Baan Jompra

ชื่อกระทู้: กูคือ แสนตรีเพชรกล้า [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-28 07:34
ชื่อกระทู้: กูคือ แสนตรีเพชรกล้า
กูคือ  แสนตรีเพชรกล้า
ประจักษ์ ประภาพิทยากร
    ต่วย’ตูน พอกเก็ตปีที่๑๕เล่มที่๑  เดือนกันยายน ๒๕๒๘

ครับ  ผมกำลังจะเล่าวิถีชีวิตของชายคนหนึ่ง  ชายคนนี้ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องไสยศาสตร์มาก  เรื่องยิงฟันจนเหงือกแห้ง  เพื่อนไม่ยั่นหรอก  อ๋อ ชีวิตของผู้นี้อยู่ที่ไหนน่ะหรือ  อยู่ในขุนช้างขุนแผนวรรณคดีแห่งชาติของเราครับ

เขาเป็นทหารเอกเชียงใหม่ครับ  เรามาดูบุคลิกของเขาบ้างเป็นไร  มันทำให้น่าเกรงขามไม่หยอกหรอกถ้าเดินอยู่บนถนน  อย่าว่าแต่คนจะกลัวเลย  แม้แต่หมาเห็นก็วิ่งหางจุกตูดเป็นแน่นอน

“สูงใหญ่รูปร่างเหมือนเสือ      กำลังเหลือเนื้อหนังก็แน่นเหนียว
หนวดโง้งฟั่นพันเป็นเกลียว             ฟันขาวปากเขียวดังปลิงควาย
นัยน์ตาดำคล้ำคล้ายกับตาเสือ        ขอบตาแดงเรื่อดังชาดป้าย
คิ้วกระหมวดหนวดแดงดูแรงร้าย      ผมมุ่นมวยคล้ายกับโยคี


         เอาเพียงเอกลักษณ์และเอกบุรุษก็เป็นที่น่าสยองขวัญแล้ว  แต่เพื่อนยังเล่นไสยศาสตร์เต็มกระบวน

“อันแม่ทัพคนนี้มีศักดา             อยู่ยงคงสาตราวิชาดี
แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์          แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์
ขาขวาหมึกสักพยัคฆี                      ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง
สักอุระรูปพระโมคคัลลาน์                 ภควัมปิดตานั้นสักหลัง
สีข้างสักอักขระนะจังงัง                    ศีรษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา

           เห็นไหมครับ  เพื่อนเล่นสักไว้เต็มตัว  แขนขวาสักสีเหลืองเป็นรูปพระนารายณ์เทพเจ้าของพรามหณ์  และสีเหลืองนั้นเป็นเครื่องหมายของความเป็นใหญ่  แขนซ้ายสักสีแดงเป็นรูปราชสีห์ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ  ขาขวาสักหมึกเป็นรูปเสือ  ขาซ้ายสักเป็นรูปหมี  ตรงอกสักเป็นพระโมคคัลลาน์ซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธองค์  ถือกันว่าเชี่ยวชาญในด้านอิทธิปาฏิหาริย์  ข้างหลังสักเป็นพระควัมปิดตา ก็คือพระปิดทวารทั้งเก้าซึ่งถือว่าเหนียวนัก  สีข้างสักเป็นคาถานะจังงัง
กระบวนการสักเราถือกันมานานเต็มทีแล้ว  ในพงศาวดารเรามักจะอ่านเจอคำว่า ลาวพุงขาวกับลาวพุงดำ  ลาวพุงขาวหมายถึงลาวเวียงจันทน์  ส่วนลาวพุงดำหมายถึงลาวทางเหนือซึ่งนิยมสักพุงให้ดำครับ  เดี๋ยวนี้ดูจะสักเพื่อความสวยงามหรือไม่ก็เพื่อขู่คนเล่น
แสนตรีเพชรกล้าไม่ใช่จะเล่นแต่กระบวนการสักนะครับ  กระบวนฝังเพื่อนก็มีพร้อม

