Baan Jompra

ชื่อกระทู้: วัดในตำนาน "ขุนแผน" [สั่งพิมพ์]

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-11-20 20:31
ชื่อกระทู้: วัดในตำนาน "ขุนแผน"
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2014-11-20 20:35

หากใครได้อ่านวรรณคดีหรือรู้จักเรื่องเล่าของนิทานพื้นบ้าน ''ขุนช้าง ขุนแผน'' แน่นอน ช่วงหนึ่งในเรื่องมีเรื่องราวของมะขามและต่อแตน ที่ว่ากันว่า ขุนแผนร่ำเรียนวิชากระทั่งสามารถเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อตัวแตนไปทำร้ายข้าศึกได้ ทำให้อดตื่นเต้นและจินตน

        ''วัดแค''
เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อปรากฏในวรรณคดีเรื่อง ''ขุนช้าง ขุนแผน'' อยู่ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี ไปทางเหนือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุประมาณ 2 กิโลเมตร ภายในวัดนี้มีต้นมะขามใหญ่ วัดโคนต้นโดยรอบได้ประมาณ 10 เมตร เชื่อกันว่าขุนแผนได้เรียนวิชาเสกใบมะขามจากต้นมะขามต้นนี้ให้เป็นตัวต่อตัวแตนจากท่านอาจารย์คงไว้โจมตีข้าศึก นอกจากนี้ ทางจังหวัดได้สร้างเรือนไทยทรงโบราณเรียกว่า ''คุ้มขุนแผน'' ไว้ใกล้กับต้นมะขามยักษ์นี้อีกด้วย โดยวัดแห่งนี้เคยมีประวัติศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับกษัตริย์ของเมืองสยาม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จฯ ประพาสวัดแค เมื่อ พ.ศ. 2447


        วัดนี้มีโบราณวัตถุที่น่าสนใจได้แก่ พระพุทธบาทสี่รอย ทำด้วยทองเหลือง กว้าง 1.40 เมตร ยาว 2.80 เมตร สร้างซ้อนกันไว้ในรอยใหญ่ นอกจากนี้ก็มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิราบศิลปะรัตนโกสินทร์ จีวรและอังสะเป็นดอกพิกุลงดงามมาก ประดิษฐานอยู่ในวิหารหน้าพระประธาน สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ก็มี เช่น ระฆังทองเหลือง หม้อต้ม กรักทองเหลือง ตู้ใส่หนังสือที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานเมื่อปี 2412



คุ้มขุนแผนที่ทางวัดสร้างขึ้นในเวลาต่อมา เพื่อให้เข้ากับเรื่องเล่าในวรรณคดีเรื่องขุนช้าง ขุนแผน



        สอบถามคนเก่าคนแก่ย่านวัดแค ทุกคนต่างยืนยันว่าเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นเรื่องจริง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดมาจากบรรพบุรุษ โดยวัดแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้มาเยือน และบุคคลที่หลงใหลในความเป็นขุนแผน โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่อยากจะมัดใจสาวสวยให้อยู่หมัด ส่วนใหญ่มักจะนิยมเดินทางมาวัดแค คุ้มขุนแผน เพื่อมาซึมซับบรรยากาศ เผื่อจะได้กลิ่นอายของมหาเสน่ห์กลับไปบ้าง


        ไฮไลต์ของวัดแคอยู่ที่ต้นมะขามยักษ์และตัวต่อยักษ์ ที่ใครเข้าไปแล้วต้องผวา และไม่ลืมที่จะเก็บรูปมาเป็นที่ระลึก โดยต้นมะขามยักษ์อายุนับร้อยปี ตัวต่อยักษ์ กับความเชื่อ เรื่องราวเหนือธรรมชาติที่หลายคนมองเป็นเรื่องขบขัน แต่อีกหลายคนเชื่อและให้ความศรัทธา และเดินทางมาเพื่อค้นหาคำตอบ



มีประชาชนสนใจเดินทางมาทำบุญและไหว้พระที่วัดแคแห่งนี้ไม่ขาดสาย



รอยพระพุทธบาทเป็นอีกสิ่งสักการะของชาวพุทธทั้งในสุพรรณฯ และนักท่องเที่ยวต่างจังหวัด



