Baan Jompra

ชื่อกระทู้: เปิดตำนานวิชาปรอท [สั่งพิมพ์]

โดย: AUD    เวลา: 2014-8-28 15:35
ชื่อกระทู้: เปิดตำนานวิชาปรอท
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2014-9-10 20:44

เปิดตำนานวิชาปรอท

วิชาปรอท เป็นหนึ่งในวิชามหัศจรรย์ที่คนโบราณพยายามคิดค้นและพยายามทำให้สำเร็จ แต่มีน้อยคนนักที่จะสำเร็จปรอทขึ้นมาได้ ปรอทตามธรรมชาติเป็นโลหะธาตุเหลว และแม้ว่าจะเป็นโลหะเหลวที่ยังไม่ได้หุง แต่ก็มีอำนาจในตัว เช่นมีอำนาจด้านการกันไข้ป่า และโรคภัยต่างๆ และหากนำมาฆ่าพิษปรอท และหุงขึ้นรูปจนสำเร็จปรอทออกมาแล้วก็ยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นทั้งคงกระพันชาตรี มีตบะอำนาจ เมตตามหานิยม กันโรคภัยไข้เจ็บและทำให้อายุวัฒนะยืนยาวอีกด้วย

ในปัจจุบันผู้ที่หุงปรอทจนขึ้นรูปมาได้มีอาจารย์โยธิน คล้ายดี อยู่ย่านพระสมุทรเจดีย์ ได้ศึกษาหาความรู้เรื่องปรอทมานานหลายสิบปี จนในที่สุดได้ไปขอความรู้จากสำนักหอสมุด แต่ก็ไม่พบเรื่องราวของปรอทเลย ต่อเมื่อถามกับเจ้าหน้าที่ จึงบอกว่าเรื่องเก่าๆแบบนี้ต้องไปดูที่ห้องสมุดโบราณ แต่บุคคลทั่วไปไม่ให้เข้าต้องเขียนคำร้องทิ้งเอาไว้รอท่านอธิบดีเซ็นต์จึงสามารถเข้าไปค้นดูตำราได้ อาจารยฺโยธินไม่ละความพยายามได้เขียนคำร้อง โดยให้สาเหตุว่าเพื่ออนุรักษ์ภูมิความรู้แต่โบราณไม่ให้สาบสูญไป ทางสำนักหอสมุดได้อนุญาติในที่สุด และทางอาจารย์โยธินได้เข้าคัดลอกตำราเก่าแก่ซึ่งล้วนเป็นสมุดข่อยโบราณ มีอายุราวปลายกรุงศรีอยุธยา และต้นรัตนโกสินทร์ บางเล่มมีอายุราวสมัยรัชกาลที่ ๖ การคัดลอกสูตรยาวิธีเล่นแร่แปรธาตุต้องอาศัยการตีความ ตีปริศนา และต้องแปลตัวขอมรวมทั้งคำไทยโบราณ จากนั้นต้องมาถามคนเฒ่าคนแก่ถึงชื่อว่านยาต่างๆ และต้องหามาปลูกเอง จากการได้ตำรามาต้องเตียมการกว่า ๒ ปีจึงหุงปรอท และในที่สุดก็สำเร็จปรอทในระดับต้น คือสามารถหุงปรอทเหลวๆ โดยไม่ต้องเข้าตะกั่ว ให้กลายเป็นก้อนขึ้นมาได้ ดังภาพที่เห็นครับ


[attach]8632[/attach]


ปรอทเป็นแร่กายสิทธิ์ที่ใกล้เคียงเหล็กไหล จริงๆแล้วปรอทก็เป็นไหลประเภทหนึ่งเหมือนกัน ผมเคยเห็นเหล็กไหลน้ำหนึ่งชั้นยอดมีสีเขียวปีกแมลงทับ และสีม่วงคราม เนื้อก็ใสเป็นแกว ไม่เหมือนหินหรือโลหะทั่วไป เทียบกับปรอทชั้นยอดก็เป็นแก้วเหมือนกัน ปรอทที่หุงชั้นสุดยอดตามตำนานมีลักษณะเป็นเพชรวาวใสประกายรุ้ง ทั้งปรอทและเหล็กไหลจัดเป็นกลุ่มดวงแก้วมณี อันเป็นบริวารของดวงแก้วจักรพรรดิ์ของพระมหาจักรพรรดิ์

นอกจากนี้เหล็กไหลหลายชนิดก็มีส่วนของปรอทเล่นไปในตัวเช่นเหล็กเปียก เหล็กชีปะขาว เหล็กไหลน้ำ เหล็กไหลเงินยวง แร่เขาอึมครึมบางชินก็มีสายแร่ปรอทวิ่งเข้าไปปน หรืออย่างแร่บางไผ่เองก็มีปรอทแทรกอยู่ในผิวตามธรรมชาติ ถ้าใครเคยเห็นก้อนแร่บางไผ่ที่ยังไม่ถลุงหรือยังไม่เผาเขาจะแช่เอาไว้ในน้ำคาวปลา และก้อนไหนที่แตก จะเห็นพรายปรอทเกาะอยู่ที่ก้อนแร่ ถ้าเอาขึ้นจากน้ำนานวันเข้าก็จะเกิดสนิมกินจนกลายเป็นขี้ดินขุยดินไปหมด แต่ถ้าแช่เอาไว้ในน้ำคาวปลา แร่จะโตขึ้นเองได้งอกไปมาได้และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสีก็เข้มขึ้มด้วย

ในธรรมชาติว่านยาและแร่ศักดิ์สิทธิ์หลายชนิดมักมีปรอทเข้าไปร่วมด้วยเสมอไม่มากก็น้อย ปรอทมันน่าอัศจรรย์จริงๆครับ




