อายุ สมัยอีโอซีนช่วงกลาง - โอลิโกซีน (43-24 ล้านปีก่อน) การจำแนก วงศ์โมริธีริอิดี (Moeritheridae) สกุลและชนิด Moeritherium lyonsi ลักษณะทั่วไป โมริธีเรียม จัดเป็นบรรพบุรุษของสัตว์งวง (Proboscidean) หรือบรรพบุรุษของช้างโบราณและช้างปัจจุบัน เคยอาศัยอยู่ในดินแดนอียิปต์ ตั้งแต่เมื่อ 43-24 ล้านปีก่อน ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายหมู มีความสูงประมาณ 70 เซนติเมตร ลำตัวและกะโหลกยาว ฟันบนด้านหน้าคู่ที่สองมีขนาดใหญ่คล้ายงา ฟันกรามมีปุ่มด้านในและด้านนอกของแต่ละซี่ด้านละ 2ปุ่ม และปุ่มดังกล่าวเชื่อมต่อเป็นสันแนวขวาง 2 สัน ยังไม่มีงวงที่ชัดเจน ถิ่นที่อยู่ อาจจะอาศัยอยู่ในที่ลุ่มชื้นแฉะ (swamp) และกินอาหารที่เป็นต้นไม้ลำต้นอ่อนอวบน้ำ การกระจาย ทวีปแอฟริกาทางเหนือ โดยพบซากดึกดำบรรพ์ครั้งแรกที่เมืองไฟยัม (Faiyum) ในทะเลทรายลิเบีย ห่างจากกรุงไคโรไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 90 กิโลเมตร http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยอีโอซีนช่วงปลาย - โอลิโกซีน (37 - 24 ล้านปีก่อน) การจำแนก วงศ์พาลีโอมาสโตดอนติดี (Palaeomastodondtidae) สกุลและชนิด Palaeomastodon beadnelli ชื่อทั่วไป พาลีโอมาสโตดอน (Palaeomastodon) ลักษณะทั่วไป พาลีโอมาสโตดอน เป็นสกุลช้างที่วิวัฒนาการอยู่ในช่วงระยะที่ 2 ต่อจากโมริธีเรียมและอยู่ในสมัยเดียวกับช้างสกุล ฟิโอเมีย ข้อแตกต่าง คือ ช้างฟิโอเมียมีฟันกรามแบบ 3 สัน (three-lobed molar) ขณะที่พาลีโอมาสโตดอนหรือมาสโตดอนโบราณมีฟันกรามแบบ 2 สัน กะโหลกเป็นทรงสูงกว่าโมริธีเรียม รวมทั้งช่องเปิดจมูกถอยร่นไปจากด้านหน้า แสดงว่าได้มีการพัฒนางวงขนาดสั้นแบบสมเสร็จขึ้นแล้ว ฟันเขี้ยวและฟันตัด (ฟันหน้า) หายไปทั้งหมด ยกเว้นฟันตัดคู่ที่ 2 ซึ่งได้พัฒนาไปเป็นงา โดยงาจากขากรรไกรบนโค้งลงล่าง และมีชั้นเคลือบงาในทางด้านนอกของงาเหมือนโมริธีเรียม ส่วนขากรรไกรล่างค่อนข้างยาว และงามีลักษณะปลายแบบพาย ชี้ไปข้างหน้า ถิ่นที่อยู่และการกระจาย พบซากดึกดำบรรพ์ครั้งแรกในถิ่นเดียวกับ โมริธีเรียม คือ แถบเมืองไฟยัม (Faiyum) ประเทศอียิปต์ http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไมโอซีนช่วงกลาง (16 -11 ล้านปีก่อน) การจำแนก วงศ์กอมโฟธีริอิดี (Gomphotheriidae) สกุลและชนิด Gomphotherium sp. ชื่อทั่วไป กอมโฟแธร์ (Gomphothere) ลักษณะทั่วไป กอมโฟธีเรียม บางคนเรียกในชื่อ ไตรโลโฟดอน เป็นตระกูลสัตว์งวงที่มีลักษณะค่อนข้างโบราณ ขากรรไกรล่างบางชนิดยาวถึง 2 เมตร มีงา 2 คู่ที่ค่อนข้างสั้น งอกจากขากรรไกรบนและล่าง ฟันกราม 2 ซี่แรก (M1, M2) ทั้งด้านบนและด้านล่างจะมีสันในแนวขวางจำนวนเท่ากัน คือ 