Baan Jompra
ชื่อกระทู้:
หลวงพ่อใหญ่ วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
[สั่งพิมพ์]
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-29 09:16
ชื่อกระทู้:
หลวงพ่อใหญ่ วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ
หรือ “หลวงพ่อใหญ่”
[พระพุทธรูปนั่งปางประทานพรที่สูงที่สุดในโลก สูง ๙๕ เมตร]
วัดม่วง บ้านหัวตะพาน ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
เดิมที “วัดม่วง” เป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๓๐ ณ แขวงเมืองวิเศษชาญ ซึ่งเคยได้เป็นเมืองหน้าด่านที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า พม่าได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม และพระพุทธรูปไปเป็นจำนวนมาก สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือ ซากปรักหักพังของวัดวาอาราม และพระพุทธรูปที่อยู่บนเนินมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก
เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้มาปักกลดธุดงค์ แล้วเห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้างมาก่อนจึงอยู่พักปฏิบัติธรรม ในขณะปฏิบัติธรรมได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครูฯ เป็นผู้มีบารมีที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วงขึ้นมาใหม่ได้ ด้วยผู้ที่เคยอาศัยในสมัยก่อนได้มาเกิดและจะมาช่วยท่านแล้ว และในบริเวณวัดร้างแห่งนี้จะมีศิลาขาวและศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง นั้นเอง ซึ่งต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้ โดยเรียกนามว่า “หลวงปู่ขาว” และ “หลวงปู่แดง” จนถึงปัจจุบันนี้
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้มีการเริ่มบูรณะและได้สร้างเสนาสนะต่างๆ ขึ้น โดยได้รับการบริจาคทั้งเงินทำบุญ และทำบุญด้วยแรงงาน ร่วมกันดำเนินงานในการก่อสร้าง
จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้มีการประกาศยกฐานะให้วัดม่วง ซึ่งเคยเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้มีการแต่งตั้งท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) เป็นเจ้าอาวาสวัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดม่วงเป็นต้นมา
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้ร่วมพลังจิตอธิษฐานร่วมกับประชาชนพุทธบริษัทผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ ช่วยสมทบทุนกันก่อสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และพระบรมราชจักรีวงศ์ มีพระนามว่า “พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” ขนาดหน้าตักกว้างถึง ๖๓.๐๕ เมตร (เข่าซ้ายถึงเข่าขวา) ใช้พื้นที่ ๑ ไร่ ๙ ตารางวา ความสูงจากฐานองค์พระถึงยอดเกศา ๙๕ เมตร รวมมูลค่างบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น ๑๐๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งร้อยหกล้านบาท)
เมื่อวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเมีย เวลา ๙.๐๐ น. ได้วางศิลาฤกษ์ โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พุฒ สุวัฑฒโน ป.ธ.๗) วัดสุวรรณดาราม กรุงเทพฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) เป็นประธานฝ่ายดำเนินการก่อสร้างและหาทุน คณะลูกศิษย์ลูกหาของท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้พร้อมแรงพร้อมใจรวมพลังช่วยกันก่อสร้างร่วมกับประชาชนพุทธบริษัทผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ จนกระทั่งการก่อสร้างองค์พระได้ดำเนินมาจนสำเร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีกุน รวมระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น ๑๖ ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕-๒๕๕๐
ปัจจุบันวัดม่วงแห่งนี้ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๗๒ ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้ซื้อรวบรวมได้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ โดยวัตถุประสงค์เพื่อทำโครงการ ดังต่อไปนี้
๑. สถานที่ศึกษาพระธรรม พระพุทธศาสนา และปฏิบัติธรรม สำหรับพระภิกษุสงฆ์และประชาชน
๒. สร้างโรงพยาบาลสงฆ์
๓. ศูนย์จำหน่ายสินค้าศิลปาชีพในโครงการหลวง
๔. แหล่งท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนาแก่ชาวไทย และชาวต่างประเทศ
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-29 09:17
รายนามชื่อเจ้าอาวาส ถึงปัจจุบัน
ลำดับที่ ๑ พระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ)
ดำรงตำแหน่ง วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๗
มรณภาพ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
ลำดับที่ ๒ พระใบฎีกาบุญเลิศ ทีปธมโม
ดำรงตำแหน่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔-๒๕๔๕
ลำดับที่ ๓ พระปลัดวินัย วินโย
ดำรงตำแหน่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๖
ลำดับที่ ๔ พระอธิการสุธน สุธมโม
ดำรงตำแหน่ง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖-ปัจจุบัน
