Baan Jompra
ชื่อกระทู้: รายชื่อเทพเจ้าของอินเดียทั้งหมด [สั่งพิมพ์]
โดย: AmAm เวลา: 2014-9-21 13:31
ชื่อกระทู้: รายชื่อเทพเจ้าของอินเดียทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AmAm เมื่อ 2014-9-21 14:02
รายชื่อเทพเจ้าของอินเดียทั้งหมด
ในบรรดาเรื่องราวของเทพเจา้ของชนชาติทั้งหลายนั้น เทพเจ้าของอินเดียนับว่ามีเรื่องราวและประวัติ ความเป็นมาที่ซับซ้อนมากกว่าชาติอื่น และกล่าวกันว่าตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ชนชาติอริยกะ หรืออินเดียอิหร่านที่อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในลุ่มแม่น้ำสินธุ มีการนับถือเทพเจ้าและมีคัมภีร์พระเวทเกิดขึ้น จึงขอนําเอาเรื่องเทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์มานําเสนอ
1. พระกฤษณะ
2. พระขันทกุมาร
3. พระทัตตะเตรยะ
4. พระนารายณ์
5. พระพรหม
6. พระพลราม
7. พระพาย
8. พระพิฆเนศ
9. พระพิรุณ
10. พระมหาเทวี
11. พระแม่ทุรคา
12. พระแม่คงคา
13. พระแม่โพสพ
14. พระแม่ธรณี
15. พระแม่ตรีเทวี
16. พระแม่เปะริยาจจิ
17. พระแม่ภวานี
18. พระแม่มารีอัมมัน
19. พระแม่ราธา
20. พระแม่สัปตมาตฤกา
21. พระแม่อันนปูรณา
22. พระยามี
23. พระราม
24. พระรุทร
25. พระแม่ปารวตี
26. พระแม่กาลี
27. พระแม่อุมาเทวี
28. พระลักษมี
29. พระวิศวกรรม
30. พระศิวะ
31. พระศุกร์
32. พระสุรัสวดี
33. พระหริหระ
33. พระอัคนี
34. พระอัยนาร์
35. พระอัศวิน
36. กาตตวรายัน
37. กามเทพ
38. กาลี
39. ดารา (เทพี)
40. ตรีมูรติ
41. เทวดานพเคราะห์
42. เทศกาลนวราตรี
43. นรสิงห์
44. นางกวัก (เทพปกรณัม)
45. มทุไร วีรัน
46. พระยม
47. ฤๅษีนารทมุนี
48. พระสตี
49. โสม (ฮินดู)
50. อัยยัปปัน
51. พระอินทร์
52. อิราวัต
53. อุสุภราช
54. ตรีศักติ
55. พระยม
56. พระสุริยะ
57. พระจันทร์
58. พระอังคาร
59. พระพุธ
60. พระพฤหัส
61. พระศุกร์
62. พระเสาร์
63. พระราหู
64. พระราม
65. พระขันทกุมาร
66. พระอัยนาร์
67. พระแม่อนันดาล
68. พระกัตตราวรายัน
69. พระแม่มนสาเทวี
70. พระแม่อุษาเทวี
71. พระแม่ซันโดษีเทวี
72. พระแม่ซับทรรกรรณีเทวี
73. พระแม่มหาวิทยาเทวี
74. พระแม่ตุลสีเทวี
75. พระยมี
โดย: Metha เวลา: 2014-9-21 14:52
โดย: AmAm เวลา: 2014-9-21 22:32