3 สัน แต่ฟันกรามซี่สุดท้ายจะเพิ่มอีกหนึ่งสัน จำนวนของสันฟันอาจจะเพิ่มขึ้นได้ในบางตัวซึ่งเป็นกรณีข้อยกเว้น สันฟันดังกล่าวนี้เกิดจากการเรียงตัวของปุ่มฟัน (cusp) ในแนวขวาง แต่แนวสันฟันไม่ค่อยชัดเจนเหมือนในสกุล มาสโตดอน ถิ่นที่อยู่ กอมโฟธีเรียมอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำทะเลสาบในเขตป่าที่ค่อนข้างแห้งแล้ง แต่บางชนิดอาศัยอยู่ตามที่ลุ่มชื้นแฉะคล้ายพวกสมเสร็จ โครงกระดูกที่สมบูรณ์ของกอมโฟธีเรียม พบใกล้เมือง Sansan ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสามารถดูได้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในกรุงปารีส การกระจาย ส่วนใหญ่พบในยุโรปตะวันตก แหล่งพบอื่น ๆ ได้แก่ ทวีปแอฟริกา อเมริกาเหนือ และเอเชีย โดยแหล่งล่าสุด เมื่อ พ.ศ.2540 คือ แหล่งบ่อทรายตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไมโอซีนช่วงกลาง (16-11 ล้านปีก่อน ) การจำแนก วงศ์กอมโฟธีริอิดี (Gomphotheriidae) สกุลและชนิด cf . Protanancus chinjiensis ชื่อทั่วไป ช้างงาเสียม (Shovel-tusked Gomphothere) ลักษณะทั่วไป เป็นช้าง 4 งา ตอนปลายงาคู่ล่างมีลักษณะแบนคล้ายเสียมและมีแถบเคลือบงากว้างตลอดถึงปลายงา งาบนยาว รูปทรงกระบอกและโค้งออก ถิ่นที่อยู่ คาดว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้แหล่งน้ำ โดยใช้งาล่างขุดและแซะดิน กินพืชน้ำและรากไม้ การกระจาย ช้างในสกุลนี้มี 2 ชนิด พบในทวีปแอฟริกาและเอเชีย http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไมโอซีนช่วงกลาง (16 - 11 ล้านปีก่อน ) การจำแนก วงศ์ไดโนธีริอิดี (Deinotheriidae) สกุลและชนิด Prodeinotherium pentapotamiae ชื่อทั่วไป ไดโนแธร์ (Deinothere) ลักษณะทั่วไป ไดโนแธร์เป็นกลุ่มของสัตว์ที่คล้ายช้างปัจจุบันและสูญพันธุ์ไปแล้ว ไม่มีงาจากกรรไกรบน แต่มีงาจากขากรรไกรล่าง และโค้งงอชี้ลงล่างคล้ายจอบ ปัจจุบันจำแนกช้างงาจอบออกเป็น 2 สกุล คือ Deinotherium ที่มีขนาดใหญ่ กับProdeinotherium ที่มีขนาดเล็กกว่า แต่มีอายุเก่ากว่า ถิ่นที่อยู่ อาจอาศัยอยู่ในป่า และจากรูปแบบการสึกของงาจอบที่ปรากฏให้เห็น เชื่อว่าช้างไดโนแธร์ใช้งาในการขุดหารากไม้ หรือ ปอกเปลือกไม้ การกระจาย พบซากดึกดำบรรพ์ในทวีปยุโรป เอเชียและแอฟริกา ในประเทศไทยพบซากฟันกรามและขากรรไกรเป็นแห่งแรกที่อำเภอปง จังหวัดพะเยา และต่อมาพบที่บ่อทราย ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา โดยที่พบเป็นสกุลโปรไดโนธีเรียม ในแอฟริกาพบในเขตแอฟริกาตะวันออก คือ ชนิด D.Hobleyi Andrews (Lower Miocene) ในยุโรปพบ 2 ชนิด คือ D.bavaricum Meyer (Upper Miocene) และชนิดใหญ่ที่สุดสูงถึง 3.8 เมตร