“ฝังเข็มเล่มทองไว้สองไหล่              ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้แสกหน้า
ฝังก้อนเหล็กไหลไว้ในอุรา                      ข้างหลังฝังเทียนคล้าแก้วตาแมว
เป็นโปเปาปุนปิบยิบทั้งกาย                    ดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องแถว
แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพว                     ไม่มีแนวหนามขีดซักนิดเดียว

[attach]8979[/attach]
[attach]8978[/attach]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-28 07:34
เรื่องนี้เป็นเรื่องเร้นลับเกี่ยวกับไสยศาสตร์อันพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้หรอก  ก็เห็นจะต้องว่ากันถึงเรื่องนี้สักนิด  แก้วนพรัตน์มี๙ชนิดซึ่งรู้ๆกันนั้น  ทางไสยศาสตร์ถือเพียง๕ชนิด  คือ เพชร มุกดา ทับทิม มรกต และนิล  ถือว่าสัมพันธ์กับดาวพระเคราะห์๕ดวง  คือ  ทับทิมแทนพระอาทิตย์  มุกดาแทนพระจันทร์  เพชรแทนพระศุกร์  มรกตแทนพระพุทธ  และนิลแทนพระเสาร์  พระเสาร์นี่สีดำค่อนข้างจะดุเฮี้ยนเอาเรื่องครับ  นักเลงไสยศาสตร์จึงถือว่า  นิลเป็นแก้วที่สำคัญที่สุด  เรียกว่ามหารัตนานี   แสนตรีเพชรกล้าจึงฝังนิลไว้ที่หัว  ส่วนเพชรนั้นถือว่าแข็งที่สุดไม่มีอะไรเท่า  ชนชาติตะวันออกถือกันว่าการประดับเพชรที่หน้าผากทำให้เกิดอำนาจวิเศษ  ไม่เกรงกลัวศัตรู  แสนตรีเพชรกล้าจึงฝังเพชรไว้ที่แสกหน้า


ส่วนการฝังเข็มเป็นเรื่องของความเหนียว  เมื่อถูกอาวุธอะไรเข็มจะวิ่งปรู๊ดไปรับทันที  เหล็กไหลก็เป็นของมหัศจรรย์ครับ  หายากนักหนา  เขาว่ากันว่า  แม้แต่แสงไฟจากเทียนรนเหล็กไหลจะเยิ้มเลย  เทียนคล้าก็คือคดคล้า  เป็นแกนแข็งเกิดขึ้นในต้นกล้า  ส่วนแก้วตาแมวคือก้อนหินที่เกิดในนัยน์ตาแมว  ครับ ล้วนแต่ของวิเศษๆทั้งนั้นละครับ  ต้องนับถือกวีผู้แต่งเสภาขุนช้าง-ขุนแผนตอนนี้ก็คือครูแจ้งครับ ที่แต่งตอนทำกุมารทองด้วยนั่นแหละ  ครูแจ้งแกเก่งไสยศาสตร์นักละ

เท่านี้ยังไม่พอครับ  ยังไม่ถึงสุดยอด
“ไม่นอนด้วยภรรยาทั้งตาปี
ต่อศึกมีเมื่อไหร่ได้อาบน้ำ

ดูเอาเถอะครับ  มีเมียก็เหมือนไม่มีหรือไม่มีน้ำยา  คือไม่นอนกับเมียเลย  อาบน้ำก็ไม่อาบ  มีศึกเมื่อไหร่ถึงได้อาบน้ำ  ลงไม่อาบน้ำอย่างนี้แล้วเหนียวแน่  ขี้ไคลมันจับกันเปรอะไปหมดนี่

