Baan Jompra

ชื่อกระทู้: เจ้าพ่อประตูผา [สั่งพิมพ์]

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-11-19 18:16
ชื่อกระทู้: เจ้าพ่อประตูผา

เจ้าพ่อประตูผา
นักรบผู้กล้าแห่งเมืองลำปาง
เรียบเรียงโดย บรามี

สวัสดีค่ะคุณผู้่อ่านทุกท่านคะ สวัสดีกันในยามที่บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยสายน้ำ น้ำดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เิจิ่งนองไปทั่วทั้งเมืองนะคะ ยามนี้ยามที่พี่น้องของเราลำบาก เราก็สามารถมองเห็นสิ่งหนึ่งได้อย่างชัดเจนนะคะ นั้นก็คือ น้ำใจของคนไทยที่ไม่เคยเหือดหายไปตามสายน้ำค่ะ ทุก ๆ คนลำบาก แต่ก็มีหลาย ๆ มือ ของคนทีพร้อมจะช่วยเหลือผู้ประสพอุทกภัย บรามีเห็นแล้ว ซึ้งใจค่ะ นี่แหละค่ะ เอกลักษณ์ของคนไทย ที่ไม่เคยมีใครทิ้งกันเมือยามบ้ืานเมืองมีภัย

วันนี้ได้เวลาเขียนเรืองราวของนักรบผู้กล้าท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยนะคะ นั่นก็คือ หนานข้อมือเหล็ก หรือ เจ้าพ่อประตูผาค่ะ ก็เรืองมีอยู่ว่า บรามี ได้ไปท่องเทียวภาคเหนืออีกแล้วนะคะ ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเทียวภาคเหนือแต๊ ๆ เลยค่ะ ก็เรียกได้ว่า เดินทางกันเดือนเว้นเดือนเลย เป็นปีที่ บรามีต้องไปจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างนะคะ ที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะเมืองเชียงใหม่ และ เชียงราย ก็เกือบเสร็จสิ้นแล้วค่ะ ภารกิจ แต่เอ ไหน ๆ มาถึงภาคเหนืออันแสนสวยงามแล้ว จะไม่ไปเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงบ้างก็จะเป็นการเสียเที่ยวนะคะ ก็เลยพากันไปท่องเทียว จังหวัดพะเยา แล้วก็เลยมาที่ลำปางนี้่แหละค่ะ พอขับผ่านพะเยาก็เลยเห็นขุนเขาอันสวยงามตระหง่านอยู่ด้านหน้า แล้วสายตาก็มาหยุดที่ป้ายบอกทางว่า พวกเราได้เข้าสู่ดินแดนแห่งเจ้าพ่อประตูผาแล้วล่ะค่ะ

คุณ ๆ รู้สึกไหมคะ ว่าขุนเขาให้ความรู้สึกเยือกเย็น ดูแล้วน่าพิศวงสงสัยว่า ขุนเขาแห่งนี้ ยืนตระหง่านมานานแค่ไหน แล้วขุนเขาเหล่านี้ สามารถยืนตระหง่านผ่านกาลเวลา ปีแล้ว ปีเล่า โดยไม่มีการสั้นไหว หรือ เคลือนย้ายไปไหน ยกเว้นว่าจะมีใครมาตัดเขานะคะ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่มนุษย์มาทำลายความงามแห่งขุนเขาแล้ว เรียกได้ว่า ไม่มีอะไรมาขวาง หรือสั้นคลอนความมั่นคงแห่งภูผาำได้เลยค่ะ เรืองราวที่บรามีจะเล่าเกียวกับท่านหนานข้อมือเหล็ก หรือ เจ้าพ่อประตูผา ก็เป็นเรืองราวที่บอกได้ดีถึงความหนักแน่นและกล้าหาญของท่านค่ะ แม้กาลเวลาผ่านไปนานแสนนาน แต่บรามีเชือว่า ใครที่ได้รับรู้เรืองราวการต่อสู้ของท่าน ก็คงไม่อาจที่จะหลั้่งน้ำตา พร้อมกับชืนชมท่านหนานข้อมือเหล็กผู้มีความกล้าหาญ และจงรักภักดีท่านนี้ค่ะ

เรืองราวของคนดีๆ ก็ต้องบอกต่อใช่ไหมคะ คนทำดีก็ต้องได้ีดี และก็ต้องมีการสรรเสริญ เราเป็นคนรุ่นใหม่ ที่เกิดมาในยุคโลกาภิวัฒน์ อะไร ๆ ในชีวิตสะดวกสบายกันไปหมด อาจจะหลงลืมไปว่าบรรพบุรุษได้ใช้เลือดเนื้อและชีวิตแลกกับดินแดนอันแสนสวย และ อุดมสมบูรณ์มาให้พวกเราคนรุ่นหลังได้อาศัยกันอย่างร่มเย็น ดังนั้นอย่าลืมบุญคุณของบรรพบุรุษนะคะ

