Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ~ หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว ~ [สั่งพิมพ์]

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:47
ชื่อกระทู้: ~ หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว ~
ประวัติหลวงพ่อผินะ ปิยธโร

วัดสนมลาว (วัดไทยงาม)
ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี


ย้อนหลังกลับไป เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ชาวบ้านต่างเดินทางไปที่ วัดสนมลาว หมู่ที่ 2 ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี ด้วยเกิดเหตุปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์ ภายหลังการมรณภาพลงอย่างสงบของ “หลวงพ่อผินะ ปิยธโร” สิริอายุ 89 ปี เจ้าอาวาสวัดสนมลาว ร่างหลวงพ่อผินะ ปิยธโร นั่งหมดลมหายใจในท่านั่งขัดสมาธิอย่างสงบ เหตุที่ไม่ปกติเพราะท่านมรณภาพเมื่อเวลาประมาณ 05.14 นาฬิกา แต่เวลาล่วงเลยกว่า 12 ชั่วโมงแล้วร่างกายเนื้อตัวท่านยังอ่อนนิ่ม ไม่คล้ายดังคนที่หมดลมหายใจแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้หลวงพ่อผินะได้ ทำหนังสือเขียนสั่งไว้ มีใจความว่า “เมื่อฉันละสังขาร ขอให้ปฏิบัติตามนี้ คือ ห้ามฉีดยาศพโดยเด็ดขาด ให้เก็บศพไว้ในสภาพนั่งขัดสมาธิ ให้บรรจุศพไว้ในที่เตรียมไว้ ณ สุสานผินะ ไม่ต้องมีการสวดศพ ไม่ต้องบอกคนมาก ห้ามเผาศพโดยเด็ดขาด” สั่ง ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2545 ลงชื่อ พระผินะ ปิยธโร พระอาจารย์ใหญ่ประธานคณะปฏิบัติธรรม วัดสนมลาววิหาร

รูปถ่ายตอนท่านนั่งสมาธิถอดจิตมรณภาพ
[attach]3071[/attach]

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:48
[attach]3072[/attach]

อัตโนประวัติ

หลวงพ่อผินะ ปิยธโร มีนามเดิมว่า ทวาย หาญสาริกิจ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2456 บ้านหัวลำโพง อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี วัยเด็กหลวงพ่อมีโรคประจำตัวรักษาไม่หาย หลังการร้องไห้ทุกครั้ง จะต้องมีอาการชักจนหน้าเขียว โยมมารดาพาไปหาหมอรักษาโรคแต่อาการไม่ดีขึ้น ครั้นพอหมดหนทางจึงได้พาบุตรชายไปหาหลวงพ่อสิน เจ้าอาวาสวัดหนองเตา ต.โนนขี้เหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี

หลวงพ่อสินระบุว่า ชื่อทวาย เป็นกาลกิณี ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นผินะ มาจากคำว่าผิน แปลว่า หันหน้า, หันหลัง, เปลี่ยนทิศทาง, ไม่แยแส, หรือเลิกคบกัน นับแต่นั้นอาการดังกล่าวได้ทุเลาลง

พ.ศ.2481 โยมบิดาได้ล้มป่วยและเสียชีวิต จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรเพื่ออุทิศส่วนกุศล พออายุครบบวชจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดหนองเต่า โดยมีพระครูอุดมคุณาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอทัพทัน เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระมหาอำนวย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ในระหว่างเป็นพระภิกษุ พระผินะได้ขออนุญาตเจ้าอาวาสออกไปจำพรรษาที่วัดเกาะเทโพ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ได้ศึกษาพระธรรมจากหลวงตาคำ ให้รู้ถึงสังขารร่างกายมนุษย์และสัตว์ ล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ร่างกายเน่าเปื่อย

พ.ศ.2481 ท่านสอบได้นักธรรมตรี และออกธุดงค์ ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐาน ณ วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ก่อนจะเดินธุดงค์ไปในหลายจังหวัด ในภาคเหนือ ภาคใต้ ประเทศพม่า ลาว เขมร อินเดีย


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:49
พ.ศ.2485 พระผินะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และพระอาจารย์อีกหลายรูปที่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์

พ.ศ.2527 หลวงพ่อผินะจาริกธุดงค์ผ่านมาถึงวัดโบราณ บ้านสนมลาวเขาโบถส์ ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี เป็นวัดร้าง แต่มีสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ปัจจุบันกลายเป็นวัดสนมลาว และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ

หลวงพ่อผินะ เคยปรารภกับคณะศิษยานุศิษย์ว่า สถานที่แห่งนี้มีความเหมาะสมใช้เป็นที่ละสังขาร และได้มอบหมายให้จัดสร้างเตรียมไว้ล่วงหน้า เป็นอ่างน้ำด้านล่าง ที่ใส่สังขารอยู่ด้านบน อันเป็นปริศนาธรรม หมายถึงการอยู่เหนือพ้นน้ำ ดังเช่น บัวสี่เหล่าที่พระพุทธองค์ได้ทรงกล่าวเทศนาไว้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เหนือการตาย เวียนว่ายตายเกิด สำหรับสุสานที่เก็บสังขารหลวงพ่อผินะ คณะศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้างเจดีย์ ลักษณะคล้ายองค์พระปฐมเจดีย์ครอบไว้สูงประมาณ 10 เมตร ด้านหน้ามีรูปหลวงพ่อผินะ ใต้ฐานเจดีย์เป็นน้ำ มีปลาแหวกว่าย ทุกวันจะมีสาธุชนที่ศรัทธาเลื่อมใสเดินทางมากราบไหว้สังขารหลวงพ่อผินะที่บรรจุในโลงแก้วอยู่เป็นประจำ

หลวงพ่อผินะ ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญา มีฤทธิ์ทางใจเป็นอัศจรรย์ วัตถุมงคลยอดขลัง ประสบการณ์มหัศจรรย์ ท่านสำเร็จกสิณ 10 สามารถ แสดงฤทธิ์ต่างๆได้ ตามประสงค์ รู้วาระจิตของคนอื่น ปลุกเสกวัตถุมงคลขึ้นมาเหมือนมีชีวิตจิตใจ สามารถบนบอกได้ ขอได้ พูดกันรู้เรื่อง ขอให้มีของท่าน อะไรก็ได้ ใช้ได้เหมือนกัน

[attach]3073[/attach]

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:50
คำบูชาหลวงพ่อผินะ ปิยธโร

จุดธูป 5 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ

อะหัง สุขโต ผินะ ปิยะธะโร นามะเต อาจาริโยเม ภันเต โหหิ (ว่า 3 จบ)

คาถาบูชาวัตถุมงคลของพ่อผินะ

“นะเตสุเต” สวดเท่าอายุ ปิดท้ายด้วย “มหาสุเตนะชา”

อธิษฐานตามจิตปรารถนา

คัดลอกมาจาก ::
หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 30
คอลัมน์ สดจากหน้าพระ โดย เสรี สุพรรณ์นอก
วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 15 ฉบับที่ 5447

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:51
[attach]3074[/attach]

พระพิศาลมงคลวัตร เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี (ธรรมยุต) ในขณะนั้น กล่าวว่า ได้ทำการบรรจุศพในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2545 และทำตามที่ท่านสั่งไว้ โดยสั่งช่างทำโลงแก้วบรรจุศพในท่านั่งขัดสมาธิ และนำไปตั้งไว้ที่สุสานผินะ ที่ท่านสั่งให้สร้างไว้แล้ว


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:51
sritoy
วันนี้ขอเล่าเรื่องสุนัขของหลวงพ่อ
    ช่วงที่กระผมได้พบกับหลวงพ่อนั้นหลวงพ่อท่านมีสุนัขคู่ใจ
สองตัว ชื่อเจ้าคุ้มและเจ้าครอง เป็นสุนัขพันธุ์ไทยเพศผู้สังเกตุ
น่าจะตอนแล้วตัวโต เวลาเห่าเสียงดังน่าตกใจยิ่งนักเจ้าสองตัวนี้
อยู่กับหลวงพ่อจนจนวาระสุดท้ายของหลวงพ่อหลังจากนั้นเจ้าสองตัว
มีอาการซึมเสร้าอย่างเห็นได้ชัด เหมือนขาดที่พึ่งที่สนิทใจเช่นเดียวกับ
ใครบางคนก็คือตัวกระผมเองเคว้งคว้างต้องใช้เวลาปรับใจพักใหญ่แล้ว
เจ้าคุ้มและเจ้าครอง ก็อยู่ในการดูแลของพระท่านมารักษาการเรื่อยมา
นานๆได้กลับไปวัดหลวงพ่ออีกครั้ง ทราบข่าวว่าทั้งสองตัวได้หมดอายุขัย
ที่ไล่เลี่ยกันคิดถึงเสียงของทั้งสองครับกระตุ้นสติดีนักแล กล่าวถึงสุนัขทำ
ให้นึกถึงคาถากันสุนัขกัดที่หลวงปู่เเคยให้ไว้ท่องป้องกันตัว ตอนทำงานใน
กรุงเทพโดนสุนัขกัดที่นิ้วชี้เย็บสี่เข็ม ไปหาหลวงพ่อจะขอพระเอาไว้ปลอบขวัญ
ตัวเองท่านบอกว่าไม่ต้องเสียเงินเสียทองก็ได้แค่ท่องคาถาเสกน้ำลาย"อิติ ปุระติ"
ลูบแข้งลูบขารับรองสุนัขกัดไม่เข้าถ้ากัดเสียหมาแน่ ท่านเล่าประสบการณ์แทรกด้วยว่า
มีหนุ่มไปจีบสาวที่บ้านสุนัขดุ กัดน่องเข้าให้เลยตัดพ้อเจ้าของบ้าน ลุงคนเจ้าของบ้านและ
เจ้าของลูกสาวบอกว่าให้ใช้คาถากันสุนัขกัดสิได้ผล ถ้าสุนัขกัดเข้าจะยกลูกสาวให้ หนุ่มเลย
ลองดูสักหน่อย ใจจริงอยากให้กัดเข้าจะได้ลูกสาวเค้าแบบไม่ต้องลงทุน(ฮา)หลวงพ่อบอกว่า
สุนัขกัดไม่เข้าตามคาดจริงๆ ปัจจุบันไม่รู้ว่าหนุ่มคนนั้นได้ศรีภรรยาเป็นคนบ้านสุนัขดุหรือเปล่า
วันนี้ขอเล่าเพียงนี้ครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:52
sritoy
ภาพถ่ายสักใบน่าจะใช้แทนตัวหลวงพ่อได้ครับ
ไม่จำป็นต้องทันหลวงพ่อก็ได้ครับ ประหยัด ปลอดภัย
ได้สาระดี


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:53
sritoy
วันนี้ขอเล่าเรื่อง"คำสอนของหลวงพ่อ"
คำสอนของหลวงพ่อส่วนใหญ่จะปฏิณกะคำพูดสั้นๆ และที่ท่านชอบพูด
อยู่เสมอคือ"คนดีชอบทำ คนระยำชอบติ.."กระผมได้ยินแล้วสะดุ้งจิต
จริงๆครับ ทำให้เราย้อนมาดูตัวเองอยู่เสมอก่อนจะพูดถึงเรื่องของคน
อื่นต้องระมัดระวังใจตัวเองให้ดี ว่าที่เราพูดไปคนรับฟังจะรู้สึกอย่างไร
เราติหรือชมเขาหรือเปล่า หลวงพ่อท่านเน้นให้เราทำให้เป็นธรรมทุก
ก็ลงตัวและคำพูดที่ฝังในหัวของกระผมอยู่ทุกวันนี้คือ"ตัวตายแต่ชื่อยังอยู่
ชั่วฟ้าดินสลาย"ท่านมากระซิบที่ข้างหูตอนที่ผมกำลังเขียนข้อความ"สุสาน
พระอาจารย์ผินะ ปิยะธโร"ที่ข้างเชิงตะกอนที่หลวงพ่อเตรียมเอาไว้ก่อน
ท่านมรณภาพ  ทำให้เราต้องเร่งปฏิบัติความดีให้ดีถึงที่สุดเต็มความสามารถ
ก่อนตาย ตามรอยพระพุทธองค์ และพระสุปฏิปันโนทั้งหลาย..ครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:53
ในเมืองไทยนั้นมักมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าพระภิกษุสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นพระสงฆ์ที่ได้เจริญตามรอยแห่งพระพุทธเจ้าโดยแท้จริง หากได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดก็จะมีปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งจิตเกิดขึ้น ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาที่เน้นเรื่องจิตวิญญาณเป็นหลักใหญ่ และให้ปล่อยวางสังขารทั้งหลายเสีย เพราะร่างกายสังขารเหล่านั้นย่อมเป็นไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ อันเกิดขึ้นตั้งอยู่แปรเปลี่ยนและดับไป และจิตนี้สามารถแสดงกฤษดาปาฏิหารย์ต่างๆได้อย่างเต็มพลัง

หลายคนเคยได้ยินหรือเห็นเรื่องราวของ หลวงพ่อผินะ มาบ้างแล้ว ซึ่งชื่อนี้เพิ่งเริ่มมาปรากฏขึ้นตามสื่อต่างๆเมื่อสามปีที่แล้ว เพราะท่านเป็นพระที่นั่งสมาธิถอดจิตมรณภาพ และสังขารท่านไม่เน่าเปื่อย ท่านได้รู้วันมรณภาพของท่านก่อน อีกทั้งยังได้สั่งว่า “ จงเก็บร่างของฉันไว้ตรงนี้สิบปี อีกสิบปีข้างหน้าฟ้าจะผ่าที่นี่ แล้วให้ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ในเมืองไทยนั้นมีพระที่มรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อยมากมาย แต่ที่นั่งสมาธิมรณภาพเหมือนหลวงพ่อผินะแล้วสังขารไม่เน่านั้นมีไม่กี่รูป หลวงพ่อผินะได้มรณะภาพตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 เป็นการนั่งสมาธิมรณภาพถอดจิตออกจากร่าง ในสมัยก่อนนั้นได้เคยมีรายการทีวีไปขอสัมภาษณ์ท่านแต่ท่านก็ปฏิเสธ การสร้างวัดของท่านก็ไม่เคยไปรบกวนญาติโยมให้เป็นที่เหนื่อยใจแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา ที่สำคัญท่านได้สร้างตามนิมิตที่เกิดขึ้น เหมือนดั่งจำลองสรวงสวรรค์ลงมาบนโลกมนุษย์ และได้ทำให้เป็นปริศนาธรรมเพื่อให้คนเรานั้นได้คิด มีแต่ว่าใครศรัทธาก็มาทำบุญกันไปตามกำลังอันควร แนวทางการสอนธรรมะของท่านก็เน้นเรื่องการแก้ไขสัญญาวิปลาสที่ยึดติดอยู่ในรูปร่างกายที่มักเห็นว่าเป็นของสวยงาม แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยรังแห่งโรค เป็นที่น่าสกปรก เน่าเสียเปลี่ยนแปลงไปทุกวันไม่คงที่ ซึ่งที่เราเรียกว่าอสุภกรรมฐาน นอกจากนี้ท่านยังได้แผ่บารมีช่วยเหลือลูกศิษย์ตามเรื่องเดือดร้อนของคนนั้นๆเป็นรายๆไป จนมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ลูกศิษย์ของท่านมีตั้งแต่ตำรวจทหารที่มียศมีตำแหน่ง นายแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ข้าราชการและพ่อค้า รวมไปถึงผู้ที่นิยมชมชอบเรื่องการนั่งกรรมฐาน