แสนตรีเพชรกล้านั้นรับใช้พระเจ้าเชียงใหม่มาหลายครั้งทีเดียว  เช่นเป็นผู้ถือพระราชสาส์น ของพระเจ้าเชียงใหม่   ไปขอพระนางสร้อยทองพระธิดาของพระเจ้าล้านช้าง  ตอนนั้นพระเจ้าเชียงใหม่อายุ๖๐เศษแล้วนะครับ  ส่วนสร้อยทองนั้นอายุได้๑๕หยกๆ๑๖หย่อนๆใครเขาจะไปยกให้เล่า  ฝ่ายล้านช้างมีหนังสือไปถึงพระพันวษาจะยกสร้อยทองให้  พระท้ายน้ำเป็นผู้ขึ้นไปรับ  ตอนกลับมาถึงปางคา  แสนตรีเพชรกล้าก็ร่ายคาถาเกิดพายุใหญ่แล้วโอบเข้าตี  จับพระท้ายน้ำและทหารทั้งหมด  และได้เชิญพระนางสร้อยทองไปเชียงใหม่  เส้นทางที่ตรีแสนเพชรกล้าเลือกโจมตีนี้ต้องนับว่าเหมาะ  ทำไมถึงว่าเหมาะในเสภาไม่ได้กล่าวไว้หรอก  แต่เรื่อง’เจ้าพ่อ’ของ ปกรณ์ ปิ่นเฉลียวบรรยายไว้มันส์นัก  ทำให้เข้าใจเรื่องเสภาดีขึ้น  จึงคัดมาประกอบล่ะ

“ตรงเขตต่ออำเภอเราและอำเภอคอนสวรรค์เรียกว่าช่องสามหมอ  ที่ตั้งมันเป็นทำเลแปลกประหลาดมาก  มีภูเขาลูกหนึ่งขวางตระหง่านอยู่ทางซ้ายมือ  มีลำน้ำเชี่ยวกรากเต็มไปด้วยแก่งหินน้อยใหญ่กระหนาบอยู่ทางขวา  ตรงกลางมีถนนเป็นช่องกว้างเพียงสามวาเท่านั้นแทงทะลุเข้าไป  ถนนสายนี้คือทางหลวงแผ่นดินจากจังหวัดผ่านช่องนี้มุ่งไปสู่ภูเขียว ชุมแพ ขอนแก่น เมืองเลย การคมนาคมสัญจรทุกชนิด  ไม่ว่ารถยนต์ จักรยาน เกวียน ม้า หรือคนเดินเท้า  จะต้องผ่านไปมาในเส้นทางนี้  โดยถูกบังคับไม่ให้หลีกเลี่ยงไปทางอื่นได้โดยเด็ดขาด  เพราะว่าบริเวณรอบๆคือขุนเขาและป่าทึบ  สูงลิบลิ่วยาวติดเป็นพืดสุดลูกหูลูกตา  มันเป็นถนนหัวใจสำคัญของจังหวัดชัยภูมิที่เปิดสู่อีสานทั้งหมด  ถ้าช่องเล็กๆที่กว้างเพียงสามวาถูกปิดลงเมื่อใด  เมื่อนั้นหมายถึงประชาชนในสี่อำเภอของจังหวัดนี้  แก้งคล้อ ภูเขียว เกษตรสมบูรณ์ และคอนสาร  จะถูกตัดขาดสะบั้นออกจากโลกภายนอกทันที”

หันมาดูมาดของแสนตรีเพชรกล้าต่อไป  ตอนนี้ล่ะเป็นบทสำคัญของแสนตรีเพชรกล้าละ  ก็ตอนขุนแผนพลายงามไปตีเชียงใหม่นั่นแหละ  ข้างฝ่ายเชียงใหม่ก็ให้แสนตรีเพชรกล้ายกออกไปจู่โจม

ก่อนแสนตรีเพชรกล้าจะไปจู่โจมบุกทะลวงน่ะ  เพื่อนก็ต้องนึกว่าผู้ที่ขึ้นมาตีเชียงใหม่ไม่ใช่เล่น  ต้องมีของดีเหมือนกัน  แสนตรีเพชรกล้าก็ต้องทำพิธีตามกระบวนไสยศาสตร์

