Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
หลวงพ่อหกนิ้ว วัดใหญ่สุวรรณาราม วรวิหาร จ.เพชรบุรี
[สั่งพิมพ์]
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:50
ชื่อกระทู้:
หลวงพ่อหกนิ้ว วัดใหญ่สุวรรณาราม วรวิหาร จ.เพชรบุรี
หลวงพ่อหกนิ้ว หรือ “พระหิ้วนก”
ประดิษฐานอยู่ด้านหลังพระประธานในพระอุโบสถ
วัดใหญ่สุวรรณาราม วรวิหาร ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
หลวงพ่อหกนิ้ว พระพุทธรูปมหัศจรรย์
เป็นเรื่องราวที่เล่ากันมานาน
หากจะนับระยะเวลากันแล้ว ก็คงไม่ต่ำว่า ๑๐๐ ปีขึ้นไป
ณ วัดใหญ่สุวรรณาราม วรวิหาร ถ.พงษ์สุริยา ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี
มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันมาก
นามที่เรียกขานพระพุทธรูปองค์นั้นก็คือ
“หลวงพ่อหกนิ้ว”
เพราะนิ้วพระบาทเฉพาะข้างขวามี ๖ นิ้ว ไม่เหมือนพระพุทธรูปโดยทั่วไป
แต่ชาวบ้านบางคนเรียกพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวว่า
“พระหิ้วนก”
ซึ่งเป็นคำผวนมาจากคำว่า “พระหกนิ้ว” นั่นเอง
ปัจจุบันประดิษฐานอยู่เบื้องหลังองค์พระประธานในพระอุโบสถ
วัดใหญ่สุวรรณาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร
มีเรื่องราวประวัติความเป็นมาน่าสนใจมากมาย
จากพระราชหัตถ์เลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ได้บันทึกเอาไว้ว่า
“ผู้ใดออกมาเที่ยวเมืองเพชรบุรี
มีน้ำใจที่จะดูการช่าง จะหาที่อื่นดูให้ดียิ่งกว่าวัดใหญ่เป็นไม่มี”
แสดงให้เห็นว่าฝีมือช่างที่ปรากฏอยู่ ณ วัดแห่งนี้มีความงดงามเป็นอันมาก
วัดใหญ่สุวรรณาราม มีชื่อเดิมเรียกว่า
วัดน้อยปากใต้
ต่อมาเมื่อ
สมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง)
ครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่
พระสุวรรณมุนี
ได้มาทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดน้อยปากใต้
ท่านมีความเห็นว่าควรที่จะเปลี่ยนชื่อวัดแห่งนี้เสียใหม่
จากชื่อเดิมมาเป็นชื่อใหม่นามว่า
“วัดใหญ่สุวรรณาราม”
พระอุโบสถของวัดใหญ่สุวรรณาราม
มีความโดดเด่นอยู่ตรงที่ไม่มีการเจาะช่องหน้าต่าง
ตามความนิยมของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นและตอนกลาง
แต่ที่น่าสังเกตก็ตรงบริเวณประตูซึ่งมีทางเข้าอยู่ ๓ ช่อง
และประตูช่องกลางอยู่สูงกว่า โดยที่ไม่มีบันไดทางขึ้นจากด้านนอก
คนสมัยก่อนได้เล่าขานกันต่อๆ มาว่า การที่ประตูช่องกลางอยู่สูงกว่า
และไม่มีบันไดสำหรับขึ้น เป็นเพราะว่าประตูช่องนั้นสร้างสำหรับเทวดา
ใช้เหาะเข้ามาเพื่อถวายนมัสการองค์พระประธานที่อยู่ภายใน
ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน
พระประธาน
เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย
ที่มีความงดงามตามพุทธลักษณะของการสร้างพระพุทธรูป
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นและตอนกลาง
และยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:51
หลวงพ่อหกนิ้ว
ตามตำนานได้มีการบันทึกเป็นหลักฐานเอาไว้ว่า
แต่เดิมหลวงพ่อหกนิ้วได้ประดิษฐานอยู่ ณ วัดหัวสนาม
ซึ่งมีสภาพเป็นวัดร้าง อยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดใหญ่สุวรรณาราม
โดยย้ายการประดิษฐานมาเมื่อใด ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
ชาวจังหวัดเพชรบุรีเป็นจำนวนมากต่างมีความเชื่อว่า
หลวงพ่อหกนิ้วมีความศักดิ์สิทธิ์และมีอิทธิฤทธิ์
สามารถช่วยดลบันดาลปัดเป่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับพวกชาวบ้าน
อีกทั้งยังให้โชคลาภกับพวกชาวบ้านที่มากราบมนัสการท่านอยู่เนื่องๆ
บางคนมีคดีความถูกคดโกงไม่ได้รับความเป็นธรรม
เมื่อมากราบไหว้ท่านก็จะช่วยเหลือให้พ้นจากความทุกข์ดังกล่าว
ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เหนือคำบรรยายยิ่งนัก
มีเรื่องเล่ากันเป็นประสบการณ์เหลือเชื่อหลายปีมาแล้วว่า
มีนักการเมืองคนหนึ่งเดินทางมาจากจังหวัดกาญจนบุรี
ด้วยกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อหกนิ้ว
ทำให้นักการเมืองผู้นั้นต้องการมากราบมนัสการ
เพื่อให้ชีวิตหน้าที่การงานมีความเจริญก้าวหน้า
เมื่อมาถึงวัดใหญ่สุวรรณารามก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว
เจ้าหน้าที่ของวัดได้ปิดประตูพร้อมใส่กุญแจอย่างแน่นหนา
นักการเมืองผู้นั้นจึงเข้าไปภายในพระอุโบสถไม่ได้
ด้วยจิตที่เปี่ยมล้นไปด้วยความศรัทธาในองค์ของหลวงพ่อหกนิ้ว