ที่ระดับไหล่ คือ ชนิดD.giganteum Kaup (Lower Pliocene) และอินเดียพบชนิด D.indicum Falconer และ D.sindiense Lydekker http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไมโอซีนช่วงกลาง - สมัยไพลโอซีน (16-1.6 ล้านปีก่อน ) การจำแนก วงศ์กอมโฟธีริอิดี (Gomphotheriidae) สกุลและชนิด เตตระโลโฟดอน ( Tetralophodon sp .) ชื่อทั่วไป กอมโฟแธร์ (Gomphothere) ลักษณะทั่วไป เตตระโลโฟดอน เป็นตัวแทนของกลุ่มบรรพบุรุษดั้งเดิมของช้างแท้ในปัจจุบัน ความสูงประมาณ 2.5 เมตร หัวของ เตตระโลโฟดอน มีลักษณะยาว ขากรรไกรบนและล่างยาวปานกลาง ( สั้นกว่า กอมโฟธีเรียม ) มีงา 4 อันหรือ 2 คู่จากขากรรไกรบนและล่าง ฟันกราม 2 ซี่แรก มีสันฟันในแนวขวาง 4 สัน ( ถ้า 3 สัน คือ กอมโฟธีเรียม ) แต่ฟันกรามซี่สุดท้ายจะมี 5 สัน และเชื่อว่า เตตระโลโฟดอน เป็นสัตว์ที่กินหญ้าอ่อนลำต้นสูง ซึ่งสูงเกินกว่าที่สัตว์อื่น ๆ จะกินได้ การกระจาย พบซากดึกดำบรรพ์ในยุโรป เอเชียและอเมริกาเหนือ ในประเทศไทยพบขากรรไกร ฟันและงา ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไมโอซีนช่วงปลายสุด - สมัยไพลโอซีนช่วงต้น (9 - 3 ล้านปีก่อน ) การจำแนก วงศ์สเตโกดอนติดี (Stegodontidae) สกุลและชนิด Stegolophodon cf. stegodontoides ชื่อทั่วไป สเตโกโลโฟดอน ลักษณะทั่วไป สเตโกโลโฟดอน เป็นช้างที่มีลักษณะอยู่ระหว่างช้างมาสโตดอน กับช้างเอลิฟาสปัจจุบัน โดยมีวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษของช้างมาสโตดอนและเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของช้าง สเตโกดอน มีขากรรไกรล่างสั้น มี 4 งา งาบนมีขนาดใหญ่และมีเคลือบงาในช้างวัยหนุ่ม งาล่างมีขนาดเล็กมีหน้าตัดกลมรีแบบลูกสาลี่ ฟันเรียงตัวเป็นสัน เพราะการแยกออกของปุ่มฟันรูปทรงกรวยขนาดใหญ่เป็นขนาดเล็กและเรียงอยู่ในแนวขวาง ฟันกรามซี่ที่ 1 และ 2 มี 4 สัน ซี่ที่ 3 มี 5 – 6สัน มีร่องแนวยาวกึ่งกลางฟันกรามชัดเจน การกระจาย พบซากดึกดำบรรพ์สเตโกโลโฟดอนในจีน อินเดีย พม่า ในประเทศไทย พบในเมืองถ่านหินที่จังหวัดลำปาง ลำพูน พะเยา ส่วนที่จังหวัดนครราชสีมา พบในบ่อดูดทรายริมแม่น้ำมูล อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เมื่อ พ . ศ . 2540 http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไมโอซีนช่วงกลาง - โฮโลซีนช่วงต้น (16-0.008 ล้านปีก่อน ) การจำแนก วงศ์แมมมูติดี (mammutidae) สกุลและชนิด Mammut americanum ในการจำแนกขั้นวงศ์และสกุล ชื่อ " ช้างแมมมัต " อาจทำให้เกิดการสับสน เพราะคล้ายกับชื่อ " ช้างแมมมอธ " ทั้งที่เป็นคนละชนิดกันและต่างสกุลกัน ดังนั้น การใช้ชื่อทั่วไปว่า " มาสโตดอน " จะทำให้เห็นความแตกต่างในชื่อชัดเจนกว่า