Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
เครื่องลางของขลังนักรบไทยโบราณ
[สั่งพิมพ์]
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2014-6-11 14:34
ชื่อกระทู้:
เครื่องลางของขลังนักรบไทยโบราณ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-6-11 14:39
เครื่องลางของขลังนักรบไทย
'เครื่องราง-ของขลัง พลานุภาพแห่งกองทัพไทยในอดีต' คราวนี้นอกจากเรื่องสักยันต์เขียวปื้ดเต็มตัวแล้วของนักรับไทยในอดีต แล้ว.... เครื่องรางของขลังอะไรบ้างที่เป็นความเชื่อแต่โบร่ำโบราณกาล...
คัมภีร์พระปถมัง
ถือ ว่าเป็นคัมภีร์ปฐมบทเรื่องเวทมนตร์คาถาที่คนศึกษาเวทมนตร์ต้องเรียน เพราะเป็นคัมภีร์ที่บรรจุพระคาถาพุทธบริสุทธิ์ที่สูงที่สุด โดยพระเถระเกจิอาจารย์ทุกคน ก็ต้องร่ำเรียนคัมภีร์นี้ กระทั้งการศึกสงครามจะนำยันต์จากพระคัมภีร์นี้มาใช้ด้านพลานุภาพความคง กระพันชาตรี
ธงชัยเฉลิมพล
ใช้ในการนำทัพ เป็นธงที่จะประจุด้วยอาคมอาถรรพ์ต่างๆ ได้จำนวนมาก เพื่อให้กองทัพมีอำนาจเหนือคู่ต่อสู้พระชัยหลังช้างคือ พระพุทธรูปที่จะอัญเชิญนำไปออกศึก โดยจะประทับอยู่บนหลังช้าง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ชนะศึกสงคราม
พระลีลาเม็ดขนุน
เป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัน ที่มีพลานุภาพด้านเมตตามหามงคล แคล้วคลาดจากภยันตราย ทำให้สู้ศึกชนะสงคราม
โคนสมอ
คือ พระเครื่องชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย จะพบในกรุตามวัดโบราณต่างๆ ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นพระที่มีอิทธิฤทธิ์พลานุภาพด้านคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะเป็นที่ร่ำลือกันมากกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้นำพระแสงยิงเข้าใส่โคนสมอ แต่เกิดกฤษฎาภินิหาริย์ คือ ยิงไม่เข้า อย่างไรก็ตามไม่อาจจะสืบค้นได้ว่า ผู้ใดเป็นผู้สร้างโคนสมอขึ้นมา
พิษหมอน
ที่ทำมาจากใบลานจารอักขระ เป็นชิ้นเล็กๆ นำมาแขวนติดตัว
ตะกรุดพันกลั่น
เป็นเครื่องรางปลุกเสกความคงกระพันที่จะนำไปใส่ไว้ข้างในมือจับด้ามดาบเพื่อ ให้เกิดอิทธิฤทธิ์ในการล้างอาถรรพ์ของคู่ต่อสู้ลงอาคมไว้
ตรีนิสิงเห
ที่ เกิดจากการคำนวณอัตราเลที่ผู้ปลุกเสกตียันต์ตรีนิสิงเหลงบนดาบ เพื่อใช้แก้ และถอนอาถรรพ์อาคมต่างๆ ของคู่ต่อสู้ พร้อมกับมีการปลุกเสก "ผงตรีนิสิงเห" เช่นกัน ที่ใช้ประจุลงบนด้ามดาบที่เป็นไม้มะค่า ฝักดาบเป็นไม้มะขามกลายเป็นศาสตราวุธ
พระยันต์พุทธนิมิตร
(ลง ด้วยพระพุทธคุณห้องอิติปิโส) เป็นรูปองค์พระ พระยันต์มงกุฎเจ้าล้อมด้วยกลเลข ตรีนิสิงแห ของพระครูประศาสน์ สิกขกิจ หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก
มีดหมอเทพศาสตราวุธ
ที่นิยมกันมากในสมัยอยุธยา ที่ตีตามสมัยเดิม ใช้ถอนอาถรรพ์ต่างๆ ป้องกันภูติผีปีศาจ
เสื้อยันต์ทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาด
เช่น เสื้อยันต์ที่ลงด้วยนะโมพุทธายะ ไตรสรณาคมน์และหัวใจคาถามหาอุด อีกด้านลงด้วยพระนวโลกุตรธรรม คาถาพระเจ้าห้ามอาวุธ (อะสิสะติ) และพระยันต์หมวดอิติปิโสเกราะเพชร หรือพระยันต์ ไตรสรณาคมน์ ลงเป็นตาม้าหมากรุก หรือ ที่ลงด้วยนะโมพุทธายะ (พระเจดีย์ 5 พระองค์ ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) หนึ่งในพระอาจารย์ของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และเสื้อยันต์ราชสีห์ มียันต์มงกุฎเจ้า ด้านหลังลงด้วยพระเจ้า 16 พระองค์
ผ้าซิ่นแม่
เป็น เครื่องรางที่ทหารไทยจะนำติดตัวไปรบในสงคราม คือ ชายซิ่นของผ้าถุงของแม่ผืนที่คลอดครั้งแรกโดยจะนำไปใส่ไว้ในหมวก จะอยู่ในตะกรุด พระประเจียด หรือยันต์มนตรา
หำยนต์ หรือ ยันต์ที่ติดไว้บนบานประตู
ป้องกันคุณไสยเพราะขณะนอนหลับมนต์คาถาจะเสื่อมลง
เขี้ยวเสือโปร่งฟ้า
เป็น เขี้ยว...ลวง เพราะปกติเขี้ยวเสือจะตัน ใครมีไว้พกติดตัวจะมีพลานุภาพด้านมหาอำนาจป้องกันภยันตรายต่าง ๆ รวมถึงป้องกันภูตผีปีศาจ
เพชรตาแมว
คือดวงตา แมวที่ตายหรือยังมีชีวิตอยู่ ที่มีลักษณะแก้วตากลายเป็นหิน ใครพกติดตัวไว้จะมีพลานุภาพด้านมหาอำนาจป้องกันภยันตรายต่างๆ รวมถึงป้องกันภูติผีปีศาจ
งากำจัด-งากำจาย
เป็น งาช้างที่ช้างชนต้นไม้ใหญ่แล้วหักคาทิ้งไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้ยากมากใครมีไว้พกติดตัวมีพลานุภาพด้านมหาอำนาจป้องกัน ภยันตรายต่างๆ รวมถึงป้องกันภูตผีปีศาจ
คด
คือ วัสดุตามธรรมชาติที่กาลเวลาทำให้วัสดุชิ้นนั้นกลายเป็นหิน เช่น เม็ดมะขาด เม็ดขนุน ใครมีไว้พกติดตัวจะมีพลานุภาพด้านมหาอำนาจป้องกันภยันตรายต่างๆ รวมถึงป้องกันภูตผีปีศาจ
ที่มา..
http://board.postjung.com/709814.html
โดย:
sritoy
เวลา:
2014-6-11 15:51
ขอบคุณครับ
โดย:
Sornpraram
เวลา:
2014-6-12 06:40
ข้อห้าม นักรบไทย
ถ้าพูดถึงเรื่องโชคลางความเชื่อแล้ว ก็มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย ถึงแม้ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่อย่างเราๆ จะไม่ค่อยเชื่อกับเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่ควรลบหลู่ และถ้าหากเราทำตามบ้างก็อาจจะดีไปชีวิตเราก็เป็นได้ครับ
หากพูดถึง นักรบไทย ในสมัยโบราณแล้ว ต้องบอกว่าท่านทั้งหลายยอมเสียสละเพื่อรักษาแผ่นดินชาติไทยได้เป็นอย่างดี บุกรบฝ่าฟันข้าศึกมานับไม่ถ้วน แต่ก็มีข้อห้ามเกี่ยวกับ นักรบไทย ในสมัยโบราณเช่นกัน จะมีอะไรบ้างลองไปดูกันครับ
อย่าให้ใครข้ามหัว
นักรบไทย สมัยก่อนชอบลงอาคมไว้บนกระหม่อม พอลงแล้วก็จะขลังเหนียวหนืด ฟันแทงไม่เข้าสุดแล้วแต่อาจารย์ที่เป่ากระหม่อมว่าจะเก่งด้านไหน ผู้ชายยุคนั้นเลยหวงศีรษะเท่าชีวิต ไม่ยอมให้ใครมาข้ามหรือตบหัวไม่อย่างนั้นอาคมจะเสื่อม ยกเว้นจะเป็นบุคคลสูงส่งอย่างพ่อ แม่ หรือเจ้านายที่เคารพเท่านั้นที่ยอมให้จับหัวได้ แต่ถ้าคนอื่นไม่มีทาง
ห้ามนั่งบนหมอน
นักรบไทย กว่าจะเรียนคาถาอาคมจนเก่ง ต้องท่องตำรากันจนปากเปื่อย ฉะนั้นลูกผู้ชายหลายร้อยปีก่อนจะยอมนั่งพื้นแข็งๆแต่ไม่ยอมเอาหมอนมารองนั่ง เป็นอันขาด เพราะถ้าทำอย่างนั้นคาถาที่เรียนมาจะไม่ขลัง คงเพราะหมอนเป็นของที่เอาไว้กราบพระก่อนนอน ถ้าเอามานั่งก็เท่ากับลบหลู่ครูบาอาจารย์ วิชาเลยไม่อยู่กับตัว