“จะไปทัพจึงหาบรรดาว่าน           มาเสกอ่านอาคมถมถนำ
เครื่องรางตะกรุดลงองค์ภควัม              บริกรรมเสกเป่าเข้าทันใด
แล้วตักน้ำตีนท่ามาใส่ขัน                    หยิบเครื่องอานว่านนั้นลงใส่
เสกเดือดพล่านพลั่งดังตั้งใจ                เห็นประจักษ์วักได้ใส่หัวพลัน
หยิบเครื่องอานว่านยาขึ้นมาไหว้           เพชรกล้าลงไปในแม่ขัน
ประจงจบเคารพแล้วอาบพลัน              ดูสำคัญในนทีจะมีลาง

ตอนหาว่านมาเสกอาคมนั้น  แสนตรีใช้มนต์ดังนี้ครับ

“นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ    โอมมหาวินากัสสะ  รัชสสะปูชิโตสวาหะ  โอม  เชยยะ เชยยะ ปราเชยะ ปราเชยะ อหัง มหาเพชรศัตรูยะยัง สัพพลาพัง สวาหะ  โอมนะรายยะ เทวะสังสิฤทธิเดชะ ชัยยังกโรโหติริบ ริทิหะตะรา จะมหามันตระมุวาสสวาอิเม”

และตรงเอา  “เครื่องรางตะกรุดองค์ภควัม  บริกรรมเสกเป่าเข้าทันใด”  ก็ใช้พระคาถาว่า

“จะเชยยะ ทุมมิตัง พาลัง อาสีวิสังวะ มาณโว ภเชยยะ ปาปะกัง กัมมัง นฬาคารังวะ กุญชโร กาเรยยะ กุสลัง สัพพะ ลิวังนิพานะ มาวหัง สเรยยะ อนิจจัง ขันธัง นิพพิทญณโคจะรัง”
แสนตรีเพชรกล้าก็ทำพิธีเสี่ยงทายต่อ  ดูนิมิตในขันเป็นสำคัญ  ถ้าถึงที่ตายน้ำจะแดงเป็นสีฝาง  ถ้าไม่แพ้ไม่ชนะน้ำจะเหลืองเป็นสีรง  ถ้าชนะน้ำจะใสแลเลื่อมดังแก้วผลึก  แต่แล้วแสนตรีเพชรกล้าก็รู้ว่าตนชะตาขาดแน่เพราะน้ำในขันเป็นสีแดง  เล่นเอาตกใจวาบ  แต่แล้วก็เกิดมนุษย์มานะ  ตายก็ตายวะ  จะต้องไว้ฝีมือทหารลาวกันบ้าง  ก็เล่นไสยศาสตร์ต่อไป

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-28 07:35
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-9-28 07:37

ฮึดฮัดจัดแจงแต่งกายา..
วันจันทร์นุ่งผ้าแต่งชุดขาว
คาดตะกรุดเครื่องรางปรอทวาว
ใส่แหวนเพชรเม็ดพราวเหมือนดาวราย
ประเจียดประจงจับตะแบงมาน
สอดสังวาลสะอิ้งรัดจำรัสฉาย
โพกผ้าขริบพื้นขาวดาวกระจาย
เข็มขัดสายทองถักล้วนอักขรา
จบจับประคำทองเข้าคล้องคอ
ผงดินสอเสกเสริมแล้วเจิมหน้า
ถือง้าวก้าวย่างสามขุมมา
เผ่นขึ้นหลังม้าสง่างาม

บรรดาทหารเชียงใหม่ไม่ใช่เล่นนะครับ  ล้วนยิงฟันไม่เข้าทั้งนั้น กลอนครูแจ้งว่าไว้กระชับดีแท้


“บ้างอยู่ด้วยรากไม้ไพลว่าน
บ้างอยู่ด้วยอ่านพระคาถา
บ้างอยู่ด้วยเลขยันต์น้ำมันทา
บ้างอยู่ด้วยสุราอาพัดกิน
บ้างอยู่ด้วยเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์
บ้างอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน
บ้างอยู่ด้วยเนื้อหนังฝังเพชรนิล
ล้วนอยู่สิ้นทุกคนทนสาตรา


