Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ~ หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม ~ [สั่งพิมพ์]

โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:08
ชื่อกระทู้: ~ หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม ~
[attach]7326[/attach]
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร

วัดประชาชุมพลพัฒนาราม
ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี



ชาติภูมิ
พระคุณเจ้าหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร  ท่านมีชาติกำเนิดในสกุล “ลุนราศรี”  ท่านกำเนิดเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐  แรม ๓ ค่ำ  เดือนกรกฏาคม พุทธศักราช ๒๔๕๗ ปีขาล  ณ หมู่บ้านโนนทัน  ตำบลบ้านตาด  อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี

บุพการี  


โยมบิดา คือ คุณพ่อมา  ลุนราศรี  (ในกาลต่อมาทราบว่าผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้นได้เปลี่ยนนามสกุลให้โยมบิดาของท่านใหม่  เป็น “เมืองศรีจันทร์”
โยมมาดา คือ คุณแม่โม้ ลุนราศรี
โยมบิดาของหลวงปู่นั้นทราบว่ามีถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่  อำเภอหนองหาน  จังหวัดอุดรธานี  ส่วนโยมมารดาของหลวงปู่นั้นเป็นคนบ้านโนนทันโดยกำเนิด  อาชีพของท่านทั้งสอง  คือการทำนา อันเป็นอาชีพหลักของคนไทยนั่นเอง

ญาติ

หลวงปู่มีพี่น้องทั้งหมด ๑๐ คน  
หลวงปู่มีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันอยู่จำนวน ๔ คน  ตามลำดับดังต่อไปนี้
๑.        องค์หลวงปู่  (หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร)
๒.        เด็กชายสีลา ลุนราศรี  (เสียชีวิตแต่ยังเยาว์)
๓.        นางมิง  สุขประเสริฐ  (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๔.        นางน้อย  เมืองศรีจันทร์

เมื่อโยมบิดาของหลวงปู่ได้ถึงแก่กรรมลง  โยมมารดาของท่านได้สมรสใหม่ และมีพี่น้องต่างบิดาทั้งหมด ๖ คน ตามลำดับดังต่อไปนี้
๑. จ.ส.อ. คำมูล ศณีดาราช
๒. นางปุ่น  ธรเสนา
๓. นายชาญ  ศรีดาราช  (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๔. นางบัวจันทร์  จันทร์ดาเป้า
๕. นางบัวฮอง  พิมพ์พา  (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๖. นางบัวพัน ศรีดาราช



โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:09
๒.ชีวิตฆราวาส
     ปฐมวัย

       หลวงปู่ท่านได้เข้าศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนเสนาบำรุง  (ชึ่งตั้งอยู่ในค่ายทหารบกมลฑลทหารบก จังหวัดอุดรธานี)  ท่านสำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
      หลวงปู่ท่านเล่าว่า “ ในสมัยที่หลวงปู่เรียนหนังสืออยู่นั้น โยมบิดา – โยมมารดา ของท่านไม่เคยเดือดร้อน ในเรื่องของเงินซื้อสมุด หนังสือ ดินสอ เพราะว่าท่านเป็นนักเรียนที่เรียนเก่ง สอบไล่ได้เป็นที่ ๑ ทุกครั้ง จึงได้รับแจกหนังสือเป็นรางวัลจนเรียนจบ”

ช่วงวัยหนุ่ม


        หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังว่า “ เมื่อตอนเป็นหนุ่มนั้นท่านเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือโยมบิดา – โยมมารดา ในการทำไร่ ทำนา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย สานตะกร้า  กระบุง หวดนึ่งข้าว  รับจ้างถางไร่ (ได้ค่าจ้างเดือนละ ๓ บาท  ในสมัยนั้นถือว่าเป็นรายได้มาก)  ท่านต้องรับภาระที่หนักอันเนื่องมาจากท่านเป็นบุตรคนโตของครอบครัว”
        หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังว่า “ ในสมัยก่อนนั้น ท่านเป็นหนุ่มท่านก็เคยไปเที่ยวกันกับหมู่เพื่อน ๆ  ตามปะสาคนหนุ่ม  ไม่ว่าจะชวนไปสักยันต์ตามแขนตามขา  (เรียนถามท่านว่าเจ็บไหมครับหลวงปู่  ท่านตอบว่า “ไม่เจ็บ”  ไปเที่ยวเล่นสาว (จีบสาว)  จ่ายผญาใส่ผู้สาวกับเพื่อน ๆ ท่านก็เคยไป  ท่านบอกว่า “เว้าผญา”  สู้ผู้สาว (ผู้หญิง) เขาไม่ได้  ซุ้มผู้หญิงมันเว้าเก่ง”