ที่มา Facebook : Jaruvat Chanposri

โดย: AUD    เวลา: 2014-8-28 15:36
ตำนานวิชาปรอทวิเศษนั้น มีการกล่าวถึง พระฤๅษี ทั้ง ๕ ผู้เป็นอาจารย์ปรอทได้แก่ พระฤๅษีตาไฟ พระฤๅษีตาไว พระฤๅษีตาวัว พระฤๅษีนารอด และพระฤๅษีกัสสปะ ทั้ง ๕ ท่านนี้สำเร็จปรอท ๕ ชนิดคือ ปรอทเพชร ปรอทธาตุ ปรอทอ้ายงั่ง ปรอทสยมภู ปรอทตายพราย นอกจากนี้ยังมีตำราของพระฤๅษีสัจจพันธ์ แห่งเขาพระพุทธบาทสระบุรี และพระฤๅษีอีกหลายตน ล้วนแต่น่าอัศจรรย์น่าศึกษาทั้งสิ้นครับ

โดย: AUD    เวลา: 2014-8-31 17:41
หนึ่งในความน่ามหัศจรรย์ของปรอทวิเศษ หรือปรอทหุงก็คือ การเสด็จไปไหนต่อไหนเองได้ เช่นกันกับอาจารย์โยธิน คล้ายดี ได้เล่าเรื่องการเสด็จของปรอทวิเศษไว้ว่า ปรอทบางองค์ทำขึ้นมาแล้วก็ใส่ไว้ในผอบ ปิดฝาเกลียวอย่างดี แต่พอมาดูอีกทีกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นคือปรอทที่เก็บไว้อย่างมิดชิดบางครั้งเสด็จมาอยู่ตามโคนต้นว่านที่ปลูกเอาไว้

ผมถามอาจารย์ว่าแล้วว่านอะไรครับที่ปรอทเสด็จมาอยู่ตามโคนต้น
อาจารย์ตอบว่า ว่านพะตะบะ เป็นว่านชนิดหน่งซึ่งมีถิ่นกำเนิดจากฝั่งลาวแต่สมัยนี้สามารถไปจตุจักรหาซื้อหัวมาเพาะปลูกเองได้ ว่านพะตะบะเป็นว่านที่มีลักษณะแปลกคือ หัวว่านพะตะบะจะมีพรายปรอท เราสามารถคาดคะเนได้ว่า หนึ่งว่านชนิดนี้มีปรอทอยู่ในตัวตามธรรมชาติ สองว่านชนิดนี้สามารถเรียกปรอทตามธรรมชาติเข้ามาในตัวเองได้ และสามตามธรรมชาติปรอทชอบมากินว่านชนิดนี้ ทางพระท่านเรียกว่ามีอาตยนะดึงดูดซึ่งกันและกัน ระหว่างปรอทและว่านพะตะบะ จึงมีความผูกพันธ์สัมพันธ์กันดึงดูดและเอ้ออาศัยซึ่งกันและกัน

และเนื่องจากว่านพะตะบะมีปรอทในตัว ครูบาอาจารย์ท่านจึงกล่าวว่าว่านชนิดนี้ใช้กันผีทั้งปวงได้ เด็กนอนร้องไห้เอาว่านพะจตะบะแขวนเปลผีไม่กล้ามารังแก เอาสำนักทรงเอาว่านพะตะบะพกไว้เจ้าไม่กล้าลงทรงประทับถ้าเป็นเทพมีศักดิ์จะทักขึ้นมาทันที คนผีเข้าเอาหัวว่านพะตะบะจี้ลงไปผีร้องโอดครวญรีบออกไปทันทีเช่นกัน

กลับมาที่เรื่องปรอทเสด็จไปมาได้ อาจารย์โยธินเล่าว่าครั้งหนึ่งเอาปรอทให้คุณยายเอาไว้กำชับว่าระวังหายนะ เพราะปรอทชอบไปไหนต่อไหนได้เสมอ คุณยายท่านก็เอาไว้ในกระเป๋ารูดซิบเป็นอย่างดี ผ่านไปเพียง ๓ วันลองมาคลำดูในกระเป๋าปรากฏว่าปรอทหนีหายไปซะแล้ว ทั้งๆที่รูดซิบไว้สนท ก็น่าแปลก โบราณท่านว่าปรอทที่มีฤทธิ์ดีแล้วไม่ต้องระดับสุดยอดก็ได้ พวกเพชรพญาธรชอบมาขโมยเอาไปเพิ่มฤทธิ์เพิ่มเดชให้ตัวเองนัก[attach]8655[/attach]

โดย: AUD    เวลา: 2014-8-31 17:48
สังกรณียักษ์ในป่าสามารถกินปรอท รากของสังกรณีจะชอนไชไปตามหน้าผาหินเพื่อดูดกินปรอทที่หากินทองในหินที่มีสายแร่ทอง เช่นเดียวกับว่านบางอย่างที่ดูดปรอทเข้าไว้ในตัวเพื่อเพิ่มฤทธิ์อำนาจของตัวเองเช่นว่านพะตะบะ ที่มีอานุภาพด้านกันผี หรือต้นหนาดที่มีอานุภาพด้านกันผีเช่นกัน

[attach]8656[/attach]

โดย: sriyan3    เวลา: 2014-9-3 08:22
ขอบคุณคร้าบ
โดย: AUD    เวลา: 2014-9-9 21:08
[attach]8699[/attach]

ตามตำราไสยเวทย์ทั้งของไทยและพม่ากล่าวถึงปรอทตรงกันว่าหากใช้ว่านยาซัดให้แข็งตัวขึ้นได้ก็จะมีฤทธิ์วิเศษทั้งคงกระพันและอายุวัฒนะกันโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายมิให้กล้ำกรายแก่ตนเอง ถ้าสำเร็จถึงขั้นเลอเลิศสูงสุดแล้วอาจจะยังให้ชีวิตอยู่ยาวนานนับกัปป์ปี