หลวงพ่อผินะท่านได้เดินธุดงค์ไปห้าประเทศในเอเซียเป็นเวลาหลายสิบปี ได้เคยไปกราบท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระผู้เป็นแม่ทัพธรรมแห่งแดนอีสาน ได้รับคำแนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรมจากครูบาอาจารย์หลายท่าน เชื่อกันว่าหลวงพ่อผินะนั้นเป็นผู้ที่สำเร็จกสิณต่างๆ เป็นผู้ที่มีจิตเข้มแข็งล่วงรู้อดีตและอนาคตได้ สามารถอธิษฐานจิตช่วยเหลือผู้ที่มีเคราะห์กรรมให้ผ่านพ้นไปได้ ที่สำคัญหลวงพ่อผินะได้สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังได้อย่างศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังอย่างมาก วัตถุมงคลและเครื่องรางของท่านนั้นผู้ที่ได้ไปบูชาติดตัวอยู่ต่างก็รับรู้ถึงประสบการณ์ที่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุ้มครองแคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี กันเสนีดจัญไรคุณไสย์ต่างๆ เรียกได้ว่าครอบจักรวาลไม่เป็นที่สองรองใคร เพราะเครื่องรางยุคต้นของท่านนั้นได้ทำจากสิ่งที่เอาได้ยากของสตรี ผสมกับว่านสมุนไพรต่างๆที่ท่านได้รวบรวมตอนที่ท่านธุดงค์อยู่ในป่า และที่สำคัญอีกอย่างก็คือเครื่องรางของท่านมีเอกลักษณ์เป็นรูปเดือนและดาว เครื่องรางรูปดาวอาถรรพ์ นี้ถือว่าเป็นเครื่องรางที่สร้างขึ้นมาไม่เลียนแบบใคร ท่านได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นปริศนาธรรมตามนิมิต โดยด้านหนึ่งเป็นดาวห้าแฉกอันหมายถึงพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ของภัทรกัปป์นี้ อีกด้านเป็นดาวแปดแฉกอันหมายถึงพระอรหันต์แปดทิศที่คุ้มครองทิศทั้งแปด เครื่องรางดาวอาถรรพ์นี้สร้างน้อยมาก มีหลายเนื้อหลายพิมพ์ทั้งใหญ่และเล็ก เชื่อว่าแต่ละพิมพ์นั้นสร้างเป็นหลักสิบและหลักร้อยต้นๆเท่านั้น ที่สำคัญก็คือเป็นที่หวงแหนของลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่จะอยู่กับผู้มีอันจะกินทั้งตำรวจทหารและนายแพทย์ ผู้ที่ได้ครอบครองก็มักจะได้รับรู้ถึงพลังที่หลวงพ่อผินะได้ประจุเอาไว้ หลวงผ่อผินะได้เรียกเครื่องรางชนิดนี้ว่า “แม่เนื้อหอม” ท่านมักจะให้ใช้น้ำหอมมาเป็นเครื่องบูชาและทำการอธิษฐานในเรื่องที่ตัวเองปรารถนาเอาไว้ นอกจากนี้ก็ยังบนบอกให้ช่วยเหลือก็ได้ มักจะได้รับความสำเร็จเป็นคราวๆไป ดาวอาถรรพ์ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคต้นประมาณปี 2500 นั้น ตอนนี้กำลังเป็นที่เสาะหากันเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นของที่สร้างน้อยมาก และเมื่อมีคนนำไปใช้ก็เห็นผลเป็นอย่างมาก จึงทำให้ราคาในการที่จะได้มาก็หลายหมื่น เท่าที่ปรากฏเมื่อปลายปีที่แล้วได้แตะหลักสิบสองหมื่นไปแล้ว ซึ่งราคาในขณะนี้ยังคงขึ้นไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องรางที่แซงทางโค้งไล่คู่คี่ของพระผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมมาติดๆ ส่วนรุ่นหลังๆราคาก็ยังคงไม่แพงนัก การใช้เครื่องรางยุคแรกที่เรียกว่าแม่เนื้อหอมนั้นหลวงพ่อผินะท่านไม่ให้แขวนรวมกับพระเครื่อง เพราะบางส่วนที่นำมาผสมนั้นเกี่ยวข้องกับสตรี ท่านได้ให้แขวนไว้แถวเอว แต่ถ้าแขวนเดี่ยวก็แขวนคอได้เลย ส่วนดาวอาถรรพ์ยุคหลังนั้นแขวนรวมกับพระเครื่องทั่วไปได้ ที่สำคัญ หลวงพ่อผินะท่านให้แขวนแบบเอียง ๆ หลวงพ่อท่านบอกว่าใจคนนั้นไม่ตรงเท่าไหร่ จะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่ท่านได้บอกกล่าวนั้นล้วนแต่เป็นปริศนาธรรมทั้งสิ้นเพื่อให้ผู้มีปัญญาทั้งหลายได้ขบคิดตีความตามแนวทางเฉพาะตัวของท่านในการสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาเพื่อให้คนทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรม ยังมีอีกเรื่องที่มักปรากฏกับผู้ที่ได้รับแม่เนื้อหอมไปแล้ว ก็คือหากเก็บรักษาไม่ดีเท่าที่ควร แม่เนื้อหอมก็จะหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ บางทีก็เหลือแต่กรอบเปล่าก็มี คล้ายกับสมเด็จเสด็จกลับของหลวงปู่สุภาที่จังหวัดภูเก็ต

นอกจากเครื่องรางรูปดาวอาถรรพ์แล้ว ยังมีเครื่องรางอีกประเภทคือ “คุณพ่อปลัด” ปลัดของหลวงพ่อผินะนั้นท่านได้ทำค่อนข้างใหญ่ ยาวเกินคืบ ต้องคนที่ใจรักจริงๆถึงจะพกได้ แต่ที่สำคัญนั้นคุณพ่อปลัดของท่านมีฤทธิ์มากโดยเฉพาะเรื่องเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ หลายคนที่ได้ใช้และรู้วิธีใช้ก็ได้เห็นผลกันมามากแล้ว คุณพ่อปลัดของหลวงพ่อผินะนั้นมีสองแบบโดยรวม คือแบบหัวคนหรือที่เรียกว่าหัวหอม และแบบหัวชมด แบบหัวชมดนี้มีทั้งที่ฝังพลอยและไม่ฝังพลอย นอกจากนี้ยังมีลิ้นหลายแบบ เช่น ลิ้นทองแดง ลิ้นทองเหลือง ลิ้นเงิน ลิ้นทองคำ นอกจากนี้แล้วยังมีหลายขนาด มีทั้งแบบใหญ่มากสำหรับบูชาที่บ้านหรือแบบพกพา( ขนาดพกพาก็ยาวเป็นคืบ ) แต่ที่เป็นตัวเล็กๆจริงๆนั้นหายากมากมักไม่ค่อยได้เห็นกัน คุณพ่อปลัดของท่านได้สร้างจากหลายเนื้อไม้ ตั้งแต่แก่นของพญาไม้ ไม้พญาสัตบรรณ ไม้สัก ไม้งิ้วดำ ไม้กัลปังหา โดยเฉพาะที่ทำจากกัลปังหานั้นตอนที่เสกอยู่ก็ถึงกับกระโดดออกจากบาตรของท่าน คุณพ่อปลัดตอนนี้ถือว่าเป็นเครื่องรางที่แพงรองจากดาวอาถรรพ์ เป็นที่นิยมและต้องการของคนเป็นจำนวนมากเนื่องจากคำร่ำลือถืออานุภาพฤทธิ์ในด้านเมตตาและโชคลาภ คนที่ได้ไว้ต่างหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งรูปแบบของคุณพ่อปลัดที่ทำเป็นหัวชมดนั้นก็เป็นรูปแบบของเฉพาะตัวของตระกูลเครื่องรางตามแบบหลวงพ่อเช่นกัน ราคาของเครื่องรางตอนนี้ก็อยู่ที่หลายหมื่น การใช้เครื่องรางของท่านก็พิศดารคือ ที่ด้านท้ายของคุณพ่อปลัดนั้น ท่านทำรูเอาไว้สองรู รูล่างมักจะอุดด้วยว่านและผงที่ศักดิ์สิทธิ์ รูบนท่านจะให้เขียนชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิดใส่ไว้ เพื่อกำกับว่าให้คุณพ่อปลัดคุ้มครองแก่ดวงชะตาของผู้นั้นๆ และที่สำคัญต้องบูชาด้วยน้ำหอมเช่นเดียวกับดาวอาถรรพ์ ดาวอาถรรพ์นั้นถือว่าเป็นคุณแม่ ส่วนคุณพ่อปลัดนั้นถือว่าเป็นคุณพ่อ เป็นปริศนาที่ว่ามนุษย์นั้นต้องเกิดมาจากบิดาและมารดา ถ้าเป็นคนจีนก็ต้องบอกว่าเป็นธาตุหยินและหยางรวมกันจึงก่อเกิดได้ การเลือกคุณพ่อปลัดของหลวงพ่อผินะนั้นต้องดูให้ดี เพราะเห็นว่าเริ่มมีของปลอมระบาดมากขึ้น ควรเลือกแบบที่มีสองรูด้านท้าย ที่สำคัญรอยแกะที่เป็นอักขระคาถาของท่านนั้นก็เป็นวิชากำกับคุณพ่อปลัดของท่านโดยเฉพาะ การเลือกนั้นให้ระวังที่เป็นตัวเขียนเมจิก เพราะโดยส่วนใหญ่นั้นท่านจะแกะอักขระลงไปบนตัวของคุณพ่อปลัดเลย การจะเลือกซื้อต้องดูที่มาที่ไป และซื้อกับคนที่เชื่อถือได้เท่านั้น และต้องดูอักขระให้เป็นด้วย

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:54
หลังจากที่ได้เขียนตอนที่หนึ่งเสร็จก็ได้รับการติดต่อสอบถามเรื่องราวของท่านเป็นอันมากจากผู้อ่าน และมีผู้มาเล่าในความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น แม้แต่ผู้เขียนเองก็ได้รับอานิสงค์จากพลังที่ท่านได้ประจุอยู่ในวัตถุมงคลของท่านเป็นอันมาก อีกทั้งได้รับข่าวสารเพิ่มเติมถึงประสบการณ์ของผู้ที่ได้ใช้วัตถุมงคลของท่าน เช่น เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้บูชา พระปางธรรมจักร ของหลวงพ่อผินะไปติดอยู่ที่น่ารถได้ประสบอุบัติเหตุรถชนกันอย่างแรงท่านชลบุรี ปรากฏว่าคนที่อยู่ในรถที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่มีพระปางธรรมจักรอยู่หน้ารถนั้นไม่เป็นอะไรเลยรวมถึงคนที่นั่งมาทุกคนด้วย แต่รถของคู่กรณีพังยับเยินแถมมีคนบาดเจ็บอย่างหนัก พอเกิดเรื่องอุบัติเหตุนี้ก็เลยได้กลับมาเล่าให้ที่วัดฟังแถมมาบูชาวัตถุมงคลเพิ่มอีกด้วยความมั่นใจในปาฎิหารย์ศรัทธาที่เต็มเปี่ยมกับหลวงพ่อ ผินะ หลวงพ่อเคยบอกว่าพระของท่านคุ้มครองได้ 7 คนต่อองค์ ตอนนี้ที่วัดยังพอมีเหลืออยู่บ้าง การบูชาวัตถุมงคลที่วัดนั้นก็ถือว่าได้สร้างบุญไปด้วยเงินที่ได้มาก็ได้นำไปบูรณะวัด เพราะที่วัดนั้นกำลังเริ่มปรับปรุงอยู่ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนนี้จะมีการเททองหล่อรูปจำลองของหลวงพ่อผินะขึ้นมาเป็นครั้งแรกในวันที่ 10 มิถุนายน

นอกจากเรื่องการคุ้มครองเรื่องอุบัติเหตุแล้วก็ได้มีอีกรายอยู่ที่จังหวัดเชียงรายได้บูชา พ่อปลัดแบบหัวชะมด ไปหนึ่งองค์ โดยทำบุญ 25,000 บาท เมื่อได้ไปลองใช้ตามคำแนะนำก็เกิดเห็นเป็นตัวเลขขึ้นมาเลยนำไปเสี่ยงโชคถูกหวยบนดินใต้ดินร่วมแสนกว่าบาทก็เลยได้กลับมาทำบุญบูชาแม่เนื้อหอมยุคแรกจากวัด 80,000 บาท ซึ่งเรื่องนี้สามารถสอบถามเจ้าอาวาสได้เลย จริงๆ แล้วอภินิหารอิทธิฤทธิ์ของท่านนั้นจะเล่าจริงๆ ก็คงไม่จบ เพราะมีทั้งมหาเสน่ห์ โชคลาภ แคล้วคลาด อีกทั้งยังสามารถพลิกดวงชะตาที่อับเฉาให้กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้งอย่างน่ามหัศจรรย์ แต่ต้องมีวิธีใช้ตามแบบของท่านด้วย และสามารถบอกกล่าวได้ บางครั้งแสดงฤทธิ์แบบเป็นตัวเป็นตนได้อย่างชัดเจนอย่างที่ไดที่มีอาถรรพ์อยู่ในบางครั้งดาวก็จะบอกให้ล่วงรู้ อย่างเมื่อไม่นานนี้ก็ได้มีนักธุรกิจไปเที่ยวเมืองจีนซึ่งหนาวมากอุณหภูมิลบ 2 องศา พอเดินผ่านประตูเมืองจีนที่เขาใช้สัตว์หรือคนฝังทั้งเป็นตอนทำประตูเมืองในสมัยโบราณนั้นดาวก็แสดงฤทธิ์ร้อนวูบวาบตลอดเวลา อันเป็นการแสดงพลังเข้าคุ้มครองผู้เป็นเจ้าของ พอกลับมาเมืองไทยเลยต้องหามาสะสมเพิ่มด้วยความเคารพศรัทธาแรงกล้า เพราะยังไม่เคยได้สัมผัสเครื่องรางที่ทรงพลังเช่นของหลวงพ่อผินะมาก่อน