พระธรรมเจดีย์  (หลวงปู่มหาจูม  พันธุโล) พระอุปัชฌาย์


๓. เข้าสู่เพศพรหมจรรย์
     เมื่ออายุของท่านครบเกณฑ์ทหาร  คือ ๒๑ ปีบริบูรณ์  ท่านก็ไปเกณฑ์ทหารแต่ไม่ติด  ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านอยากจะบวช  จึงได้แจ้งความประสงค์ให้โยมบิดา – โยมมารดาทราบ  ชึ่งบรรดาญาติพี่น้องต่างก็มีความปลาบปลื้มยินดีร่วมอนุโมทนากับท่านด้วย
    หลวงปู่เข้าถือครองนาคอยู่ที่วัดโยธานิมิตร  อ.เมือง  จ.อุดรธานี  และอุปสมบท ณ  พัทธสีมา วัดโยธานิมิตร  ตำบลบ้านตาด  อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี  เมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์  เมื่อวันที่ ๒๕ เดือนมิถุนายน  พุทธศักราช   ๒๔๗๘   ในเวลา  ๑๓.๔๗  น.  โดยมี
พระอุปัชฌาย์  คือ  พระธรรมเจดีย์  (หลวงปู่มหาจูม  พันธุโล)   วัดโพธิสมภรณ์  อ.เมือง  จ.อุดรธานี
พระกรรมวาจาจารย์  คือ พระครูประสาทคณานุกิจ   วัดโพธิสมภรณ์  อ.เมือง  จ.อุดรธานี
พระอนุสาวนาจารย์   คือ พระครูศาสนูปกรณ์  (หลวงปู่อ่อนตา เขมังกโร)  เจ้าอาวาสวัดโยธานิมิตร

โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:10
การศึกษาพระปริยัติธรรม

หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังว่า
   -  ท่านสอบได้นักธรรมชั้นตรี   ได้ในพรรษาที่ ๑  (พ.ศ. ๒๔๗๘)
   -  ท่านสอบได้นักธรรมชั้นโท   ได้ในพรรษาที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๗๙)
   -  ท่านสอบได้นักธรรมชั้นเอก   ได้ในพรรษาที่ ๑  (พ.ศ. ๒๔๘๔)
   -  ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระธรรมทูต  จากอธิบดีกรมการศาสนา (พันเอกปิ่น มุทุกันต์) ในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ และ พ.ศ. ๒๕๐๘ รับผิดชอบสายที่ ๑ มีขอบเขตรับผิดชอบดังนี้  คือ
เลย , หนองคาย , อุดรธานี , สกลนคร , นครพนม , ขอนแก่น , กาฬสินธุ์ , ร้อยเอ็ด , มหาสารคาม , และอุบลราชธานี  
  - หลวงปู่ท่านสามารถท่องจำพระปาฏิโมกข์ได้ในพรรษาที่ ๒ ชึ่งนับว่าท่านเป็นพระภิกษุผู้มีความวิริยะอุตสาหะเป็นเลิศแล้ว  นับว่าหาได้ยากยิ่งอีกรูปหนึ่ง
                                       


โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:11
๔ . ชีวิตในร่มกาสาวพัตร

      การจำพรรษาของหลวงปู่  ตลอดจนการเดินธุดงค์ของท่านนั้น ถ้าจะนำมาเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้คงจะพิมพ์เสร็จไม่ทัน  เนื่องจากคณะผู้จัดทำมีระยะเวลาในการจัดทำสั้นนัก  จึงได้ขอลงไว้เฉพาะการจำพรรษาคร่าวๆ และสถานที่ที่องค์หลวงปู่ได้อยู่จำพรรษาเท่านั้นพอสังเขปดังต่อไปนี้
   พรรษาที่ ๑-๓  (พ.ศ.๒๔๗๘- ๒๔๘๐)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดโยธานิตร  อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี
พรรษาที่ ๔-๕  (พ.ศ.๒๔๘๑- ๒๔๘๒)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดบ้านตาด อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี
พรรษาที่ ๖  (พ.ศ. ๒๔๘๓)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดบ้านช้าง  อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี
พรรษาที่ ๗-๘  (พ.ศ. ๒๔๘๓)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดบ้านโพนสูง  บ้านโพนสูง หมู่ 1 ตำบลโพนสูง  อำเภอบ้านดุง  จังหวัดอุดรธานี
พรรษาที่ ๙  (พ.ศ. ๒๔๘๖)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดโยธานิตร  อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี
พรรษาที่ ๑๐  (พ.ศ. ๒๔๘๗)
-        ท่านได้จำพรรษาที่อำเภอศรีสงคราม  จังหวัดนครพนม


พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  

พรรษาที่ ๑๑-๑๔  (พ.ศ. ๒๔๘๘ – ๒๔๙๒ )
-        ท่านได้ร่วมจำพรรษากับพระเดชพระคุณเจ้าหลวงปู่มั่น  ภูริทัตโต  ที่วัดป่าบ้านหนองผือ  ตำบลนาใน  อำเภอพรรณานิคม  จังหวัดสกลนคร  (๕ พรรษา)  เมื่อท่านพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  ได้ละสังขารลงแล้ว  หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร พร้อมคณะสงฆ์  ศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น และญาติโยม ได้อยู่ช่วยงานศพท่านพระอาจารย์มั่น จนเสร็จสิ้นภารกิจ  ณ วัดป่าสุทธาวาส  อำเภอเมือง  จังหวัดสกลนคร จนเสร็จสิ้นภารกิจ  แล้วหลวงปู่ท่านจึงได้แยกย้ายไปธุดงค์ต่อไป
พรรษาที่ ๑๖  (พ.ศ.  ๒๔๙๓ )
-        ท่านได้จำพรรษากับท่านพระอาจารย์กู่  ธัมมทินโน  ที่วัดป่าบ้านนากู่  อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร


พระอาจารย์ฝั้น  อาจาโร



ท่านพระอาจารย์กู่  ธัมมทินโน

พรรษาที่ ๑๗  (พ.ศ.  ๒๔๙๔ )
-     หลวงปู่ฝั้น  อาจาโร  ได้มอบหมายให้หลวงปู่อ่อนสา  สุขกาโร  ไปจำพรรษาที่วัดป่าอุดมสมพร   บ้านนาหัวช้าง  ตำบลพรรณนานิคม  อำเภอพรรณานิคม  จังหวัดสกลนคร  แทนองค์ท่านในพรรษานั้น  เพราะองค์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านจะขึ้นไปจำพรรษาที่ถ้ำขาม  ตำบลไร่ อำเภอพรรณานิคม  จังหวัดสกลนคร   จึงให้หลวงปู่จำพรรษาที่วัดป่าอุดมสมพร   แทน

โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:12
พรรษาที่ ๑๘  (พ.ศ. ๒๔๙๕)
-        ท่านได้จำพรรษากับหลวงตามหาบัว  ญาณสัมปันโน  และหลวงปู่สุบิน ที่ป่าช้าแห่งหนึ่งในอำเภอคำชะอี  จังหวัดมุกดาหาร
พรรษาที่ ๑๙  (พ.ศ. ๒๔๙๖)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดบ้านเหล่าหนองขุ่น   อำเภอเมือง  จังหวัดอุดรธานี
พรรษาที่ ๒๐-๒๗  (พ.ศ. ๒๔๙๗-๒๕๐๕)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดป่าเวฬุวันวนาราม    หมู่ที่ 4 บ้านข้าวสาร ตำบลโนนสูงอำเภอเมือง   
          จังหวัดอุดรธานี
พรรษาที่ ๒๘-๔๓  (พ.ศ. ๒๕๐๕-๒๕๒๐)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดป่าสีทน  บ้านหนองตูม ต.บ้านจั่น อ.เมือง  จ.อุดรธานี
พรรษาที่ ๔๔-๖๒  (พ.ศ. ๒๕๒๑- ปัจจุบัน)
-        ท่านได้จำพรรษาที่วัดประชาชุมพลพัฒนาราม  บ้านหนองใหญ่  ต.บ้านจั่น อ.เมือง  จ.
อุดรธานี  



ส่วนหนึ่งของกองทัพธรรมศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

แถวหลัง : หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่ขาว อนาลโย,
เจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล),
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
แถวกลาง : พระอาจารย์จันทร์ เขมปตฺโต, หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ
แถวหน้า : หลวงปู่บัว สิริปุณโณ, หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร


โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:13
ความเมตตาขององค์หลวงปู่อ่อนสา  สุขกาโร

      องค์ท่านหลวงปู่นั้น นับเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่  ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน  ผู้ปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ  เป็นเนื้อนาบุญอันไพศาล  หลวงปู่เป็นเพชรเม็ดใหญ่ที่ได้ผ่านการเจียระไนมาแล้วอย่างงดงาม ที่บรรดาศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลายให้ความเคารพศรัทธา  ในองค์หลวงปู่  เป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่สำคัญยิ่งในปัจจุบัน  ถ้าจะนับพระเถระผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมที่ผ่านการเจียระไนมาแล้ว และที่สำคัญองค์หลวงปู่อ่อนสา ท่านเคยร่วมสำนักกับหลวงปู่มั่น ในสมัยวัดป่าบ้านหนองผือ ชึ่งในครั้งอดีตคงเหลือไม่กี่รูปที่เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นที่ยังดำรงขันธ์อยู่ ในที่กาลปัจจุบันนี้หนึ่งในนี้ก็คือพระผู้ปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ  ที่นามว่า “หลวงปู่อ่อนสา  สุขกาโร” ชึ่งท่านได้ร่วมจำพรรษากับท่านพระอาจารย์มั่น ในวัดป่าหนองผือ ๕  พรรษา
      ปฏิปทาอันงดงามขององค์ท่านมีมากมายที่จะสุดพรรณาได้หมดสิ้นและที่สำคัญ คือ ท่านไม่ยึดติด  ต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด  มีเมตตาธรรมต่อบรรดาศิษย์ยานุศิษย์โยไม่เลือกชั้นวรรณะ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด  โดยเสมอกัน
      ปฏิปทาองค์หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร  นั้นนับเป็นแบบอย่างที่ประเสริฐทรงคุณค่าเอนกอนันต์อันชนรุ่นหลังไม่พึงประมาทและยึดถือเพื่อเป็นอนุสสติสืบไป


ที่มา : คัดจากหนังสือ “หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร”
เนื่องในงานครบรอบวันเกิดองค์ “หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร”



ธรรมะหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร


" การที่มาขอธรรมะนโยบายปฏิบัตินั้น..ในสมัยพระอาจารย์ใหญ่ท่านก็ให้ ถ้าได้มาขอท่านก็บอกอุบาย อันแยบคายให้..แต่นั่นก็เป็นธรรมะท่ออกมาจากจิตใจของท่าน มันยังไม่ใช่ธรรมะที่ออกจากจิตใจเรา โดยแท้..แม้จะเอาของดีไปก็ไม่สามารถรักษาให้อยู่กับตัวได้ บางทีขอไปวันนี้ พรุ่งนี้ก็ลืมวางไว้ที่ไหน ก็ไม่รู้นะ..! ก็ไม่ใช่ของเรานั่นเอง..ถ้าเป็นของเราแล้วจะอยู่กับเราตลอด จำได้แม่นยำ เราตื่นก็มีอยู่ เราหลับก็มีอยู่เราตายไปธรรมนั้นก็ตามไปกับจิตเราด้วยเสมอ..ก็เหมือนกับสภาวะปัจจุบัน ไหนใคร ลองบอกมาหน่อยซิว่า..วันนี้เป็นโชคของเรา..ไม่มีใข่ไหม?..ถ้าเป็นของเราละก็ มันต้องอยู่กับเรา ตลอดไป ถ้ากลางวันก็ต้องอยู่อย่างนี้ จะมืดค่ำไม่ได้ต้องอยู่กับเรา ฉะนั้นธรรมะก็เช่นนั้..ทุกวันนี้พวกเราชาวพุทธนักปฏิบัติเขาว่าอย่างนั้นนะ เที่ยววิ่งขอธรรมะแต่ไม่ ยอมปฏิบัติเลยสักที เหลาะ ๆ ..แหละๆ เดี๋ยวน้ำ เดี๋ยวแห้งไม่เอาจริงสักที...ระวังเน้อ.สะสมธรรมะมาก ไม่ดี พุงจะแตกเอา..! ต้องนำออกมาระบาย คือการพิจารณาแยกเหตุแยกผล ของธรรมะบ้าง เราเรียก ว่า..วิปัสสนาก็ได้..เอาลองดูซิ ความจริงธรรมะนั้นไม่มีใครเขาให้มากหรอก มันจะฟุ้งซ่าน บางทีเกิดลังเลสงสัย..ต้องแสดงเลย ความลังเลจึงจะหมด แล้วจะคลายสงสัยได้เด็ดขาดเลย...