ครูแจ้งเล่นภาษาไสยศาตร์เต็มที่ครับ  ต้องเป็นนักเลงไสยศาสตร์ด้วยกันอ่านแล้วมันส์จริงๆครับ  ผมเองก็พอจะรู้งูๆปลาๆเท่านั้น  ที่จริงผมมีตำราว่าด้วย’ของดี’  รื้อหนังสือ๒วันหาไม่เจอะ  ทำให้หมดมูดไปเยอะ  เล่มนี้หายากซะด้วยซี



โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-28 07:35
คำว่าอยู่นั้น  หมายถึงอยู่ยงคงกะพัน  แปลเป็นภาษาไทยก็คือหนังเหนียวครับ  คือบางคนหนังเหนียวเพราะว่าน  ก็ว่านต่างๆที่นิยมเล่นกันสมัยนี้นั่นแหละ  ตำราว่านเดี๋ยวนี้หาง่ายจะตายไปและบรรดาว่านต่างๆนั้นก็ให้สรรพคุณต่างกันออกไป  เป็นสิริมงคลก็มี  ทำให้รวยทางลัดก็มี  ทำให้คนรักก็มี  บางคนเหนียวเพราะคาถา  บางคนก็เหนียวเพราะยันต์  บางคนเหนียวเพราะสุราอาพัด  คำว่าอาพัดนั้นหมายถึงผ่านพิธีปลุกเสกมาแล้ว  เช่นเหล้าก็ดี  หมากก็ดี  เมื่อทำพิธีปลุกเสกแล้วก็เรียกว่าอาพัดพ่วงท้ายได้


บางคนเหนียวเพราะเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์  ของเหล่านี้ต้องผิดไปจากธรรมชาติ  เช่นถ้าเป็นเขี้ยวสัตว์ก็ต้องตัน  เช่น เขี้ยวหมูตัน  แก้วตาสัตว์ก็ต้องประหลาดไปจากเดิม เช่นเป็นหินเป็นแก้ว บางทีเป็นเพชร  เช่นที่เรียกว่าเพชรตาแมว  บางคนอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน  คำว่ากำจัดหมายถึง เขี้ยว งาสัตว์ที่ไปแทงติดอยู่กับต้นไม้แล้วหักทิ้งไว้  อย่างเช่นงาช้างไปแทงต้นไม้หักติดอยู่กับต้นไม้  เรียกว่างากำจัดหรืองากำจาย  ของเหล่านี้ก็ต้องทำพิธีปลุกเสกก่อนนะครับถึงจะขลัง  ถือเป็นเครื่องรางอันสำมะคัญ

เอาล่ะครับจับเรื่องต่อไป  แสนตรีเพชรกล้าถึงรู้ตัวว่าจะตายก็ไม่ยั่นหรอก  เรียกว่ามีมนุษย์มานะว่างั้นเถอะ  ยกพลออกไปทีเดียว  เจอะกับพลายงามก่อน  ทีนี้ก็ต้องมีการเจรจา  ถามชื่อแซ่กันตามธรรมเนียม  ตอนนี้จึงได้รู้ชีวประวัติของแสนตรีเพชรกล้านิดหนึ่ง

เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน
มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า
เป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดา
ในลานนาใครใครไม่ต่อแรง
พระครูผู้บอกวิทยา
ชื่อศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง
ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง

เมื่อบอกพลายงามแล้วก็ขู่นิดหนึ่ง  ว่าเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทำเป็นเก่งคงตายเปล่า  เมื่อยั่วกันพอเป็นพิธี  ฉากรบก็เริ่มขึ้น

ยกแรกดังตุ๊ง  ยกนี้ตอนต้นก็ฟุตเวอร์คสวยงามดีครับ  “แล้วยกรำทำท่าหงส์สองคอ  เยื้องล่อเลี้ยวฟันหันเหียน  แล้วรำท่ามังกรช้อนวิเชียร  ผลัดเปลี่ยนว่องไวไม่เสียที”   ท้ายยกจะหมดเวลาก็ซัดกันนัว