แต่ถึงจะไม่สำเร็จขั้นสุดยอดด้วยอำนาจตามวิถีธรรมชาติของปรอทก็ยังช่วยเรื่องการปกป้องคุ้มครองทั้งจากคุณไสยมนต์ดำและโรคภัยต่างๆได้ตามสมควร

ในทางพม่าปรอทที่ทำให้แข็งตัวเขาจะเรียกว่า เซยากี ครับจัดเป็นตัวยาอย่างหนึ่งที่จะนำมาฝนผสมกับหมึกเพื่อสักตามร่างกายเพื่อให้ผลทางด้านคงกระพัน กันคุณไสย


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-9-10 08:33

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-9-10 11:04
แหล่มเลยพี่
โดย: AUD    เวลา: 2014-9-10 20:43
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2014-9-10 21:08
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2014-9-10 11:04
แหล่มเลยพี่

ลองหาว่านพะตะบะ มาปลูกล่อไว้ดูสิ


โดย: AUD    เวลา: 2014-9-10 20:51
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2014-9-10 20:59

ปรอทสำเร็จ

ปรอทสำเร็จ  เป็นวิชาการทำปรอทให้แข็งตัว สมัยโบราณหลายๆท่านที่ศึกษาเรื่องปรอทนี้ก็คงจะเคยได้ยินการจับปรอทในแหล่งน้ำคลำสกปรกใต้ถุนบ้านหรือตามแหล่งน้ำเน่าต่างๆ โดยการเอา
ไข่เป็ดเจาะรูหลายๆฟองแล้วนำไปแช่ในแหล่งน้ำสกปรกดังกล่าว


ปรอทเป็นธาตุที่ชอบกินของสกปรกเน่าเหม็นจะเข้าไปตามรูที่เจาะบนไข่นั้นแล้วพอกินเนื้อในไข่ ปรอทจะออกจากไข่ไม่ได้ เคยมีผู้ทดลองทำมาแล้วแต่ได้ปรอทมาในปริมาณไม่มากนัก


การทำปรอทให้แข็งตัว ในภาษาไสยศาตร์เรียกว่า "การฆ่าปรอท"ด้วยการนำว่านยาบางชนิดมา ใช้ฆ่าปรอทเพื่อให้ปรอทแข็งตัว   เช่น ว่านเพชรหึง      เหตุที่ต้องทำให้ปรอทแข็งตัวนั้นเพราะ
จะได้สามารถพกพาปรอทไปได้ในทุกๆ ที่ ซึ่งการทำปรอทให้แข็งตัวนั้นมีหลายวิธี อีกวิธีหนึ่งคือ การเสาะหาสถานที่หุงปรอท นั่นคือ   ถ้ำที่มืดทึบซึ่งจะต้องเป็นถ้ำที่เข้าตำราโบราณ   ที่เรียกว่า
"ถ้ำลอด-ปรอทขาว" และผู้ที่ฆ่าปรอทตายและให้แข็งตัวได้เราจะเรียกผู้นั้นว่า "ผู้สำเร็จปรอท" โดยอิทธิฤทธิ์ของปรอทสำเร็จมีดังนี้คือ

ผู้สำเร็จปรอท จะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เดินทางไปไหนมาไหนได้รวดเร็วกว่าคนปกติ อีกทั้งความเหนื่อยล้าเป็นไม่มี มีความเชื่อว่าปรอทคือเครื่องสะพายแล่งของพญายมราช ดังนั้น
ภูติผีปีศาจจึงพากันเกรงกลัวยิ่งนักหากที่ใดที่มีคนถูกผีเข้าเจ้าสิง หากนำปรอทเข้าไปใกล้ตัวคน ที่ถูกผีเข้าผีจะรีบหนีออกไปทันที   การเลี้ยงปรอทนั้นท่านว่าให้เอาทองคำเปลว  มาวางไว้ใกล้ๆ
กับก้อนปรอทนั้น ไม่ทันไรแผ่นทองคำเปลวจะอันตรธานหายไปเองอย่างไม่ทราบสาเหตุ การให้ ทองคำเปลวแก่ปรอทกินเป็นอาหารหากวันใดลืมให้แล้วมาให้วันต่อมาปรอทจะกินทองคำเปลวจุ
มากคือกินแผ่นทองคำเปลวทีเดียว 2 แผ่นเลย ปรอทสามารถเตือนภัยให้กับเจ้าของได้และเตือน ได้ทั้งเรื่องโชคชะตาของเจ้าของว่าช่วงนั้นดีหรือร้ายเพียงใด และแน่นอนเรื่องป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ให้กับเจ้าของปรอท ปรอทก็สามารถป้องกันได้เช่นกัน

ปรอทเป็นของเหลวและไหลกลอกกลิ้งได้เช่นเดียวกับน้ำ หลักวิทยาศาสตร์ปรอทนั้นจะมีอาการหดตัวเมื่อถูกความเย็นและพองตัวเมื่อถูกความร้อน   ตามวิชาการแพทย์ก็ต้องใช้
ปรอทเป็นเครื่องวัดระดับความร้อนของคนไข้ หลักอุตุนิยมวิทยาก็ใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นต้น

เพราะการคุมตัวกันไม่ติดของปรอท และเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีอาการประหลาดนี้เอง ในโบราณกาลจึงถือว่าปรอทนั้นหากผู้ใดมีวิชาสามารถทำการคุมตัวกันได้ และประกอบพิธี
โดยหลักไสยศาสตร์  อันถูกต้องครบถ้วนแล้ว   ฤทธิ์อันเกิดจากวิทยาคมซึ่งรวมอยู่ในปรอทนั้นอาจจะสามารถนำผู้ที่เป็นเจ้าของให้เกิดอิทธิฤทธิ์และกระทำปาฏิหาริย์ต่างๆได้ ดังอุปเท่ห์โบราณดังนี้