ปัจจุบันองค์หลวงปู่อ่อนสา  สุขกาโร  ท่านอาพาธมาหลายปี  
ตอนนี้หลวงปู่ช่วยตัวเองทั้งที่การพูด การขบฉัน การเคลื่อนไหวไม่ได้
ท่านมีอายุก็ 94 ปี จะ 95 ก็เดือนกรกฎาคมปี 2552 นี้ครับ
ท่านพำนักอยู่ที่ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม บ้านหนองใหญ่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี



ชีวประวัติหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร(vcd)
http://audio.palungjit.com/showthread.php?t=642

..............................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20907


โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:15
ภาพหลวงปู่อ่อนสา กับพระเถระผู้ใหญ่



หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ-หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร



หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร-หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ-หลวงปู่จันทร์โสม กิตฺติกาโร


โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:16


ซ้าย: หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม
วัดสามัคคีอุปถัมภ์ (ภูกระแต) บ้านภูกระแต ต.วิศิษฐ์ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย

กลาง: หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร
วัดประชาชุมพลพัฒนาราม บ้านหนองใหญ่ ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี

ขวา: หลวงปู่คำพอง ติสโส (มรณภาพแล้ว)
วัดถ้ำกกดู่ ต.โนนหวาย อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี



ภาพนี้ในวันงานทำบุญครบรอบอายุวัฒนะมงคล ครบ 92 ปี หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร พร้อมยกฉัตรขึ้นสู่เจดีย์สุขโรเจดีย์ - และบรรจุพระธาตุพระบรมสารีริกธาตุ
ในวันเสาร์ - อาทิตย์ ที่ 8- 9 กรกฎาคม 2549
ณ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม จ.อุดรธานี

...........................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20907



โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:30
[youtube]E8_fTK_A1Xs[/youtube]

โดย: kit007    เวลา: 2014-5-5 12:30
[youtube]cFegwTCZsuU[/youtube]

โดย: kit007    เวลา: 2014-5-6 15:51
ประวัติหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร : กรรมประมาทพระอรหันต์


