Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
พระแก้วขาว หรือ “พระเสตังคมณี” วัดเชียงมั่น จ.เชียงใหม่
[สั่งพิมพ์]
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:55
ชื่อกระทู้:
พระแก้วขาว หรือ “พระเสตังคมณี” วัดเชียงมั่น จ.เชียงใหม่
พระแก้วขาว
หรือ “พระเสตังคมณี”
วัดเชียงมั่น ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หากพูดถึง
พระแก้ว
หลายคนคงจะนึกถึงพระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งของเมืองไทย แต่ยังมีพระแก้วอีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ทำขึ้นจากแก้วสีขาว และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวล้านนามาเป็นเวลานานแล้ว นั่นก็คือ
“พระเสตังคมณี” หรือ “พระแก้วขาว” พระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากแก้วสีขาวใส
ซึ่งอาจยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปนัก แต่ประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้นั้นถือว่าไม่ธรรมดา
ตำนานและความเป็นมาของพระแก้วขาวหรือพระเสตังคมณี เกี่ยวเนื่องกับหลายบุคคลและหลายสถานที่ด้วยกัน โดยมีตำนานเล่าว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานล่วงไปแล้ว 700 ปี ในวันเพ็ญเดือน 7 สุเทวฤๅษี ได้นำเอาดอกจำปา 5 ดอก ขึ้นไปบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้พบปะสนทนาด้วยพระอินทร์ พระอินทร์จึงบอกกล่าวแก่สุเทวฤๅษีว่า ปีนี้ในเดือนวิสาขะเพ็ญ ที่ลวะรัฏฐะจะสร้างพระพุทธปฏิมากรด้วยแก้วขาว ครั้นเมื่อสุเทวฤๅษีกลับจากดาวดึงส์เทวโลกแล้ว จึงไปสู่เมืองละโว้ ขณะนั้น พระยารามราช เจ้าเมืองละโว้ กับ พระกัสสปเถรเจ้า มีความประสงค์จะสร้างพระแก้ว ซึ่งพระอรหันต์ไปได้แก้วขาวบริสุทธิ์บุษยรัตน์มาจากจันทเทวบุตร แล้วขอพระวิษณุกรรมมาเนรมิตสำเร็จเป็นองค์พระพุทธปฏิมากร
สุเทวฤๅษี ผู้สร้างนครหริภุญไชย และฤๅษีองค์อื่นๆ ก็ได้ไปประชุมช่วยเหลือในการสร้างองค์พระด้วย ครั้นสำเร็จแล้วก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 4 องค์ไว้ในพระโมลี (กระหม่อม) 1 องค์, พระนลาต (หน้าผาก) 1 องค์, พระอุระ (หน้าอก) 1 องค์ และพระโอษฐ์ (ปาก) 1 องค์ รวมทั้งหมด 4 แห่ง
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว พระแก้วขาวก็ได้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองละโว้สืบมาเป็นเวลานาน
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:57
พระบรมราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวี ณ วัดจามเทวี
กู่กุดหรือเจดีย์สุวรรณจังโกฏ ณ วัดจามเทวี จ.ลำพูน
และหากจะกล่าวถึงพระแก้วขาว ก็ต้องกล่าวถึง
พระนางจามเทวี
ปฐมกษัตริยาแห่งนครหริภุญไชย (นครลำพูน)
ด้วยเช่นกัน
เพราะพระแก้วขาวถือเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์
โดยเมื่อพระนางจามเทวี พระราชธิดาของเจ้ากรุงละโว้ เสด็จมาครองเมืองหริภุญไชย ก็ได้อัญเชิญพระแก้วขาวจากเมืองละโว้มายังเมืองหริภุญไชย มาเป็นพระพุทธรูปบูชาประจำพระองค์ด้วย
พระแก้วขาวจึงได้มาประดิษฐานอยู่ในนครหริภุญไชยตั้งแต่บัดนั้น
เส้นทางตามรอยพระแก้วขาว เริ่มต้นที่
“วัดจามเทวี”
หรือ
“วัดกู่กุด”
ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ตามประวัติกล่าวไว้ว่า วัดจามเทวี ได้สร้างขึ้นโดยพระนางจามเทวี และเมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ก็ได้ทรงสละพระราชสมบัติออกบวชชี บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ วัดแห่งนี้ และเมื่อพระองค์มีพระชนมายุได้ 92 พรรษา ก็ได้เสด็จสวรรคต ดังนั้น
พระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ
พระราชโอรสทั้งสองพระองค์ จึงได้นำพระอัฐิของพระนางจามเทวี พระราชมารดา มาบรรจุไว้ในเจดีย์สี่เหลี่ยมในวัดจามเทวี