มีหลายคนถามถึงเรื่องวัตถุมงคลของท่านว่ามีอะไรบ้างนอกเหนือจาก ดาว และ คุณพ่อปลัด อีกทั้งยังอยากทราบรายละเอียดเรื่องดาวและปลัดเพิ่มเติมอีก ทำให้ผู้เขียนเองต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกศิษย์สายตรง จึงพอสรุปได้ว่าดาวของท่านน่าจะแบ่งเป็นสองประเภทคือ ดาวอาถรรพ์ และ ดาวมหามงคล ดาวอาถรรพ์ที่เป็นยุคแรกนั้นจะมีส่วนผสมของดีที่เห็นได้ง่ายแต่เอายากในสัดส่วนที่มาก ซึ่งท่านเริ่มทำตั้งแต่ราวๆ ปี 2500 ซึ่งดาวอาถรรพ์ในครั้งนั้นเราเรียกว่าดาวนายพล เพราะใส่ผงและน้ำมันอาถรรพ์มากจึงเรียกว่าดาวอาถรรพ์ จนกระทั้งหลวงพ่อท่านได้มาอยู่ที่วัดพระสนมลาว พ.ศ. 2527 ท่านก็ได้เริ่มทำดาวอาถรรพ์อีกครั้ง หลวงพ่อเรียกว่า แม่เนื้อหอม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกลีบบัวสำหรับผู้ชายและหยดน้ำเล็กสำหรับผู้หญิง ราวๆ ปี พ.ศ. 2534 ผงดาวอาถรรพ์เริ่มลดน้อยลงหลวงพ่อท่านจึงอาศัยไม้มงคลต่างๆ 12 ชนิดมาผสม ส่วนผงอาถรรพ์นั้นใส่น้อยมากๆ ตรงนี้นี่เองทางวัดจึงเรียกว่า ดาวมหามงคล เพราะใส่ส่วนผสมของไม้มหามงคลมากและที่สำคัญพระของหลวงพ่อผินะโดยส่วนใหญ่นั้นเป็นเนื้อดินดิบผสมว่าน จะไม่ได้ผ่านการเผาแบบเนื้อดินเผา ซึ่งหลวงพ่อเคยกล่าวว่าที่ไม่ทำแบบดินเผาเพราะว่านไม้มงคลต่างๆ จะเสื่อมฤทธิ์ อยากให้คุณวิเศษทั้งหลายของว่านไม้ต่างๆ อยู่แบบเต็มร้อย เวลานำไปใช้จึงได้ผลคงความศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา ดาวมหามงคลนี้จะมีรูปดาวกับเดือนที่เราเรียกว่าดาวเปาบุ้นจิ้น และมีแบบที่มีแปดแฉกห้าแฉกใหญ่และเล็ก หลวงพ่อท่านจะเรียกว่าแบบใหญ่ว่า นายร้อยนายพัน (สำหรับผู้ชายใช้ ตอนนี้ที่วัดยังมีเหลืออยู่เล็กน้อย) ส่วนแบบเล็กเรียกว่า นายสิบ (สำหรับผู้หญิงใช้ ตอนนี้ที่วัดยังมีเหลือเช่นกัน) นอกจากนี้ก็มี แบบติดดาว ซึ่งหลวงพ่อผินะจะติดให้เฉพาะผู้ที่มีอาชีพเป็นตำรวจและทหารเท่านั้น ส่วนการติดพลอยนั้นไม่ได้ติดทุกองค์เพราะติดไม่ทันกัน แต่ได้บรรจุเม็ดกริ่งทุกองค์ บางครั้งกริ่งจะขัดเขย่าไม่ดัง ดาวของท่านดีทุกทางจริงๆ ผู้เขียนเองยังไม่เคยเจอวัตถุมงคลที่มีพลังเช่นนี้มาก่อนเลย อีกทั้งของสิ่งนี้ก็ได้สร้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามนิมิตของท่านเอง ซึ่งหลวงพ่อพูดอยู่เสมอว่า เมื่อจิตสงบปัญญาก็เกิดเอง ปัญญานี้แหละที่ทำให้จิตเกิดความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:54
วัตถุมงคลอีกอย่างของท่านก็คือ คุณพ่อปลัด จริงๆ แล้วท่านทำไว้หลายแบบมาก มีทั้งใหญ่และเล็ก แต่ที่เป็นที่นิยมได้แก่ปลัดที่แกะเป็นหัวคล้ายๆ สัตว์โดยให้คนที่แกะมีสี่คน ปลัดของท่านจึงมีสี่แบบ คือ หัวชะมด หัวสิงค์ หัวหนู หัวนาค บางครั้งหลวงพ่อท่านก็เรียกว่า พระอินทร์ โดยมีลิ้นแบบทองแดง ทองเหลือง เงิน ทองคำ ปลัดของท่านเป็นปลัดที่แพงที่สุดในโลกเพราะตอนที่ออกจากวัดในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ก็ให้เฉพาะผู้ที่ร่วมทำบุญ 15,000 บาท และที่สำคัญก็ยังต้องรอกันเป็นปีถึงจะได้ตอนนี้ที่ทราบก็คือ ที่เป็นองค์ครูยาวขนาดศอกที่ใช้บูชาที่บ้านมีคนตั้งราคาไว้ 300,000 (สามแสนบาท) ปลัดของท่านนั้นสามารถอธิษฐานส่งจิตให้เกอดความเมตตามหาเสน่ห์ไปเข้าฝันคนที่เราต้องการได้ สามารถบนบอกเรื่องราวต่างๆ ให้สัมฤทธิ์ผลได้จริงๆ ปลัดของท่านมีแบบรูเดียวและสองรู ถ้าแบบสองรูนั้นก็ให้ใส่ดวงปิดทองคำเปลว ก็จะสามารถใช้ได้ดังใจนึกปลัดของท่านมักจะมีขนาดใหญ่ค่อนข้างมากยาวร่วมคืบ บางทีใส่ในกระเป๋ากางเกงยังไม่ได้เลย ต้องใส่กระเป๋าเอกสารแทน ส่วนอีกแบบจะเป็นแบบหัวคนหรือหัวหอม ราคาจะถูกลงมามาก

เครื่องรางอีกอย่างที่มีคนต้องการมากเช่นกัน แล้วก็หายากกว่าดาวอีกได้แก่ กะลาตาเดียวและกะลาไม่มีตานำมาแกะเป็นรูปพระราหูด้านหน้าส่วนด้านหลังก็แกะเป็นองค์กำเนิดของมนุษย์ หลายคนจึงเรียกว่า พระราหูองค์กำเนิด ราหูของท่านนั้นดีทางเมตตา กันคุณไสย์ โชคลาภ พวกที่เดินทางไปทำมาหากินที่ต่างแดนนิยมมาก บางคนส่งเงินมาจากญี่ปุ่นเพื่อขอบูชาพระราหูโดยเฉพาะ หลายคนเดินทางไปคาสิโนก็ได้กลับมากันเยอะ เพราะพระราหูท่านอยู่ด้านมืด จริงๆ แล้วพระราหูนั้นจะมีน้อยกว่า คุณพ่อปลัด ด้วยซ้ำ ราคาตอนนี้ก็เริ่มขยับมาเรื่อยๆ อีกหน่อยราคาจะแซงของวัดศรีษะทอง เพราะของมีน้อยชิ้น และประสบการณ์ดีจริงๆ เห็นผลทันใจ พระราหูนั้น ครูบาอาจารย์ท่านเอาไว้กลับดวงจากร้ายกลายเป็นดี ราหูยุคแรกๆ ของท่านจะเคี่ยวในน้ำมันอาถรรพ์ ยุคหลังไม่ทันได้เคี่ยวด้วยน้ำมันก็มีเช่นกัน และมีทั้งแบบแกะเป็นรูปและไม่ได้แกะก็มี ต้องระวังของปลอมนะจะบอกให้ แต่ถ้าทำจากงาช้างและแกะเป็นราหู ตอนนี้ราคา 200,000 (สองแสนบาท) ราคาเหล่านี้เป็นราคาจริงที่มีคนกล้าเปลี่ยนมือกัน เพราะมีความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังของหลวงพ่อ

นอกจากนี้ก็ยังมี เครื่องรางที่ทำเป็นรูปดวงตา จริงๆ แล้วหลวงพ่อท่านสร้างมาในยุคต้นๆ พร้อมกับดาวอาถรรพ์ เนื่องจากเป็นสื่อความหมายของการมีดวงตาเห็นธรรม อันหมายถึงปัญญาสูงสุด แต่สิ่งซึ่งหลวงพ่อท่านได้นำมาผสมได้แก่ข้าวสารหินและข้าวสารดำ ท่านเคยกล่าวว่าท่านได้พบข้าววิเศษที่ผู้วิเศษแต่โบราณได้เสกไว้จนกลายเป็นหินหนักสามตันครึ่ง ท่านจึงนำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างเป็นดวงตาและพระอื่นๆ ขึ้นมา สำหรับดวงตานี้ท่านได้บอกกับคนใกล้ชิดว่ามีตาทำให้เกิดเมตตาเอ็นดู และเม็ดตาทำให้เกิดปัญญาคล่องในการเรียนเขียนอ่าน ดวงตานี้หลวงพ่อท่านให้ใช้คู่กับพระหรือเครื่องรางแบบอื่นด้วยยิ่งดี ดวงตาจะมีสีออกดำหรือสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งสีดำจะแก่สมุนไพรว่านยาไม้มงคลและข้าวสารดำเป็นส่วนใหญ่ สีเหลืองจะเป็นข้าวสารหินแลไม้มงคล บางครั้งดวงตาก็จะติดเพชร หรืองบางทีไม่ติดก็มี แต่ที่แน่ๆ แม่เหล็กต้องดูดติด เพราะท่านได้สูตรการสร้างแบบเดียวกับที่น้ำพี้และได้เหล็กน้ำพี้ผสมเป็นเนื้อเอก บางคนลูกเรียนหนังสือไม่เก่งก็ลองให้แขวนดวงตาดูสักพัก เพราะท่านบอกเรื่องนี้ไว้ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เกิดปัญญาคล่องการเรียนเขียนอ่าน ดวงตานี้ดูเหมือนว่าหลวงพ่อท่านจะทำน้อยเช่นกัน จะมีสองขนาด แต่ถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่รู้ถ้าสังเกตก็จะเล็กใหญ่หว่ากันเล็กน้อยเท่านั้น ท่านมักจะพูดเสมอว่าสิ่งนี้ดีจริง หาสิ่งเปรียบปานได้ยากเพราะทำด้วยข้าวศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ข้าวคือตัวแทนของแม่พระโพสพ อันหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์อิ่มเอม ดังนั้นในพระอื่นหลวงพ่อจึงมีรูปแม่พระโพสพอยู่เสมอ

จริงๆ แล้ววัตถุมงคลของท่านมีมากเหมือนกันแต่คนไม่ค่อยรู้ เท่าที่ผู้เขียนทราบก็มี ดาวอาถรรพ์และดาวมหามงคล คุณพ่อปลัด พระราหู ลูกประคำ มีดหมอ ตะกรุด พระสูตร พระวินัย พระปรมัต สมเด็จปรกโพธิ์ พระสมเด็จใหญ่หลังพระสังกัจจายน์ สมเด็จเล็กหลังเจ้าแม่กวนอิม พระปางโปรดดาวดึงส์ พระปางธรรมจักร ลูกอมปฐวีธาตุ ลูกอมเนื้อผงอาถรรพ์ พระปางเปิดโลก พระพิมพ์ขี่เต่า-วัว (พระปลดหนี้) พระพิมพ์ขี่ไก่-พญานาค (พระแคล้วคลาด) พระพิมพ์ขี่รางสีห์-วัว (พระค้าขาย) สีผึ้งมหาเสน่ห์ พระพิมพ์ท่านเจริญธรรมด้านหลังท่านอาจารย์มั่น (อาจารย์ของหลวงพ่อผินะ) รูปถ่ายเก่า รูปพระปางชมพูบดีใส่กรอบโบราณ นอกจากนี้ยังมีพิมพ์อื่นๆ อีก

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:55
เรื่องราวของอภินิหารและจิตตานุภาพของหลวงพ่อผินะนั้น เป็นเรื่องที่ผู้คนกล่าวขานกันมาตลอด แต่ด้วยหลวงพ่อท่านเป็นผู้ที่ปฏิเสธสื่อต่างๆ คือไม่ยึดติดอยู่กับชื่อเสียงสรรเสริญเยินยอ ท่านจึงไม่ค่อยให้เผยแพร่แต่ก็มีบางคนที่ได้พบเห็นเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติมากมายจากหลวงพ่อท่าน เช่น ท่านเคยเสกทรายเพื่อนำไปสะกดและขับไล่อาถรรพ์ในที่ของลูกศิษย์คนหนึ่ง โดยให้นำทรายมาใส่ในถังน้ำที่มีน้ำอยู่ แล้วท่านก็ใช้มือเปล่าจุ่มน้ำ แล้วใช้จิตดูดทรายเข้ามาที่ฝ่ามือทีละกำมือ เมื่อยกมือขึ้นพ้นน้ำปรากฏว่ามือท่านแห้งสนิท หลวงพ่อผินะท่านเสกทรายแบบนี้ทีละกำมือจนทรายหมดในถังน้ำ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นประมาณปีพ.ศ. 2542ได้รับการบอกเล่าจากลูกศิษย์สายตรงที่รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อ บางคนบอกว่าหลวงพ่อผินะนั้นมีพลังจิตที่พิเศษเข้มแข็งเหมือนกับ หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จังหวัด ชัยนาท หรือบางคนก็ว่าเหมือนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เครื่องรางของขลังหรือพระเครื่องต่างๆที่ท่านได้ปลุกเสกนั้นล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก สามารถจะดลบันดาลให้เรื่องราวต่างๆประสบแต่เรื่องดีๆในชีวิต หลวงพ่อท่านพูดกับหลายคนเสมอว่าพระเครื่องและเครื่องรางของท่านต่อไปจะหายากพลิกแผ่นดิน ให้เก็บรักษาให้ดีๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นถือว่าเป็นตัวช่วยที่เห็นผลจริงในนาทีนี้ หากไม่ฝืนกฏแห่งกรรมแล้วไซร้ ความเข้มขลังย่อมส่งผลแน่นอน

เมื่อปีพ.ศ. 2536 หลวงพ่อผินะได้บอกคนใกล้ชิดหลายๆคนว่า ปีพ.ศ. 2540 เงินจะต่อเงิน แต่ให้ระวังความวุ่นวาย มีลูกศิษย์ของท่านบางคนหัวไวเลยซื้อเงินดอลล่าร์เก็บไว้เป็นจำนวนมาก พอปีพ.ศ.2540 ก็ได้มีการประกาศค่าเงินบาทลอยตัว จากราคาหนึ่งดอลล่าร์ยี่สิบสี่บาทกลายเป็นหนึ่งดอลล่าร์ห้าสิบบาท ปรากฏว่าลูกศิษย์คนนี้ได้กำไรมากพอที่จะนำเงินไปถวายท่านหนึ่งล้านบาทสดๆ เรื่องนี้ก็เป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ลูกศิษย์ท่าน กล่าวขานกันว่าท่านมีอนาคตังสญาณคือการล่วงรู้อนาคตอย่างแม่นยำ มีหูทิพย์ตาทิพย์สามารถพูดคุยสื่อสารกับเทวดาและจิตวิญญาณต่างๆได้ เช่น ท่านสามารถสื่อสารกับเทพองค์หนึ่งในโลกทิพย์ได้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อ และคอยบอกกล่าวแนะนำการปฏิบัติของท่านให้เจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก เทพองค์นี้มีชื่อว่า ท่านเจริญธรรม

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้มีนักพัฒนาที่ดินที่ภูเก็ตท่านหนึ่งได้บูชาแม่เนื้อหอมและวัตถุมงคลอื่นๆไป เมื่อได้บูชาไปสามสัปดาห์ปรากฏว่านักธุรกิจท่านนี้ได้โทรมาเล่าขานประสบการณ์ให้ฟังว่า แม่เนื้อหอมนั้นดีมากรวมทั้งวัตถุมงคลอื่นๆก็เช่นกัน หลังจากได้ทำตามวิธีบูชาและสวดคาถาสมหวังแล้ว โครงการที่ติดขัดอยู่นั้นได้มีนายทุนอนุมัติเงินร่วมสามร้อยล้านบาททั้งๆที่ขอไปแค่สองร้อยล้านเท่านั้น ส่วนนายทุนอีกคนเสนอขอซื้อโครงการนี้เช่นกัน ส่วนนายทุนอีกคนก็มาขอร่วมลงทุนด้วย และยังมีคนอื่นๆเสนอเงื่อนไขดีๆมาให้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้จะพูดคุยกับใครก็ไม่มีคนสนใจหรือไปขอความช่วยเหลือกับใครก็มีแต่คนปฏิเสธ แต่เดี๋ยวนี้มีแต่คนดีๆเข้ามาช่วยเหลือทางธุรกิจสวนกระแสกับภาวะปัจจุบัน จริงๆแล้วยังมีตัวอย่างอื่นๆที่มีคนบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อผินะแล้วประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆมากมาย อย่างเรื่องการขายที่ดิน เมื่อเร็วๆนี้ก็มีคนขายที่ได้สิบกว่าล้านบาท หลังจากได้บูชาเครื่องรางและพระเครื่องของหลวงพ่อ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ความรัก แคล้วคลาด คุ้มครองในทุกๆด้าน พระของหลวงพ่อล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ทั้งสิ้น จากนี้จะกล่าวถึงพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อตั้งชื่อตามหมวดของพระไตรปิฏก และเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา หลวงพ่อท่านได้นำมาใส่ในพระองค์เล็กๆได้อย่างเป็นปริศนาธรรมแฝงตัวไว้เช่นกัน