ตัวต่อยักษ์เป็นอีกตัวละครที่ถูกยกอ้างอยู่ในวรรณคดี



ต้นมะขามยักษ์และคุ้มขุนแผน ยังต้อนรับผู้คนมาเยือน โดยเฉพาะหนุ่มๆ ผู้รวยเสน่ห์
เดือน สิงหาคม  เป็นเดือนแห่งการทำบุญให้ทาน เป็นพิเศษ ของครอบครัวเราเพราะมีคนในครอบครัวเราเกิดเดือนนี้ถึง 3 คน  หลังจากไหว้พระหลวงพ่อโตและถวายสังฆทานที่   วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี   แล้ว
ไปไหว้พระหลวงปูคง วัดแค  พระอาจารย์ของขุนแผน   เป็นวัดที่โด่งดังสมัยละครดัง  สุสานคนเป็น  ที่สำคัญเป็นวัดที่เจ้านายที่บ้านผม(คุณยายของม่อน)วิ่งเล่นเมื่อสมัยเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดสารภี ซึ่งอยู่ติดกัน   
ม่อนกราบพระหลวงปูคง วัดแค ที่เป็น พระอาจารย์ของขุนแผน  
ได้พบกับกระถางธูปมงคล  มีวิธีคิดที่ในปักธูปที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นได้บูชา ขุนแผน  แล้ว ม่อนจึงปิดทองที่หน้าผาก ของขุนแผน  ทำไม ม่อนจึงปิดทองที่ตรงหน้าผากของขุนแผน  คำเฉลย อยู่ภาพด้านล่างครับ   ใครอยากได้อะไร ก็เชิญมาปิดทองกันเอาเองนะครับ


โดย: oustayutt    เวลา: 2014-11-20 20:33
ตามรอยขุนช้างขุนแผน ณ. วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่ ถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรีชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วัดป่า ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตปางป่าเลไลยก์เดิมหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ต่อมาได้มีการบูรณะและทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


วัดป่าเลไลยก์วรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ระดับวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่หน้าบันของวิหารวัดป่าเลไลยก์มีเครื่องหมายพระมหามกุฎอยู่ระหว่างฉัตรคู่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จธุดงค์มาพบสมัยยังทรงผนวชอยู่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงมาปฏิสังขรณ์


วัดป่าเลไลยก์วรวิหารสร้างในสมัยที่เมืองสุพรรณบุรีรุ่งเรือง ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้ากาแตทรงให้มอญน้อยมาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ภายหลัง พ.ศ. 1724
  

ประชาชนมานมัสการ “หลวงพ่อโต” ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารสูงเด่นเห็นแต่ไกล เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ องค์พระสูง 23.46 เมตร รอบองค์ 11.20 เมตร ภายในองค์พระพุทธรูปนี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย จำนวน 36 องค์

ในอดีต..ประวัติวัดป่าเลไลยก์
เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1200 ปี ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองอยู่ทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำสุพรรณ ห่างจากศาลากลางจังหวัด ประมาณ 4 กิโลเมตร
ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าวัดป่า ภายในวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์


ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้ากาเตทรงให้มอญน้อย มาบูรณะวัดป่าเลไลยก์ ภายหลังปี พ.ศ. 1724 เล็กน้อย  หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ (คือประทับนั่งห้อยพระบาท)  มีนักปราชญ์หลายท่านว่า เดิมคงเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา สร้างไว้กลางแจ้งอย่างพระพนัญเชิงสมัยแรกต่อมาได้มีการบูรณะ ซ่อมแซมใหม่ และทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ภายในองค์พระพุทธรูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 36 องค์ ที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย

ภาพเขียนเรื่องราว ขุนช้าง-ขุนแผน
รอบๆ วิหารของหลวงพ่อโต มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน ตั้งแต่เริ่มเรื่อง จนถึงตอนสุดท้ายเป็นภาพที่สวยงาม และได้ความรู้




เรือนขุนช้าง เป็นเรือนไทยแบบโบราณ ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดป่าเลไลยก์ สร้างเป็นเรือนไทยไม้สักหลังใหญ่กว้างขวาง ตามเรือนของขุนช้างในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ขึ้นไปบนเรือนจะเห็นภาพวาดตัวละครขุนช้าง


นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แต่ละห้องจะมีภาพบรรยายเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน มีการจัดแสดงเครื่องใช้ต่างๆในสมัยก่อน มีการตกแต่บริเวณโดยรอบสวยงามน่าเที่ยวชม


http://www.tinyzone.tv/TravelDetail.aspx?ctpostid=1835




โดย: Metha    เวลา: 2014-11-21 01:29





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2