"ในคราหนึ่ง มีลูกศิษย์ทางภาคกลางได้นิมนต์หลวงปู่ไปทำบุญที่บ้านของเขาแถวภาคกลาง ในงานนี้เขาได้พระสงฆ์มาหลายรูป
ในคราวนั้นหลวงปู่ได้เดินทางไปถึงบ้านของโยมคนนั้นเป็นองค์แรก หลวงปู่ขึ้นไปนั่งบนอาสนะแรก เพราะท่านรู้ว่าพระที่นิมนต์มานั้น หลวงปู่ท่านมีพรรษาสูงสุด
...
หลวงปู่ท่านนั่งผ่อนได้ระยะหนึ่งพระในพื้นที่ ที่เขานิมนต์มาในงานนี้ก็มากันครบ และหนึ่งในนั้น ชื่อว่าหลวงพ่อพรหม เป็นพระที่มีชื่อเสียงมากในพื้นที่เขตนั้น
พระทุกองค์ก็เข้านั่งในอาสนะที่เขาเตรียมไว้ให้แต่เว้นไว้คือ อาสนะรอง เพื่อให้หลวงพ่อพรหมนั่ง แต่ปรากฏว่า หลวงพ่อพรหมนั้นไม่ยอมนั่ง กลับไปยืนจ้องหน้าหลวงปู่อ่อนสาอยู่ไม่ละวางสายตา แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร หลวงพ่อพรหมยืนอยู่ระยะหนึ่ง
เมื่อหลวงปู่เห็นเช่นนั้น ท่านจึงเกิดความรำคาญ หลวงปู่จึงลุกขึ้นแล้วลงมานั่งที่ อาสนะรอง แล้วหลวงพ่อพรหม ก็ได้ไปนั่งอาสนะแรก สมดังตั้งใจ
เมื่อพระสงฆ์ได้เจริญพระพุทธมนต์อยู่นั้น ปรากฏว่าหลวงพ่อพรหมได้เกิดอาการ ไอ และ สำรักเป็นเลือดออกมา แล้วก็เป็นลมสลบไป ทางญาติโยมเขาก็นำส่งโรงพยาบาล แล้วหลวงปู่ก็นำเจริญพุทธมนต์ต่อจนเรียบร้อย จนงานเสร็จสิ้น
ประมาณตอนบ่ายโมง หลวงปู่จะเดินทางกลับอุดร ท่านก็ทราบว่าหลวงพ่อพรหมนั้น ได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่วัดของท่านแล้ว หลวงปู่จึงมีดำหริที่อยากจะไปเยียมหลวงพ่อพรหมบ้าง ท่านจึงให้คนขับรถพาไปที่วัดของหลวงพ่อพรหม
พอรถไปถึงวัด โดยหลวงปู่ยังไม่ทันลงจากรถ หลวงพ่อพรหมได้วิ่งลงมาจากกุฏิของท่านมาที่รถหลวงปู่ แล้วกราบแทบเท้าขอขมาโทษอันได้ล่วงเกินหลวงปู่ตอนที่ไปเจริญพระพุทธมนต์ในหมู่บ้าน
หลวงพ่อพรหม นิมนต์หลวงปู่ขึ้นไปบนกุฏิ แล้วจัดหาน้ำท่ามาต้อนรับตามธรรมเนียมเป็นอย่างดี หลวงปู่กล่าวว่าท่านมิได้ถือโทษโกรธเคืองหลวงพ่อพรหมแต่ประการใด หากแต่พระวินัยนั้นเป็นสิ่งต้องรักษา แล้วท่านก็กล่าวอะไรอีกนิดหน่อย แล้วหลวงปู่ก็ขอตัวเดินทางกลับอุดร
สองสามวันต่อมาหลวงปู่ได้ข่าวว่าหลวงพ่อพรหมนั้น ได้มรณภาพเสียแล้ว แล้วมีลูกศฺาย์มาเล่าให้ฟังว่า ก่อนหลวงพ่อพรหมจะสิ้นลมนั้น ได้สั่งเสียว่า
"กรรมของเราคือกรรมได้ประมาทพระอรหันต์ หลวงปู่อ่อนสาท่านเป็นพระอรหันต์นะพวกเธอทั้งหลายจงอย่าไปประมาทท่านหรือพระอรหันต์องค์อื่นๆ เพราะมันเป็นกรรมหนัก หากเราผู้เป็นอาจารย์หลวงพวกเธอทั้งหลายสิ้นแล้ว ให้พากันไปพึ่งหลวงปู่อ่อนสานะ " หลังจากนั้น หลวงพ่อพรหมก็สิ้นลม มรณะภาพไป...
**หมายเหตุ หลวงพ่อพรหมองค์นี้ ในหนังสือมิได้กล่าวว่าเป็น พระสงฆ์องค์ใด อยู่แห่งหนตำบลไหน หากแต่กล่าวว่าอยู่ภาคกลาง และผู้เขียน มิได้หมายเพื่อลบหลู่ดูหมิ่นท่านแต่ประการใด หากแต่เพื่อถ่ายทอดให้เป็คติเตือนใจแก่ผู้ต้องการธรรมะเท่านั้น หรือหากได้ล่วงเกินท่าเหล่านั้นไป ก็ขมาโทษไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
จากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร
วัดประชาชุมพลพัฒนาราม อ.เมือง จ.อุดรธานี

ที่มา https://www.facebook.com/permali ... ;id=262402077197042




โดย: kit007    เวลา: 2014-5-6 15:58
มรณภาพ

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม เวลา 09.00 น.คณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร พระเกจิดังสายหลวงปู่มั่น ที่ได้ละสังขาร เมื่อเวลา 16.17 น.วันที่ 5 ส.ค.ที่กุฎิกลางน้ำ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม บ้านหนองใหญ่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ. อุดรธานี รวมสิริอายุได้ 95 ปี 75 พรรษา
ได้นำร่างของท่านมาตั้งที่ศาลาใหญ่ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม เพื่อรอในเวลา 16.00 น. จะจัดให้มีพิธีรดน้ำศพ โดยนายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี จะเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และมีพระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนททีโป)วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมืองอุดรธานี จะเป็นประธานฝ่ายสงฆ์

หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร เกิดในสกุล “ลุนราศรี” มีนามเดิมว่า นายอ่อนสา  เมืองศรีจันทร์ เกิด ณ บ้านโนนทัน ตำบลบ้านจั่น อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2457 ปีขาล โยมบิดาชื่อนายมา ลุนราศรี โยมมารดาชื่อนางโม้ ลุนราศรี (ต่อมาภายหลังผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้นได้เปลี่ยนนามสกุลให้โยมบิดาใหม่เป็น “เมืองศรีจันทร์”) โยมบิดามีอาชีพเกษตรกรมีพี่น้องทั้งหมด 10 โดยเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน 4 คน  เป็นชาย 2 คน หญิง 2  คน ต่อมาบิดาเสียชีวิตมารดาได้สมรสใหม่มีพี่น้องต่างบิดาอีก 6 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน หลวงปู่อ่อนสาเป็นคนโต

เนื่องจากหลวงปู่อ่อนสา เป็นพี่คนโตต้องคอยดูแลน้อง ๆ ถึง 9  คน  ครอบครัวของหลวงปู่จึงมีโอกาสศึกษาจนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที 4 จากนั้นได้ออกมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนาและดูแลน้องๆ เมื่ออายุได้ 21 ปี ท่านได้ไปเกณฑ์ทหารแต่ไม่ติดจึงได้ขอโยมบิดา- มาดาไปบวช  โดยได้อุปสมบท ณ วัดโยธานิมิต  ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานีเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2478 เวลา  13.47 น. โดยมีพระธรรมเจดีย์ ( จูม พันธุโล ) เป็นประอุปัชฌาย์  มีพระครูประสาทคณานุกิจ  เป็นพระกรรมวาจารย์  พระครูศาสนูปกรณ์ ( อ่อนตา  เขมงกโร ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์  มีฉายาว่า  สุจกาโร  ภิกขุ

หลังจากออกบวชแล้ว หลวงปู่ได้อยู่รับใช้ครูบาอาจารย์เรื่อยมา หลวงปู่เล่าว่า การบวชนั้นแรกเริ่มคิดบวชตามประเพณี บวชให้พ่อแม่ เมื่อหมดบุญวาสนา ก็ว่าจะสึก แต่เมื่อบวชแล้วเข้ามาอยู่ในสมณเพศแล้ว จิตใจท่านไม่วิตกกังวล กลับมีความศรัทธาเพิ่มพูนในพระพุทธศาสนา ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น มีความสนใจในหลักธรรมคำสอน จึงเข้าศึกษาคำสอน จึงเข้าศึกษาในพระปริยัติธรรมและสอบได้นักธรรมชั้นเอกในพรรษาที่ 5

ต่อมาหลวงปู่ได้ออกธุดงค์ไปอำเภอศรีสงคราม  จังหวัดนครพนม เพื่อหาที่สัปปายะบำเพ็ญภาวนาและบังเอิญท่านได้พบกับหลวงตามหาบัว  ญาณสัมปันโน ซึ่งเป็นญาติทางมารดา จึงได้พากันไปภาวนาที่ภูลังกาและออกธุดงค์ด้วยกัน ต่อมาหลวงปู่ได้มีโอกาสกราบนมัสการพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  และได้เข้าจำพรรษากับพระอาจารย์หลวงปู่มั่น  หลังจากที่หลวงปู่อ่อนสา ได้บำเพ็ญภาวนาพอสมควรแล้วท่านได้ออกธุดงค์ไปทั่วภาคอีสาน และธุดงค์ขึ้นไปทางภาคเหนือ หลังจากที่ได้บำเพ็ญเพียรภาวนาที่ภาคเหนือพอสมควรแล้ว ท่านได้ย้อนกลับมายังภาคอีสาน แวะเข้าป่าช้าปักกรดภาวนาเรื่อยมาที่ที่สงบวิเวกไม่มีคนรบกวน

หลวงปู่อ่อนสา ได้มีโอกาสติดตามหลวงปู่มั่นธุดงค์ไปวัดถ้ำกลองเพลด้วย การที่ท่านได้ใกล้ชิดกับครูบาอาจารย์ในบางวาระ ทำให้ท่านได้รับการถ่ายทอด ข้ออรรถข้อธรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการเจริญสัมมาสมาธิ และต่อมาได้จำพรรษากับหลวงปู่มั่นที่บ้านหนองผือนาใน ประมาณ 5 พรรษา ซึ่งหลวงปู่กล่าวว่า ได้ธรรมะมากมาย สามารถยกวิถีชีวิตให้บริสุทธิ์ได้ยิ่งขึ้น มีการสำรวมระวัง เรียกว่ามีกฎระเบียบ โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อครูอาจารย์ การรักษากฎข้อบังคับพระกัมมัฏฐาน ซึ่งต้องปฏิบัติในรูปแบบที่ดีงามทุกข้อ นอกจากนี้หลวงปู่ยังได้อยู่ปฏิบัติกับครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน หลายวาระ อาทิเช่น หลวงปู่สิงห์ ขันฺติยาคโม หลวงปู่จันทร์ เขมปัตฺโต หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ และหลวงปู่ฟั่น อาจารโร