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AmAm เมื่อ 2014-9-21 22:48
1. พระกฤษณะ
"พระกฤษณะ"
มหาเทพผู้แห่งความหลุดพ้น
ชี้ทางมนุษย์ไปสู่ความสุขสมบูรณ์ที่แท้จริง
พระกฤษณะ เป็นอวตารหนึ่งของ พระวิษณุ
ในมหากาพย์เรื่อง "มหาภารตะ" ซึ่งเป็นหนังสือที่ยาวที่สุดในโลก
บรรจุไว้ซึ่งเรื่องราวต่างๆมากมาย
และมีคัมภีร์เล่มหนึ่งบรรจุไว้ด้วย นั่นคือ "คัมภีร์ภควัทคีตา"
กำเนิดพระกฤษณะ
พระราชาศูรปกครองชาวสุรเสนในนครมธุรา มีลูกด้วยกันสองคน คนโตเป็นผู้ชายชื่อเจ้าชายวสุเทพ อีกคนเป้นลูกสาวชื่อเจ้าหญิง กุณตี ท้าวอุรุเสนนั้นมีลูกมากซึ่งลูกที่เป็นรัชทายาทและเกเรมากชื่อว่า ท้าวกังษะ
ตอนหลังได้จับพ่อไปขังและขึ้นครองราชย์แทน ด้วยความที่ท้าวกังษะนั้นค่อนข้างโหดเหี้ยมทารุณกลัวว่าท้าววสุเทพเพื่อนรัก นั้นจะไม่ช่วยเหลือคนในการครองราชย์บ้านเมืองจึงยกน้องสาวชื่อ นางเทวกี ((ท้าวกังษะ มีน้องสาวสองคน คือ นางเทวกีและนางโมหิณี) และก็ได้อยู่ช่วยงานท้าวกังษะ ซึ่งยังความเดือดร้อนแก่คนในเมืองเป็นอย่างมาก ต้องส่งส่วยนมเนยทุกวัน วันหนึ่งท้าวกังษะกำลังจะออกประภาสป่าก็ได้มีพบพระนารัทมุนีมายืนตัดหน้าแล้วบอกว่า เรามาที่นี่เพื่อจะบอกว่า " ลูกชายคนที่ 8 ของท้าววสุเทพที่เกิดกับพระนางเทวกีน้องสาวของท่านจะเป็นคนฆ่าท่าน "
พอท้าวกังษะได้ยินดั่งนั่นก็ได้เกิดวิตกจึงได้สั่งให้จับท้าววสุเทพกับพระนาง เทวกี ขังคุกด้วยกัน พอสองคนอยู่ด้วยกันในคุกปีแรกก็ได้ให้กำเนิดลูกชายท้าวกังษะจึงสั่งให้เอาลูกชายนั้นไปฆ่าทิ้ง แต่ท้าวกังษะมิได้สนใจว่าเป็นบุตรคนใด ถ้าออกมาเป็นชายและเป็นลูกของพระนางเทวกี กับ ท้าววสุเทพก็จับฆ่าซะหมด จนกระทั่งถึงคนที่ 7 พระนางเทวกีก็กำลังจะออกลูกพระนางโมหิณีซึ่งเป้นพี่สาวก็ได้เสด็จมาที่คุก แล้วบอกว่าลูกคนที่ 7 นี้เราจะเอาไปเลี้ยงเองแล้วก็เอาเด็กคนอื่นไปให้ท้าวกังษะฆ่าทิ้งแทน ซึ่งลูกคนที่ 7 นี้ชื่อว่า พลราม เป็นพี่ชายของพระกฤษณะเมื่อเวลาผ่าน ไปพระนางเทวกีเริ่มท้องอ่อนๆ ท้าวกังษะก็สั่งให้ควบคุมอย่างเข้มแข้ง ในระหว่างนั้น ท้าววสุเทพก็ได้แอบติดต่อกับเพื่อนซึ่งเป้นคนเลี้ยงวัวจากในคุก ซึ่งเพื่อนคนนี้ชื่อว่า นันทะ แล้วนันทะนี้ก็มีเมียชื่อ ยโสธารา ซึ่งได้แต่งงานและกำลังตั้งท้องในเวลาไล่เลี่ยกันในคืนที่กระนางเทวกีคลอด ลูกคนที่ 