ห้ามกวาดขยะกลางคืน
คนสมัยนั้นยังเชื่อกันว่าคนดีผีคุ้ม แต่ถ้าลุกมากวาดขยะตอนกลางคืน ผีจะย้ายค่ายเลิกคุ้มครองซะงั้น เหตุผลคืออะไรก็ยัง งง อยู่เหมือนกัน
ห้ามผิวปากเวลากลางคืน
นักรบไทย ถึงจะบ้าพลังเสียงแค่ไหน แต่ผู้ชายสมัยก่อนไม่ยอมผิวปากโชว์ลูกคอตอนกลางค่ำกลางคืนแน่นอน เพราะยามวิกาลเป็นเวลาที่พวกหมอผีที่ชอบลองวิชา จะปล่อยอาถรรพ์ชั่วร้ายออกมา ถ้าผิวปากอาถรรพ์นั้นก็จะเข้าตัวหรือที่เรียกว่าโดนของนั่นเอง
ห้ามตัดเล็บตอนกลางคืน
เหล่า นักรบไทย เชื่อว่าเล็บ เส้นผม ของใช้ประจำตัวที่ใช้อยู่ทุกวัน สื่อถึงเจ้าของได้ เลยห้ามตัดเล็บตอนกลางคืน เพราะอาจจะมีคนมาเก็บไปให้คนมีอาคมเอาไปทำพิธี แล้วอาถรรพ์ชั่วร้ายก็จะมาถึงตัวเจ้าของเล็บอีกเหมือนกัน
ห้ามกินฟัก แฟง บวบ น้ำเต้าและปลาไม่มีเกล็ด
รอยสักในสมัยนั้นไม่ได้สักเพื่อความเท่อย่างพ.ศ.นี้ แต่สักแล้วลงอาคมกันเป็นเรื่องเป็นราวให้หนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน แต่หลังจากสักยันต์แล้วคนๆนั้นต้องห้ามกิน ฟักแฟง บวบ น้ำเต้า หรือปลาไม่มีเกล็ดทันที ถ้าเผลอกินเข้าไปอาคมที่ลงไว้ก็จะเสื่อม ความเชื่อนี้ยังอยู่ยั้งยืนยงมาถึงพ.ศ.นี้ด้วย ทุกวันนี้ถ้าใครไปสักยันต์กับอาจารย์ดังๆก็จะถูกห้ามอย่างนี้เหมือนกัน
ห้ามด่าว่ามารดาผู้อื่น
นักรบไทย โบราณถือว่าเป็นนักรบแล้วต้องเป็นนักรักด้วยถึงจะครบสูตร หนุ่มๆเลยชอบลงสาลิกาลิ้นทอง พูดอะไรสาวแก่แม่ม่ายจะได้เคลิ้มหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามมาเร็วทันใจ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าเจอคู่อริแล้วเปิดฉากด่ากราดสาดน้ำลายใส่กัน ห้ามด่าลามปามไปถึงแม่ของฝ่ายตรงข้ามไม่อย่างนั้นสาลิกาลิ้นทองจะเสื่อม ทันที เพราะมารดาเป็นผู้หญิงที่เหนือผู้ชายทุกคนการไปลบหลู่ก็เหมือนทำชั่ว อย่างหนึ่ง
ห้ามเดินข้ามหนังสือ
คนโบราณยกย่องหนังสือเป็นครูคนที่สอง ต้องเก็บไว้ในชั้นให้เรียบร้อย ห้ามเอามาโยนเล่น ยิ่งถ้าใครข้ามนี่ถือว่าเป็นการลบหลู่ที่ให้อภัยไม่ได้ เชื่อว่าครูบาอาจารย์จะไม่เมตตาอีกต่อไป เรียนอะไรก็จำไม่ได้ ท่องตำราก็ได้หน้าลืมหลัง หมดอนาคตกันไปเลย
ได้ยินเสียงแปลกๆห้ามร้องทัก
ความแปลกอย่างหนึ่งของคุณไสยก็คือมันจะเข้าตัวเฉพาะคนที่ร้องทักมัน คล้ายกับว่าการร้องทักคือการอนุญาตให้มันเข้ามาได้นั่นเอง คนสมัยก่อนเลยห้ามขาดว่าถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆห้ามทักว่า นั่นอะไร นั่นใคร หรือถ้ามีคนเรียกชื่อก็ต้องเปิดประตูออกไปเห็นหน้ากันเสียก่อนถึงจะทักตอบได้ ไม่อย่างนั้นคุณไสยที่คนชั่วปล่อยออกมา อย่างเช่น ตะปู ตะขาบ เศษแก้ว ฯลฯ จะพุ่งเข้าตัวคนๆนั้นทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://search.hao123.co.th
โดย:
sriyan3
เวลา:
2014-6-12 08:25
สนุกดีครับ
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2