วัดม่วง
ตั้งอยู่ที่บ้านหัวตะพาน หมู่ที่ ๖ บ้านหัวตะพาน ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๗ ไร่ ๓๐ ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือยาว ๗๘ เมตร ติดต่อกับที่ดินนายสมพงษ์ เหลืองสีทอง ทิศใต้ยาว ๘๘ เมตร ติดต่อกับที่ดินของนายซัน ตะโนรี และนายสมัคร ยิ้มผาสุก ทิศตะวันออกยาว ๑๓๖ เมตร ติดต่อกับที่ดินของนายสมพงษ์ เหลืองสีทอง ทิศตะวันตกยาว ๑๑๐ เมตร ติดต่อกับที่ดินของนางจรูญ ขจรศรี พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบ มีถนนเข้าถึงวัด อาคารเสนาสนะต่างๆ มี ศาลาการเปรียญสร้างด้วยไม้, หอสวดมนต์กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๑๗ เมตร สร้างด้วยคอนกรีต, กุฎิสงฆ์จำนวน ๗ หลัง เป็นอาคารคอนกรีตและไม้
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-29 09:18
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-29 09:19
วัดม่วง
ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปประมาณ ๘ กิโลเมตร ไปตามเส้นทางสายอ่างทอง-วิเศษชัยชาญ (ทางหลวงหมายเลข ๓๑๙๕) กิโลเมตรที่ ๒๙ เข้าไป ๑ กิโลเมตร วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ ภายในวัดมีศาสนสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น
อุโบสถ ล้อมรอบด้วยกลีบบัวสีชมพูขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
,
วิหารแก้ว
ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น ติดกระจกแก้วภายในและภายนอกทั้งหลัง ได้ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ขนาดกว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๕๐ เมตร สิ้นงบประมาณในการก่อสร้างประมาณ ๒๕,๔๙๗,๗๘๙.๐๐ บาท โดยมีหลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ กับคุณป้าละม่อม รัตนพราหมณ์ เป็นผู้มีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า ขอจองเป็นเจ้าภาพสร้างวิหารแก้ว และคณะของคุณอานนท์ สุวรรณปาล พร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อเกษม
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-29 09:19
วิหารแก้ว ชั้นล่าง เป็นพิพิธภัณฑ์วัตถุมงคลและวัตถุโบราณ เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. ภายในมีรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศจำนวน ๕๐ องค์ ประดิษฐานโดยรอบในวิหารแก้ว ชั้นบน ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เนื้อเงินแท้ องค์แรกองค์เดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อเป็นเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่ครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
หลวงพ่อเกษมท่านได้สร้าง
แดนนรก
ตามพระไตรปิฎก ที่ระบุถึงเรื่องการสร้างบุญกุศล ก็ได้รับบุญนั้น และการสร้างแต่บาป ก็ต้องได้รับบาปตามสนองนั้น หลวงพ่อเกษมจึงได้ให้ช่างปั้นรูปหุ่นเป็นรูปคนที่มีร่างกายสูงใหญ่ เสื้อผ้าไม่มีนุ่งห่ม มีทั้งเพศชาย เพศหญิง เรียกว่า
เปรต
นอกจากนั้นยังมีรูปปั้นทั้งเพศชาย เพศหญิง ตกอยู่ในกระทะทองแดง ถูกทรมาน ปีนต้นไม้มีหนาม (เรียกว่าต้นงิ้ว) รูปปั้นมีร่างกายเป็นคนแต่มีหน้าตาเป็นรูปสัตว์ต่างๆ มีการถูกเฆี่ยนตี และทรมานทารุณ หลวงพ่อเกษมท่านต้องการให้สาธุชนผู้มาเที่ยวชมวัดม่วง ได้พิจารณาระลึกถึงหลักธรรมเพื่อให้เกิดสติ พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนถึงการมีความกตัญญูรู้คุณคน ไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ให้เกิดทุกข์ เกิดความละโมบ ลุ่มหลงอบายมุข กิเลสตัณหา การไม่จบสิ้นของมนุษย์ เมื่อถึงการอวสานของตัวเอง (ตาย) ถ้าหากได้สร้างบุญไว้ ตายไปก็ได้รับบุญที่สร้างไว้ แต่หากได้สร้างแต่บาป ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ข่มเหงรังแก ใส่ร้ายป้ายสี มัวเมาอบายมุขต่างๆ ฉุดคร่าหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน ฯลฯ ทุกสิ่งนั้นนั่นคือ นรก
นอกจากบริเวณวัดมีรูปปั้นแสดงแดนนรกแล้ว ยังมีรูปปั้นแสดง
แดนสวรรค์ แดนเทพเจ้าไทย และแดนเทพเจ้าจีน
ซึ่งมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่
มีรูปปั้นแสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามไทย-พม่าที่เมืองวิเศษชัยชาญ
ด้านหลังมี
วังมัจฉา
และสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ของดีเมืองอ่างทองได้
โดย:
kit007
เวลา:
2014-4-29 09:20
ขอขอบคุณที่มาของเนื้อหา :: เที่ยวอ่างทองกับทอล์คทูทริป
และขอขอบคุณที่มาของรูปภาพทุกแหล่ง
http://www.thaitripdd.com/webboard/inde ... pic=1862.0
http://www.chiangraiphotoclub.com/index ... pic=8144.0
หลวงพ่อใหญ่ วัดม่วง พระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลกที่เมืองไทย
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=33002
................................................................................
ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=39180
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/)
Powered by Discuz! X3.2