พระสูตร ลักษณะเป็นพระปางมหาจักรพรรดิ์ถือจักรแก้วที่พระอุระ พระปางนี้ก็คือปางเดียวกันกับปางปราบพระยาชมพูบดี โดยที่พระพุทธเจ้าเนรมิตตัวท่านเองเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ สื่อความหมายถึงความยิ่งใหญ่และความสำเร็จ ด้านล่างมีรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม อันหมายถึงการชนะอุปสรรคหมู่มารทั้งหลาย ส่วนอีกด้านเป็นรูปแม่พระโพสพ อันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกิน ส่วนด้านหลังเป็นรูปของพระสังกัจจายน์และมีหัวใจพระฉิมของพระสิวลี ด้านล่างเป็นเลขหนึ่งและสอง อันหมายถึงพระอาทิตย์และพระจันทร์ซึ่งเป็นตัวแทนของหยินกับหยางหรือกลางวันกลางคืน ส่วนเนื้อของพระจะมีสีดำเป็นเนื้อผงใบลานยุคแรกๆ ต่อมาจะเป็นเนื้อไม้มงคลผสมผงวิเศษผสมข้าวสารหินและที่สำคัญก็คือดินศักดิ์สิทธิ์จากน้ำพี้ เนื้อพระจะออกเป็นสีน้ำตาลเป็นดินดิบ และที่สำคัญก็คือหลวงพ่อเคยพิสูจน์ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์โดยใช้ทรายกรอกตาแล้วเม็ดทรายไม่เข้าตาเลยสักนิด การเอาทรายกรอกตานั้นท่านให้เอามือถ่างตาไว้เลยแล้วภาวนาคาถาของหลวงพ่อผินะเอง ส่วนทรายที่นำมากรอกตานั้นก็ใช้ระยะห่างไม่เกินคืบ พอปล่อยทรายมาปรากฏว่าฝุ่นทรายไม่เข้าตาแม้แต่เม็ดเดียว พระพิมพ์นี้หลวงพ่อผินะท่านบอกว่าสามารถคุ้มครองคนใกล้ชิดได้เจ็ดคน โดยท่านลองให้คนนอนเรียงกันเจ็ดคน แต่มีเพียงคนเดียวที่มีพระพิมพ์พระสูตรนี้ แต่พอเอาทรายกรอกตาทั้งเจ็ดคนเม็ดทรายก็ไม่เข้าตาเลย หลวงพ่อยังเคยบอกว่าพระสูตรชื่อว่าราชาธิราช แคล้วคลาดจากภัยนาๆหากินคล่องเพราะมีหัวใจพระฉิม อยู่ในนั้นด้วย เป็นของที่คู่กับชายชาตรีโดยแท้ ไม่ควรยืมใช้กันเด็ดขาด พระพิมพ์นี้ยังคงไม่แพงนัก ยังคงพอหากันได้ไม่ยาก ที่วัดก็อาจพอมีอยู่เช่นกัน

พระปรมัตถ์หรือสมเด็จพระยาปารมัตถ์ พระพิมพ์นี้มีสองพิมพ์ พิมพ์ที่หนึ่งท่านทำเหมือนพิมพ์พระสูตร แต่ขนาดเล็กเท่าองคุลีสุดท้ายของข้อปลายนิ้วก้อย ด้านหน้าเหมือนพระสูตร แต่ด้านหลังเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑส่วนอีกแบบจะเป็นรูปพระสังกัจจายน์ มีสองเนื้อคือสีดำเนื้อผงใบลาน อีกเนื้อสีน้ำตาลเป็นเนื้อดิน ส่วนอีกพิมพ์เป็นพิมพ์ที่สององค์ใหญ่ เราเรียกว่า A – A ด้านหน้าเป็นรูปพระปางปราบท้าวชมพูบดีข้างๆเป็นตัวหนังสือ A – A ด้านหลังเป็นปางมารวิชัยข้างๆมีตัวหนังสือ A – A พระปรมัตนี้หลวงพ่อผินะท่านนำมาห่อกับผ้าเช็ดหน้าแล้วม้วน เอาไว้ตีไล่ไข้ไล่โรค ปัดโรคภัยต่างๆ รวมไปถึงไล่คุณไสยศาสตร์ ขับผีสิงกันผีพลายเสนียดจัญไรทั้งหลาย และยังมีทางเมตตาเป็นหลักอีกด้วย พระรุ่นนี้หลวงพ่อบอกว่าใช้ได้ทั้งชายและหญิง แต่ไม่ควรยืมกันใช้เช่นกัน

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:55
พระปางโปรดดาวดึงส์ เป็นช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เนื่องจากพอพระพุทธเจ้าประสูตรได้แค่เจ็ดวัน พระมารดาของท่านก็สวรรคต พระพุทธเจ้าเล็งเห็นว่าต้องตอบแทนบุญคุณของพระมารดา แต่ติดอยู่ที่ท่านขึ้นสวรรค์ไปแล้ว จึงต้องตามไปเทศน์โปรดบนสวรรค์อยู่สามเดือน ในระหว่างนั้นหมู่ชนทั้งหลายก็รู้สึกว่าขาดที่พึ่ง พระองค์จึงทรงอนุญาติให้ทำพระไม้แก่นจันทน์เป็นตัวแทนพระองค์ และได้อธิษฐานฉัพพรรณรังสีไว้เป็นพุทธนิมิตร หากใครมีข้อสงสัยเรื่องธรรมต่างๆก็สามารถถามจากพระไม้จันทน์นี้ได้ การไปโปรดพุทธมารดาคราวนั้นสามารถทำให้เหล่าเทวดาทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรมเป็นโกฏิ ได้สำเร็จพระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์เป็นลำดับ ถือว่าเป็นการโปรดสัตว์และมีผู้สำเร็จมรรคผลมากที่สุดในพุทธกาล ส่วนครั้งที่สองที่มีผู้มีดวงตาเห็นธรรมสำเร็จมรรคผลเป็นจำนวนนับแสนคนก็คือตอนที่ปราบท้าวชมพูบดี ที่ท่านทรมานท้าวชมพูบดีโดยเนรมิตรพระองค์เองเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ พระพิมพ์นี้ด้านหน้าเป็นรูปพระสององค์ซ้อนกันอยู่ในท่านั่งสมาธิ แต่องค์เล็กทำเป็นรูปคล้ายพระสูตรคือเป็นทรงเครื่องถือจักรแก้วที่หน้าอก ส่วนด้านหลังเป็นพระยืนปางถวายเนตรอันหมายถึงพระประจำวันอาทิตย์ หรือหมายถึงแสงสว่าง ซึ่งก็คือ ปัญญาเป็นเปรียบดั่งแสงสว่างนั่นเอง ส่วนเนื้อพระก็เป็นพระเนื้อดินผสมว่าน บางทีก็มีสีทอง หรือเป็นสีดินเดิม หรือเป็นสีแดง พระพิมพ์นี้สามารถสำเร็จอธิษฐานในทุกๆด้าน เพราะเมื่อมีแสงสว่างก็หมายถึงเห็นช่องทางความจริงต่างๆรวมถึงทางที่ใช้แก้ปัญหา นอกจากนี้ยังดีในทางหนุนดวงชะตาวาสนาให้เจริญสูงส่ง ท่านใดที่ทำอะไรไม่ขึ้นก็ลองนิมนต์มาคล้องคอดูสักพัก รับรองว่าดวงท่านจะเปิดแน่นอน หยิบจับอะไรก็จะได้สำเร็จตามอธิษฐานที่ปรารถนาไว้

พระปางเปิดโลก การเปิดโลกนั้นมีในพุทธประวัติถึงตอนที่พระพุทธเจ้ากลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในระหว่างนั้นเวลาได้ครบพรรษาคือสามเดือนพอดี ซึ่งก็คือช่วงออกพรรษานั้นเอง ท่านได้เสด็จกลับจากสวรรค์ ในระว่างนั้นทั้งเทพพรหมยมยักษ์เทวดาทั้งหลาย พระอินทร์พร้อมท้าวจตุโลกบาลก็เสด็จตามมาส่ง โดยเนรมิตบันไดทองบันไดแก้ว พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดสามโลกให้หมู่ชนทั้งหลายได้เห็นพร้อมกัน มนุษย์และสัตว์บนโลกสามารถเห็นเหล่าเทวดาทวยเทพทั้งหลายว่ามีรัศมีความงดงามเพียงใด รัศมีนั้นก็ไม่อาจเทียบรัศมีแห่งพระพุทธเจ้าได้ อีกทั้งเมืองบาดาลนาคพิภพทั้งหลายก็พากันขึ้นมาอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย มนุษย์ก็สามารถเห็นนาคพิภพเช่นกันว่ามีความวิจิตรสวยงามเช่นไร หลวงพ่อดู่แห่งวัดสะแกอยุธยาเคยกล่าวกับผู้เขียนเสมอถึงการเปิดโลกของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อดู่ท่านว่าวันนั้นขนาดมดดำมดแดงที่ได้เห็นแสงฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เกิดจิตปรารถนาพุทธภูมิอยากเป็นพระพุทธเจ้ากับเข้าบ้างอย่างนับไม่ถ้วน พระพิมพ์นี้ด้านหน้าเป็นปางลีลาบนดอกบัว อันเป็นคติธรรมว่าพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนจะมีดอกบัวรองรับเสมอทุกพระบาท และกำลังเสด็จกลับจากดาวดึงส์ ส่วนพระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นอธิษฐานเปิดสามโลกให้พระแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้านหลังเป็นรูปพระปางจักรพรรด์ถือจักแก้ว ด้านล่างเป็นพระแม่ธรณี สื่อความหมายถึงการขจัดอุปสรรคต่างๆ อีกด้านเป็นรูปแม่พระโพสพถือรวงข้าว อันหมายถึงการทำมาหากินอุดมสมบูรณ์ พระพิมพ์นี้เป็นเนื้อดินดิบผสมว่าน เนื้อดินผสมเกสา เนื้อดินผสมพระธาตุ มีทั้งแบบทาสีเงินสีทอง หลวงพ่อท่านชอบทาพระเป็นสองสี คือเงินกับทอง อันเป็นสื่อของการให้พรว่าขอให้มีเงินมีทองตลอดเวลา พระปางเปิดโลกนี้จะดีมากกับเรื่องบริวาร การปกครองคน ใครดวงบริวารเสียๆก็ลองหามาบูชาติดตัวดูก็แล้วกัน

ก่อนจะหมดตอนที่สามนี้ ผู้เขียนอยากให้ระวังของปลอมไว้บ้าง เพราะเท่าที่ทราบนั้นเริ่มมีออกมาบ้างแล้ว หรือไม่ก็มั่วนิ่มไปเรื่อยๆ ในการที่จะบูชาแบบใดก็แล้วแต่ควรเริ่มที่วัดพระสนมลาวก่อน ลองสอบถามที่วัดก่อนว่ามีหรือไม่ เพราะท่านจะได้ของแท้แน่นอน เท่าที่ทราบก็คือบล็อกต่างๆของเดิมของหลวงพ่อนั้นได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ทางวัดไม่สามารถทำเสริมขึ้นมาภายหลังได้ และที่สำคัญการบูชาวัตถุมงคลตรงจากที่วัดก็เท่ากับท่านทำบุญไปด้วยในตัว เพราะเงินที่ได้ก็เข้าวัดเช่นกัน วัตถุมงคลทุกอย่างทางวัดพระสนมลาวเป็นผู้รับรองว่าทันหลวงพ่อแน่นอน เพราะวัดยังต้องพัฒนาสร้างถาวรวัตถุและปรับปรุงวัดอีกมาก เมื่อเดือนก่อนทางวัดก็ได้ขุดเจอพระพุทธรูปหินทรายชำรุดจำนวนหนึ่ง เสมาโบราณ ลูกนิมิตโบราณ ของทั้งหมดนี้อยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น ดังนั้นจึงเป็นหลักฐานทางโบราณคดีว่าวัดนี้สร้างมาพร้อม ๆ กับวัดพระศรีสรรเพ็ชรที่อยุธยา นับเวลาก็ร่วม 400 ปี จึงอยากให้ท่านที่เห็นความสำคัญและเกิดศรัทธา ได้เข้ามาร่วมบุญพลิกฟื้นวัดนี้ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนครั้งอดีต เพื่อเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดกาลนาน

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:55
กำลังมหาจักรพรรดิ์

มีหลายคนสงสัยว่าหลวงพ่อท่านใช้วิชาอะไรหนอถึงได้สามารถทำให้เครื่องรางของขลังและวัตถุมงคลมีพลังมากจนกลายเป็นตัวช่วยเพื่อให้เกิดเรื่องดีๆกับผู้ที่ใช้และนับถือ เท่าที่ผู้เขียนสังเกตุดูก็ได้เคล็ดบางอย่างมาว่า ผู้ที่จะสร้างพระปางปราบพญาชมพูบดีได้นั้น โดยส่วนใหญ่ก็จะต้องสำเร็จวิชามหาจักรพรรดิ์ ซึ่งพลังของวิชามหาจักรพรรดิ์นี้ ผู้ที่สำเร็จได้จะต้องสามารถเชิญพลังของพระพุทธเจ้าตอนที่แปลงร่างเป็นมหาจักรพรรดิ์ลงมาสถิตย์ในวัตถุมงคลเครื่องรางต่างๆได้จริงๆ เพราะพระพุทธเจ้าเองก็เคยเกิดเป็นมหาจักรพรรดิ์นับชาติไม่ถ้วน ก็รวบรวมบารมีตอนเป็นมหาจักรพรรดิ์ทุกๆชาติเข้ามารวมกัน อย่าลืมว่าในหมู่ปุถุชนด้วยกันนั้น พระราชาเป็นใหญ่กว่าชนทั้งปวง และพระมหาจักรพรรดิ์ก็เป็นใหญ่กว่าพระราชาอีกที ดังนั้นผู้ที่ได้พลังจักรพรรดิ์นั้นจะต้องมีจิตที่ประภัสสรทรงพลังในเรื่องกสินและเข้าใจแตกฉานถึงวิธีการวางอารมณ์จริงๆในขณะที่ทำการอธิษฐานจิต พลังของจักรพรรดิ์นั้นสามารถบังคับธาตุทั้งสี่ให้กำเนิดขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นสายวิชาของหลวงพ่อดู่วัดสะแกที่เป็นไตรสรณาคมณ์นั้นท่านเรียกว่าได้ภูติพระเจ้า คือการบังคับมหาภูติทั้งสี่ให้กลับมาชุมนุมรวมกันอีกก็ได้ เพราะพระพุทธเจ้านั้นเมื่อครบห้าพันปีแล้ว พระธาตุของพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็จะกลับมารวมกันเพื่อโปรดสัตว์ครั้งสุดท้ายและประกาศปิดพุทธันดรของพระองค์ พร้อมกับจะให้พุทธทำนายเรื่องของพระศรีอาริยเมตไตรในภายภาคหน้าเช่นกัน ดังนั้นวิชาของหลวงพ่อผินะน่าจะเป็นกำลังมหาจักรพรรดิ์เดียวกันกับครูบาอาจารย์ในยุคก่อนๆถึงได้มีพลังมากมายอย่างนี้

เคยมีผู้ที่เป็นศิษย์ของท่านเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งที่ทางวัดต้องจำเป็นใช้ไม้ใหญ่ในพื้นที่วัดพระสนมลาวมาสร้างเสนาสนะ หลวงพ่อท่านได้เลือกต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งไว้ ท่านก็ได้ไปแผ่เมตตากับรุกขเทวดา และได้ไปยืนบอกด้วยวาจาว่า ขอเชิญท่านรุกขเทวดาที่สิงสถิตย์ที่ไม้ต้นนี้ ทางวัดมีความจำเป็นที่จะใช้ไม้ที่ท่านได้สถิตย์อยู่ ขอให้ท่านได้ย้ายออกไปอยู่อีกต้น พร้อมกับชี้มือไปที่ต้นไม้อีกต้น และยังบอกอีกว่า อาตมาได้คุยกับเขาแล้ว เขาอนุญาติให้ท่านไปอยู่ด้วยได้ เมื่อยืนแผ่เมตตาสักพักก็ใช้ฝ่ามือตบฟาดไปที่ต้นไม้ที่อยากจะตัดอย่างแรงๆทีเดียว หลังจากนั้นสามวันปรากฏว่าต้นไม้ใหญ่นี้ได้ลู่กิ่งทิ้งใบเหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำยืนต้นตาย ทางวัดก็ได้ตัดไม้ต้นนี้ไปทำประโยชน์ตามที่ได้ขอไว้ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาจิตต่อรุกขเทวดาของท่าน และยังแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อผินะท่านสามารถสื่อสารกับเทพเทวาวิญญาณทิพย์ต่างๆได้จริงๆ

อีกเรื่องที่พึ่งเกิดไม่นานนี้ก็คือเรื่องเด็กๆที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ มีครอบครัวหนึ่งได้ให้ลูกห้อยดวงตาที่หลวงพ่อทำไว้เป็นปริศนาของการมีดวงตาเห็นธรรมอันหมายถึงการมีสติปัญญาดี ปรากฏว่าปรกติแล้วเด็กคนนี้เรียนปานกลางไม่โดดเด่นเท่าไหร่ซึ่งทางบ้านก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่ตอนสอบเอ็นทรานซ์ก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง และได้คณะที่พอใช้ได้ ผลอันนำมาซึ่งความปลาบปลื้มกับพ่อแม่และญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับเอ่ยปากกับผู้เขียนว่า ตัวเขาเองมั่นใจในบารมีของหลวงพ่อจริงๆ และคราวนี้ก็เชื่อว่าเป็นพลังของเครื่องรางที่เป็นรูปดวงตาแน่นอน หลวงพ่อผินะเคยบอกว่าดวงตานั้นมาจากปิตาและมาตา คือการเอาบารมีพ่อและแม่มารวมกัน ไปไหนมาไหนก็มีคนเมตตามีปัญญาเอาตัวรอดได้ไม่ต้องกลัวใคร

เรื่องราวของผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปแล้วมีประสบการณ์มากมาย ที่สำคัญเห็นผลไวมากๆถ้าเราได้เลื่อมใสปฏิบัติถูกต้อง แต่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนได้รู้เนื่องด้วยหลวงพ่อผินะท่านไม่ใช่พระที่ชอบทำประชาสัมพันธ์ และวัตถุมงคลของท่าน ท่านก็ทำเอง ไม่ได้ไปจ้างวานใครตามโรงงานที่ทำออกมารุ่นเดียวเป็นหมื่นๆชิ้น อย่างดาวยุคต้นๆก็เคยมีผู้บันทึกคร่าวๆว่ามีแค่สี่ร้อยดวงเท่านั้นเอง และเป็นพิมพ์ที่หลากลาย หากแยกพิมพ์กันจริงๆแล้วแต่ละพิมพ์ในยุคต้นๆตั้งแต่ท่านอยู่ทางใต้และที่เพชรบูรณ์กับช่วงแรกของวัดพระสนมลาว คาดกันว่าแต่ละพิมพ์นั้นไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยดวง ยิ่งถ้าเป็นคุณพ่อปลัดก็นับชิ้นกันได้เลย อาจมีแค่หลักร้อยเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซเลยก็ว่าได้ ดูแล้วเกือบเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกันสักกะชิ้น ทีนี้เรามาดูเรื่องประเภทของวัตถุมงคลกันต่อดังนี้

สมเด็จพิมพ์ใหญ่ด้านหลังเป็นรูปพระสังกัจจายน์ พระพิมพ์นี้หลวงพ่อผินะมักจะทำเป็นสองสีหน้าหลัง โดยส่วนใหญ่ด้านหน้าจะเป็นสีทอง ด้านหลังจะเป็นสีเงิน หรือบางองค์ก็จะเป็นสีแดงหรือสีนาค พระพิมพ์นี้ดีมากในเรื่องโชคลาภ เคยมีเรื่องเล่ากันว่ามีครั้งหนึ่งที่ลูกศิษย์หลวงพ่อที่ชอบไปเล่นไพ่มากราบหลวงพ่อ แล้วได้ถามถึงเรื่องของวัตถุมงคลว่าต้องบูชาพระอะไรขึ้นคอดี หลวงพ่อกลับไปหยิบพระสมเด็จพิมพ์นี้ให้ลูกศิษย์พร้อมกับบอกว่า “ เอาไปลองติดตัวดู เนี่ยนะสมเด็จไพ่ป๊อก ชอบไปเล่นไพ่นักไม่ใช่เหรอ ห้อยแล้วมีโชคนะ ” แต่หลวงพ่อผินะท่านก็อบรมเรื่องการเล่นการพนันว่ามันไม่ดีนะ เลิกเล่นได้ก็ดี ลูกศิษย์คนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะไปเล่นอีก แต่ก็มีโชคกลับมาทุกที แม้แต่ผู้ที่ผู้เขียนแนะนำให้ลองบูชาพระสมเด็จรุ่นนี้ ก็ถูกหวยติดกันมาเก้างวดแล้ว แต่ถูกแบบนิดหน่อยพอฟังเพราะไม่ได้ซื้อเยอะ พระสมเด็จรุ่นนี้มีส่วนผสมของดินจากเหล็กน้ำพี้ แม่เหล็กจึงดูดติด และท่านได้ผสมด้วยว่านและผงวิเศษต่างๆรวมทั้งข้าวสารหิน ดังนั้นพุทธคุณจึงหนักไปในทางดูดโชคลาภเงินทอง คุ้มครองแคล้วคลาด


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:56
พระสมเด็จพิมพ์เล็กด้านหลังเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระสมเด็จพิมพ์นี้องค์จะย่อมกว่า ด้านหน้ามีลักษณะเดียวกันแต่ด้านหลังเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระสมเด็จพิมพ์นี้เป็นอิทธิพลมาจากลัทธิมหายานที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นหนึ่งในพระโพธิสัตว์ที่เป็นที่นับถือกันทั่วโลก จะสังเกตุเห็นการทำรูปปั้นต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องราวเทพยดาในวัด ท่านพูดกับหลายคนเสมอว่าเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมาก และยังคงแผ่พลังมาสู่ทุกผู้ทุกคนที่นับถือ พระพิมพ์นี้มีพุทธคุณดีมากในเรื่องความเมตตา การติดต่องานการต่างๆ และด้วยความที่เป็นขนาดเล็กพอดี จึงเหมาะกับสุภาพสตรีเป็นอย่างมาก

พระพิมพ์สามเหลี่ยม บางคนก็เรียกว่า เป็นพระนางพญาพิมพ์ขี่สัตว์ต่างๆ ถ้าใครเคยเข้าไปที่วัดพระสนม ลาว ก็คงจะเคยเห็นที่หน้าจั่วของหอพระสูงๆ ทำเป็นรูปปูนปั้นของพระพุทธรูปและด้านล่างเป็นรูปของสัตว์ต่างๆ รูปที่จั่วปูนปั้นนี้ทำทั้งสี่ทิศแต่ละทิศมีรูปที่แตกต่างกัน ความจริงแล้วก็คือรูปของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในกัปป์นี้ อันได้แก่พระกุกุสันโท สัญลักษณ์เป็นรูปไก่ พระโกนาคมสัญลักษณ์เป็นรูปพญานาค พระกัสสโปสัญลักษณ์เป็นรูปเต่า พระสมณโคดมสัญลักษณ์เป็นรูปวัว พระศรีอาริยเมตไตรสัญลักษณ์เป็นรูปสิงห์ หลวงพ่อผินะได้นำบารมีแห่งพระพุทธเจ้าห้าพระองค์มารวมเป็นคู่ๆ เพื่อให้เกิดผลบารมีที่แตกต่างและอำนาจพุทธคุณก็จะต่างกันไปด้วย โดยหลวงพ่อผินะท่านได้ทำไว้สามพิมพ์ดังนี้ พระปลดหนี้ ว่าคาถา “ พุทธา” ด้านหน้าจะเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนเต่า ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว บางคนก็เรียกว่าพระเต่า-วัว พระแคล้วคลาด ว่าคาถา “ นะโม” ด้านหน้าเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนสิงห์หรือราชสีห์ ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว บางคนก็เรียกว่าพระราชสีห์-วัว พระค้าขาย ว่าคาถา “ยะธา” ด้านหน้าเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนราชสีห์ ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว พระพิมพ์สามเหลี่ยมทั้งสามพิมพ์นี้เป็นพระพิมพ์มาตรฐานของหลวงพ่อผินะ และโดยรวมแล้วมีแบบทั้งที่ปิดทองและไม่ปิดทอง แบบด้านหน้าเป็นสีเงินด้านหลังเป็นสีทองก็มี เนื้อขององค์พระจะเป็นเนื้อดินน้ำพี้ผสมผงมงคลเช่นข้าวสารหินและไม้ว่านมงคลที่หลวงพ่อเก็บรวบรวมตอนที่ธุดงค์อยู่ในป่า ดังนั้นพระของท่านจึงใช้แม่เหล็กดูดติด พุทธคุณก็อยู่ที่เราเลือกใช้เอา เพราะวัตถุมงคลของท่านไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

ตะกรุดโทนเนื้ออลูมีเนียม ตะกรุดของท่านแปลกกว่าคนอื่นๆแน่นอน หนึ่งเดียวจริงๆ เกจิอาจารย์ท่านอื่นใช้ทองแดงบ้าง ตะกั่วบ้าง หรือเนื้อเงินเนื้อทอง แต่ของท่านใช้โละอัลลอยด์ที่เราเรียกว่าอลูมีเนียมมาทำเป็นตะกรุด เหตุที่ใช้ก็คงเป็นเพราะเป็นสิ่งที่เหลือจากการรองซากของอสุภะกรรมฐานของท่าน และไม่น่าเชื่อว่าท่านเสกจนตะกรุดม้วนและแข็งมาก แต่มีน้ำหนักเบาเป็นที่สุด เคยมีคนลองเอามาคลี่ดู กว่าจะคลี่ออกได้เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกันเพราะหลวงพ่อเสกจนแข็ง ยันต์ที่ท่านลงก็เป็นนะอกแตกหรือบางที่ก็เป็นพุทธหน้าทอง ซึ่งแสดงว่าตะกรุดของหลวงพ่อผินะดีทางคุ้มครองแคล้วคลาดและเมตตาเป็นหลัก ตะกรุดโทนของท่านเป็นเครื่องรางอีกชิ้นหนึ่งที่ถือได้ว่ามีประสบการณ์มากจริงๆ เป็นที่แสวงหากันมากในขณะนี้ ถ้าเจ้าของหวงๆละก็บุกกันเป็นหมื่นเหมือนกัน

ลูกอม ท่านมีอยู่สองลักษณะที่ได้พบเห็นมาก็คือ อย่างแรกเป็นเนื้อผงแบบเข้มข้น เนื้อแบบนี้เป็นเนื้อเดียวกับแม่เนื้อหอม ซึ่งจะห่อกระดาษแก้วสีทองบ้างหรือไม่ห่อกระดาษก็ได้ ในบรรดาลูกศิษย์หวงกันมากจริงๆ เพราะหลวงพ่อได้ใส่ผงอาถรรพ์เยอะมาก มักมีประสบการณ์ในเรื่องความมีเสน่ห์เมตตาแก่ผู้พบเห็น ที่สำคัญก็คือมีจำนวนน้อย ลูกอมแบบนี้ตอนนี้มีคนเล่นหาเปลี่ยนมือกันในราคาร่วมหนึ่งหมื่นห้าพันบาทเมื่อต้นปี ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะขยับราคากันไปอีกเท่าใด ลูกอมแบบที่สองเท่าที่เห็นมาต้องเรียกว่าเป็นเม็ดปฐวีธาตุ เพราะเป็นเม็ดหินกลึงเป็นสีน้ำตาลอ่อน เท่าที่ดูน่าจะทำมาจากหินตระกูลหินพระธาตุ เม็ดปฐวีธาตุนี้มีน้อยมากๆเช่นกัน พุทธคุณน่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มครองและเมตตาเป็นหลัก ลูกอมปฐวีธาตุนี้ได้ยินครั้งแรกก็จากท่านเจ้าคุณนรรัตน์วัดเทพศิรินทร์ ท่านให้คนไปเก็บที่บางบ่อ แล้วนำมาอธิษฐานจิตอีกที ต่อมาก็เป็นหลวงปู่คำพันนครพนม ท่านก็ให้คนเก็บหินจากแม่น้ำโขงแล้วนำมาเสกเช่นกัน

(ขอบคุณบทความของคุณบัวเกตุ)

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:56
sritoy
ได้เวลาเล่าเรื่องอีกแล้วครับ
          ช่วงนี้เน้นธรรมะคำสอนนะครับ ส่วนเรื่องปาฏิหาริย์อิทธิคุณนั้นเราๆท่านๆก็พอทราบกันเกือบทุกซอกทุกมุมแล้วครับ
กระผมไปหาหลวงพ่อแต่ละครั้งท่านไม่ค่อยชอบคุยเรื่องวัตถุมงคลเท่าไรนักจะเป็นการสนทนาแบบถามคำตอบคำ  แต่เรื่องที่
หลวงพ่อท่านพูดขึ้นมาเองคือข้อธรรม คำสอนต่างๆที่เป็นข้อเตือนใจเป็นคำพูดบ้างหรือคำกลอนบ้าง แล้วแต่โอกาส วันนี้คิดถึง
บันทึกเล่มเก่าๆเลยกลับไปค้นดูเจอพอดี จึงขอนำเสนอให้พิจารณาดู อาจจะไม่เรียงลำดับก่อนหลังนะครับ
วันที่ 5 ก.ค.2545
   "ผีซกม๊กนั่งขวางทาง
ผีตาฟางไปมาไม่ได้
ผีเจ็บไข้ไม่ได้กินยา
รีบมากินเสียจะได้กลับบ้าน"
      ยาหมายถึง ธรรมะครับ /ผ๊ หมายถึง ผู้มีกิเลสครับ
วันที่ 3 พ.ค. 2545
   "อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด
อยู่ร่วมมิตรให้ระวังวาจา
อยู่ร่วมเพื่อนต่างเพศให้ระวังกามราคะ"
     "ยังไม่มีเมียก็เหมือนยังไม่ติดคุก"
วันนี้พอประมาณแค่นะครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:57
กลับไปอ่านเจออีกหน้า..น่าสนใจขยายความของวันที่ 5 ก.ค. 2545ขออนุญาตเพิ่มเติมนะครับ
   "มีวัว 10 ตัวให้ใช้แหลก หมายถึง
นิ้วมือสิบนิ้วใช้ให้เป็น
    แขกมาให้ลงเรือนหนี หมายถึง
โลภ โกรธ หลงอย่าให้เกิดขึ้น
    สู้ไพรีให้มีอาวุธ หมายถึง
ศีล สมาธิ ปัญญา
    ไอ้ผีซกม๊กมานั่งขวางทาง หมายถึง
มานะทิฏฐิ(ไอ้ตัวอวดดี)
    ไอ้ผีตาฟางไปมาไม่ได้ หมายถึง
อวิชชา(ตัวหลงพาเกิดพาตายอยู่ร่ำไป..)
     ผีเจ็บไข้ไม่ได้กินยา หมายถึง
ไม่มีปัญญา
รีบมากินเสียจะได้กลับบ้าน หมายถึง
ให้พิจารณามรณานุสติ(ตายก่อนตาย)"
     หวังว่าคงก่อประโยชน์สำหรับผู้ใฝ่ในธรรม
ไม่มากก็น้อยตามแต่วาสนา บารมีครับขอเชิญ
น้อมพิจารณา  ขอให้เจริญในธรรมครับสาธุ

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:57
sritoy
หลวงปู่ครับขอกราบหลวงปู่ครับ
บุญใดที่ยังประโยชน์สุขแก่กระผม
เพียงใดขอหลวงปู่โปรดอนุโมทนาด้วยนะครับ