ผู้ใดอมปรอทไว้
1.ผู้นั้นจะมีรูปร่างดังพระมหาจักรพรรดิ (หมายถึง ความมีเดช ฤทธิ์ และความงามเป็นที่เสน่หากระมังอันนี้รวมถึงอานุภาพที่คล้ายกับเหล็กไหลในตำนานที่เด่นเรื่อคุ้มครองป้อง
กันภัยด้วย)

2.เสียงไพเราะ ดังท้าวมหาพรหม (หมายถึง พูดถูกใจบุคคล เป็นเสน่ห์ พูดอะไรมีคนเชื่อถือกระมัง)
3.ไปป่าหิมพานต์ยาม ๑ ก็ถึง (คงหมายถึงการทำปาฏิหาริย์ ล่องหน)
4.ไป ๔ ทวีป ในนิ้วมือเดียว (เช่นเดียวกับข้อ ๓ หรืออาจหมายถึงกายทิพย์ก็ได้)
5.คิดอะไรสำเร็จสมความปรารถนา


ที่มา : http://dhammarakkoe.blogspot.com


โดย: AUD    เวลา: 2014-9-10 21:08
[youtube]l6MrIv9Q4lY[/youtube]
[youtube]gsi1bUvPqdg[/youtube]

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-9-10 21:09
AUD ตอบกลับเมื่อ 2014-9-10 20:43
ลองหาว่านพะตะบะ มาปลูกล่อไว้ดูสิ

...

รบกวนหาไว้ให้หน่อยคร๊าบบบ
โดย: AUD    เวลา: 2014-9-10 21:39
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2014-9-10 21:45

ประวัติและความเป็นมาของ"ปรอท"

          ปรอท ตามคติของการสร้างวัตถุมงคล เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยในสมัยโบราณท่านกล่าวไว้ว่า ให้นำแร่ปรอทมาใช้เป็นส่วนผสม ส่วนหนึ่งในการรักษาโรคต่างๆ ของยาแผนโบราณ และบางส่วนก้อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ในอีกส่วนหนึ่งก็มีการทำให้แข็งตัวตามตำราที่สืบทอดกันมาจากโบราณ ที่เรียกขานกันว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะวงการนักนิยมเครื่องรางของลัง เชื่อถือกันว่า ปรอท เป็นแร่ธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพ อยู่ในตัวเอง แม้นจะเก็บไว้นานก้อคงสภาพไม่แปรเปี่ยนเป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาว ถ้าขัดถูจะดูสดใสขึ้นในทันที จะดูเป็นสีใหม่อยู่เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นในทันที เอาหลังแตะกันจะเห็นเป็นยาง เอาถูอลุมิเนียมจะเป็นขุยขึ้นมา เอาถูที่มือ จะป็นสีดำ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำรา สรรพคุณของปรอท ใช้ได้กว้างขวาง เหมาะแก่ท่านที่อยู่ตามชนบท ต่างๆ เช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรมีพระปรอทติดตัวไว้บูชา ป้องกันอันตรายได้หลายอยาง บรรพบุรุษนับถือกันจริงๆ ยิ่งนำมาสร้างเป็นพระหลวงปู่ทวดเหยีย่บน้ำทะเลจืด ถือได้ว่าย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง เพราะหลวงปู่ทวด เป็นสุดยอดพระนิรันตราย พระเนื้อปรอทหลวงปู่ทวดนี้ นำพกติดตัว เมื่ออันตรายใช้ได้ทันที อาทิ แช่น้ำเป็นน้ำพุทธมนต์ หรือ ดื่มกินเพื่อักษาโรคต่างๆ อานุภาพ ของพระเนื้อปรอทตามตำนานที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ

1. เมื่อถูกของมีคม ใช้ถูปากแผล ห้ามเลือด และแผลจะปิดทันที
2. กันไข้ป่า ไข้พิษ ต่างๆ
3. ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำสุราล้างพระปรอท ปิดแผล
4. ดูดพิษงู
5. ป้องกันภูติ ผีปิศาจ และคุณไสย
6. เวลาเดินทางไกล อาราธนาติดตัว หรือแช่ทน้ำมนต์ ประพรหมยานพาหนะป้องกันภยันตรายต่างๆ
7. ปวดฟันให้อมพระปรอทไว้
8. ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง
9. ทารักษาโรคผิวหลังกลากเกลื้อน
10. เป็นฝี ใช้พระเนื้อปรอท ล้างน้ำสุรา ปิดที่หัวฝี

[attach]8714[/attach]


โดย: AUD    เวลา: 2014-9-10 21:48
[attach]8715[/attach]

การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่งที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิมนั้นชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจากชาวชมพูทวีปที่ได้รับความรู้นี้มาจากไอยคุปต์โบราณอีกทอดหนึ่ง เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุนี้เป็นเรื่องจริงที่มิใช่เพียงตำนานที่เล่าขานนอกจากการแปรธาตุให้เป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้นยังพบว่ามีการใช้ในการสรรสร้างวัตถุที่ประจุพลังจิตอีก เรื่องราวเหล่านี้พบในเอกสารโบราณหลายฉบับทั้งยังมีกล่าวในพระไตรปิฏกตอนที่กล่าวถึงโลกจินไตยว่าอันคติเรื่องโลกนั้นแบ่งได้สองสาขาคือ
๑. มนิกาวิชชาคือความรู้เรื่องจิตศาสตร์อันได้แก่ ความรู้ทางจิต การบำเพ็ญจิตในลักษณะต่างๆทั้งก่อนพุทธกาลและในขณะนั้นเช่นการสะกดจิต การฝึกปราณยามะ การเพ่งกสิณ
๒. ตัชชารีวิชชา อันนี้คือความรู้เรื่องเครื่องลางของขลัง ๔ ประการคือ
มูลตัชชารี ความรู้เรื่องต้นไม้ว่านยาที่มีอานุภาพต่างๆ
มันตาตัชชารีวิชชาได้แก่ความรู้เรื่องเวทมนต์ต่างๆที่หลายท่านคุ้นเคยกันดี
อังกตัชชารีวิชชาได้แก่ความรู้เรื่องการทำเครื่องลางของขลังพวกพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุดพิสมรต่างๆ
ธาตุตัชชารีวิชชา คือความรู้เรื่องแร่ธาตุต่างที่มีอิทธิฤทธิ์รวมทั้งวิชาเคมียุคดึกดำบรรพ์เรียกว่ารสายนเวทที่เป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุต่างๆเช่นการแปรธาตุตะกั่วเป็นทองคำ(สีสัน-ลักษณะโครงสร้างภายนอก)การแปรธาตุปรอทเป็นของแข็งที่เรียกกันว่าปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์วิชาเรื่องการแปรธาตุนี้เกือบเหลือเป็นเพียงแค่ตำนานเพราะมีผู้รู้สืบทอดน้อยลงวิชาประการต่างๆก็พลอยสาบสูญไปกับผู้ที่รู้วิชาเหล่านั้น

      การแปรธาตุนั้นถือเป็นการร่ำเรียนพระเวทขั้นสูงเพราะต้องใช้ทั้งความรู้และสติปัญญาในการไขปริศนาแห่งวิชาให้เข้าใจทั้งต้องมีพลังจิตในระดับอัปมัญญาสมาธิ(ฌานสมาบัติ)จึงจะสามารถทำสำเร็จ เท่าที่พบในประวัติศาสตร์ของชาวสยามนั้นมีวิชาการที่กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่มากทั้งปรากฏหลักฐานในพระเครื่องรางของขลังที่ผู้มีความรู้พระเวทสายนี้สรรสร้างบรรจุไว้ตามกรุเจดีย์ต่างๆแสดงถึงความรุ่งเรืองของรสายนเวทในสมัยนั้น หากท่านเป็นนักนิยมพระเครื่องคงรู้จักเครื่องลางเช่นลูกปรอทกรอก็เป็นประดิษฐกรรมอย่างหนึ่งและพระเครื่องที่ทรงฤทธานุภาพสูงที่บรรจุในกรุโบราณมาแต่สมัยศรีอโยธยารามเทพนครที่สรรสร้างด้วยพระเวทสายเล่นแร่แปรธาตุก็คือ พระกรุวัดท้ายย่าน จังหวัดชัยนาทที่ปรากฏมีผู้เรืองวิทยาคมสูงส่งสืบทอดอย่างไม่ขาดสายจนปัจจุบันความเข้มขลังของพระกรุนี้นักนิยมพระรุ่นเก่าถึงขนาดดูแท้ปลอมด้วยการอาราธนากำพระเครื่องนี้แล้วนำเข็มฉีดยาแทงหากว่าเข็มทะลุผ่านชั้นเนื้อไปได้ก็ถือว่าพระเครื่องท้ายย่านองค์นั้นปลอม นี่คือกฤติยาคมที่ผ่านพ้นอดีตจนมาพิสูจน์ความจริงแท้ในโลกปัจจุบันนอกจากพระกรุวัดท้ายย่านจะมีอิทธิคุณเข้มขลังแล้วท่านทราบไหมว่าพระเครื่องชุดนี้สร้างจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุที่ปรากฏในตำนานสยามคือวิชาปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์นั่นเองเมื่อผ่านกาลเวลานานนับร้อยปีประกอบกับความร้อนเย็นในกรุพระปรอทนั้นก็กินตัวกรอบไม่คงทนทำให้พระชุดนี้ตกแตก บรรดานักนิยมพระเครื่องที่ไม่เดียงสาก็คิดว่าพระท้ายย่านนั้นมีส่วนผสมสร้างจากแร่พลวง(วุลแฟรม)ชนิดหนึ่งเท่านั้นและท่านทราบอีกหรือไม่ว่าพระชุดนี้มิได้ใช้การหลอมเทด้วยความร้อน!!!!แต่เป็นการปั้นอัดพิมพ์โลหะกายสิทธิ์นั้นด้วยวิชาพระเวทขั้นสูงที่น่าตื่นตะหนกที่หลอมโลหะด้วยพระเวทแล้วชุบให้แข็งตัวหลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจบอกว่าเหลือเชื่อไม่น่าเป็นไปได้แต่ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงครับ

       ก่อนที่จะมาถึงการหลอมปรอทโดยไม่ใช้ไฟที่มีนักวิทยาคมหลายท่านสงสัยว่าจริงหรือ ? บางท่านถึงกับกล่าวปรามาสไปก็มีว่าเป็นเรื่องเล่นกลหลอกลวงหรือบางรายกล่าวแบบขอไปทีว่าถึงทำได้แล้วไงจะขลังจริงหรือ อันนี้เป็นเรื่องต่างความคิดต่างความเชื่อกันคงไปบังคับกะเกณฑ์กันไม่ได้แต่ที่นำมาเล่าให้ฟังนี่ก็เพื่อสืบตำนานเรื่องราวที่เป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมประการหนึ่งของไทยเราจะขอปูพื้นความรู้เรื่องปรอทวิเศษหรือปรอทสำเร็จที่เป็นของวิเศษในความเชื่อของผู้ศึกษาวิทยาคมว่าใครหากทำได้เเล้วก็นับว่าบรรลุจุดสูงสุดในวิชาวิทยาคมประการหนึ่งเเบบเดียวกับที่เราศึกษาวิชาความรู้ภาคสามัญแล้วได้ปริญญาอย่างไรอย่างนั้นจึงขอคัดตำราการหุงปรอทสำเร็จแบบหนึ่งซึ่งจริงในเมืองไทยมีตำราแบบที่ว่าด้วยการหุงปรอทนี่เท่าที่พบไม่น้อยกว่ายี่สิบตำราครับการหุงปรอทตำรับนี้ที่ได้จากตำราเก่าอายุหลายร้อยปีเล่มหนึ่งกล่าวถึงการหุงปรอทและสรรพคุณไว้จึงขอคัดมาเป็นพื้นความรู้เพื่อกล่าวถึงเนื้อความต่อๆไปดังนี้ครับ
ปรอทเป็นของเหลวและไหลกลอกกลิ้งได้เช่นเดียวกับน้ำ หลักวิทยาศาสตร์ปรอทนั้นจะมีอาการหดตัวเมื่อถูกความเย็นและพองตัวเมื่อถูกความร้อน ตามวิชาการแพทย์ก็ต้องใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดระดับความร้อนของคนไข้ หลักอุตุนิยมวิทยาก็ใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นต้น

