ของ
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์
(พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
เราไม่เก็บบุญเข้ามา บุญจะช่วยเราได้อย่างไร
เหมือนเราเอาม้า วัว ควาย มาเลี้ยงไว้
แล้วไม่ทำคอกให้มันอยู่ เมื่อวัวควายหายจะไปโทษวัวโทษควายอย่างไร
ใครไม่ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา
ก็ถูก “พระหลอกๆ” กินแหลกหมด
พระพุทธรูป ก็เป็นนิมิตของพระพุทธเจ้า
พระธรรม ก็เป็นนิมิตเครื่องหมายของพระศาสนา
พระสงฆ์ ก็เป็นิมิตของผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ (อริยสงฆ์)
ส่วนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริงๆ นั้นก็จะไม่มีโอกาสได้เข้าถึง
(เพิ่มเติม - ไม่มีโอกาสเข้าถึงถ้าไม่ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา)
จิต เป็นตัวรถ, ลม เป็นราง, สติ เป็นคนขับ
ต้องให้ดีพร้อมทั้ง ๓ อย่างรถจึงจะเดินไปถึงจุดหมายได้
ถ้าลมดี จิตบริสุทธิ์ เลือดในร่างกายก็บริสุทธิ์
ตั้งใจฟัง เข้าใจในข้อธรรมะและปฏิบัติตามด้วย
นี้เป็นความดีอย่างที่ ๑
ไม่เข้าใจแต่ตั้งใจฟังนี่เป็นความดีอย่างที่ ๒
ไม่เข้าใจและไม่ตั้งใจฟังด้วย นี่..ใช้ไม่ได้เลย
(ท่านพระอาจารย์ลี เล่าเรื่องค้างคาวฟังเสียงพระสวดมนต์ในถ้ำ
จนเกิดสมาธิ จนค้างคาวปล่อยมือ-เท้าที่เกาะถ้ำหล่นลงตาย
ด้วยอานิสงส์ที่จิตเป็นสมาธิได้ไปเกิดเป็นเทพยดาในสวรรค์)
ฉันทะ พอใจกำหนดอยู่ในลมหายใจ
วิริยะ พยายามแต่งลมหายใจให้เป็นที่สบาย
จิตตะ เอาใจจดจ่ออยู่กับการเดินของลม
วิมังสา รู้จักใช้ลมนั้นให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน
ดำเนินตามอิทธิบาท ๔ นี้เป็นก้าวที่จะเข้าสู่วิปัสสนาญาณ
สมาธิ ต้องทำให้พร้อมทั้ง ๔ อิริยาบถ
คือ กายนั่ง-ใจนั่ง, กายเดิน-ใจเดิน, กายนอน-ใจนอน, กายยืน-ใจยืน
ถ้า...กายนั่ง-ใจยืน, กายเดิน-ใจนอน ฯลฯ อย่างนี้ใช้ไม่ได้
หายใจมีสติ ก็เปรียบเหมือนเราได้สร้างพระพุทธรูปไว้กับตัว
ถ้าขาดสติ พระพุทธรูปก็ละลายฉิบหายหมด
ร่างกายของเราเปรียบเหมือนเบ้า สติเหมือนเครื่องหลอม
ถ้าเผลอสติก็เท่ากับเททองไหลออกจากเบ้าหมด
ทำลมให้มันหนัก แน่น เหนียว
เหมือนยางรถยนต์ที่เส้นมันแบบบางนิดเดียว
แต่สามารถบรรทุกคนได้ตั้ง ๔๐-๕๐ คน
นั่นก็เพราะอำนาจของลม
ฉะนั้นลมแน่นจึงมีอำนาจที่จะบังคับอะไรๆ ได้ทุกอย่าง
ให้มีความสุขกายสุขใจ
หายโรคภัยไข้เจ็บ
ให้อยู่กับภาวนาทุกลมหายใจ
