Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
อานิสงส์การถวายข้าวตอก ๑ ขัน : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
[สั่งพิมพ์]
โดย:
kit007
เวลา:
2014-5-4 08:23
ชื่อกระทู้:
อานิสงส์การถวายข้าวตอก ๑ ขัน : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
อานิสงส์การถวายข้าวตอก ๑ ขัน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ตายจากคนจนถวายข้าวตอก ๑ ขันเพียงครั้งเดียวไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
“...เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๓๑ พูดถึงเรื่อง
“ลาชเทวธิดา” หรือ “เทพธิดาข้าวตอก”
เพราะว่าเป็นนางฟ้าในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องมีอยู่ว่าเธอเป็นลูกคนจน ไปรับจ้างเฝ้าไร่อ้อยของเจ้านาย ได้นำข้าวตอกไปเพื่อจะกิน เพราะคิดว่าในตอนเช้ากว่าคนจะไปส่งอาหาร ถ้าเขาส่งสายเราก็หิว แต่ก็เป็นการบังเอิญวันนั้นเป็นเวลาพอดีที่ พระมหากัสสป พระสาวกองค์สำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกจากนิโรธสมาบัติ พระที่ออกจากนิโรธสมาบัติออกไม่ตามเวลาที่เขาบิณฑบาตกัน อาจจะสายไป ไปบิณฑบาตไม่ทัน ก็ต้องใช้ทิพย์จักขุญาณว่าจะไปรับบาตรที่ไหน ใครจะให้เราวันนี้ ท่านพระมหากัสสปก็ทราบว่าหญิงสาวที่เฝ้าไร่อ้อยอยู่ตรงโน้น เธอมีข้าวตอกไม่มีนํ้ากะทิอยู่ ๑ ขัน เพื่อจะมากินเวลาเช้า แต่ทว่าถ้าเราไปบิณฑบาต เธอเต็มใจพร้อมจะถวายเพื่อทำบุญ ความจริงท่านไม่ตั้งใจจะเบียดเบียน ต้องดูก่อนว่าถ้าเขาให้แล้วเขาเดือดร้อนไหม ก็ทราบว่าเรื่องอาหารเขาไม่เดือดร้อน แต่ท่านอาจจะทราบว่าให้แล้วเธอจะตายจึงตั้งใจมาโปรดคนนี้โดยตรง จึงเหาะมาในอากาศพอใกล้จะถึงก็ลงเดิน เหาะให้ชาวบ้านเห็นไม่ได้เป็นการแสดงปาฏิหาริย์คนจะติดเหาะ
เมื่อเธอเห็นเข้าก็มีความรู้สึกว่าเราเป็นคนจน บางโอกาสที่เราเห็นพระเราก็ไม่มีของถวายไม่ได้ทำบุญกับเขา บางโอกาสที่เรามีของเราก็ไม่เห็นพระ วันนี้เรามีข้าวตอกด้วยและพระท่านก็มาด้วย ขอถวายพระเถิด ตอนสายจะหิวสักหน่อยเขาเอาอาหารมาให้ช้าไปก็ไม่เป็นไร พอทนได้เธอก็นำข้าวตอกออกไปนั่งกระหย่งพนมมือกล่าววาจาว่า “ขอหยุดก่อนเถิดเจ้าข้า”
พระมหากัสสปท่านก็หยุด หยุดแล้วเธอก็เดินเข้าไปใกล้ ค่อยๆ บรรจงเทข้าวตอกลงในบาตรพระมหากัสสป เมื่อเทเสร็จแล้วก็นั่งกระหย่งพนมมือด้วยความเคารพกล่าววาจาว่า “ธรรมใดที่พระคุณเจ้าเห็นแล้ว ขอฉันเห็นธรรมนั้นด้วยเถิดเจ้าข้า”
ท่านพระมหากัสสปก็ให้พรว่า “เอวัง โหตุ” ซึ่งแปลเป็นใจความว่า “เธอปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนา” เพียงเท่านี้แล้วพระมหากัสสปก็หลีกไป
เธอดีใจที่ได้ทำบุญ ขณะที่เดินออกไปมีงูมีพิษร้ายอยู่ตัวหนึ่งมันนอนอยู่ที่ตรงนั้น ด้วยความดีใจที่เธอได้ทำบุญมีปีติในการทำบุญ คำว่า “ปีติ” แปลว่า “อิ่มใจ ชื่นใจ” ก็กระโดดโลดเต้น เสียงตึ้กตั้กๆ เจ้างูมันก็ตกใจ ผงกหัวขึ้นมาเห็นเข้ามันก็ฉกกัด เธอก็ล้มลงถึงแก่ความตาย
การทำบุญของเธอมีครั้งเดียวในชีวิต แต่ว่าเธอตายด้วยกำลังของบุญจริงๆ นั่นคือ จิตใจจับบุญเต็มอัตรา คือมีปีติเต็มที่ถึงกับกระโดดโลดเต้น ก็เลยไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่ รอบๆ วิมานก็มีขันทองคำเต็มไปด้วยข้าวตอกทองคำห้อยเต็มไปหมด และมีนางฟ้า ๑,๐๐๐ เป็นบริวาร...”
....................................................................................
ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=47674
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2