8 ออกมา ฝนตกหนัก ประตูคุกที่เคยปิดก็เปิดออกโซ่ตรวนที่เคยมีก็หลุดลง ท้าววสุเทพก็จึงได้แอบออกมาหา นันทะที่เมืองโกกุนซึ่งอยู่ติดๆกัน แต่อนิจจาฝนตกหนักน้ำในแม่น้ำยมุนาก็หนุนขึ้นสูง ท้าววสุเทพซึ่งลุยน้ำแบบจวนเจียนที่จะจมเต็มทีน้ำจากแม่น้ำที่ขึ้นสูงจนถูก ตัวลูกของท้าววสุเทพปุ๊บก็ได้เกิดอัศจรรย์คือน้ำได้ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีงูใหญ่มาบังเด็กจากฝนที่ตกหนัก
ท้าววสุเทพจึงเดินทางได้สะดวกขึ้นครั้นพอเมื่อวสุเทพมาถึงบ้านของนันทะเมียของ นันทะเองก็เพิ่งจะคลอดลูกสาวออก นันทะจึงบอกให้ท้าววสุเทพเปลี่ยนตัวลูกกัน ลูกของท้าววสุเทพนันทะก็ได้เอาไปเลี้ยง ส่วนลูกสาวของนันทะนั้นก็ถูกพากลับไปสู่คุก
พอท้าววสุเทพทราบว่าพระนาง เทวกีคลอดเรียบร้อยแล้วท้าวกังษะก็ได้เดินทางมายังคุกหมายจะฆ่าลูกชายคนที่ 8 แต่ก็ต้องแปลกใจว่าพระนางเทวกีนั้นคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิงใจหนึ่งก็ดีใจว่า คำสาปของฤาษีนั้นคงจะไม่เป้นจริงเพราะลูกที่เกิดมาเป็นผู้หญิง แต่เพื่อความแน่ใจท้าวกังษะก็หมายจะฆ่าเด็กผู้หญิงคนนี้ทิ้งเสีย กำลังเงื้อดาบอยู่นั้นเองก็ได้มีเสียงร้องจากอากาศมาว่า " อย่า..... " ท้าวกังษะตกใจผลันโยนเด็กน้อยขึ้นบนฟ้าพลันนั้นเด็กน้อยก็ได้หายวับไปกับตา ท้าวกังษะก็ค่อยปลงใจเพราะคิดว่าคำสาปคงจะไม่เป้นจริงแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจก็สั่งให้ฆ่าทารกเพศชายที่เกิดในวันนี้ทั้งเมือง
เด็กชายเติบโตในหมู่บ้านที่อยู่นอกเมือง รอดตายมาได้ ชื่อว่า กรรณหา เติบโตอยู่ในหมู่บ้านโกกุน มีลักษณะแปลกเด็กคือเป้นเด็กขี้เล่นร่าเริง หน้าตาดี เป่าขลุ่ยได้ทั้งวันยังความเอ็นดูแก่คนอื่นที่พบเห็น และมีเรื่องหน้าแปลกว่าถ้ากรรณหา (หรือพระกฤษณะ) ลักขโมยกินนมเนยและเอามาเผื่อแผ่เด็กกลุ่มเดียวกันจากบ้านไหน วัวบ้านนั้นจะให้น้ำนมมากกว่าเดิม พอชาวบ้านเรื่องชาวบ้านก็เลยออกอุบายบอกใบ้ที่เก็บนมและเนยในบ้านตนเพื่อให้ กรรณหามาลักไปแจกเด็กๆในหมู่บ้านเพื่อที่วัวของตนจะให้น้ำนมมากขึ้น