เจดีย์สี่เหลี่ยมในวัดจามเทวี
ที่ว่านั้น รู้จักกันในชื่อ
“กู่กุด” หรือ “เจดีย์สุวรรณจังโกฏ”
ซึ่งเป็นพระเจดีย์ศิลาแลงทรงสี่เหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 5 ชั้น แต่ละชั้นจะประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย รวมทั้งหมด 60 องค์ พระเจดีย์องค์นี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมต้นแบบให้แก่พระเจดีย์ต่างๆ ในภาคเหนือต่อมาอีกด้วย
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:58
หอพระแก้วขาวที่ปัจจุบันเป็นหอระฆัง
วัดพระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน
พระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน
ไม่ไกลกันนักเป็นที่ตั้งของ
“วัดพระธาตุหริภุญไชย วรมหาวิหาร”
ในจังหวัดลำพูนเช่นกัน วัดแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วขาวมาตลอดระยะเวลาของการตั้งเมืองหริภุญไชย โดยภายในพระวิหารหลวงของวัดพระธาตุหริภุญไชย นอกจากจะมีพระประธานก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง บนแท่นแก้วรวม 3 องค์ และพระพุทธปฏิมาหล่อโลหะขนาดกลางสมัยเชียงแสนชั้นต้นและชั้นกลางอีกหลายองค์แล้ว ก็ยังมี
บุษบก
ซึ่งภายในประดิษฐานพระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาวองค์จำลอง ซึ่งสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าพระแก้วขาวเคยประดิษฐานอยู่ที่นี่เมื่อครั้งนครลำพูนยังรุ่งเรืองอยู่ แต่ปัจจุบันหอพระแก้วขาวในอดีตนั้น ถูกแทนที่ด้วย
หอระฆัง
ของวัดไปแล้ว
ภายหลังจากที่พระนางจามเทวีเสด็จสวรรคต นครหริภุญไชยยังคงมีกษัตริย์ปกครองสืบเนื่องต่อมาอีกถึง 47 พระองค์ด้วยกัน และทุกพระองค์ต่างก็นับถือพระแก้วขาวเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านเมือง
จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.1824 ในรัชสมัยของพระยายีบา กษัตริย์เมืองหริภุญไชยองค์ที่ 47 เมืองหริภุญไชยได้ถูกพญามังราย เจ้าครองนครเงินยวง (เมืองเชียงแสน) ยกกองทัพมาปราบ เมืองหริภุญไชยทั้งเมืองถูกเพลิงไหม้จนพ่ายแพ้ แต่หอพระแก้วขาวเป็นเพียงจุดเดียวที่ไม่ถูกเพลิงไหม้ตามไปด้วย
ด้วยความศรัทธาในปาฏิหาริย์นั้น
พญามังราย
จึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐาน ณ ที่ประทับของพระองค์ และทรงเคารพสักการะพระแก้วขาวเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ตั้งแต่นั้น ส่วนพระแก้วขาวก็ได้ชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครองป้องกันอันตราย และอำนวยความสุขสวัสดิ์แก่ผู้ที่เคารพสักการะด้วยเช่นกัน
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:59
“พระแก้วขาว” หรือ “พระเสตังคมณี” ณ วัดเชียงมั่น
พระอุโบสถ (หลังเก่า) ตั้งอยู่ข้างพระเจดีย์ช้างล้อม ณ วัดเชียงมั่น
การเดินทางของพระแก้วขาวจากเมืองลำพูนสู่เมืองเชียงใหม่จึงเริ่มขึ้นตรงนี้
เมื่อ
พญามังราย มาสร้างนครเชียงใหม่เป็นราชธานี เมื่อปีพุทธศักราช 1839 และได้อัญเชิญ “พระแก้วขาว” มาด้วย
โดยพระองค์ได้สร้างพระราชมณเฑียรขึ้นเป็นที่ประทับชั่วคราวเพื่อควบคุมการสร้างเมืองเชียงใหม่ และหลังจากที่สร้างเมืองเชียงใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์จึงได้สร้างพระเจดีย์คร่อมทับหอนอนที่พระราชนิเวศน์ที่ประทับชั่วคราวนั้นเสีย เพราะทรงดำริว่า
“ที่แห่งนี้เป็นหอนอนของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เกรงจะเป็นเสนียดจัญไรแก่ผู้นอนทับในภายหลัง”
อีกทั้งยังได้สร้างวัดขึ้นในที่แห่งนี้ด้วย นั่นก็คือ
“วัดเชียงมั่น”
ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบัน
ซึ่งถือเป็นวัดแรกที่สถาปนาขึ้นในนครเชียงใหม่อีกด้วย
พระแก้วขาวมีอันต้องย้ายที่ประดิษฐานอีกหลายครั้ง ประมาณปี พ.ศ.2035 ในรัชสมัยพระยอดเชียงราย เจ้าครองเมืองเชียงใหม่ มีคนร้ายขโมยพระแก้วขาวไปถวาย
กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
พระยอดเชียงรายจึงยกกองทัพไปยังกรุงศรีอยุธยา อยู่ได้เดือนหนึ่งจึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวกลับมาประดิษฐาน ณ เมืองเชียงใหม่ ตามเดิม
ปีพุทธศักราช 2089 พระแก้วขาวตกไปอยู่กับ
อาณาจักรล้านช้าง
เป็นเวลายาวนานกว่า 225 ปี
จวบจนกระทั่งเมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เสด็จไปปราบเมืองล้านช้างได้สำเร็จ จึงได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตไปประดิษฐานไว้ที่กรุงเทพฯ ส่วนพระแก้วขาวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดเชียงมั่น ที่ซึ่งพญามังรายทรงมีพระราชศรัทธาอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นครั้งแรก โดยได้มีรับสั่งว่า
“องค์เขียวเอาไปบางกอก องค์ขาวเอามาไว้ให้ชาวล้านนาเจ้าของเดิม”
ปัจจุบัน “พระแก้วขาว” หรือ “พระเสตังคมณี” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ประดิษฐานอยู่ ณ พระมณฑปด้านหลังพระประธาน ในพระวิหารจตุรมุข วัดเชียงมั่น
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 19:00
นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วขาวแล้ว วัดเชียงมั่นแห่งนี้ยังมีศาสนสถานและศาสนวัตถุที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิเช่น
พระเจดีย์ช้างล้อม
สถาปัตยกรรมล้านนาฐานช้างล้อม สร้างโดยพญามังราย เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลมสูง (ทรงปราสาท) ตรงฐานเจดีย์ทำเป็นรูปช้างล้อม 16 เชือก สันนิษฐานว่าสร้างเลียนแบบพระเจดีย์ช้างล้อมของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่เมืองศรีสัชนาลัย และได้รับการบูรณะอีกหลายครั้ง ถัดมาเป็น
หอไตร
ที่ชั้นล่างก่ออิฐฉาบปูน ชั้นบนเป็นไม้ลงรักปิดทองสวยงาม ถัดมาอีกนิดเป็น
พระอุโบสถทรงล้านนา
(พระอุโบสถหลังเก่า) เป็นพระอุโบสถที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมล้านนา และเป็นที่เก็บรักษาหลักศิลาจารึกอักษรล้านนาอันเก่าแก่ ที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองเชียงใหม่ และการสร้างวัดเชียงมั่น
หากผู้ที่สนใจในพระราชประวัติของ
พญามังราย ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงใหม่
ก็สามารถเดินชมภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถหลังใหม่ได้ด้วย และหากต้องการกราบสักการะพระแก้วขาว ก็ต้องไปที่
พระวิหารจตุรมุข
ซึ่งนอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วขาวแล้ว ก็ยังมี
พระศิลา พระพุทธรูปแกะจากหิน ปางปราบช้างนาฬาคีรี
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่เมืองล้านนาด้วยเช่นกัน องค์พระแก้วขาวในวันนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีและอย่างระมัดระวัง โดยจะอัญเชิญออกมาจากพระวิหารเพียงปีละครั้งในวันสงกรานต์ เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำเท่านั้น
พระเจดีย์ช้างล้อม ณ วัดเชียงมั่น
“พระแก้วขาว” และ “พระศิลา” พระพุทธรูปปางปราบช้างนาฬาคีรี
ณ พระมณฑปด้านหลังพระประธาน ในพระวิหารจตุรมุข วัดเชียงมั่น
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 19:01
ภายในพระวิหารจตุรมุข วัดเชียงมั่น จ.เชียงใหม่
คัดลอกเนื้อหามาจากกระทู้...
จากลำพูนสู่เชียงใหม่ ตามรอย “พระแก้วขาว” แห่งล้านนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19671
.......................................................................................
ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=40984
โดย:
oustayutt
เวลา:
2014-4-30 20:33
กราบสาธุ
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2