ตอนที่ไปกราบหลวงพ่อเจอรูปหลวงพ่อ
ตอนหนุ่มๆที่มือขวาถือสามง่ามและสวมสร้อย
ประคำสีขาว ได้ถามหลวงพ่อว่าตอนนี้ประคำ
เส้นนั้นยังอยู่กับหลวงพ่อหรือเปล่า ท่านตอบว่า
ให้คนอื่นไปแล้วและนานมากแล้ว..ในใจอยากจะขอ
ถ้ายังอยู่กับท่านนะครับ...แต่เวลาอยู่ใกล้หลวงพ่อความ
เกรงกลัวและเกรงใจมาอยุ๋ในใจตลอดแม้แต่ตอนท่าน
ตัดเล็บทิ้งยังไม่กล้าปริปากขอมาบูชาเป็นที่ระลึกเลย
เพราะท่านให้มองเป็นของสกปรกทั้งหมดในร่างกาย
ของมนุษย์เราต้องพิจารณาตามหลวงพ่อแนะนำตลอด
มาถึงเวลานี้เลยนึกเสียดายย้อนหลังครับ...แต่สามง่าม
ที่หลวงท่านถือในภาพนั้นผมไม่ได้ถามถึงครับ...ในใจ
ตอนนนี้อยากจะได้มาร่วมสร้างตำนานหนุมานกับชาว
คศช.จริงๆครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:58
Sarayut
ขอให้เล่าเรื่อง"ผู้หญิงเหมือนสิบล้อ"

เป็นข้อสติเตือนใจชายใจเกินร้อย หน่อยครับ



โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:59
sritoy
เรื่อง"ผู้หญิงสิบล้อผู้ชายมอเตอร์ไซค์"
เป็นเรื่องที่ได้ฟังตอนที่ไปกราบหลงพ่อที่กุฏิหลังใหม่
ปีนั้นท่านสร้างกุฏิขึ้นหลายหลังเพื่อฉลองศรัทธาญาติโยม
สร้างเสร็จยังไม่เรียบร้อยท่านก็จะเข้าไปพักพื้นยังไม่เทแต่ใช้
แคร่เป็นที่พำนักชั่วคราว  ทุกครั้งไปหาพระเถระควรมีของถวาย
ติดไม้ติดมือทุกครั้ง ครานั้นเพื่อนฝากของไปเยอะเหมือนกัน มียา
บำรุงถวายด้วยท่านแกะมาฉันให้เห็น คนถวายก็ยินดียิ่งครับ   
ถวายเงินทำบุญกับท่าน 500บาท ท่านดวงตามาให้ 1กำมือ
เอ้าเอาไปแจกกัน ท่านอธิบายความหมายของดวงตาให้เข้าใจ
ก่อนนำไปใช้ ท่านถามว่าเคยปี้ใครมาหรือยัง ตอบแบบกั๊กๆว่า
ไม่เคยครับ ท่านสวนมาเลยว่าโกหก  เสียววาบในใจท่านรู้ได้ไง
ยอมครับหลวงพ่ออันนี้คิดในใจ ท่านก็สอนไม่หลงในกามรมณ์
ท่านบอกว่า"ถ้ายังไม่มีเมียก็ยังไม่ติดคุก" เรามันผู้ชายเปรียบ
เหมือนรถมอเตอร์ไซค์ ผู้หญิงนั้นเปรียบเหมือนรถสิบล้อ ถ้าชนกัน
ทีไรผู้บัญไรย่อมเป็นผู้ชายเสมอ แล้วท่านก็เล่านิทานให้ฟัง...


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 09:59
sritoy
เรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่ง  เหตุเกิดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ทำมาหากินตามฤดูกาล
ใครใคร่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ใครใคร่ปลูกพืชปลูก ที่ราบเชิงเขาคุณลุง
อายุวัยทองมาปลูกกระท่อมและทำไร่ฟักทองอยู่หลายไร่ กำลัง
แตกดอกออกผลเป็นที่ชื่นใจแก่คุณผู้เป็นเจ้าของยิ่งนัก นับแต่คุณ
ป้าที่เป็นภรรยาคู่ชีวิตกันมานานได้จากไปหลายปี ลุงแกเหงาไม่น้อย
ตอนสายวันเสาร์ก็เข้าหาของป่ากลับมาตอนสายๆ กลับมาถึงไร่ลุงแกหน้า
ซีดและตกใจอย่างแรง ที่ไร่ฟักทองวัวกำลังเคี้ยวเถาฟักทองแกอย่างออกรส
เหลือบไปเห็นเด็กสาวคราวหลานวิ่งกระหืดกระหอบต้อนวัวออกจากไร่ของลุง
ปากก็กล่าวขอโทษคุณเป็นการใหญ่ คุณลุงอารมณ์เสียตอนแรกแต่เมื่อได้
คุยกับเด็กสาวเจ้าของฝูงวัวแล้วกลับอารมณ์ดีขึ้น แต่ยังไม่วายบอกกับเด็กสาว
ว่าเธอมีความผิดแล้วเรื่องนี้จะต้องถึงผู้ใหญ่บ้าน แต่ถ้าไม่ให้เกิดโทษเธอต้อง
ให้ลุงปี้หนึ่งที เด็กสาวกลัวความนี้จะถึงพ่อแม่กลัวความผิด ก็ต้องยอมคุณเค้า
เหตการณืผ่านไปด้วยดี ตอนบ่ายๆเด็กสาวต้อนวัวมาหาคุณลุงอีก วัน เดือนผ่านไป
แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำๆเรืองเดิมๆแต่ต่างเวลาตัวละครเดิม จนสุดท้ายคุณลุงก็ถึงแก่
อสัญญกรรมที่ทรวงอกของเด็กสาวคนนั้นนั่นเอง


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:00
sritoy
ต้องขอประทานอภัยด้วยครับช่วงนี้เดินไปประชุมบ่อย
แต่ไม่ใช่เหตุผลหลักอันใดดอกครับแค่โอกาสดีๆเท่านั้นเองครับ
เรื่องธงพลิกชะตามี่เรื่องเล่ามากมายก่อนที่ผมจะไปหาหลวงพ่อ
ปรกติเราจะพบเห็นกระทงสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาในบางท้องถิ่น
จะมีธงปักอยู่สี่มุมขนาดพอเหมาะกับกระทงซึ่งมีขนาดเล็กๆครับ
แต่ธงที่ใช้ต่อชะตาผืนจะยาวเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุผู้ต่อชะตาเช่น
มีอายุ 30ปีความยาวของธงก็เท่ากับ 15 เมตรครับซึงตัดเย็บเป็นธง
สามเหลี่ยม สีสันแล้วแต่ผู้ตัดเย็บส่วนรูปที่วาดบนผืนธงจะเป็นสัญลักษณ์
ปีนักบัตรที่เราจะย้ายดวงมาเช่นปีขาลไม่ดีอาจย้ายมาปีมะโรงก็จะวาดเป็น
รูปงูใหญ๋ มังกร หรือพญานาคแล้วความสามารถของคนวาดครับและอาจมี
รูปอื่นอีกแล้วแต่หลวงพ่อท่านพิจารณา ก่อนขึ้นธงต้องมาตรวจชะตากับ
หลวงพ่อก่อน ถ้าเราขาดอะไรท่านจะเสริมให้ แต่ต้องย้ายวันเดือนปีเกิด
ไปเกิดในวันที่ดีที่หลวงคำนวณให้เช่นเกิด ปีขาล เสาร์ เดือนอ้าย ดูแล้วขาด
อำนาจท่านก็ให้ย้ายมาเกิดเดือน ยี่ วันอังคาร ปีมะโรงเป็นต้น จากนั้นคำนวณ
อายุ ความยาวของธง ตลอดทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆค่าครูหนึ่งพันบาท ค่าผ้า ค่าสี
ค่าแรงรวมๆประมาณสามถึงสี่พันบาทครับถือว่าแรงเอาการเหมือนกันแต่ต้อง
ลองครับ  ธงผืนยาวเหยียดต้องมีเสาธงที่ดีครับหากคนอายุ 50-60 คงยาว
สุดๆหลวงพ่อท่านใช้เสาวิทยุทำเสาธงครับมีลูกศิษย์ที่ทำงานการไฟฟ้ามาทำ
ถวายเนื่องจากจะถูกย้ายยกทีมเลยมาขอให้หลวงพ่อช่วย ผลทุกคนไม่ถูกย้าย
จากการขึ้นธงต่อชะตานี่แหละครับ  ตอนหลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่หากมองจาก
ถนนใหญ่จะเห็นธงหลากสีปลิวสะบัดอยู่ไกลๆครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:00
sritoy
เสาวิทยุที่ใช้ขึ้นธงมีอยู่ประมาณสองเสาแต่ละเสาจะขึ้นธงได้
จำกัดเวลาขึ้นธงแต่ละคนจะทิ้งนานมากน้อยขึ้นอยู่กับหลวงพ่อเป็นผู้
กำหนด เมื่อครบกำหนดเอาธงลงแล้วจะนัดรายต่อไปมาขึ้นธงครับต้อง
รอครับ สามารถขึ้นเป็นคู่ได้เช่นคู่สามีภรรยาหรือคู่รักก็มาขึ้นธงพร้อมกัน
ใช้ธงผืนเดียวกันได้ แต่ให้ใช้ความยาวของผู้มีอายุมากกว่าครับรูปนักษัตร
หรือราศรีปีเกิดก็วาดรวมผืนเดียวกันได้ครับ ใครมาไม่ได้ก็เอาเสื้อกับกางเกง
มาท่านจะใช้มะพร้าวแทนหัว กล้วยแทนมือและเท้าถือว่ามาแล้วใช้ได้ครับ
มาถึงหลวงพ่อท่านให้นอนลงคนเดียวหรือสองคนแล้วแต่เอาธงมาคลุมตลอด
หัวจดเท้าให้ภาวนา"มรณังทุกขังๆ"ไปเรื่อยๆส่วนท่านก็ว่าคาถาของท่านไป
จากนั้นนอนกลับทิศทางเดิมธงคลุมเหมือนเดิมหลวงพ่อให้ภาวนา"ชาติปิสุขังๆ"
หลวงพ่อก็ว่าคาถาของท่านเสร็จจากนั้นก็นำธงไปผูกกับเชือกเราเป็นผู้ดึงขึ้น
ตั้งจิตอธิษบานให้มั่นในสิ่งดีๆหลวงพ่อท่านให้พระลูกวัดสวดชยันโตขณะที่ชักธง
สู่ยอดเสาครับ จากนั้นพระลูกวัดเป็นผู้พาจุดธูปอธิษบานต่อป๊นักษัตรที่เราย้าย
มา จากนั้นปิดทองรูปปั้นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ปีนักษัตรต่าง ตามอวัยวะต่างๆ
พระท่านจะแนะนำ เป็นจุดๆจนครบทุกชนิดสัตว์และเทพเจ้าต่างๆที่ตั้งโดยรอบศาลา
ที่หลวงพ่อท่านใช้ตอนรับแขกสมัยนั้นถ้าเราไปวัดจะสังเกตุว่าศาลาหลังดังกล่าวตั้ง
อยู่มุมท้ายสุดของวัดครับ ถือว่าเสร็จพิธีธงของเราที่อยู่บนยอดเสาจะปลิวไสวอยู่
ประมาณสองสัปดาห์ตามแต่หลวงพ่อกำหนดครับ...มีผู้มาขึ้นธงกับหลวงพ่อมากมาย
ไม่เว้นแม้แต่พระเกจิที่มีชื่อบางองค์ท่านต้องมาพึ่งวิชาของหลวงพ่อด้วยเรียกว่าผงเข้า
ตาต้องอาศัยคนอื่นช่วยจะหายเร็วและตรงประเด็น..หลวงพ่อท่านนั้นปัจจุบันก็มีความสุขดี
เป็นที่พึ่งของญาติโยมมากมาย....เรื่องของโรคทางกายคนไข้ต้องกินยาให้ถูกโรคจึงจะหาย
แต่โรคทางใจต้องให้จิตแพทย์รักษาดังนั้นที่เหนือประตูหน้าห้องนอนหลวงพ่อท่านให้ผมเขียน
คำว่า"0ห้องพักจิตแพทย์0"เขียนเลข0ไว้หน้าหลัง คนเกิดมาก็ไม่มีอะไรมาตายไปก็ไม่มีอะไร
ไปเช่นกัน ต้องใช้ธรรมะรักษาโรคทางจิตจึงจะหายจากการยึดว่าเราว่าของเรา ไม่เว้นแม้แต่
นกเขายังร้อง"ของกูๆ"หลวงพ่อท่านสอนลูกศิษย์และญาติโยมผู้ไปหาท่านเสมอมีภาพประกอบ
การบรรยายโดยใช้วีดีโอบรรยายการอย่างไรในแง่วิทยาศาสตร์ วีดีโอการผ่าศพ ภาพประกวด
นางสาวไทยที่สวมชุดว่ายน้ำ แต่ใบหน้าติดรูปหัวกระโหลกให้พิจารณาเห็นความจริงเห็นแล้วปลง
ครับหลวงพ่อท่านเน้นให้พิจารณาร่างกาย ไม่หลงในกามรมณ์ต่างๆ ลูกศิษย์จะเข้าใจมากน้อย
ขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละท่านแล้ว....ขอกราบหลวงพ่อด้วยวาจาใจ ขาดตกบกพร่องประการใด
ขอเชิญท่านผู้รู้หรือศิษย์ท่านอื่นเพิ่มเติมแก้ไขได้ตามเห็นสมควรครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:22
ได้มานานแล้ว

[attach]3075[/attach]


[attach]3076[/attach]


[attach]3077[/attach]



[attach]3078[/attach]


[attach]3079[/attach]


[attach]3080[/attach]



โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:30
จากแผ่นพับปฏิณกะธรรมะจากหลวงพ่อครับ

[attach]3081[/attach]


[attach]3082[/attach]


[attach]3083[/attach]


[attach]3084[/attach]


[attach]3085[/attach]


[attach]3086[/attach]


[attach]3087[/attach]


[attach]3088[/attach]

อ่านแล้วตาลายก็ขออภัยมา ณโอกาสนี้ด้วยครับ
ใจจริงอยากจะรอให้สถิติคนเข้าชมถึงสองพันครั้ง
ก่อนค่อยนำเสนออะไรเพิ่มเติม..แต่รอแล้วคงนาน





โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:31
sritoy
"เมื่อฉันละโลกไป  จงกรวดน้ำให้ฉันบ้าง"
คำๆนี้...ประทับในใจผมตลอดครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:32
Sarayut
มีอะไรจะจะบันทึกบอกกล่าวเล่าสิบอีกไหม หนอ

เช่นเรื่องพระเครื่องของท่านหนึ่งองค์คุ้มได้กี่คน?

sritoy
ได้ครับอาจารย์เรื่องอานุภาพของวัตถุมงคล
ของหลวงพ่อท่านภูมิใจนำเสนออยู่เสมอเกือบ
ทุกครั้งที่ไป เวลาท่านคุยกับญาติโยมแต่ละครั้ง
อุปกรณ์ประกอบการนำเสนอคือ แท่งแม่เหล็ก๑
กระดาษแผ่นพับข้างต้น๑ และวัตถุมงคลท่านที่
วางอยู่ใกล้ตัวหลวงพ่อ๑ บางครั้งท่านหักให้ดูว่า
เนื้อพระเป็นอย่างไร หักแล้วส่วนใหญ่เป็นสีดำครับ
และเป็นพระพิมพ์สี่เหลี่ยม ตอนนั้นมีเป็นปิ๊บๆครับมี
มากมายแต่กระผมไม่กล้าหยิบโดยพลาการต้องรับ
กับมือหลวงพ่อเท่านั้นจึงจะนำติดตัวออกจากวัดครับ....