พระกฤษณะก็ได้อยู่ในหมุ่บ้านนี้ได้ 11 ปีจนมาวันหนึ่ง ได้พบเห็นการถวายนมเนยแก่พระอินทร์ กรรณหาก็แปลกใจและถามว่า " เหตุใดจึงต้องบูชาพระอินทร์ด้วยเล่า พระองค์ไม่เห็นทำอะไรเลย ทำไมไม่บูชาวัว ซึ่งให้นมและเนยกับพวกเรา ทำไม่บูชาหญ้าซึ่งเป้นอาหารของวัว หรือทำไมไม่บูชาภูเขาโควัฒนะ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดความร่มรื่นและป่าไม้ควาอุดมสมบูรณ์แก่หมู่บ้าน " พระอินทร์เมื่อได้ยินดังนั้นก็ เกิดโมโห จึงสาปให้ฝนตก 7 วัน 7 คืน พระกฤษณะก็จึงแสดงปาฎิหารย์ด้วยการใช้นิ้วเดียวยกภูเขาโควัฒนะขึ้นมาบังท้อง ฟ้าเอาไว้ ถึงฝนจะตกแต่หมู่บ้านก็เสียหายน้อยลง
จนพระอินทร์นั้นยอมแพ้และมาทราบภายหลังว่ากรรณหานั้นคือพระนารายณ์อวตารลงมา เกิดเป็นพระกฤษณะจึงได้ขอขมา หลังจากที่แสดงอิทธิฤทธิ์แล้ว กฤษณะจึงบอกกับชาวบ้านไปว่า ต่อจากนี้ไปไม่ต้องส่งส่วยนมเนยไปให้ท้าวกังษะแล้ว
ครั้นพอท้าวกังษะ ทราบเรื่องว่าเมืองโกกุนนำโดยพระกฤษณะนั้นแข็งข้อและทราบว่าพระกฤษณะนั้น เป็นหลานคนที่ 8 ที่เล็ดรอดหนีไปได้ ท้าวกังษะจึงได้ทำกลอุบายให้ไปเชิญมายังเมือง โดยระหว่างที่พระกฤษณะติดตามข้าราชบริพานของท้าวกังษะกลับมายังเมืองนั้น ท้าวกังษะได้ปล่อยอสูรและสัตว์ร้ายมากมาย มาหมายจะฆ่าพระกฤษณะ แต่พระกฤษณะกลับฆ่าอสูรทั้งหลายตายเสียหมดสิ้น พอพระกฤษณะเข้ามายังเมืองก็ได้เจอกับท้าวกังษะและได้ต่อสู้กับท้าวกังษะ เมื่อพระกฤษณะฆ่าท้าวกังษะผู้เป็นลุงแล้วประชาชนก็ยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง พระกฤษณะกับพลรามพี่ชายก็รีบไปที่คุกและปล่อยพระเจ้าตา คือท้าวอุรุเสน พ่อซึ่งก็คือท้าววสุเทพและแม่คือพระนางเทวกีแล้วก็เชิญท้าวอุรุเสนผู้เป็นตา ขึ้นครองราชย์ต่อไป
พระกฤษณะนั้นก็ได้ออกเดินทางไปร่ำเรียนวิชา และผจญภัยอยู่จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มและได้กลับมาที่เมืองต่อมาได้เกลี้ยกล่อม ให้ย้ายเมืองจากที่เดิมไปตั้งรกรากใหม่ ชื่อว่า ทวารกา ****************************************
|
โดย: AmAm เวลา: 2014-9-21 22:37
1. พระกฤษณะ (ต่อ)
ในช่วงชีวิตทั้งหมดของพระกฤษณะได้ทรงต่อสู้กับอสูรมากมายที่กังสะส่งมาที่สำคัญๆ มีดังนี้
( 1 ) อสูรปุตน - ได้แปลงเป็นสตรีมาให้นมพระกฤษณะ ในขณะทรงพระเยาวน์ แต่พระกฤษณะทรงทราบเสียก่อน จึงดูดนมปุตนจนหมดตัวสิ้นชีวิตไปในที่สุด