“พลายงามตามชิดติดตะบัน
สบท่าฝ่าฟันลงต้ำตึง
หยุ่นเปล่าหาเข้าตรีเพชรไม่
เยื้องขยับจับใส่เจ้าพลายผลึง
เจ้าพลายผันฟันบ่าเพชรกล้าบึง
เนื้อประหนึ่งหินผาศิลาแลง
แสนตรีเพชรกล้าง่าง้าวกราย
ฟันเจ้าพลายงามพรวดกรวดแกร่ง
ราวกับเกาหลังให้ยิ่งได้แรง
ฟันตะแบงบุกไปไล่ตะครุบ
เอาดาบฟาดฉาดฟันตะบันส่ง
เป็นหลายหนคงทนไม่บู้บุบ
เพชรกล้ากลับด้ำเข้าตำทุบ
ถูกเนื้อยุบพอขยายก็หายไป


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-28 07:36
ยกแรกฟันกันไม่เข้า  ต่างก็อ่อนใจทั้งสองคน  แสนตรีเพชรกล้านึกในใจว่า  อ้ายเด็กไทยคนนี้มันดีจริง  ต้องลองของอย่างอื่นต่อไป  เห็นจะต้องเล่นด้วยคาถาล่ะ

ยกต่อมาก็เลยซัดกันด้วยคาถาทั้งนั้นล่ะครับ  เริ่มด้วยแสนตรีเพชรกล้าก่อน  อ่านมนต์มหาอาโป(น้ำ)   “เรียกมหาอาโปเป่าออกไปเป็นน้ำไหลพลุ่งพลั่งดั่งท่อธาร”     เกิดน้ำท่วมฝ่ายทหารไทย  ทหารไทยก็แย่กันไปตามๆ  บ้างก็หนีปีนต้นไม้เรียกร้องให้พลายงามช่วย

พลายงามก็เป่ามนต์ปรู๊ด น้ำที่ท่วมก็หายไปทันที  แล้วอ่านคาถาซ้ำ  เรียกเตโชธาตุ(ไฟ)  เกิดเป็นไฟลามลุกไหม้ทหารเชียงใหม่  ต่างก็ตกใจหนีกันวุ่นวายเหมือนกัน

เพชรกล้าเห็นเช่นนั้นก็อ่านมนต์เรียกลาวาหก(เมฆ)   “ระงับกายร่ายพระเวทวิทยา  เรียกมหาวลาหกให้ตกลง”   เกิดฝนตกห่าใหญ่  ดับไฟได้หมด  และทำให้ทหารฝ่ายพลายงามหนาวสั่นงั่กไปตามๆกัน

พลายงามก็เอาบ้าง  อ่านมนต์เรียกวาโยธาตุ(ลม)  “อ่านอาคมเรียกลมที่ในกาย  ระบายวาโยธาตุเป่าปราดไป”   บังเกิดเป็นลมพัดฝนไม่ให้ตกลงมา  ฝนก็หาย  พลายงามยัง  “แล้วเอาก้อนกรวดมาซัดปราย  เป็นเม็ดฝนกรวดทรายกระเซ็นซ่าน”   พวกลาวโดนก้อนกรวดพากันหลบฉากตามๆกัน  แต่ละคนก็โดนเข้าไปหลายโป๊ก

เพชรกล้าเห็นเช่นนั้นก็โกรธ  อ่านมนต์บังเกิดเป็นตารางกลางอากาศกั้นเม็ดกรวดทรายและฝน  และทันใดกรวดทรายฝนก็หายไป  เพชรกล้าจึงใช้แผนจู่โจมครับ  ให้ทหารของตนลงจากหลังมาบุกทะลวงเลย  ทหารของพลายงามน่ะนิดเดียว  ถึงจะมีดีฟันไม่เข้า  แต่ก็เหนื่อยแรงที่ต้องฟันคนอื่น  พลายงามเห็นดังนั้นก็รูดใบมะขามมาเสกเป็นต่อ  คาถามีดังนี้ครับ