พระขนาดเล็กจะคุ้มครองได้ ๗ คนโดยเอา
แผ่นพับหรือกระดาษ ๗ ชั้นคั่นระหว่างพระกับแท่ง
แม่เหล็ก พระจะโดนแรงดูดจากแม่เหล็กและหนีบ
เอาแผ่นกระดาษทั้ง ๗ แผ่นขึ้นมาด้วยพระขนาดกลาง
จะคุ้มครองคนที่ในบริเวณใกล้เคียงได้ ๑๔ คน ท่านจะ
ทดลองให้ดูเหมือนเดิม และพระขนาดใหญ่จะคุ้มครอง
ผู้คนในบริเวณนั้นๆได้ ๒๑ คน แม่เหล็กก็จะดูดพระ
โดยมีกระดาษคั่นกลาง ๒๑ แผ่นครับ หลวงพ่อท่าน
จะรับแขกประจำที่ศาลาหลังเก่าที่มีรูปปั้นสัตว์ประจำปี
นักษัตรล้อมรอบ ท่านนั่งได้นานไม่ค่อยเห็นหลวงพ่อจะลุก
ไปไหนเลยท่านคงเพลิน แต่เมื่อศาลารับแขกหลังปัจจุบัน
ที่สร้างพ่ออยู่ได้หลวงพ่อท่านก็มาอยู่ที่ศาลาหลังนี้การรับนั่ง
รับแขกที่เคยปฏิบัติเหมือนเก่าลดลง  ท่านมาเร่งก่อสร้างมากขึ้น
ท่านคุมการก่อสร้างเอง ตกเย็นจ่ายค่ากับพระ เณร และโยมที่มา
ช่วยงานทุกวัน ผมยังได้กับหมู่คณะด้วย ครั้นจะส่งคืนท่าน ท่าน
บอกว่าถ้าไม่รับ คราวหน้าไม่ต้องมาวัดอีกนะต้องยอมครับ ...
    ความเมตตาหลวงพ่อผมสัมผัสได้แบบนี้แหล่ะครับ แต่หากใคร
ไม่เชื่อฟังหลวงพ่อยังรั้นแบบไม่มีเหตุผล ก็มีโดนให้ออกจากวัดทั้งๆที่อยู่
ในช่วงกลางเข้าพรรษานั้นแหล่ะครับ...อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ต้องเรียบร้อย
มีสติ หูไว ตาไว ช่วยการงานให้เต็มความสามารถ เชื่อฟังโดยใจเคารพ  
อย่าอวดฉลาดแบบโง่ๆ  ก็ถือว่าเป็นศิษย์ที่ดีแล้วครับ..ตอนนี้ถึงเวลายุติแล้วครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:34
sritoy
ไปพบที่สกลนครช่วงสงกรานต์

[attach]3089[/attach]


[attach]3090[/attach]




โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:35
Orisis
คิดถึงหลวงพ่อจังครับ ตอนนี้เหลือดาวกับพระสูตรองค์เล็ก ไว้ติดตัว ที่เคยมีแจกให้กับคนมีวาสนาต่อหลวงพ่อเกลี้ยงเลย
ทุกวันนี้ฝันถึงหลวงพ่อ ก่อนถึงวันครบรอบวันมรณภาพของท่าน เหมือนท่านมาเตือนทุกปีเลย  เหมือนท่านคอยดูแลคุ้มครองเราตลอด ก็เลยทำบุญถวายท่านตลอด แฮะๆ

ปล.ดาวของพี่จ๊อ ก็สวยดีนะครับ ฮิๆ  พี่ต้อย มาเล่านะอีกครับ รออ่านอยู่นะ

sritoy
ของที่ระลึกที่ได้รับจากมือหลวงพ่อเกือบ
ทุกชิ้นจะต้องเลี่ยมไมครอนให้สวยงามก่อนเสมอ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:36
จ๊อ
หมอต้อย ค่ะไม่เล่าเรื่อง"ลูกอมเรามาเป็นแฟนกัน" หน่อยเหรอ ค่ะ อิอิ

sritoy
กราบขออนุญาตหลวงพ่อครับ เรื่องนี้อาจจะเคยเล่าไปแล้วครับแต่ไม่เป็นไรเล่าแล้วก็อีกครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฟังต่อมาอีกทีหนึ่ง จากปากของหลวงพ่อที่ทำหน้าที่มาดูแลวัดช่วงระยะเวลาหนึ่ง  เกียวกับลูกอมน้ำตาเทียนของหลวงพ่อที่จัดทำขึ้นตามห้วงแห่งเวลาเรื่องมีอยู่ว่าญาติของหลวงพ่อผินะเดินทางมาเยี่ยมหลวงพ่อที่วัดก่อนกลับหลวงพ่อท่านให้ของที่ระลึกเป็นลูกอมน้ำตาเทียนปรกติท่านต้องแสดงอะไรบางอย่างให้เสริมศรัทธาสักเล็กน้อยครั้งนั้นก็เหมือนกัน ท่านก็แก้วที่น้ำเกือบเต็มแก้วหย่อนลูกอมลงไปนอนแน่นิ่งที่ก้นแก้วของที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากหลวงพ่อจะพลังบางอย่างสามารถใช้แม่เหล็กดูดติดได้ไม่เว้นแม้แต่ลูกอมน้ำตาเทียนที่ประกอบด้วยขี้ผึ้งไม่น่าจะใช้แม่เหล็กดูดติดได้ หลวงพ่อก็หยิบแม่เหล็กที่ท่านห้อยติดตัวมาวางที่ผิวน้ำแล้วลูกอมน้ำตาเทียนก็ลอยตัวขึ้นมาติดกับแผ่นแม่เหล็กอย่างอัศจรรย์ ส่งมอบลูกอมแก่ญาติของท่านกลับบ้านด้วยความภูมิใจ มาถึงบ้านก็เล่าถึงความมหัศจรรย์ของลูกอมน้ำตาเทียนที่พึ่งรับมาจากหลวงพ่อ บางคนก็พลอยยินดีด้วย แต่บางท่านก็มีความเห็นคัดค้านไม่เชื่อมีญาติคนหนึ่งที่เป็นหญิงผู้ผ่านโลกมาพอควรจึงกล่าวปรามาสว่าหากของหลวงแน่จริงเอ็งลองขอให้ฉันเป็นเมียแกได้ไหมถ้าย้อนภาพไปแกอาจจะยืนเท้าสะเอวพูดด้วย ชายคนนั้นไม่รอช้าลองดูไม่เสียหลายคว้าลูกอมมาอาราธนาอธิษฐานว่าขอให้ผู้หญิงที่ชื่อ...มาเป็นเมียลูกด้วยเถิด เหตุการณ์ล่วงไปไม่กี่วัน คู่กรณีทั้งสองคนก็กลายมาเป็นแฟนกันแบบค้านสายตาประชาชีเป็นที่สุด ไม่เชื่ออย่าลบหลู่มิฉะนั้นอาจเป็นเช่นดังการณ์ข้างต้นนะครับ
    เรื่องราวของลูกอมน้ำตาเทียนนี่แหละนำพาให้ผมติดตามหาลูกอมน้ำตาเทียนนางมัทรีของหลวงปู่ชืนครับ ทำให้รู้จักหลวงปู่ชื่น อาจารย์สรายุทธ คุณจ๊อนางฟ้าใจดี และคณะศิษย์ของหลวงปู่จนถึงปัจจุบันครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:37
Sornpraram
จริงหรือไม่? ที่ก่อนหลวงพ่อผินะจะมอบพระให้ใครท่านต้องเลี่ยมพระก่อน?

sritoy
จริงครับวัตถุมงคลของหลวงพ่อหากเป็นพระหรือเครื่องราง
อะไรที่สามารถใส่กรอบได้ท่านก็จะใส่กรอบไมครอนให้สวย
งามก่อนจะมอบให้ผู้ศรัทธาบางครั้งจัดชุดเป็นสร้อยให้ก็มี
หรือมีแหนบให้พร้อมเสร็จสรรพ ท่านปรารถนาให้เอาไปใช้เลย
หากเป็นคนที่เพิ่งเคยได้รับจากท่านก็จะมีพิธีมอบใส่พานเราต้องนำ
ดอกไม้สามสีใส่ในพานด้วย ดอกไม้มีอยู่ในวัดนั่นแหละครับให้กลั้นใจ
ขอในใจว่าดอกที่หนึ่งต้องการอะไรจนครบสามดอกแล้วนำมาถวายหลวง
พ่อท่านจะสเปรย์น้ำหอมเก้ากลิ่นที่วัตถุมงคลและอธิษฐานจิตชั่วอึดใจแล้ว
มอบให้เป็นอันเสร็จพิธีครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:39
Sornpraram
[attach]3091[/attach]

นานมากแล้ว ศรพระราม เคยไปที่วัดสนมลาวเคยเห็น

ศาลไคฟง(เปาบุ้นจิ้น) ไม่ทราบว่าท่านสร้างไว้ทำไม??

และเพื่ออะไร?? ปัจจุบันเป็นที่น่าเสียดาย ที่ศาลถูกรื้อถอนไปแล้ว

เสียดายจัง เสียดาย จิง.งงงงงง



โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:39
sritoy
ศาลไคฟงเป็นควk,สมปรารถนาของหลวงพ่อท่านที่ดำริสร้างขึ้นมาเพื่อเตือนสติให้ทุกคนซื่อสัตย์ต่อกันและกันไม่เอารัดเอาเปรียบกันท่านจะหาข้อมูลรูปแบบของศาลไคฟงจากทีวีที่ใช้จานดาวเทียมและจากม้วนวีดีโอเรื่องเปาปุ้นจิ้นท่านดูแล้วดูอีกแล้วมาจัดสร้างขึ้นช่วงปัจฉิมกาลของท่านจัดสร้างเป็นอาคารชั้นเดียว มีรูปปั้นท่านเปาปุ้นจิ้น ท่านกงซุน ท่านจั่นเจา หวังเฉา หม่าฮั่น อ๋องแปด  การปั้นก็ใช้ฝีมือพระที่มาจำพรรรษาที่วัดครับ ช่วงนั้นผมไปทันตอนกำลังที่สีเลยช่วยทีสีท่านหมาฮั่น ช่วงนั้นลูกศิษย์บางท่านเล่าว่ามีท่านหม่าฮั่น หรือท่านหวังเฉาไปเฝ้าก็มีครับ แต่ฝีมือการทาสีมือสมัครเล่นพอเสร็จดูท่านขึมๆดี ส่วนฝาผนังด้านในหลวงพ่อท่านพระที่มาจากทางเหนือใช้เทคนิคพ่นเสปรย์เป็นรูปหนุมานก็สวยดี สัปดาห์ต่อมาไปวัดอีกไม่เจอพระท่านนั้น หลวงพ่อบอกว่าขับออกไปที่อื่นแล้วทั้งๆที่อยู่กลางพรรษาแสดงว่าต้องมีอะไรไม่งามแน่นอน ท่านเล่าให้ฟังถึงแผนการในใจว่าศาลไคฟงเป็นความภูมิใจของท่าน ให้คนรุ่นหลังได้มาชมดู ถ้าเสร็จสมบูรณ์แล้วจะมีการจำลองประหารชีวิตโดยเครื่องประหารเลื่อนมาเปิดมีด โดยใช้ต้นกล้วยแทนคอของคนผิด จากนั้นตัดให้ขาด เอาไว้ตัดสินคนที่ยืมเงินแล้วไม่ยอมคืนเป็นต้น เคยปรับทุกข์ให้ท่านฟังท่านบอกว่าให้นำเสื้อผ้าเค้ามาวันเดือนปีเกิด มาเดี๋ยวท่านจะให้เจตภูติไปทวงมาให้
แต่หลวงพ่อท่านจากไปก่อนผมเลยไม่ได้รบกวนท่านด้านนี้ครับ...


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:40
จ๊อ
หมอต้อย ค่ะ ทราบมาว่าหลวงพ่อผินะท่านชอบหนุมาน มากๆ
ท่านเคยกล่าวถึงหนุมาน ไว้อย่างไรบ้างค่ะ

sritoy
หนุมานเป็นตัวละครหนึ่งในมหากาพย์เรื่องรามเกียรติ์ทีหลวงพ่อท่านชอบกล่าวถึงโดยตลอดตำราที่หลวงพ่อใช้อ้างอิงในการสอนธรรมะแก่ญาติโยมก็คือหนังสือกายวิภาคของมนุษย์ที่ลูกศิษย์ที่เป็นแพทย์ถวายจะเปิดวางบนหมอนไม้หลวงพ่อท่านจะอธิบายแล้วแต่จะเน้นเคยได้ยินหลวงพ่อท่านพูดภาษาอังกฤษที่เป็นชื่ออวัยวะต่างๆได้ถูกต้องตามหลักวิชาการแพทย์ปัจจุบันรู้สึกทึ่งในใจ และหนังสืออีกเล่มคือเรื่องรามเกียรติ์คงจะเกี่ยวกับวิชาของหลวงพ่อที่ได้เรียนมา ช่วงนั้นผมถูกสุนัขกัดที่นิ้วชี้เย็บไปสีเข็มท่านบอกคาถากันสุนัขกัดให้จะได้ไม่เปลืองสตางต์เช่าวัตถุมงคล แต่ท่านก็ใจดีมอบพระให้สามองค์มีพระสมเด็จ พระปรมัตถ์ และพิมพ์หลวงพ่อเจริญธรรมกับหลวงปู่มั่นใส่สร้อยอย่างดีเลี่ยมไมครอนสวยงาม ส่าวพิมพ์พระสมเด็จใส่กรอบไมครอนด้านหล้งเป็นหนุมานท่านบอกว่าองค์นี้เก่งหมายถึงหนุมาน ท่านเล่าว่าหนุมานขึ้นไปสวรรค์ทำให้เกิดเหตุการณ์ปั่นป่วน หนุมานท่านมีนางสวรรค์เป็นเมียด้วย และหนุมานก็ไปเปิดดูอวัยวะของพระอินทร์ว่าเป็นอย่างไรทำไมท่านถึงมีฤทธิ์มาก ท่านคงมีวิธีการดูแล้วพบว่าอวัยวะของพระอินทร์มีลักษณะคล้ายหัวชะมด จดจำไว้แล้วลงมาสู่โลกมนุษย์ หลวงพ่อท่านก็กำหนดรูปแบบพ่อหัวหอมหัวพระอินทร์เป็นหัวชะมดซึ่งมีราคา 12,000บาทต่อชิ้น  ส่วนพ่อหัวหอมหัวมนุษย์ ราคา 2,000บาทครับราคาเมื่อหลวงพ่อมีชีวิตถือว่าสูงเหมือนกัน แต่ก็สวยงามครับ และอิทธิคุณพิสูจน์ได้ และหลวงพ่อท่านจะมีตรายางที่เป็นตราประทับรูปหนุมาน แปดกรกำลังแสดงฤทธิ์เต็มที่ เอาไว้ประทับบนตัวคนป่วยที่มาหาหลวงพ่อ คนป่วยในที่นี้หมายถึงคนที่โดนผีเข้า หรือคุณไสย์ผมเคยประทับตราบนตัวคนป่วยตามหัวเข่าหรือบริเวณที่ปวดหลวงพ่อท่านจะนั่งบนอาสนะใช้กระมนุษย์ท่อนยาวๆใหญ่ๆเคาะกระโถนเป็นจังหวะท่านจะถามด้วยว่าจะออกหรือไม่ออก ส่วนผมก็จะประทับตรารูปหนุมานไปพร้อมกำจังหวะที่หลวงพ่อท่านเคาะกระโถน บางรายก็ยอมออกโดยดีและมีอะไรแปลกออกมาจากตัวคนป่วย  หากผีที่มาเข้ายังใจแข็งไม่ยอมออกหลวงพ่อท่านจะใช้วิชาศรพระนารายณ์ยิงใส่ปีศาจหรือผีตนนั้นทำลายไปเลยตอนที่หลวงพ่อใช้วิชาแผลงศรนี้ผมไม่เห็นกับตาแต่ได้ยินมาว่าหลวงพ่อจะกำหนดลูกศรขึ้นเป็นลำที่แขนของท่านนูนขึ้นมาเป็นรูปลูกศรชัดเจนงอศอกขึ้นเหมือนจะฟันแล้วทำท่าฟันปลายนิ้วชี้ไปที่จุดเป้าหมายของคนป่วยแล้ววิญญาณร้ายก็โดนทำลายสูญสิ้นไป และแถมอีกเรื่องที่หมอนไม้ของหลวงพ่อจะมีสติ๊กเกอร์ทศกัณฑ์และพระรามแผลงศรติดไว้คนละฟากเหมือนฝ่ายอธรรมกับฝ่ายธรรมะที่ต้องต่อสู้กันในจิตใจของคนเรานั่นเอง  สรุปหลวงพ่อท่านชอบหนุมานเพราะเก่งมีฤทธิ์ดีสู้ได้ทุกสถานการณ์เวลาสร้างวัตถุมงคลจึงมีหนุมานมาเกี่ยวของครับ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:40
Sornpraram
ครั้งสุดท้ายที่หมอต้อยไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล มีเรื่องเล่าอันใดบ้างหนอ???