( 2 ) ตรีนะวัตระ - อสูรตนนี้มีฤทธิ์ที่สามารถทำให้เกิดพายุได้ และอสูรตนนี้ได้พัดพาเอาพระกฤษณะขึ้นสู่ฟ้าสูงขึ้นเรื่อยๆ พระกฤษณะทรงสนุกกับการเล่นลม อสูรหัวเราะพอใจว่าทีนี้เราจะทุ่มพระกฤษณะลงพื้นให้ตายก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่พระกฤษณะรู้ทันจึงได้บันดาลพระองค์ให้ตัวหนักขึ้นๆ จนสุดท้ายอสูรรับน้ำหนักไม่ไหว หล่นสู่พื้นปฐพีในที่สุด
( 3 ) บากาสูร - อสูรตนนี้มีลักษณะเป็นนกขนาดใหญ่ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อพระกฤษณะทรงเล่นอยู่กับเพื่อน เพื่อนหิวน้ำจึงไปที่ลำธารเห็นนกขนาดใหญ่จึงวิ่งกลับมาบอกพระกฤษณะ จึงพากันไปดู พระกฤษณะทราบทันทีว่าเป็นอสูร เพราะคงไม่มีนกที่ไหนตัวจะใหญ่ได้เท่านี้ จึงได้เข้าไปใกล้ ขณะนั้นเองบากาสูรได้เอาจะงอยปากใหญ่โตคาบพระกฤษณะ พระกฤษณะทำพระองค์เองให้ร้อนจนนกต้องปล่อยออกจากจะงอยปาก และ ขณะนั้นเองพระกฤษณะเอามือข้างนึงง้างปากด้านบน ส่วนเท้ายันจะงอยปากด้านล่างไว้ จนท้ายที่สุดบากาสูรก็สิ้นฤทธิ์ตายในที่สุด
( 4 ) อักราสูร - อสูรตนนี้แปลงร่างเป็นงู อ้าปากกว้างให้เมือนลักษณะเป็นถ้ำ เพื่อนของพระกฤษณะ และเหล่าวัวทั้งหลายเดินเล่นเข้าไปในถ้ำ เมื่อพระกฤษณะเข้าไปในถ้ำเป็นคนสุดท้าย อักราสูรก็ปิดปากตนทันที เหล่าเพื่อนพระกฤษณะต่างร้องไห้ด้วยความกลัว พระกฤษณะจึงได้ทำการฉีกร่างงูบริเวณลูกตา แล้วให้เพื่อนๆ และวัวออกมา เป็นอันว่า อักราสูรตายในที่สุด
( 5 ) นาคกาลิยะ วันหนึ่งเหล่าเพื่อนๆ พระกฤษณะเล่นลูกบอลกันอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา แต่พระกฤษณะตีลูกบอลแรงไปหน่อย เลยตกลงไปยังแม่น้ำยมุนา เมื่อพระองค์เป็นคนทำ พระองค์ก็ต้องเป็นคนไปเก็บ แต่เท่าที่ทราบน้ำในแม่น้ำยมุนาขณะนั้นเป็นพิษ เพราะนาคกาลิยะที่อาศัยอยู่ใต้น้ำ เพื่อนๆ ต่างห้ามไม่ให้ลงไปเก็บแต่พระกฤษณะกลับตรงเข้าไปเก็บลูกบอลทันที เมื่อนาคกาลิยะเห็นพระกฤษณะลงมาในน้ำที่ตนเองอาศัยอยู่จึงตรงเข้ารัดพระกฤษณะ แต่รัดอย่างไรพระกฤษณะก็ไม่ตาย จนกระทั่งหมดแรง พระกฤษณะเลยแกะขนดที่รัดพระองค์ออก แล้วเหวี่ยงนาคกาลิยะ แต่นาคกาลิยะก็ต่อสู้จนสุดฤทธิ์จนท้ายที่สุดพระกฤษณะกระโดดขึ้นไปบนหัว เอาพระบาทกระทืบหลายครั้งจนนาคกาลิยะเจ็บปวดจนกระอักเลือด เหล่ามเหสีของนาคกาลิยะเห็นและทราบว่าพระกฤษณะคือพระวิษณุอวตานจึงได้มาขอให้พระองค์งดเว้นโทษตายแก่สามีนางเสีย พระกฤษณะให้โอวาสและ ให้นาคกาลิยะเลิกทำพิษใส่แม่น้ำยมุนา.
