Baan Jompra
ชื่อกระทู้: ทรงเสด็จแปลงเป็นเต่าเจ้าชลสิทธิ์ [สั่งพิมพ์]
โดย: Sornpraram เวลา: 2014-8-15 10:18
ชื่อกระทู้: ทรงเสด็จแปลงเป็นเต่าเจ้าชลสิทธิ์
บรมมหานารายณ์ทศอวตาร ตอน กูรมาวตาร
ทศอวตารนารายณ์เทพ ตอน กูรมาวตาร
ปางทวิราชอวตารมหาเทพ ทรงเสด็จแปลงเป็นเต่าเจ้าชลสิทธิ์
แบกรองรับกันโลกรั่วด้วยพิธี กวนเกษียรณธาราอมฤต
เพลานั้นปรากฎอสุรามัจฉา มากวนก่อทำลายบั่นเสาหิน
ทรงฤทธานุภาพชัยนรรินทร์ ชำระสิ้นซึ่งอาธรรม์มรรคาลัย
ปางอวตารลำดับที่สองของพระนารายณ์คือกูรมาวตาร โดยทรงอวตารมาเป็นเต่าเรื่องมีอยู่ว่า ฤษีทุรวาส(หนึ่งในปางอวตารของพระศิวะ) เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วสามภพได้เดินทางมาบนสวรรค์ เวลานั้นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณผ่านมาพอดี ฤาทุรวาสเห็นเทวธิบดีจึงถอดพวงมาลัยดอกไว้จากคอมาถวายแก่พระอินทร์แต่พอถวายไปช้างเอราวัณซึ่งพอได้กลิ่นดอกไม้ก็เกิดตกมันอาละวาดคว้าเอาพวงมาลัยมากระทืบจนแหลก ฤษีทุรวาสโกรธว่าพระอินทร์ไม่ให้เกียรติตนจึงสาปพระอินทร์และหมู่เทวดาว่า"หากรบทัพจับศึกคราก็ให้พ่ายแพ้ทุกครั้ง" แล้วฤาษีทุรวาสก็เหาะกลับไปอาศรมของตน พวกเทวดาพอถูกสาปต่างรู้ถึงฤทธานุภาพของพระฤาษีต่างก็เกรงกลัวภัยยิ่งเพราะทุกครั้งเวลาตนรบกับพวกอสูรยักษ์แทตย์ก็ชนะมาตลอด พระอินทร์จึงมีบัญชาให้เก็บไว้เป็นความลับ แต่เรื่องนี้ก็ได้รั่วไหลไปสู่หูของพวกอสูรจนได้จึงยกพลขึ้นมารบกับเทวาดผลคือเทวาดาแพ้ พระอินทร์และพวกต้องหนีไปพึ่งพระนารายณ์ที่เกษียรสมุทรไวกูณฐ์โลก บ้างก็หนีไปบ้างก็ถูกจับเป็นเชลยบ้างก็ถูกฆ่าตาย ด้วยความเมตตาพระนารายณ์จึงออกอุบายแก้คำสาปของฤาษีทุรวาสว่า ควรทำพิธีกวนนำอมฤตเพื่อเพิ่มพลังให้แก่เทวดา ยังทำให้พวกเทวดาเป็นอมตะไม่มีวันตายอีกด้วย แต่ต้องให้เทวดาแก้งอ่อนน้อมต่ออสูรโดยรับว่าต่ำต้อยกว่า เพราะการกวนนำอมฤตเป็นงานใหญ่ต้องใช้การ่วมมือของทั้งสองฝ่าย และพระอินทร์ก็ออกอุบายพักรบมากวนนำอมฤตโดยร่วมกันหาสมุนไพรและจะแบ่งให้กินพวกอสูรก็หลงกลทำตาม พอได้เวลาพระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ก็เสด็จมาเป็นประธานในพิธีเหล่าเทวดาและอสูรต่างก็เอาสมนไพรมาเทลงในเกษียรสมุทร(ทะเลน้ำนม)
ที่ประทับของพระนารายณ์ และก็ถอดเอาเขามันทรามาปักไว้กลางเกษียรสมุทรเป็นไม้กวนและให้พญานาควาสุกรีเป็นเชือกพันรอบเขามันทราแล้วออกอุบายว่า ให้เทวดาฉุดด้านหางและอสูรฉุดด้านหัวเพราะด้านหัวพญานาคต้องใช้กำลังมากจึงต้องอาศัยคนที่มีฤทธิ์เดชเยอะ เวลานั้นพวกอสูรก็ทะนงตัวว่ามีอานุภาพเกรงไกรฝ่ายเทวดาเองก็ทำตามอุบายของพระนารายณ์ที่โอนอ่อนตามพวกอสูรจึงหลงกลพากันไปฉุดทางหัวซึ่งลำบากกว่าเพราะการกวนใช้เวลานานมากพญานาคต้องเหนื่อยและล้าเพราะถูกฉุดอยู่ตลอดเวลาเมื่อทนไม่ไว้ก็จะคายพิษออกมาที่หนึ่งไปถูกอสูรตายไปเป็นำนวนมากแล้วส่วนใหญ่ก็อ่อนแรงลง เวลานั้นเองเขามัทราที่เป็นไม้กวนถูกใช้กดลงไปแรงเกินไปซึ่งอาจทำให้พื้นทะลุลงไปยังโลกมนุษย์พระนารายณ์จึงแบ่งภาคอวตารมาเป็นเต่า ใช้กระดองของตนรองรับแรงเสียดสีของเขามัทรามิให้พื้นทะลุและทำให้โลกแตกได้ เมื่อการกวนผ่านไปนานเข้าพิษพญานาคก็คายออกมามากขึ้นก็เกิดกริ่งเกรงว่าพิษที่ลงไปยังทะเลจะไล่ลงไปยังโลกและจะสังหารทุกอย่างพระศิวะจึงนำสังข์ของตนมารองรับพิษนาคและดื่มกินไว้เองเพื่อป้องกันอันตรายนี้เป็นเหตุให้พระศิวะมีคอสีดำและสีดำกลายเป็นสีของความรักอันบริสุทธิ์ของชาวฮินดู
ในระหว่างการกวนนำอมฤตมีอสูรปลาตนนี้คิดไม่ดีหวังจะทำลายโลกจึงมาคอยตอดทำลายเขาให้พังลงมา พระนารายณ์ในร่างเต่าจึงเข้าสังหารอสูรปลาทันทีมิให้มาขวางการกวนน้ำอมฤต ในระหว่างการกวนน้ำอมฤตซึ่งใช้เวลานานมากได้เกิดของวิเศษ 14 อย่างผุดขึ้นมาคือ
ดวงจันทร์ พระศิวะนำมาปักไว้บนเกศ
เพชรเกาสุภตะ
ดอกบัวลอยขึ้นมาบานเป็นพระลักษมี นางเลือกพระนารายณ์เป็นชายา
วารุณี เทพีแห่งสุรา เป็นชายาของพระพิรุณ
ช้างเผือก
ม้าอุจฉัยศรพ ม้าทรงราชรถของพระอินทร์
ต้นปาริชาติ ถูกปลูกไว้บนสวรรค์
โคอุสุภราช พร้อมของหอมเป็นบริวารของพระศิวะ
หริธนู
สังจ์
ปวงเทพีอัปสรสวรรค์
พิษร้าย พวกนาคและงูสูบเอาไว้
ธันวันตริ แพทย์สวรรค์ทูนเอาของชิ้นที่ 14ขึ้นมาคือ
หม้อมน้ำทิพย์อมฤต
พอหม้อมน้ำอมฤตทูนออกมาพวกอสูรและเทวดาก็แย่งกันแต่เทวดาสู้ไม่ได้ พระนารายณ์จึงแปลงกายเป็นนางอัปสรชื่อโรหิณีไปล่อลวงอสูรให้หลงงงงวยในความงามของนาง พระอินทร์ได้โอกาศก็แอบขโมยนำอมฤตกลับมาแบ่งในหมู่เทวดามีเพียง ราหู ที่ไม่หลงกลแปลงกายเป็นเทวดามาดื่มด้วยพระอาทิตย์กับพระจันทร์รู้เข้าจึงไปฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงขว้างจัรกสุทรรศน์ไปตัดราหูออกเป็นสองท่อน แต่ราหูไม่ตายเพราะดื่มน้ำอมฤตแล้ว ราหูจึงโกรธแค้นพระอาทิตย์และพระจันทร์มาและจะจับกินทุกครั้งที่เจอกันเป็นปรากฏการณ์สุรยคราสและจันทรคราส ฝ่ายอสูรกว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกเทวดาก็ดื่มน้ำหมดแล้วจะยกพลขับไล่พวกอสูรออกไป พระนารายณ์ได้มอบหม้อนำกับพระอินทร์เก็ยรักษาเป็นของห้วงห้ามของสวรรค์ ฝ่ายพวกนาคพวกงูที่หวังจะมีส่วนรวมบ้างก็พลอดอดไปด้วยแต่ก็มาเลียนกินหญ้าคาซึ่งรองรับหม้อน้ำซึ่งพอมีน้ำหลงเหลืออยู่บ้าง หญ้าคาบาดลิ้นทำให้ลิ้นแตกเป็นสองแฉกนับแต่นั้นมา และนี้คืออวตารปางที่สองกูรมาวตาร
ที่มา..