sritoy
ครับผมก่อนไปโรงพยาบาลสงฆ์ก็ไปหาหลวงพ่อที่วัดพระลูกวัดบอกว่าท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์ที่กรุงเทพฯช่วงนั้นหลวงพ่อกำลังบอกบุญทอดผ้าป่ากับทางวัดของที่ระลึกทำบุญคือดวงตาที่ใส่ไว้ในทุกซองครับพร้อมทั้งมีคำอธิบายความเป็นมาของดวงตาเสร็จสรรพโดยหลวงพ่อท่านเป็นคนอธิบายเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อยตอนนี้หายไปแล้ว เมื่อไม่พบท่านเลยตามไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลในวันถัดมาไปกับเพื่อนและน้องที่รู้จักกัน ไปถึงโรงพยาบาลหลวงพ่อท่านรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยรวมมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด เวลาคุยกับหลวงพ่อต้องตั้งใจฟังเพราะเค้าสอดท่อมากมายแต่องค์ท่านยังพยายามพูดคุยและสื่อสารกับคณะศิษย์ที่มาเยี่ยมครับที่ข้างตัวท่านมีก้อนข้าวสารหินสองก้อนท่านจะสื่อสารอะไรไม่ชัดเจนแต่มีพระผู้อุปฐากคอยแปลความหมายให้ทราบอยู่ใกล้ๆ กราบท่านที่ข้างเตียงพลอยน้ำตาจะไหล แล้วรวบรวมเงินทำบุญกับท่านสี่ร้อยบาท ท่านคืนให้มาสองร้อยบาทในใจจะรับเหมือนกันเพราะตอนไปวัดท่านก็ให้เงินเหมือนกันหากเราปฏิเสธท่านจะใช้ไม้ตายคือ ไม่รับไม่ต้องมาให้เห็นหน้าจำต้องรับครับ แต่มากับเพื่อนและน้องจะรับก็กระไรอยู่เลยปฏิเสธท่านไป แล้วหลวงพ่อท่านก็ลวงวัตถุมงคลจำพวกดวงตาและหัวใจเลี่ยมไมครอนสวยงามมอบให้ผมจำนวนหนึ่งรับด้วยสองมือกลัวตกหล่นครับแล้วกราบลาหลวงพ่อท่านระหว่างอยู่ในลิฟต์จัดสรรปันส่วนดวงตาให้ทุกคนจนครบมีหัวใจที่เกินมาขนาดเล็กน่าจะริบเป็นของส่วนตัวแต่ต้องชะงักเมื่อสายไปสบกับสายตาของเพื่อนแววตาอ้อนวอนเล็กๆตัดใจมอบให้เพื่อนไปใช้นับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เพื่อนจะพกหัวใจอันนั้นไม่ห่างกายเลยเพราะประสบการณ์แกประสบมามากโดยเฉพาะเรื่องการเงินถึงเวลาต้องส่งนั้นส่งหนี้แล้วยังช่องไม่เจอดพื่อนมักอธิษฐานขอหลวงพ่อช่วยทีเพื่อนทำงานรักษาสัตว์ครับรอสักพักเดี๋ยวจะมีงานเข้าและเงินจะตามมาเท่าที่ต้องการใช้ เหตุการณ์นี้เกิดขึนหลายครั้งหลายครามาก จนเพื่อนก็เป็นศิษย์หลวงพ่อโดยปริยายถ้าจะกลับทางอีสานแกต้องแวะกราบสรีระหลวงพ่อและทำบุญบริจาคทานที่วัดอยู่เสมอครับ..แล้วสัปดาห์ต่อมาหลังจากไปเยี่ยมหลวงพ่อถึงวันหยุดก็ไปโรงพยาบาลสงฆ์อีกครั้ง แต่ต้องพบกับเตียงคนไข้ที่ว่างเปล่าสอบถามเจ้าหน้าที่เค้าก็ย้อนว่าไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์หรือครับ ใจหายเลยแสดงว่าหลวงพ่อท่านมรณภาพแล้ว


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 10:59
sritoy
มีของที่ระลึกจากหลวงชิ้นหนึ่งที่
ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง...ว่างๆจะเล่าสู่ฟังครับ

ขอเล่าถึงของที่ระลึกที่หลวงพ่อท่านเคยมอบให้เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์
เหตุการณ์วันที่ 15 ต.ค. 55 ผ่านมาแล้ว มีเพื่อนที่ศรัทธาในหลวงพ่อก็ไปร่วมสังเกตุการณ์
ในวันครบรอบมรณกาล 10 ปีที่วัดส่วนรายละเอียดคงต้องรอหน่อย เข้าเรื่องก็แล้วกันช่วงที่
ไปช่วยงานหลวงพ่อจำได้ว่าวันนั้นท่านให้ลูกศิษย์ทั้งพระ เณรและญาติโยมช่วยกันปลูกต้นไม้
ที่ชั้นดาดฟ้า ต้องชักรอกเอาดินขึ้นไปชั้นบน แล้วค่อยปลูกท่านให้ไปซื้อเม็ดฟักทองปลูกจะ
ได้ย้อยระย้าและได้ใช้ประโยชน์ได้ด้วย  ท่านบอกว่าเรื่องปลูกพืชผักท่านก็ไม่เป็นรองใคร
เหมือนกันด้วยสีหน้ายิ้มภูมิใจในผลงานของท่านที่ผ่านมา เสร็จจากช่วยขนดินก็จะกราบลา
หลวงพ่อ ท่านรูดซิปกระเป๋าเก็บเงิน แจกจ่ายเงินค่าแรงแก่พระเณรทุกรูปทุกนามไม่เว้นแม้
แต่กระผมเองก็ยังได้ค่าแรงกับชาวคณะเหมือนกัน จะคืนหลวงพ่อท่านก็บอกว่างั้นไม่ต้องมา
หาอีกเพราะว่าโยมก็ถวายของให้หลวงพ่อทุกครั้งก็มากเหมือนกันถือเสียว่าต่างคนต่างให้ก็
แล้วกัน วันนั้นท่านหยิบแหวนกะไหล่ทองมาวงนึงมีพลอยสีใสๆ 4 เม็ดมอบให้กระผมท่านเสก
ให้ด้วยบอกว่าเป็นแหวนแก้วสารพัดนึกรับมาแล้วลองสวมดูสวยระยิบ
ระยับดี กลับมาทำงานก็สวมใส่ทุกวัน เจอสุนัขดุก็นึกถึงคาถาหลวงพ่อที่บอกให้ ผมใส่แหวนที่
หลวงให้นานพอสมควร สมบุกสมบันจนเม็ดพลอยหลุดไปเม็ดนึงเลย จึงถอดเอาไว้ ถึงช่วงกำหนด
ลาออกจากงานเดิมจะไปบวชเป็นพระสักพรรษา ก็ล่ำลาคนรู้จักกัน ผู้มีอุปการะคุณที่สนิทๆกัน
ไม่มีอะไรจะให้เป็นที่ระลึกเลยมอบแหวนแก้วสารพัดนึกให้กับพี่สาวใจท่านหนึ่งดีไปครับ
เมื่อถามถึงแหวนแกบอกว่ายังเก็บไว้อย่างดีหากมีโอกาสจะถ่ายรูปมาให้ชมครับ
ของที่ระลึกชิ้นนี้อาจจะไม่อยู่ในทำเนียบของนักนิยมวัตถุมงคลแต่ของชิ้นนั้นยังอยู่ในใจของผม
โดยตลอดครับ สุดท้ายก่อนจบขอนำส่งผลบุญที่กระผมได้กระทำมาดีแล้วขอโอกาสหลวงพ่อ
ได้อนุโมทนา ขอให้หลวงพ่อมีความสุขยิ่งๆขึ้นไป
ขอน้อมกราบหลวงพ่องามๆครับสาธุ


โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 11:00
Sornpraram
ข่าวล่ามาว่า..
เมื่อเปิดเจดีย์บรรจุสังขารหลวงพ่อผินะ
เห็นแต่ผ้าจีวร แต่กลับไม่พบร่างสังขารของหลวงพ่อผินะ

ศรพระรามฟังผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดมาอีกที่จะจริงเท็จประการใด
ศรพระรามยังไม่ยืนยันและระบุชี้ชัดนะครับ
เพราะ ยังไม่เห็นกับตาและ ยังไม่รู้จริง
จึงขอให้ฟังหูไว้หูก่อนนะครับ



โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 11:03
"ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่กายสังขารก็ไม่ใช่ของเรา"

[attach]3092[/attach]
[attach]3093[/attach]
[attach]3094[/attach]
[attach]3095[/attach]
[attach]3096[/attach]
[attach]3097[/attach]

โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 11:05
จ๊อ
ปริศนาธรรมอันยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อผินะ

นรชาติวางวาย    มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา



โดย: kit007    เวลา: 2013-5-24 11:05
จ๊อ
sritoyโพสเมื่อ 2012-10-23 17:31


ขอเล่าถึงของที่ระลึกที่หลวงพ่อท่านเคยมอบให้เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์


เหตุการณ์วันที่ 15 ต.ค. 55 ผ่านมาแล้ว มีเพื่อนที่ศรัทธาในหลวงพ่อก็ไปร่วมสังเกตุการณ์


ในวันครบรอบมรณกาล 10 ปีที่วัดส่วนรายละเอียดคงต้องรอหน่อย เข้าเรื่องก็แล้วกันช่วงที่


ไปช่วยงานหลวงพ่อจำได้ว่าวันนั้นท่านให้ลูกศิษย์ทั้งพระ เณรและญาติโยมช่วยกันปลูกต้นไม้


ที่ชั้นดาดฟ้า ต้องชักรอกเอาดินขึ้นไปชั้นบน แล้วค่อยปลูกท่านให้ไปซื้อเม็ดฟักทองปลูกจะ

ได้ย้อยระย้าและได้ใช้ประโยชน์ได้ด้วย  ท่านบอกว่าเรื่องปลูกพืชผักท่านก็ไม่เป็นรองใคร

เหมือนกันด้วยสีหน้ายิ้มภูมิใจในผลงานของท่านที่ผ่านมา เสร็จจากช่วยขนดินก็จะกราบลา

หลวงพ่อ ท่านรูดซิปกระเป๋าเก็บเงิน แจกจ่ายเงินค่าแรงแก่พระเณรทุกรูปทุกนามไม่เว้นแม้

แต่กระผมเองก็ยังได้ค่าแรงกับชาวคณะเหมือนกัน จะคืนหลวงพ่อท่านก็บอกว่างั้นไม่ต้องมา

หาอีกเพราะว่าโยมก็ถวายของให้หลวงพ่อทุกครั้งก็มากเหมือนกันถือเสียว่าต่างคนต่างให้ก็

แล้วกัน วันนั้นท่านหยิบแหวนกะไหล่ทองมาวงนึงมีพลอยสีใสๆ 4 เม็ดมอบให้กระผมท่านเสก

ให้ด้วยบอกว่าเป็น.....

   
แหวนแก้วสารพัดนึก   


รับมาแล้วลองสวมดูสวยระยิบ....


ระยับดี กลับมาทำงานก็สวมใส่ทุกวัน เจอสุนัขดุก็นึกถึงคาถาหลวงพ่อที่บอกให้ ผมใส่แหวนที่

หลวงพ่อให้นานพอสมควร สมบุกสมบันจนเม็ดพลอยหลุดไปเม็ดนึงเลย จึงถอดเอาไว้ ถึงช่วงกำหนด

ลาออกจากงานเดิมจะไปบวชเป็นพระสักพรรษา ก็ล่ำลาคนรู้จักกัน ผู้มีอุปการะคุณที่สนิทๆกัน

ไม่มีอะไรจะให้เป็นที่ระลึกเลยมอบแหวนแก้วสารพัดนึกให้กับพี่สาวใจท่านหนึ่งดีไปครับ

เมื่อถามถึงแหวนแกบอกว่ายังเก็บไว้อย่างดีหากมีโอกาสจะถ่ายรูปมาให้ชมครับ

ของที่ระลึกชิ้นนี้อาจจะไม่อยู่ในทำเนียบของนักนิยมวัตถุมงคลแต่ของชิ้นนั้นยังอยู่ในใจของผม

โดยตลอดครับ สุดท้ายก่อนจบขอนำส่งผลบุญที่กระผมได้กระทำมาดีแล้วขอโอกาสหลวงพ่อ

ได้อนุโมทนา ขอให้หลวงพ่อมีความสุขยิ่งๆขึ้นไป


ขอน้อมกราบหลวงพ่องามๆครับสาธุ




8888888888888888888888888888888888888888888



แหวนแก้วสารพัดนึกของหลวงพ่อผินะ กำลังถูกอัญเชิญมาไว้ที่สำนัก
เพื่อให้พี่น้องคศช. ได้สักการะขอพรสารพัดนึกเจ้าขา



โดย: sritoy    เวลา: 2013-5-28 18:32
"ตัวตาย แต่ชื่อยังอยู่
ชั่วฟ้าดินสลาย"
หลวงพ่อผินะ ปิยธโร
โดย: lnw    เวลา: 2013-11-26 15:16
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2013-5-28 18:32
"ตัวตาย แต่ชื่อยังอยู่
ชั่วฟ้าดินสลาย"
หลวงพ่อผินะ ป ...

สาธุ.
โดย: sritoy    เวลา: 2013-12-1 20:33
กราบหลวงปู่ด้วยใจน้อมสาธุ
โดย: moshido    เวลา: 2013-12-2 01:49
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย moshido เมื่อ 2013-12-2 01:51

สาธุ....น้อมกราบหลวงปู่ ด้วยใจเคารพ
ผมเกิดช้าไป....ตอนหลวงปู่ยังมีชีวิต ผมยังเด็กอยู่ ถ้าเป็นตอนนี้
คงมีโอกาสได้ไปกราบท่าน ทำบุญทุกครั้งก็อุทิศให้ท่าน
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-2 11:42
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2013-5-28 18:32
"ตัวตาย แต่ชื่อยังอยู่
ชั่วฟ้าดินสลาย"
หลวงพ่อผินะ ป ...


เพราะความดีที่สะสม
ชื่อ ถึงคงอยู่
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-11-10 07:42

โดย: Metha    เวลา: 2016-11-22 19:47

โดย: sritoy    เวลา: 2016-11-23 11:17
สาธุครับ..หลวงปู่
โดย: Metha    เวลา: 2016-12-21 11:49
การทำดี แต่บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องบ้า ผิดเพี้ยน

โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-4-17 14:14



ดาวแม่เนื้อหอม หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว สระบุรี

ภายในบรรจุเม็ดแร่กันฟ้าผ่า รุ่นนี้เป็นรุ่นที่เล่นง่าย ปั๊มเครื่อง สีนิยม

หลวงพ่อผินะท่านได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นปริศนาธรรมตามนิมิต

โดยด้านหนึ่งเป็นดาวห้าแฉกอันหมายถึงพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ของภัทรกัปป์นี้

อีกด้านเป็นดาวแปดแฉกอันหมายถึงพระอรหันต์แปดทิศที่คุ้มครองทิศทั้งแปด

เนื้อผสมผงอาถรรพ์ (อธิษฐานตามใจปรารถนา เมตตาแรงสุดๆ)

ดังนั้นดาวรุ่นนี้เป็นดาวอีกรุ่นที่รุนแรงทางเสน่ห์ เพราะมีส่วนผสมของที่เห็นง่าย แต่เอายาก





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2