ชื่อทั่วไป มาสโตดอน (Mastodon) หรือมาสโตดอนแท้ (True Mastodon) ลักษณะทั่วไป มาสโตดอน มาจากภาษากรีก หมายถึง ช้างที่มีฟันเป็นปุ่มคล้ายเต้านมสตรี โดยฟันกรามจะมีปุ่มฟันเรียงเป็นสันชัดเจนขนานกัน 3 สันหรือมากกว่า ไม่มีปุ่มฟันแทรกอยู่ในร่องระหว่างสันฟัน มีเคลือบฟันหนา ขากรรไกรล่างสั้น ไม่มีงาล่าง ไม่มีเคลือบงา มีขนาดรูปร่างเล็กกว่าเล็กน้อยหรือขนาดใกล้เคียงกับช้างเอเชีย ถิ่นที่อยู่ มาสโตดอนเป็นช้างที่อาศัยอยู่ในป่า แต่บางเวลาอาจอยู่ในน้ำด้วย ดังนั้น จึงอาจอาศัยอยู่ในระบบนิเวศแบบฮิปโปโปเตมัส อาหารของมาสโตดอนจะเป็นพวกกิ่ง ก้าน ใบของต้นเฮมล็อค สปรูซและต้นไม้ใบเขียวตลอดปี รวมทั้งพืชลำต้นอ่อนอื่น ๆ การกระจาย ช้างมาสโตดอน อาศัยตั้งแต่เขตยุโรป และข้ามเอเชียทางอลาสก้าลงสู่ทิศใต้ ผ่านดินแดนสหรัฐอเมริกาจนถึงเม็กซิโก ซากมาสโตดอนส่วนใหญ่พบในบริเวณที่มีการขุดร่องระบายน้ำในพื้นที่ที่เป็นที่ลุ่มชื้นแฉะหรือมีโคลนตม(swamp, bog) ซึ่งเป็นที่ที่ช้างติดหล่ม จมโคลน และซากถูกรักษาไว้ตามธรรมชาติโดยไม่สลายตัวไปทั้งหมดโดยเฉพาะในพื้นที่รัฐนิวยอร์ค อินเดียนา โอไฮโอ อิลลินอยส์ http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไมโอซีนช่วงปลาย – สมัยไพลสโตซีนช่วงต้น (11 – 0.7 ล้านปีก่อน) การจำแนก วงศ์กอมโฟธีริอิดี (Gomphotheriidae) สกุลและชนิด ซิโนมาสโตดอน (Sinomastodon sp.) ชื่อทั่วไป ซิโนมาสโตดอน (Sinomastodon) ลักษณะทั่วไป เป็นช้างที่มีงาคู่บน 1 คู่ สัณฐานของขากรรไกรล่างเป็นแบบ เอลิฟานตอย (Elephantoid mandible) หรือแบบที่พบเห็นในช้างปัจจุบัน ฟันกรามประกอบด้วยปุ่มฟันกลมมนรูปทรงกรวยทู่ (bonodont molars) ฟันหน้ากราม P4 และฟันกราม M1 , M2 มีลักษณะการเรียงตัวของปุ่มฟันเป็น 3 สัน (trilophodont) ไม่มีซีเมนต์หรือมีเพียงเล็กน้อยในร่องระหว่างสันฟัน ฟันกรามบน M3 มี 5 – 6.5 สัน ฟันกรามล่าง M3 มี 4 – 6 สัน ฟันกรามที่ยังไม่สึกจะเห็นสันฟันที่ประกอบด้วย 2 ปุ่มใหญ่ และมีลักษณะของกรามส่วนเสริม (talon หรือ talonid) การกระจาย ซิโนมาสโตดอน พบในบริเวณกว้างของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวคือ พบในจังหวัด Shansi ทางเหนือ กับจังหวัด Yunan และ Kwangsi ทางใต้ คิดเป็นระยะทางกว่า 1,400 กิโลเมตร และอาจเป็นระยะทางมากกว่านั้น เพราะปัจจุบัน ได้พบซิโนมาสโตดอนเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ในบ่อทรายริมแม่น้ำมูล เขตตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมาด้วย http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไมโอซีนช่วงปลายสุด - ไพลสโตซีนช่วงต้น (9 - 0.7 ล้านปีก่อน ) การจำแนก วงศ์สเตโกดอนติดี (Stegodontidae) สกุลและชนิด Stegodon spp . ชื่อทั่วไป สเตโกดอน (Stegodon) ลักษณะทั่วไป เป็นช้างที่มีวิวัฒนาการต่อมาจากสเตโกโลโฟดอน และมีลักษณะร่วมกันระหว่างช้างสเตโกโลโฟดอนกับช้างเอลิฟาสที่เป็นสกุลช้างปัจจุบัน กะโหลกมีขนาดใหญ่ ขากรรไกรสั้น ไม่มีงาล่าง งาช้างสเตโกดอนบางชนิด เช่นStegodon magnidens ในประเทศอินเดีย ยาวถึง 3.3 เมตร ฟันกรามประกอบด้วย สันฟันแนวขวาง 6 - 13 สัน ซากดึกดำบรรพ์สเตโกดอนในประเทศไทยหลายซากมีขนาดใหญ่ เช่น สเตโกดอน อินสิกนิส (Stegodon insignis) ในชั้นตะกอนลึก 25เมตร ของจังหวัดนครสรรรค์ และในตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา สเตโกดอน (Stegodon sp .)บางตัวสูงมากกว่า 3 เมตร ถิ่นที่อยู่ ช้างสเตโกดอนที่มีอายุเก่า จะพบเฉพาะในทางเอเชียตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ แสดงว่าภูมิภาคเหล่านี้ อาจเป็นถิ่นกำเนิดของช้าง สเตโกดอน การกระจาย ทวีปเอเชียและแอฟริกา http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไพลโอซีน - โฮโลซีนช่วงต้น (5 – 0.007 ล้านปีก่อน ) การจำแนก วงศ์เอลิฟานติดี (Elephantidae) สกุลและชนิด Mammuthus spp. ชื่อทั่วไป แมมมอธ (Mammoth) ลักษณะทั่วไป ช้างแมมมอธทั่วไป จะมีขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกาปัจจุบัน ยกเว้น ช้างแมมมอธบางชนิด เช่น แมมมอธจักรพรรดิ (Imperial Mammoth หรือ Mammuthus columbi ) จะมีขนาดที่ใหญ่โตมาก โดยแมมมอธหนุ่มบางตัวอาจจะสูงถึง5.2 เมตรที่ระดับไหล่ ( สูงกว่าช้างไทยเกือบเท่าตัว ) และมีน้ำหนักมากถึง 9.8 ตัน ช้างแมมมอธปรากฏขึ้นครั้งแรกในทวีปแอฟริก สมัยไพลโอซีน และได้แพร่กระจายไปสู่ยุโรป เอเชียและอเมริกาเหนือ – ใต้ ถิ่นที่อยู่ แมมมอธเป็นช้างที่กินหญ้าตามพื้นผิวดิน ในเขตทุ่งหญ้าสเต็ปป์ ทุ่งหญ้าแพรรี่ หรือตามป่าไม้พุ่มเตี้ย แมมมอธบางชนิดปรับตัวให้เข้ากับทุ่งหญ้าทุนดรา คือ มีหนังหนา ขนยาวปกคลุม มีหูเล็กและมีไขมันจำนวนมากสะสมที่หัวไหล่และใต้ผิวหนัง หนาถึงประมาณ 8 เซนติเมตร ได้มีการพบซากช้างแมมมอธแช่แข็งทั้งตัวในเขตอาร์คติกของไซบีเรีย การกระจาย พบซากดึกดำบรรพ์ในทวีปแอฟริกา ยุโรป เอเชียและอเมริกาเหนือ - ใต้ http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไพลสโตซีน - ปัจจุบัน (1.6 ล้านปีก่อน - ปัจจุบัน) การจำแนก วงศ์เอลิฟานติดี (Elephantidae) สกุลและชนิด โลโซดอนตา แอฟริกานา (Loxodonta africana) ชื่อทั่วไป ช้างแอฟริกา ลักษณะทั่วไป ปัจจุบันช้างสกุลโลโซดอนตา มีชนิดเดียว คือ ช้างแอฟริกา แต่มี 2 สายพันธุ์ คือ bush elephant มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ชอบอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้า