http://icenattapachara.blogspot.com/2011/10/blog-post_6917.html
โดย: Sornpraram เวลา: 2014-8-15 10:24
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-8-15 10:35
กูรมาวตาร หรือ กัจฉปาวตาร เป็นเต่าไปปราบ อสูรมัจฉา
ซึ่งคิดจะทำลายแผ่นดินที่ทรง เขาพระสุเมรุให้พัง
พสุธาไม่ไหวแยกแตกจากกัน
ครานั้นอสูรมัจฉาเจ้าปลายักษ์
ลอบลักกัดแทะพสุธาไม่ไหวหวั่น
หมายให้ล่วงทะลุโลกโตรกหลั่งพลัน
อสูรดั้นแผ่นดินหมายลิ้มลอง
นารายณ์อวตาร ปางที่2 (กูรมาวตารปราบอสูรมัจฉา)
พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นเต่ายักษ์ เพื่อปราบอสูรมัจฉาเรื่องกล่าวย้อนไปถึงการกวนนำอมฤทธิ์
ในขณะที่พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นเต่ายักษ์ เพื่อหนุนแผนดินมิให้ทะลุลงไปสู่พื้นโลกมนุษย์
พระองค์ได้พบกัอสูรมัจฉากำลังใช้ปากแทะแผ่นดินเพื่อเปิดทางให้นำอมฤทธิ์ไหลลงสู่แผ่นดิน
โดยอสูรมัจฉามีความคิดที่จะเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว
เมื่อพระนารายณ์เห็นการกระทำจึงเข้าขัดขวางและทำการต่อสู้
อสูรมัจฉามีอิทธิฤทธิ์มากกว่าแต่เต่ายักษ์ก็สามารถเอาชนะได้
และได้กลับมาเป็นพระนารายณ์ดังเดิม
แต่ฉบับนารายณ์ 10 ปางของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่ 6 ว่า
เพื่ออนุเคราะห์ในการกวนน้ำอมฤตสำหรับความไม่ตายของพวกเทวดา
โดย: Sornpraram เวลา: 2014-8-15 10:55
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-8-15 10:58
สมเด็จพระสี่กร ทรงจักรศรเป็นศาสตรา
ปราบมารทุกชั้นฟ้า ตลอดเบื้องธารณี
ทรงเดชและทรงศักดิ์ พระหริรักษ์มหิทธี
ไตรภพน้อมเกศี เฉลิมเกียรติอนันต์ไกล
ขอองค์พระทรงจักร เสด็จจากกษิรใส
สู่โรงพิธีใน กาลบัดนี้ประสิทธิ์พร
ภูเตศวร
http://www.dhamma5minutes.com
...แท้จริงแล้ว เราไม่เกิด ไม่เปลี่ยนแปลง...
เราคือเจ้าของทุกสรรพสิ่ง
เราคือนายเหนือหัวที่เต็มไปด้วยอำนาจในการควบคุมธรรมชาติของเราเอง
เราได้ใช้อานุภาพของเรา เนรมิตให้เราได้เกิดมา
เมื่อใดที่ความถูกต้องเสื่อมลง และความไม่ถูกต้องเจริญขึ้น
เราจะกลับมาเกิดอีกครั้ง เพื่อปกป้องผู้ที่กระทำถูกต้อง
และเพื่อทำลายผู้กระทำไม่ถูกต้อง
เราจะนำสิ่งที่ถูกต้องกลับมาและให้ตั้งอยู่เช่นเดิม
...เราจะกลับมา...
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |