเราเคยต่อสู้มันมานาน ถึงเวลาเขามาเอาก็ให้เขาไป มันของเขาจะหวงไว้ทำไม เอาของเขามาก็ส่งคืนเขาไป เก็บเสียงไว้ข้างในสิปล่อยออกมาข้างนอกทำไม "

หลวงพ่อพูดจบ เสียงครางของพ่อพ่วงก็เงียบลงทันที หลวงพ่อจึงให้โอวาทต่อไปว่า

"สังขารนี้ มันไม่เทียงแท้แน่นอน รูปนี้ไม่งาม มันเก่าเพราะใช้มานาน ไปหาเอารูปร่างกายใหม่ไปยังสถานที่เราเคยเห็นโน้น"

หลวงพ่อเอามือลูบหน้าพ่อพ่วงเรื่อยๆ พลางหันมาถามผู้กองบุญสมว่า

"เวลาเท่าไรแล้ว"

ผู้กองบุญสมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วกราบเรียนว่าเวลา ๑๒.๕๕ น. ครับ

"อีกห้านาทีพ่อพ่วงก็จะไปแล้ว"

หลวงพ่อบอกพร้อมกับลูบหน้าลูบตา พ่อพ่วงไปมาตาของพ่อพ่วง ค่อยๆ หรี่ลงๆ พอเปลือกตาปิดกันก็เป็นเวลา ๑๓.๐๐ น. พอดีพ่อพ่วงก็สิ้นใจจากไปด้วยอาการสงบ

*ข้อมูลเรื่องเล่าจากหนังสือ อุปลมณี (หน้า ๔๗๖)

พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
เกิดวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ ๙ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน ๑๐ คน
ขณะมีชีวิตอยู่ท่านได้อุทิศชีวิตเพื่อการปฏิบัติธรรมและเผยแพร่พุทธศาสนา ทั้งแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งบังเกิดผลทำให้ผลงานที่เป็นประโยชน์อเนกอนันต์แก่พระศาสนา ทั้งที่เป็นพระธรรมเทศนา และสำนักปฏิบัติธรรมในนามวัดสาขาวัดหนองป่าพงมากมาย ซึ่งแม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่ศิษยานุศิษย์ของท่านก็ยังคงรักษาแนวทางปฏิบัติธรรมที่ท่านได้สั่งสอนไว้จนถึงปัจจุบัน

เมื่ออายุ ๑๓ ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษาแล้ว โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น สามเณรชา โชติช่วง เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ โดยมีท่านพระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง) อดีตเจ้าอาวาส วัดมณีวนาราม อุบลราชธานี เป็นอุปัชฌาย์สามเณรชา โชติช่วง ได้อยู่จำพรรษาและศึกษาพระปริยัติธรรม ตลอดจนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา ๓ ปี ได้เอาใจใส่ต่อภารกิจของสามเณรท่องสวดมนต์ ทำวัตร ศึกษาหลักสูตรนักธรรมปฏิบัติพระเถระ แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา ทั้งนี้ด้วยความจำเป็นของครอบครัวแบบชาวไร่ชาวนาอีสานทั่วไป ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในการบวชเรียน จึงสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องอุปสมทบเป็นพระให้ได้ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ภายหลังเมื่อตกลงกับบิดามารดาและท่านทั้ง ๒ ก็อนุญาตแล้วจึงได้ฝากตัวที่วัดก่อในที่ใกล้บ้าน แล้วได้รับอนุญาตให้อุปสมบทได้เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๒ เวลา ๑๓.๕๕ น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี

เสร็จภารกิจการศึกษา ประกอบกับเกิดธรรมสังเวชคราวโยมบิดาเสียชีวิต จึงหันมาสู่การปฏิบัติธรรม โดยออกธุดงค์และศึกษาหาแนวทางปฏิบัติในสำนักต่างๆ ผ่านอาจารย์ก็มากมาย เช่น หลวงปู่กินรี หลวงปู่เถระชาวเขมร อาจารย์คำดี พระอาจารย์มั่น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดได้รับอาราธนาจากโยมมารดาและพี่ชาย เพื่อกลับไปโปรดสัตว์ที่บ้านเกิด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ ก็ได้ดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ "วัดหนองป่าพง" และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ ๑๖ มกราคม ๒๕๓๕ เวลา ๐๕.๓๐ น. อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศ

น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในมหาสมัยครบรอบ ๒,๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระมหาสมณโคดม น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในพระราชพิธีศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

...........................
-ภาพแห่งสยาม-











โดย: SHA    เวลา: 2015-3-21 11:48

โดย: thanakorn1    เวลา: 2015-9-22 19:07
อ่านแล้วเศร้า




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2