และ forest elephant มีขนาดเล็กกว่า อาศัยอยู่ในป่าตอนกลางของทวีป โดยทั่วไป ช้างแอฟริกาจะมีขนาดใหญ่กว่าช้างเอเชีย ความสูงถึงไหล่ราว 3 เมตร หนักมากกว่า 5 ตัน บางตัวอาจถึง 6.5 ตัน หลังแอ่น ก้นลาดเทไปทางหาง หัวเล็กแต่ใบหูใหญ่กว่าช้างเอเชียมาก ใช้โบกเพื่อระบายความร้อนออกจากเส้นโลหิตฝอยที่มีระบบมากมายในแผ่นใบหู ถิ่นที่อยู่และการกระจาย ช้างแอฟริกาอาศัยอยู่ทั้งบนภูเขาและที่ราบต่ำ ทั้งบริเวณที่เป็นแนวหินและป่าทึบ สามารถข้ามลำธาร ว่ายน้ำหรือปืนภูเขาสูงได้ดี ชอบอาบน้ำ คลุกโคลนหรือคลุกดินหรือทราย ชอบใช้งวงพ่นดินหรือทรายไปทั่วตัว ชอบอยู่ในป่าโปร่ง ไม่กลัวแสงแดด ค่อนข้างดุ แต่ปกติจะไม่ทำร้ายคน ยกเว้นได้รับบาดเจ็บ อาศัยอยู่ทั่วไปในทางตอนใต้ของทะเลทรายสะฮารา หรือในแอฟริกากลาง เช่น แถบทะเลสาบชาด (chad) สมัยโบราณ ชาวอียิปต์มีความสามารถในการจับช้าง และพวกคาร์เธจ เคยใช้เป็นช้างศึกในสงครามปิวนิค (Punic war) ส่วนพวกโรมันเคยซื้อไปใช้เล่นละครสัตว์ แต่ภายหลังนิยมใช้ช้างเอเชียมากกว่า เพราะฉลาดและฝึกได้ง่ายกว่า http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
อายุ สมัยไพลโอซีน – ปัจจุบัน (5 ล้านปีก่อน - ปัจจุบัน)การจำแนก วงศ์เอลิฟานติดี (Elephantidae) สกุลและชนิด เอลิฟาส แมกซิมัส (Elephas maximus) ชื่อทั่วไป ช้างเอเชียหรือช้างอินเดีย ลักษณะทั่วไป ปัจจุบัน ช้างสกุลเอลิฟาสมีชนิดเดียว คือ ช้าง เอเชีย โดยทั่วไปรู้จักกันในชื่อ ช้างอินเดีย มีขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกาเล็กน้อย (ยกเว้นบางตัวอาจมีขนาดใหญ่กว่า) ความสูงถึงไหล่ราว 2.7 เมตร น้ำหนักตัวราว 3-4 ตัน หลังจะเป็นหนอกบริเวณ ก้นไม่ลาดแหลมมากอย่างช้างแอฟริกา กระดูกตรงไหล่และเอวไม่สูง มีงาเฉพาะช้างพลาย ช้างพังก็มีแต่จะสั้นมาก และยาวออกมาเพียงริมฝีปาก หัวใหญ่แต่หูเล็กกว่าช้างแอฟริกา มีฟันกรามประกอบด้วยแผ่นฟันในแนวขวางที่มีลักษณะยาวลึกจำนวน 12-27 แผ่น อัดแน่นและเชื่อมยึดด้วยสารซีเมนต์ ถิ่นที่อยู่ ช้างเอเชียดำรงชีวิตอยู่ในป่าดงดิบ ชอบอากาศเย็น ไม่ชอบแสงแดด แต่ก็สามารถปรับตัวอยู่กับพื้นที่หลายสภาพ เช่น ทุ่งหญ้า ป่าไม้พุ่มสลับกับทุ่งหญ้า ที่ลุ่มชื้นแฉะ และมักชอบอยู่ไม่ไกลจากแหล่งน้ำ เพราะจะต้องดื่มน้ำมากถึง 50แกลลอนต่อวัน การกระจาย ช้างเอเชียพบในอินเดียแถบเทือกเขาหิมาลัย และในอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ พม่า ไทย มาเลเซีย เวียดนามตอนใต้ ศรีลังกา บอร์เนียวและสุมาตรา http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Sarayut%206-1/w/E.htm |
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) | Powered by Discuz! X3.2 |