( 6 ) อสูรเดนุกา - มีลักษณะเป็นลา พระพลรามได้ไปเก็บผลไม้กับเพื่อนเลี้ยงโค และได้เขย่าต้นไม้ให้ผลไม้ร่วงทำให้เสียงไปรบกวนอสูรเดนุกา เมื่อเป็นเช่นนั้น อสูรเดนุกาจึงได้ตรงเข้ามาหมายฆ่าพระพลราม แต่พระพลรามได้จับอสูรเดนุกาเหวี่ยงไปรอบๆ ชนกับต้นไม้ตายในที่สุด ส่วนพระกฤษณะได้จับพลพรรคอสูรเหวี่ยงตายเป็นจำนวนมาก
( 7 ) อริตสูร - มีลัษณะเป็นวัวกระทิง
( 8 ) วัตสาสูร - มีลักษณะเป็นวัว แล้วแปลกปลอมเข้าไปในฝูงวัวที่พระกฤษณะเลี้ยง สุดท้ายโดนจับเหวี่ยง โดยการจับหางด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งจับขา แล้วเหวี่ยงขึ้นต้นไม้สิ้นชีวิต
( 9 ) เกสีสูร - มีลักษณะเป็นม้า
( 10 ) วยมาสูร - ครั้งหนึ่งพระกฤษณะและเพื่อนกำลังเล่นซ่อนหา พอดีกับวยมาสูรเหาะผ่านมา เมื่อเห็นเช่นนั้น จึงได้แปลงกายเป็นเด็กเข้าไปเล่นด้วย แต่ของที่วยมาสูรซ่อนกลับไม่ใช่ของ หรือ ลูกวัว แต่กลับเป็นเพื่อนของพระกฤษณะ โดยเอาเพื่อนของพระกฤษณะไปซ่อนเก็บไว้ในถ้ำแล้วเอาหินปิดทับปากถ้ำไว้ เมื่อพระกฤษณะรู้จึงตามไปที่ถ้ำ วยมาสูรจึงแปลงกายกลับเป็นขนาดใหญ่เช่นเดิมและหมายจะสังหารพระกฤษณะและเพื่อนทั้งหมด แต่ก็โดนพระกฤษณะจับทุ่มจนถึงแก่ความตาย
โดย: AmAm เวลา: 2014-9-21 22:42
1. พระกฤษณะ (ต่อ2)
อีกมุมหนึ่งของพระกฤษณะ : แง่มุมความรัก
ตำนานรักของพระกฤษณะ และ พระนางราธิกา หรือ ราธา ทั้งสององค์สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลี้ยงดูแลวัวมาด้วยกัน นั่นทำให้เกิดความรู้สึกรักกันและจะรอกันตลอดไป
- แม้พระกฤษณะจะมีชายาถึง 16,108 นาง
- แม้นางราธาจะมีสามีอยู่ก่อนแล้ว
- แม้บางท่านจะบอกว่านางราธารักพระกฤษณะแบบเทิดทูนมากกว่าเชิงชู้สาว
แม้พระกฤษณะจะมีเมียมากมายและแต่งงานหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็เล่ากันว่าพระองค์มีพระนางราธาอยู่ในใจเสมอและรักมากที่สุด และพระนางราธาก็รักพระกฤษณะอย่างสุดหัวใจและรอพระกฤษณะเสมอ ทำให้เราเห็นรูปเคารพขององค์พระกฤษณะคู่กับพระนางราธาอยู่บ่อยครั้ง
โดย: AmAm เวลา: 2014-9-21 22:54
1. พระกฤษณะ (ต่อ3)
ภาพบูชาพระกฤษณะ
การสังเกตุว่าเป็นพระกฤษณะมีวิธีง่ายๆคือ พระองค์จะทรงขลุ่ย ขนยกยูงทัดที่ผม มีโคเป็นบริวาร
การบูชาพระกฤษณะ
นิกายพระกฤษณะ ได้แพร่กระจายออกไปยัง ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีชาวตะวันตกนับถืออยู่มากมาย เนื่องจากในเรื่อง มหาภารตะ ได้มีคัมภีร์ ภควัทคีตา บรรจุอยู่ คัมภีร์นี้เองเป็นสิ่งที่ชาวตะวันตกให้ความสนใจศึกษากันมากมาย