เพราะความคุมตัวกันไม่ติดของปรอท และเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีอาการประหลาดนี้เอง ในโบราณกาลจึงถือว่าปรอทนั้นหากผู้ใดมีวิชาสามารถทำคุมตัวกันได้ และประกอบพิธีโดยหลักไสยศาสตร์อันถูกต้องครบถ้วนแล้วฤทธิอันเกิดจากวิทยาคมซึ่งรวมอยู่ในปรอทนั้นอาจจะสามารถนำผู้ที่เป็นเจ้าของให้เกิดอิทธิฤทธิและกระทำปาฏิหาริย์ต่างๆได้

ต่อไปนี้เป็นการสร้างปรอทวิเศษ
เตรียมการ ทำเบ้ายา ชั้นที่ ๑ สำหรับใส่ปรอท (สิ่งละเท่าๆกัน)
๑. หนังกระบือเผือก บดให้แหลกละเอียด
๒. สังข์
๓. หัสคุณ
๔. เจตมูลแดงเพลิง
๕. ยางสลัดใด
๖. ใบส้มป่อย
๗. ใบพลูแก่
๘. เปลือกตะแบก
๙. เปลือกหมาก
๑๐. เปลือกรากมะไฟ

       เครื่องยาทั้งหมดนี้ บดละเอียดใส่ลงเคี่ยวจนเหลวเละดัง ขี้วัว แล้วนำมา ปั้นเป็นเบ้าหุงปรอท......



ที่มา http://www.ounamilit.com/

โดย: AUD    เวลา: 2014-9-13 14:27
ปรอทเพชร เป็นปรอทที่ถูกซัดด้วยว่านยาผสมเข้ากับเหล็กจนกลายเป็นก้อนแข็ง ดีทางคงกระพันครับ

[attach]8727[/attach][attach]8728[/attach]

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-9-13 19:46
ถ้าจะชอบ ไวเหมือนปรอท^^
โดย: pininnan    เวลา: 2014-9-20 10:52

สุดยอดไปเลย
โดย: AUD    เวลา: 2014-9-24 22:04
[attach]8821[/attach]

ภาพปรอทหุงจากพม่า ปรอทประเภทนี้จะใช้กรรมวิธีเอาปรอทกินสารแร่ธาตุ่างๆให้ปรอทสำรอกพิษตัวเองออกมาแล้วนำมาหุงโดยเข้าเบ้าหลอม โดยมีแร่ธาตุต่างๆเป็นตัวเชื่อมธาตุ จนออกมาเป็นแบบนี้

ปรอทพวกนี้เขาจะใช้ในทางรักษาโรคภัยต่างๆและใช้ในทางคุ้มครอง พวกรัสเซียที่ชอบวิชาทางจิตนำปรอทหุงมาใช้ในการเปิดจักระและกระตุ้นจักระในร่างกายเพื่อบำบัดโรคและเสริมสร้างพลังงานทางจิตและเพื่อให้จิตสงบขึ้น

[attach]8822[/attach]

ปรอทชิ้นนี้หุงจากฝั่งไทยเช่นกันโดยอาจารย์โยธิน คล้ายดีครับ




โดย: AUD    เวลา: 2014-9-24 22:05
[attach]8823[/attach]

ปรอทจากพม่าอีกแบบนึง ปรอทพวกนี้จะใช้ทองคำล่อให้ปรอทกิน ปรอทพวกนี้ใช้ผลทางโชคลาภ เรียกเงินเรียกทอง และใช้ในทางคุ้มครองก็ได้ สมัยก่อนหลวงพ่อศรีอ่อง วัดบรรพตคีรีทำปรอทชนิดนี้ได้เรียกว่าปรอทกินเงินกินทอ

โดย: AUD    เวลา: 2014-9-24 22:07
[attach]8824[/attach]

ปรอทชิ้นนี้จากฝั่งไทย คนสร้างชื่ออาจารย์โยธิน คล้ายดี ใช้สูตรคล้ายพม่าคือเอาปรอทกวนเข้ากับผงเหล็ก โดยใช้น้ำว่านเป็นตัวผผสาน การกวนใช้การกวนในครกหินจนปรอทกินผลเหล็กเบื้องต้นปรอทที่ปั้นขึ้นมาจากการกวนจะถูกดูดโดยแม่เหล็กได้ แต่เมื่อนำปรอทไปหุงกับน้ำว่านซ้ำอีกครั้งคราวนี้ปรอทจะไม่ดูดกับแม่เหล็กอีก เหมือนกับเหล็กที่ใช้ผสมแปรธาตุไปหมด อันนี้ก็น่าแปลกดีเหมือนกัน