นักการเมืองผู้นั้นจึงได้ก้มลงกราบที่หน้าประตูพระอุโบสถ
พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบพระภิกษุรูปหนึ่งยืนอยู่
พระภิกษุรูปนั้นได้เอ่ยขึ้นว่า โยมมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใด
นักการเมืองผู้นั้นตอบว่า กระผมต้องการมากราบหลวงพ่อหกนิ้วขอรับ
แต่น่าเสียดายที่มาช้าไป จึงเข้าไปภายในพระอุโบสถไม่ได้
พระภิกษุรูปนั้นได้กล่าวตอบว่า ด้วยดวงจิตอันแน่วแน่ของโยมที่มีอยู่
เพียงโยมกราบไหว้ด้วยใจศรัทธา
หลวงพ่อหกนิ้วท่านก็รับรู้การกระทำของโยมแล้ว
พูดจบพระภิกษุรูปนั้นก็เดินจากไป
นักการเมืองผู้นั้นสังเกตว่าที่เท้าข้างขวาของท่านมีนิ้วเท้า ๖ นิ้ว
วันรุ่งขึ้นเขาจึงเดินทางกลับมาที่วัดใหญ่สุวรรณารามอีกครั้ง
และได้สอบถามพระภิกษุภายในวัดว่า
มีพระภิกษุที่มีนิ้วเท้าข้างขวา ๖ นิ้วจำพรรษาอยู่ในวัดนี้บ้างหรือไม่
ปรากฏว่าไม่มีพระภิกษุดังกล่าวอยู่ในวัดใหญ่สุวรรณารามแม้แต่องค์เดียว
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับลงข่าวนี้
ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า พระภิกษุ ๖ นิ้วท่านมาจากไหน ?
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่ากันต่อๆ มาถึงการสร้างรูปหล่อเหมือนองค์จริง
ของสมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง) ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก
แม้ว่าช่างผู้มีความสามารถจากในวัง ดำเนินการอย่างไรก็ไม่แล้วเสร็จ
ร้อนถึงเทวดาที่มีหน้าที่ปกปักษ์รักษาอยู่ภายในพระอุโบสถ
ได้ทำแปลงร่างเป็นตาแป๊ะแก่ๆ มาช่วยสร้าง
การหล่อรูปสมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง) จึงได้แล้วเสร็จ
ยามใดที่จังหวัดเพชรบุรีเกิดฝนแล้ง ชาวบ้านได้รับความทุกข์ยากลำบาก
ไม่มีน้ำท่ามาบริโภคใช้สอย พวกชาวบ้านจะทำการอัญเชิญ
รูปหล่อของสมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง) แห่รอบตัวเมืองเพชรบุรี
ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ทันทีที่พิธีการแห่สิ้นสุดลง ฝนฟ้าก็จะตกกระหน่ำลงมาทันที
ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อหกนิ้ว พระพุทธรูปมหัศจรรย์
และความศักดิ์สิทธิ์ของรูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง)
ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:51
“หลวงพ่อหกนิ้ว” หรือ “พระหิ้วนก” พระพุทธรูปมหัศจรรย์
ซึ่งนิ้วพระบาทเฉพาะข้างขวาของพระพุทธรูปมี ๖ นิ้ว
ปัจจุบันประดิษฐานอยู่เบื้องหลังพระประธานในพระอุโบสถ
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:52
ปัจจุบันภายในพระอุโบสถ วัดใหญ่สุวรรณาราม อ.เมือง จ.เพชรบุรี
เป็นที่ประดิษฐาน พระประธาน พระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย
เบื้องหน้าด้านขวาขององค์พระประธาน
เป็นที่ประดิษฐาน
รูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง)
เชื่อกันว่าน่าจะเป็นงานประติมากรรมตัวบุคคลแบบเหมือนจริงชิ้นแรกในประเทศไทย
ข้างเคียงถัดออกไปประมาณหนึ่งช่วงแขนเล็กน้อย
เบื้องหน้าด้านซ้ายขององค์พระประธาน
เป็นที่ประดิษฐาน
รูปหล่อพระครูมหาวิหาราภิรักษ์ (พุก)
อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่สุวรรณาราม
ลักษณะคล้ายคลึงกันอีกองค์หนึ่ง
เบื้องหลังขององค์พระประธาน เป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธรูปซึ่งมีนิ้วพระบาทเฉพาะข้างขวา ๖ นิ้ว
นับเป็นพระพุทธรูปมหัศจรรย์ ศักดิ์สิทธิ์ ไม่เหมือนพระพุทธรูปโดยทั่วไป
นามว่า
“หลวงพ่อหกนิ้ว” หรือ “พระหิ้วนก”
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-30 18:53
....
องค์ขวา
......................................
องค์ซ้าย
องค์ขวา :
รูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง)
องค์ซ้าย :
รูปหล่อพระครูมหาวิหาราภิรักษ์ (พุก)
อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่สุวรรณาราม วรวิหาร จ.เพชรบุรี
รูปหล่อสมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง)
เรียบเรียงข้อมูลมาจาก
http://www.bp.or.th/webboard
ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ
naryak.com, facebook ไหว้พระ
.....................................................
ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=39898
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2