ปัจจุบันถือว่า คัมภีร์ภควัทคีตา เป็นคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ฮินดูที่แพร่หลายมากที่สุด (แพร่หลายมากกว่าคัมภีร์พระเวททั้งสี่) เนื่องจากสมัยโบราณ คัมภีร์พระเวท เป็นสิ่งที่คนวรรณะอื่นห้ามอ่านนอกจากวรรณะพราหมณ์เท่านั้น พระเวทจึงค่อยๆลดบทบาทลง แต่ภควัทคีตาเป็นสิ่งที่พราหมณ์ในนิกายที่นับถือพระกฤษณะสั่งสอนให้ผู้คนศึกษา เพื่อนำมาปรับใช้ในชีวิต จึงเข้าถึงผู้คนได้กว้างขวาง
การกราบไหว้บูชาพระกฤษณะ จึงไม่สามารถกราบไหว้อย่างเดียวหรือถวายของเฉยๆได้
แต่จะต้องมีการศึกษาหนังสือ 2 เล่มควบคู่ไปด้วย นั่นคือ
1.มหากาพย์มหาภารตะ
2.คัมภีร์ภควัทคีตา
มิฉะนั้นการบูชาพระกฤษณะจะไม่บังเกิดผล (ที่มีการกำหนดเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้มนุษย์ศึกษาคำสอนในคัมภีร์) ผู้ที่ปฏิบัติตนเป็นผู้ติดตามพระกฤษณะ หรือ ผู้นับถือศรัทธาในพระกฤษณะ เรียกว่า ผู้ภักดี โดยในภควัทคีตาจะสอนเรื่อง ภักดีโยคะ และการเข้าถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระกฤษณะมหาเทพนี้ก็เป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระผู้เป็นเจ้าทุกพระองค์
มนต์บูชาพระกฤษณะมหาเทพ เรียกกันในนิกายว่า "มหามนต์"
ในปุราณะต่างๆ กล่าวไว้ว่า การบูชาพระกฤษณะ อาจทำได้โดยไม่ต้องบูชาพระพิฆเนศก่อน
(เป็นมหาเทพเพียงองค์เดียวที่ไม่ต้องกล่าวบูชาผ่านพระพิฆเนศได้อย่างสนิทใจ)
มหามนต์บูชาพระกฤษณะ
ฮะเร กฤษณะ ฮะเร กฤษณะ
กฤษณะ กฤษณะ ฮะเร ฮะเร
ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ
รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร
โดย: Ninprakarn เวลา: 2014-9-22 03:55
โดย: AmAm เวลา: 2014-9-24 20:45
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AmAm เมื่อ 2014-9-24 21:29
2. พระขันทกุมาร
พระขันธกุมาร
เทพเจ้าแห่งสงคราม
พระขันธกุมาร คือ เทพแห่งสงคราม ทรงเป็นพระโอรสแห่งพระศิวะและพระแม่อุมาเ้ทวี แล้วยังเป็นพระอนุชาแห่งพระพิฆเนศวรอีกด้วย โดยพระองค์กำเนิดมาเพื่อสังหารอสูรร้ายนามว่า "ตารกาสูร" ซึ่งสร้างความเตือนร้อนให้แ่ก่เหล่าเทวดา และพระองค์ทรงเป็นพระอุนชาแห่งพระพิฆเนศวรอีกด้วย พระองค์ทรงมีนกยูงเป็นเทพพาหนะคู่ใจจะเสด็จไปไหนย่อมไปด้วยกันเสมอ
การกำเนิดแห่งพระขันธกุมาร
พระขันธกุมารบางตำนานทรงกำเนิดจากพระศิวะคือ เปลวจากดวงไฟที่สาม กลายเป็นเด็กทารก 6 คน แล้วรวมเป็นคนเดียว โดยถูกเลี้ยงดูโดยเหล่านางฟ้า 6 นาง ซึ่งต่อมาก็คือ กลุ่มดาวลูกไก่นั่นเอง