หลังจากหลวงปู่มั่นได้มรณภาพแล้ว หลวงปู่อ่อนสา ได้ออกจาริกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อภาวนาบ้าง อบรมสั่งสอนประชาชนผู้สนใจศรัทธาบ้าง ท่านได้จำพรรษาหลายแห่งที่วัดป่าบ้านตาด บ้านดงหม้อตาล บ้านกุดบาก บ้านหนองผือนาใน วัดป่าอุดมสมพร วัดข้าวสาร วัดป่าสีทน
ท้ายที่สุดท่านได้มาจำพรรษา  ณ วัดประชาชุมพลพัฒนาราม บ้านหนองใหญ่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี อันเป็นแผ่นดินเกิดของท่านจนถึงปัจจุบันและได้ละสังขารที่วัดนี้

พระนครินทร์ ปริมุตโต พระดูแลหลวงปู่ฯ เปิดเผยว่า หลวงปู่มีอาการอาพาตหนักตั้งแต่ปี
2546 โดยมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบและเข้ารับการผ่าตัดเมือปี 2547  ที่ ร.พ.เอกอุดร หลังจากเข้ารับการผ่าตัดหลวงปู่ก็มีอาการอัมพาตไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จึงเข้ารับการรักษาที่ ร.พ.เอกอุดรมาตลอดในระยะเวลา 2-3 ปี หลังการผ่าตัด จากนั้นจึงย้ายมารักษาตัวต่อที่ ร.พ.ค่ายประจักษ์ศิลปาคมได้ประมาณ 1 ปี เศษ   แต่อาการไม่ดีขึ้น

พระนครินทร์  กล่าวต่อว่า  คณะลูกศิษย์และญาติของหลวงปู่ได้ทำการปรึกษาหารือกันกับแพทย์ว่า  ระยะเวลาที่รักษาตัวหลวงปู่รักษามานานแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นซึ่งอาจจะละสังขารที่โรงพยาบาลลูกศิษย์และญาติจึงได้มีความเห็นตรงกันว่าอยากจะให้หลวงปู่ละสังขารที่วัด  จึงได้นำตัวหลวงปู่มายังวัดเพื่อละสังขาร  และในเวลา 16.17 น.  หลวงปู่ก็ได้ละสังขาร

พระอธิการสุพิศ สุนทโร เจ้าอาวาสวัดป่าสีทน ซึ่งได้เป็นศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่อ่อนสา เปิดเผยว่า สำหรับศพของหลวงปู่อ่อนสา นั้น ในขณะนี้ก็จะได้ทำการประชุมกับคณะศิษย์ของหลวงปู่ก่อน และจากที่เมื่อเย็นวานนี้หลังจากหลวงปู่ฯ ได้ละสังขารแล้วก็ได้เข้าไปเรียนให้หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนทราบแล้ว ซึ่งหลวงตาท่านก็บอกว่า ก็อยากจะเก็บศพของท่านไว้ 30 วัน ก็ควรจะเผาในวันที่ 5 ก.ย.ซึ่งเป็นวันเสาร์ แต่ก็อย่างไรก็ให้ปรึกษากับลูกศิษย์ของท่านดูก่อน ส่วนพิธีรดน้ำศพที่ท่านหลวงตาฯ จะเป็นฝ่ายสงฆ์นั้น ขณะนี้ท่านอาพาตอยู่เนื่องจากเจ็บที่นิ้วเท้า ก็จะได้นิมนต์พระผู้ใหญ่ไว้ 2 รูปคือ พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนททีโป)วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมืองอุดรธานี และพระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือหลวงปู่ท่อน ญาณทโร วัดป่าศรีอภัยวัลย์ อ.เมือง จ.เลย มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์แทน
                                                  ที่มา : ผสข.อาสาทีนิวส์วิทยุประชาชนอุดรธานี

...............................................................................................

ที่มา http://www.tnewsnetwork.com/Brow ... amp;article_id=2032






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2