โดย: AUD    เวลา: 2014-9-28 15:01

[attach]8873[/attach]
ในทางพม่าเขาเรียกปรอทสั้นๆว่า "ปะ" และกล่าวถึงที่มาของปรอทหรือปะนี้ว่ามาจาก ๕ สถานที่ด้วยกัน เรียกว่า ปะทั้ง ๕

ปะ ทั้ง ๕ ได้แก่ ปะตา หมายถึงปรอทที่ได้แม่น้ำ ข้อนี้หมายถึงการดักเอาปรอทเหลวจากตามลำน้ำโดยดูชัยภูมิว่าเป็นลำน้ำที่มีดินเลน มีใบไม้เน่าทับถม ผู้รู้ก็จะใช้ไข่เน่าไปดักล่อตามริมน้ำ

ปะตอง หมายถึง ปรอทที่ดักเอาจากในป่า ปรอทป่าหมายถึงการดักล่อปรอทจากบริเวณดินโป่ง ในป่าดิบ ปรอทพวกนี้มีฤทธิ์แรง ใช้ได้ดีทางกันไข้ป่า กันผี

ปะแตง หมายถึงปรอทที่ได้มาจากใต้ดิน ปรอทใต้ดินนั้นมักหาจากใต้จอมปลวกหรือจากในป่าช้าประเภทนี้พวกผีก็กลัวยิ่งนัก

ปะเตง หมายถึงปรอทที่ได้มาจากถ้ำ อันนี้หาจากถ้ำที่มีลักษณะเป็นถ้ำสะอาดมีน้ำไหลผ่าน โบราณเรียกว่าถ้ำลอดปรอทขาว ปรอทประเภทนี้มีฤทธิืดุจเหล็กไหล

ปะโตง หมายถึงปรอทที่ได้มาจากอากาศ อันนี้หาได้จากดอกลำโพงหรือมะม่วงสุก ผู้หาต้องตื่นแต่ตีสามตีสี่เอาชามโลหะใบใหญ่ๆมารองเอาเขย่าที่โคนดอกลำโพงก็จะมีลิ่มปรอทอากาศตกลงมา ประเภทนี้นับเป็นปรอทบริสุทธิ์ชั้นดี

ขอแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับปรอทพม่าไว้พอเป็นสังเขปเท่านี้ก่อนครับผม
ข้อมูลเรื่องปรอทจากพระอาจารย์ผดุง วัดล้านตอง จ.เชียงใหม่

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-9-28 19:40

โดย: AUD    เวลา: 2014-10-5 08:01
[attach]9009[/attach]
เทพเมอคิวรี่ รู้จักกันดีในพระพุธหรือเทพประจำดาวพุธในขณะเดียวกันเป็นเทพประจำธาตุปรอทธาตุปรอทเป็นธาตุโลหะเหลวที่มีความไว คนไทยชอบเปรียบว่า ไวยังกะปรอท ด้านชาวกรีกก็เช่นกันวาดเป็นเทพเมอคิวรี่เป็นเทพเจ้าที่เร็วดั่งลมกรด มีหมวกมีปีกและรองเท้าที่มีปีกเป็นสัญลักษณ์ว่ามีความเร็วเหนือใคร ในมือมีไม้เท้าวิเศษรักษาโรคได้ทุกชนิด สัญลักษณ์นี้ต่อมาใช้ในด้านการแพทย์ไปทั่วโลกจวบจนทุกวันนี้ เช่นกันปรอทมีสรรพคุณรักษาโรคทุกชนิดหากเข้าถึงแก่นแท้ของธาตุชนิดนี้

โดย: LightGuardian    เวลา: 2015-6-16 15:07
ขอบคุณครับ มากมาย
โดย: majoy    เวลา: 2015-6-18 01:10
อยากหาพระปรอทแท้ๆ มาให้อาจารย์เสกจัง แต่จะหาแท้ๆ และราคาจับต้องได้ คงยากแน่เลย
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-6-18 06:08

โดย: ธี    เวลา: 2015-6-23 17:08
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ธี เมื่อ 2015-6-23 17:14

ขอบคุณครับ ตำนานเขาว่าไว้ ผมได้ยินเรื่องปรอทจากยายผมเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพระองค์หนึ่งที่สำเร็จปรอท ยายผมเล่าว่า ทวด(พ่อยาย)เห็นและรู้มากับตาของท่าน มีพระองค์หนึ่ง รู้เส้นทางเดินของปรอท ซึ่งเป็นชนิดที่บินได้ ท่านรู้ว่าปรอทนี้จะบินผ่านทุ่งนาเป็นประจำ ท่านได้นำเนื้อหมูไปวางไว้ และเมื่อปรอทลงกินเนื้อหมู หมูจะมีสีคล้ำ มีนำ้หนักมากกว่าตอนวางไว้ เนื่องจากปรอทลงกินเนื้อหมูแล้วมีน้ำหนัก บินไปไม่ได้(ยายเล่าครับ) หลังจากนั้น พระท่านก็นำมาทำพิธีฆ่าปรอท หลังจากทำแล้วก็นำน้ำที่ประสมปรอทที่ฆ่าแล้วมาดื่มกิน เพื่อให้ปรอทอยู่ในตัว ยายผมเล่าว่า ทวดกับเพื่อนได้ไปหาพระองค์นี้ พระท่านเล่าให้ทวดฟังถึงพิธีกรรมการฆ่าปรอท พอสุดท้ายของพิธีให้ปรอดเข้าไปอยู่ในตัว ทวดเล่าว่า พระท่านจะบอกว่าต้องใช้น้ำกีี่ขัน ปรอทมันก็พาท่านบิน(เหาะ) ออกไป ทวดได้ยินเพียงคำว่า ขันๆๆๆๆ จึงไม่รู้ว่าสุดท้ายท่านทำพิธีอย่างไร ทวดว่า พระท่านคงควบคุมปรอทไม่ได้มันจึงพาเหาะหายไปต่อหน้าทุกคน และไม่กลับมาอีกเลย ตำราปรอทบินจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีการบันทึก มีแต่เล่าต่อๆกันเท่านั้น ....พิจารณาครับ เป็นความเชื่อ ถ้าเป็นจริง ปรอทคงหายากมาก และแบ่งเป็นชนิดๆของมันตามลักษณะที่มีหรือเปล่าเป็นที่น่าส่งสัย
โดย: Marine    เวลา: 2015-8-23 19:05
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Marine เมื่อ 2015-8-23 19:59