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-28 07:36
อิติปิโสภควา  วิภัชชะโกฏิสะตะสะหัสสานิ  นะมามิ  สัมปันโน”   ว่าถึง๑๐๘คาบนะครับ  ทีนี้ก็เกิดตัวต่อเป็นแสนเป็นโกฏิบินว่อนไป  แต่ละตัวโตเท่านิ้วก้อย  เฉพาะต่อยทหารลาวเท่านั้นทหารไทยไม่ต่อย  ทหารลาวต้องใช้วิธีดำน้ำ  แต่พอโผล่หัวก็โดนต่อต่อยจึกเข้าให้ทุกที  เพชรกล้าก็โดนเหมือนกัน  ม้าของเพชรกล้าก็โดนเลยพากันวิ่งกระจัดกระเจิงไป  สักพักใหญ่พอหายเจ็บหมดพิษต่อก็หันม้าเข้าสมรภูมิอีก  คราวนี้ไปจ๊ะเอ๋กับขุนแผน  มีการด่ากันเล็กน้อยพอเป็นสังเขป  เสร็จแล้วขุนแผนก็ตวาดด้วยอำนาจยักษ์  แสนตรีเพชรตกใจชงักขุนแผนก็เอาง้าวฟัน  เล่นเอาแสนตรีเพชรฟุบไปกับอานม้า  ทีนี้ใครต่อใครก็เข้าสะกรัมกันใหญ่  ตาหลอกรากเข้าไปเอาขวานฟัน  ตารักเอาพลองกระทุ้งจนแสนตรีเพชรกล้าตกจากม้า  นายโห้ใช้ทั้งหอกทั้งทวน  นายปานเอาดาบฟัน  ถึงจะโดนอาวุธเครื่องทุ่นแรงนานาชนิดแสนตรีเพชรก็ไม่เป็นไรครับ
“ราวกับฟาดทองแดงแทงก้อนหิน         หัวบิ่นยู่ย่นไปจนกั่น
แม้กระดูกก็ไม่หักแต่สักอัน                            คงกระพันชาตรีดีทั้งกาย

เพื่อนก็ยังนอนหายใจอยู่  ขุนแผนก็บอกว่าเอาหลาวสวนตูดเข้าไปเลยโว้ย

เท่านั้นล่ะครับ  ตาหลอตารักกระโดดเข้าแก้ผ้าแสนตรีเพชรกล้า
  

อ้ายโม้อ้ายเม้าเอาหลาวสวนตูดดังปร็อด  ทีนี้หลายคนก็ช่วยกันดันช่วยกันตอก



“เอาไม้ตอกกังกังกระทั่งหัว  หน้าเผือดแดงดังแทงวัว  ถูกรูรั่วเลือดราดลงดาษดิน”

ครับ  ตายสนิท

คนที่หนังเหนียวน่ะโดนสวนก้นด้วยเครื่องทุ่นแรงกี่คนๆก็ตายเรียบละครับ  ขุนศรีวิชัยพ่อขุนช้างโดนโจรปล้น  โจรเห็นว่าหนังเหนียวก็เล่นสวนทวารแยงก้นตายเหมือนกัน

กูคือแสนตรีเพชรกล้า  ตอนแรกก็คงจะตะโกนดังๆหรอก  อ้ายตอนนี้สิครับ  กูคือแสนตรีเพชรกล้าออกจากหลอดลมได้ครึ่งเท่านั้น  ก็ถ้าไม่จบตรงนี้  ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปจบตรงไหนล่ะครับ  ทูนหัว

แสนตรีเพชรกล้า
[attach]8980[/attach]
                          แสนตรีเพชรกล้าเป็นแม่ทัพม้า ทหารเอกของพระเจ้าเชียงใหม่ เป็นศิษย์ของอาจารย์ศรีแก้วฟ้า
           แห่งถ้ำวัวแดง มีวิชาอาคมขลัง อยู่ยงคงกระพัน มีรอยสักทั้งตัวตั้งแต่รุ่นหนุ่มก็ไม่ได้อาบน้ำเลยเพราะเกรง
          ว่าจะล้างว่านยาที่ทาตัวออกไปหมดเมื่อจะออกรบจึงจะอาบน้ำแช่เครื่องรางวิเศษผสมกับว่านยาซึ่งเป็นน้ำเสี่ยง
          ทายด้วย  ถ้าน้ำมีสีเหลืองจะได้ชัยชนะ ถ้าน้ำมีสีแดงจะแพ้ถึงตาย ครั้งที่ต้องรบกับขุนแผนและพลายงามน้ำใน
          วันนั้นมีสีแดง แต่ก็แข็งใจออกไปรบแล้วก็ถูกทหารของขุนแผนใช้หลาวสวนทวารถึงแก่ความตาย


http://www.tuaytoon.com/story.php?type=P&id=27

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-9-28 10:42

โดย: Nujeab    เวลา: 2014-9-28 10:58
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2014-9-28 12:21
ยุคสมัยนึง เคยคิดจะเอาให้ครบ
แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์          แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์
ขาขวาหมึกสักพยัคฆี                      ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง
สักอุระรูปพระโมคคัลลาน์                 ภควัมปิดตานั้นสักหลัง
สีข้างสักอักขระนะจังงัง              

โดย: wind    เวลา: 2014-9-29 12:35
อ่านสนุกมีสาระ แฝงประวัติศาสตร์ ไสยศาสตร์ แก้ กัน  ของดีในวรรณคดีมีอีกมากมายรอผู้รู้ตีแผ่ขยายความ ขอบพระคุณครับ
โดย: majoy    เวลา: 2014-9-29 14:24
สรุปอ่านแล้ว ป๋มขอแคล้วคลาดกับเมตตาท่านจะดีกว่า ประมาณว่า รอดตลอด แถมจะเชือดจะทำร้ายก็ทำมะลง ท่านจะดีกว่านะครัช


โดย: AUD    เวลา: 2014-9-29 16:16
ขอบคุณครับ
โดย: รามเทพ    เวลา: 2014-9-29 20:38
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2014-9-28 12:21
ยุคสมัยนึง เคยคิดจะเอาให้ครบ
แขนขวาสักรงเป็นองค์นาร ...

สักเสร็จแล้วบอกด้วยนะครับ
จะขอลองของ
ตามที่ขุนแผนบอก
โดย: oustayutt    เวลา: 2014-9-29 22:44
ม่ายมีเเล้วครับ มีสำนักเเล้วครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-30 11:03
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2014-9-28 12:21
ยุคสมัยนึง เคยคิดจะเอาให้ครบ
แขนขวาสักรงเป็นองค์นาร ...

เท่านี้ยังไม่พอครับ  ยังไม่ถึงสุดยอด
ต้องนี่เลยครับเสี่ยป้อม

“ไม่นอนด้วยภรรยาทั้งตาปี
ต่อศึกมีเมื่อไหร่ได้อาบน้ำ


โดย: oustayutt    เวลา: 2014-9-30 11:08
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-9-30 11:03
เท่านี้ยังไม่พอครับ  ยังไม่ถึงสุดยอด
ต้องนี่เลยครั ...



อ๊ายยย! อย่างนี้เจ้เขารับไม่ได้เเน่
โดย: lnw    เวลา: 2014-11-15 22:51
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2014-9-30 11:08
อ๊ายยย! อย่างนี้เจ้เขารับไม่ได้เเน่ ...


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-2 07:24
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2014-9-30 11:08
อ๊ายยย! อย่างนี้เจ้เขารับไม่ได้เเน่ ...

จะเอาดีอีกอย่าง ต้องสละอีกอย่าง คร๊าบ.บบ


โดย: oustayutt    เวลา: 2014-12-3 10:23

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-15 06:47
majoy ตอบกลับเมื่อ 2014-9-29 14:24
สรุปอ่านแล้ว ป๋มขอแคล้วคลาดกับเมตตาท่านจะดีกว่า ประ ...

ต้องลองของกับภรรเมียที่บ้านก่อน

แล้วค่อยท่องยุทธจักร


โดย: majoy    เวลา: 2015-1-15 09:39
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-1-15 06:47
ต้องลองของกับภรรเมียที่บ้านก่อน

แล้วค่อยท่องยุทธ ...






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2