เรามาลองอ่านประวัติของหนานข้อมือเหล็กกันดีไหมคะ เตรียมผ้าเช็ดหน้าได้เลยสำหร้บคนบ่อน้ำตาตื้น บรามีน่ะ น้ำตาหยดไปแล้วล่ะคะ ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ

ขอบคุณท่านหนานข้อมือเหล็กที่ต่อสู้เพือปกป้องเอกราชของประเทศไทยค่ะ

_____________________________________________________________________
เจ้าพ่อประตูผาหรือ”พระยามือเหล็ก”เป็นคนบ้านต้า(ปัจจุบันคือบ้านหวด อ.งาว จ.ลำปาง)เป็นเด็กกำพร้าบิดามารดา บวชเรียนป็นศิษย์ของเจ้าอธิการวัดนายาง อ.แม่ทะ จ.ลำปาง “ได้ศึกษาวิชาอยู่ยงคงกระพัน สามารถใช้แขนแทนโล่ห์ได้ เมื่อลาสิกขาออกมา ชาวบ้านจึงเรียกว่า “หนานข้อมือเหล็ก” ต่อมาไปเป็นทหารเมืองเขลางค์(ลำปาง) รับใช้เจ้าเมืองลำปางขณะนั้นคือ เจ้าลิ้นก่าน (ลิ้นสีดำ) เพราะมีนิสัยกล้าหาญและมีฝีมือในการรบจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระยามือเหล็ก ต่อมาเมืองเขลางค์ถูกทัพพม่าซึ่งมีท้าวมหายศซึ่งยึดครองเมืองลำพูนรุกราน เจ้าลิ้นก่านพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่งและพระยามือเหล็กจึงหนีมาตั้งหลักที่ดอยประตูผา และได้มอบหมายให้ขุนนาง4คนคือ แสนเทพ แสนหนังสือ แสนบุญเรือน และจเรน้อย ดูแลรักษาเมืองอยู่ ขุนนางทั้งสี่ไม่กล้าต่อสู้กับทหารพม่าซึ่งกำลังจะเข้าบุกเมือง เจ้าอธิการวัดนายางจึงรวบรวมชาวบ้านเข้าต่อสู้สกัดทัพพม่า แต่ก็สู้ไม่ได้ต้องแตกหนีกันไป ท้าวมหายศแม่ทัพพม่าจึงส่ง ขุนนาง3คนคือ หารฟ้าฟื้น หารฟ้าแมบ และหาญฟ้าง้ำ เข้ามาเจรจากับฝ่ายเมืองเขลางค์ให้ยอมแพ้ แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ พม่าจึงบุกเข้าเมืองและสังหารขุนนางทั้งสี่ แต่จเรน้อยหนีรอดไปได้และไปสมทหารพม่าไล่ติดตามมาทันที่ดอยประตูผาซึ่งมีภูมิประเทศเป็นหน้าผาสูงชัน มีทางเข้า ออก เพียงทางเดียว พญาข้อมือเหล็กจึงให้จเรน้อยพาเจ้าลิ้นก่านไปหลบอยู่ในถ้ำ และได้เข้าต่อสู้กับทหารพม่าอย่างกล้าหารโดยใช้ดาบสองมือ ทหารพม่าล้มตายลงเป็นอันมาก จนทหารพม่าล่าถอยไปไม่กล้าบุกต่อ พญาข้อมือเหล็กอ่อนแรงถือดาบนั่งพิงหน้าผาคุมเชิงอยู่จนสิ้นใจ ฝ่ายทหารพม่าก็ไม่กล้าบุกเข้ามาเพราะนึกว่าเป็นกลอุบายจึงล่าถอยกลับเมืองเขลางค์ เมื่อเมื่อเจ้าลิ้นก่านและจเรน้อยออกมาจึงพบร่างพญาข้อมือเหล็กสิ้นใจพิงหน้าผาอยู่จึงได้ตั้งศาลเพียงตาและเชิญดวงวิญญาณของพญาข้อมือเหล็กมาสิงสถิตอยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงความดีและความกล้าหาญไว้ให้บรรพชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงโดยตั้งชื่อว่า”ศาลพญาข้อมือเหล็ก” ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า”ศาลเจ้าพ่อประตูผา”

รางวัลแห่งความซือสัตย์และกล้าหาญ บางครั้งไม่ได้สวยหรูเสมอไปนะคะ แต่มันคือความตายค่ะ ในกรณีนี้ บรามีืเชือว่า ท่านหนานข้อมือเหล็กคงยินดีมากที่ได้ทราบว่า ทหารพม่าไม่สามารถบุกเข้าเมืองลำปางไ้ด้ เนืองจากกลัวเกรงในความกล้าหาญของท่าน เรียกว่าทัพใหญ่แค่ไหน ก็พ่ายแพ้ต่อคน ๆ เดียวได้ค่ะ ฝากไว้สั้น ๆ นะคะ เืพือพวกเราจะได้ไม่ลืมบุรุษผู้กล้าท่านนี้ค่ะ





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2