วิชาแปลธาตุ (ปรอท)

ปรอทเป็นสรรพยามีสรรพคุณมากมากจึงมีกระบวนการทำตามแบบโบราณดังนี้ใช้วิธีการดักจับปรอทตามน้ำคลำน้ำที่เน่าเหม็นปรอทจะมากินสิ่งที่เน่าเหม็นมีกรรมวิธีการดักจับหลายวีธี

การทำปรอทให้บริสุทธิ์
นำปรอทมาใส่ในชามกระเบี้องเคลือบนำข้าวที่หุงสุกใหม่ๆทิ้งเอาไว้ให้เย็นแล้วนำมาใส่ให้ท่วมปรอทคลุกเคล้าข้าวสุกกับปรอทให้เข้ากัน ด้วยไม้หรือกระเบื้องเคลือบพยายามบี้บดให้ปรอทแตกตัวสัก 15 นาทีหรือจนปรอทแตกตัวเป็นเม็ดละเอียดจะเห็นว่าข้าวสุกจะติดสีดำมากมายสุดท้ายล้างด้วยน้ำสะอาดโดยการเทน้ำสะอาดใส่ลงไปล้างหลายๆครั้งแล้วถ่ายน้ำออกหรือเทน้ำออกให้ระมัดระวังตามสมควรเนื่องจากปรอทมีน้ำหนักมากจะไม่เกาะติดสิ่งใดๆการล้างออกจึงทำได้ไม่ยากนัก

นำปรอทมาแช่น้ำปลาร้าหมั่นคนสักพักหนึ่งคนบ่อยๆทิ้งเอาไว้สัก 1 คืน รุ่งเช้าให้ล้างน้ำปรอทด้วยน้ำสะอาดเหมือนกับขั้นตอนแรกหลายๆครั้ง
ให้นำเอาตะใคร้ทั้งต้นทั้งใบมาตำให้ละเอียดนำไปคลุกเคล้ากับปรอทคนให้เข้ากันทิ้งไว้อีก 1 คืนนำมาล้างออกด้วยน้ำสะอาดแบบเดียวกับการล้างน้ำในขั้นตอนแรก
เอาปรอทมาแช่น้ำมะดันหรือมะกรูดหรือน้ำมะนาวหมั่นคนบ่อยๆทิ้งเอาไว้ 1 คืนวันรุ่งขึ้นให้นำไปล้างด้วยน้ำสะอาด
เสร็จแล้วนำเอามาใส่เอาไว้ในขวดแก้วปิดฝาให้แน่นเพื่อกันมิให้ปรอทดูดเอาสิ่งที่เป็นพิษเข้ามาปะปนอีกปรอทที่ได้มานี้ยังเป็นของเหลวเชื่อกันว่าปรอทที่ผ่านวิธีการกรองเอาพิษออกแล้วนี้มีความบริสุทธิ์ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์

การทำปรอทให้แข็งแบบโบราณ

แบบที่ 1 ให้สะกดด้วยอาคมโดยนำเอาปรอทใส่ลงในกระทะเอาไม้สนเกี๊ยะจุดไฟใส่ใต้กระทะเป็นเชื้อเพลิงจากนั้นบริกรรมเติมไฟแต่ไม่ให้ร้อนมากชั่วเวลาหนึ่งให้ใส่ทองคำลงไปเพื่อล่อให้ปรอทแทรกตัวเข้าไปอยู่ในทองคำและแข็งตัวเมื่อปรอทแข็งตัวแล้วก็จะผ่อนไฟจนกระทั่งหยุดใส่ไหและเย็นลงในเวลาต่อมา

ขั้นตอนต่อไปเป็นการบูชาเจ้าป่าเจ้าเขาก่อนที่จะเอาปรอทแข็งตัวแล้วนำเอาไปใส่เอาไว้ในพานวางตั้งเอาไว้หน้าหิ้งพระคลุมด้วยทองคำเปลว

แบบที่ 2 ใช้ปรอท, ดีบุก, น้ำตะใคร้, จุนสี, กัมมะถัน, น้ำประสานทองอย่งละเท่าๆกันสำหรับจุนสีและน้ำประสานทองมีพาให้ระมัดระวังหน่อยต้องนำมาให้ความร้อนให้แตกตัวก่อนเรียกว่าการฆ่าพิษนำทั้งหมดมากวนรวมกันให้เข้ากันจนเป็นสีรุ้งการหุงนำไปตั้งในเตาแก๊สก็ได้แล้วนำเอาไปเทลงในแบบพิมพ์ต่างๆเมื่อปรอทแข็งตัวได้รูปแล้วนำเอามาแต่งด้วยกระดาษทรายละเอียดและนำเอาไปใช้ตามเจตนารมณ์ต่อไป

ข้อเสียของปรอทคือ กินทอง, กินดวงคนที่เกิดปีธาตุทองเช่นปีมะโรง,และกินคนที่มีชื่อว่าทองด้วย

หมายเหตุ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างรอบคอบ

ที่มา http://board.palungjit.org/f17/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%97-116007.html




โดย: oustayutt    เวลา: 2015-8-23 19:47
ขอบคุณครับ
โดย: majoy    เวลา: 2015-8-29 07:10
ใครรู้จักแหล่งขายแหวนปรอทไหมครับ น่าเอามาเสก
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-7-13 20:38





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2