บางตำนานว่า พระขันธกุมารทรงกำเนิดจากความพิโรธแห่งพระแม่อุมาเทวี ซึ่งโมโหจากการถูกเหล่าเทวดารบกวน ซึ่งในตอนนั้นเหล่าเทวดาพากันมาวิงวอนขอให้พระศิวะช่วยด้วยเหตุที่ ตารกาสูร สร้างความวุ่นวายให้แก่เทวดา จนไฟแห่งความพิโรธไปเผาร่างของพระอัคนี พระอัคนีทรงไปชำระร่างดับไฟพิโรธแห่งพระแม่ที่แม่น้ำคงคา ซึ่งในขณะนั้นเหล่านางฟ้าทั้ง 6 กำลังสรงน้ำอยู่ ไฟแห่งพระแม่อุมาเทวีก็ไหลไปตามน้ำไปถูกนางฟ้า แต่ปรากฏว่า นางฟ้าทั้ง6นั้นตั้งครรภ์แล้วให้กำเนิด พระขันธกุมาร
ซึ่งเดิมมีอยู่ว่าอสูรตนหนึ่งนามว่า ตารกาสูร นั่งบำเพ็ญภารนาจนได้พรจากพระพรหม ว่าให้ตนเป็นอมตะไม่ตายและหากตนชั่วร้ายก็ให้บุตรที่เกิดจากพระศิวะมาสังหาร เพราะตารกาสูรคิดว่าพระศิวะคงไม่สามารถมีบุตรบางตำนานว่า เพราะพระแม่สตีสิ้นบุญไปแล้ว และพระศิวะอาลัยอาวรณ์จนไม่ยอมออกมาสนใจในหน้าที่ของพระองค์ บางตำนานว่าพระองค์รักษาศีลอยู่ประจำไม่อาจจะมีความสัมพันธ์กับพระแม่อุมาเทวีได้ แต่บัดนี้พระขันธกุมารกำเนิดแล้ว ตารกาสูรทราบเข้าก็ออกตามหาหวังจะสังหาร แต่ด้วยนางฟ้าทั้ง 6 นำไปเลี้ยงแล้วจึงปลอดภัย พอพระขันธกุมารเติบโตเป็นหนุ่ม พระศิวะทรงมาขอพระขันธกุมารจากนางฟ้าทั้ง 6 นางฟ้าัทั้ง 6 ต่างอาลัยอาวรณ์แต่ต้องยอมเพื่อความสงบสุขแห่งสวรรค์ พระศิวะเห็นคุณงามความดีที่เลี้ยงพระขันธกุมารมา จึงเสกให้นางฟ้าทั้ง 6 กลายเป็นกลุ่มดาวลูกไก่ พระขันธกุมารเตรียมออกรบพระแม่อุมาเทวีทรงมอบหอกให้เป็นอาวุธ พระขันธกุมารทรงสงครามกับตารกาสูรและสังหารตารกาสูรได้สำเร็จความสงบสุขจึงกลับมาอีกครั้ง...
คาถาบูชา
โอม ศรี ศะระวัน ภะวายะ นะมะฮา
โอม สะกันทะเทวะ ชนะมาเรนัง อานุรัก ขันตุ
ทุติยัมปิ สะกันทะเทวะ ชนะมาเรนัง อานุรัก ขันตุ
ตะติยัมปิ สะกันทะเทวะ ชนะมาเรนัง อานุรัก ขันตุ
..........................
บทสวดสรรเสริญ
ศรี มุรุกา เจยะ มุรุกา
เจยะ เจยะ มุรุกา ศรี มุรุกา
วาซุ ทานิล เมนไม เปรา
นัน วาซิยายิ กัตตุม วาดิเวลา
ธีรามุม วีรามุม นาน เปราเว
ธีรูวารัล ปูริไว ธีรุมุรุกา
อนุทินัม อุนไน ปาดิทาเว
อารุล ปูริไว ธีรุ อรุ มุรุกา
อรุทัล ธันไน ธันทิดูไว
เวรุ ธูไน อิลไล เวลาวาเน
กัตติยาดู เปราเว วาซทิดูเวน
กันดา มุรุกา กัตติเวลา
เนนชัม วานากือ อุรุกาโด
เนนชัม กานินธือ วาราโย
ทิรุวารัล ธาราเว วารุวาเย
ธีรุมุรุกา นี วารุวาเย
เวลายุม มาลิลายุม วานากิดูเวน
เวกาไม วานดือ อารุล ธารุไว
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |