Baan Jompra

ชื่อกระทู้: 15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสพรรณบุรีประจำเดือน มีนาคม 2556 [สั่งพิมพ์]

โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:04
ชื่อกระทู้: 15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสพรรณบุรีประจำเดือน มีนาคม 2556
15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสพรรณบุรีประจำเดือน มีนาคม 2556

1 ถนนดอกไม้แสนสวย
ตาเบบูญ่า
@ สุพรรณบุรี
   
ดอกตาเบบูญ่า (เหลืองปรีดียาธร) บานเต็มสองข้างทาง ถนนเส้นทางหมายเลข 3502 (อ.สามชุก- อ.ด่านช้าง) ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ที่มีให้ชมตลอดทั้งปี แต่เป็นสถานที่ที่น่าชมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 ถึง 2 อาทิตย์ ในแต่ละปีเท่านั้น สำหรับท่านที่มีโอกาสมาเที่ยวตลาดร้อยปีสามชุก หรือบึงฉวาก แวะมาถ่ายรูปสวยๆกันได้ ระยะทางไม่ไกลนัก
(ดอกจะบานราว
กลางเดือนกุมภา ถึง ต้นเดือนมีนา)




โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:05
ตาเบบูญ่า เหลืองปรีดียาธร เป็นสายพันธ์เดียวกับต้นชมพูพันธ์ทิพย์ เป็นต้นไม้ที่ท่านหม่อมพันธ์ทิพย์ บริพัตร นำมาจากอินโดนีเชีย ดอกสีชมพู จึงตั้งชื่อว่า "ชมพูพันธ์ทิพย์" ชื่อ อื่น ๆ ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา





โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:06


ชื่อพื้นเมืองอื่น: ตาเบบูยาเหลือง
ชื่อสามัญ : Silver trumpet tree, Tree of gold, Paraguayan silver trumpet tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tabebuia argentea Britt
วงศ์: BIGNONIACEAE
ถิ่นกำเนิด: อเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสตะวันตก
ประเภท: ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 8 เมตร เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ เปลือกต้นสีน้ำตาล แตกเป็นร่องขรุขระ ลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน กิ่งก้านเปราะหักง่าย แตกกิ่งก้านเป็นชั้น โตช้า เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี แดดจัด
ใบ: เป็นใบประกอบประกอบด้วยใบย่อย 5 ใบ ลักษณะใบหนาแข็ง และมีขนนุ่ม มีสีเขียวอมขาว
ดอก: มีสีเหลืองสด ออกเป็นช่อๆ ละ 3-10 ดอก ลักษณะกลีบดอกติดกัน ก้านดอกเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมื่อดอกร่วงจะติดฝักและมีเมล็ด ขั้วดอกเหนียวและดอกจะร่วงยากกว่าเหลืองอินเดีย ดอกออกมากแต่ยังมีใบคงอยู่บนต้นมากไม่ร่วงหมดต้น ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม

โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:06


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:07
2 บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
  บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาทและอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่ บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 และในปี พ.ศ. 2541 ได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ ตามอนุสัญญาแรมซาร์ที่ประเทศไทยเป็นภาคี เนื่องจากความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีในบึง ลักษณะที่เรียกว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามอนุสัญญาแรมซาร์ คือพื้นที่ลุ่ม พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ลุ่มชี้นแฉะ พื้นที่ฉ่ำน้ำ มีน้ำท่วม น้ำขัง พื้นที่พรุ พื้นที่แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้าง ทั้งที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมถาวรหรือชั่วคราว ทั้งแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล แหล่งน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม รวมไปถึงชายฝั่งทะเลและทะเลในบริเวณซึ่งเมื่อน้ำลดต่ำสุด   น้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร ซึ่งบึงฉวากเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว คือเป็นบึงน้ำจืดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1– 3 เมตร



โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:08




โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:10




สถานที่ท่องเที่ยวภายในบึงฉวาก

โซนสวนสัตว์
   
ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก สร้างขึ้นเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50  ประกอบด้วย อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการ เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าชนิดต่างๆ การดูนก สภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัติความเป็นมาของบึงฉวาก มีตู้จำลองระบบนิเวศ  ห้องฉายสไลด์วีดิทัศน์ ด้านนอกอาคารมี กรงเลี้ยงนก ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ สูง 25 เมตร ภายในกรงได้รับการตกแต่งให้ดูคล้าย สภาพธรรมชาติ ประกอบด้วยนกกว่า 45 ชนิด ที่น่าสนใจ ได้แก่ นกกาบบัว  นกเป็ดแดง ไก่ฟ้าพญาลอ และ ไก่ฟ้าสีทอง ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นไก่ฟ้าที่มีความสวยงามที่สุดในโลก มีการจำลองน้ำตกขนาดเล็กเอาไว้ภายในกรง ผู้เข้าชมจะเดินตามทางเดินที่จัดไว้ และได้สัมผัสใกล้ชิดกับนกต่าง ๆ ที่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในสภาพแบบธรรมชาติ เดินผ่านหน้าเราไป หากเดินถัดไปจากกรงนก จะเป็นกรงเสือขนาดใหญ่ กรงเสือขนาดเล็ก มีเสือชนิดต่าง ๆ ให้ชมและ ที่พิเศษคือ มีลูกเสือดูดนมหมู และสัตว์สวยงามอีกหลายชนิด

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่   
ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดทุกวัน
จันทร์-ศุกร์ 08-16.30 น.
เสาร์-อาทิตย์ 08.00-18.00 น.
โทร. 035-439206, 035-439210
สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก
โทร. 035-481250


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:11
1. เขตห้ามล่าสัตว์ป่า
2. กรงเสือและกรงสิงห์โต
กรงเสือและสิงโต ลักษณะภายในตกแต่งเป็นถ้ำและเนินหิน ให้ดูคล้ายสภาพธรรมชาติ ซึ่งเป็นกรงเลี้ยงสัตว์ป่าตระกูลแมว อันได้แก่ สิงโต เสือโคร่ง เสือลายเมฆ เสือดาว แมวดาว เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีกรงสัตว์ป่าหายากอีกหลายประเภท ที่จัดแสดงไว้ เช่น นกน้ำ นกยูงและไก่ฟ้าชนิดต่างๆ ม้าลาย อูฐ และนกกระจอกเทศ
3. สถานที่ถ่ายภาพร่วมกับสัตว์
เด็กจะได้สนุกสนานกับการถ่ายภาพบนหลังม้า
หรือถ่ายภาพคู่กับลิงอุรังอุตัง เก็บไว้เป็นที่ระลึก
4. ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่า และกรงนกใหญ่
เดินชมภายในกรงนกใหญ่ ที่มีสภาพแวดล้อมคล้ายสภาพธรรมชาติ ชมพันธ์นกหายากกว่า 30 ชนิด เช่น นกยูง นกกาบบัว เป็ดแดง
5.
เกาะกระต่าย
พื้นที่คล้ายเกาะ สร้างเป็นที่พักของกระต่าย 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เจอร์ซี่ วูลลี่ และสายพันธุ์แองโกร่า ที่มีความน่ารักและสวยงาม รวมทั้งยังมีกวางดาว เนื้อทราย และจากสาเหตุที่เป็นเกาะมีพื้นที่น้ำล้อมรอบ จึงเลี้ยงปลาไว้ในกระชังอีกจำนวนมาก เพื่อให้ผู้คนได้พักผ่อนอีกประเภทหนึ่ง โดยการให้อาหาร เช่น ปลาทอง ปลาคาร์ฟ ปลาสวายเผือก ฯลฯ ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.
6.
ศูนย์รวมพันธุ์ไก่ และกรงสัตว์หายาก
เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไก่ชนิดต่างๆ ทั้งสวยงาม และหายาก เช่น ไก่ฟ้าหลังขาว ไก่ฟ้าสีทอง ไก่ฟ้าพญาลอ และสัตว์หายากอีกหลายชนิด
(ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 5 บาท)
7. อุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ (ชมฟรี)
   
อยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการเกษตร จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างจิตสำนึก ให้ประชาชนทั่วไปเห็นคุณค่าและอนุรักษ์ผักพื้นบ้าน โดยรวบรวมผักพื้นบ้านจากทั่วภูมิภาค ของประเทศไทยกว่า 500  ชนิด มาปลูกไว้ในบริเวณเกาะกลางบึงฉวาก มีทั้งสมุนไพร ไม้ยืนต้น ไม้เลื้อย และไม้ชื้นแฉะที่น่าสนใจได้แก่ น้ำเต้าสี่เหลี่ยม บวบหอมขนาดใหญ่ อุโมงค์น้ำพุ และการจัดสวนไม้ประดับด้วยผักพื้นบ้าน นอกจากนั้นยังมีโรงปลูกพืชระบบระเหยน้ำ และสาธิตการปลูกพืชไร้ดินจัดแสดงให้ชมด้วย และมีห้องสมุดบริการคอมพิวเตอร์ สำหรับค้นคว้าข้อมูลพันธุ์ผักต่าง
ห้องนิทรรศการแสดงผลผลิตทางการเกษตร ศูนย์บริการท่องเที่ยวเกษตรอุทยานผักพื้นบ้านฯ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.30-18.00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร.081-948 214, 089-8361358, 035-430011  
หรือสำนักงานเกษตรอำเภอเดิมบางนางบวช
โทร.035-545450 , 035-555455

(ชมฟรี)

8. เรือจักรยานน้ำ
สำหรับครอบครัวได้ออกกำลังกาย กับธรรมชาติที่สวยงามภายในบึง


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:12


โซนสัตว์น้ำ
9. สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวาก (อุโมงค์ปลา)
ภายในอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำรวบรวมพันธุ์ ปลาน้ำจืด ปลาสวยงามและพันธุ์ปลาหายาก เอาไว้ให้ประชาชนได้ศึกษา แบ่งเป็น 3 อาคาร อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 1 จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดและสัตว์น้ำเค็ม ทั้งพันธุ์ปลาไทย และพันธุ์ปลาต่างประเทศกว่า 50 ชนิด เช่น ปลาบึก ปลากระโห้ ปลาม้า ปลากราย ปลาช่อนงูเห่า ปลาเสือตอ เป็นต้น อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 2 ประกอบด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่สวยงาม บรรจุน้ำได้กว่า 400  ลูกบาศก์เมตร และมีอุโมงค์ความยาวประมาณ 8.5 เมตร ผู้ชมสามารถเดินลอดผ่านใต้ตู้ปลา ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ใกล้สัตว์น้ำ ซึ่งถือว่าเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรก ของประเทศไทย มีนักประดาน้ำหญิงสาธิตการให้อาหารปลา นอกจากนั้นโดยรอบยังมีตู้ปลาน้ำจืดอีก 30 ตู้ และตู้ปลาทะเลสวยงามอีก 7 ตู้
การแสดงตู้ปลาใหญ่
มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
มี 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 10.30 – 16.00 น.
10. บ่อจระเข้น้ำจืด
เป็นบ่อจระเข้ที่ได้จำลองให้มีสภาพใกล้เคียงกับ ธรรมชาติมากที่สุด พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยขนาด 1.5 – 4.0 เมตร ประมาณ 60 ตัว ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นความเป็นอยู่ แบบธรรมชาติของจระเข้ และสามารถเข้าชมอย่างใกล้ชิด
มีการแสดงจระเข้วันเสาร์ – อาทิตย์
และวันหยุดนักขัตฤกษ์
รอบ 11.00น. 12.30น. 14.00น. และ 15.30 น.
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท   
วันจันทร์ – ศุกร์ เปิดเวลา 08.30 – 17.00 น.
วันเสาร์ – อาทิตย์ เปิดเวลา 08.30 – 18.00 น.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 035-430043 4, 035-430033
โทรสาร 035-439208


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:13


11. อาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 3
(สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล)
จัดแสดงพันธุ์ปลาทะเลมากมายหลายชนิด ให้ได้ชมกัน มีตู้ปลาขนาดใหญ่ และตู้ปลารูปทรงแปลกตา เพื่อคอยบริการนักท่องเที่ยวให้ได้ชื่นชมกับ  ความสวยงาม และบรรยากาศของโลกใต้ทะเล รวมทั้งตื่นตาตื่นใจกับอุโมงค์ปลา และบันไดเลื่อน ขนาดความยาว 75 เมตร เพื่อให้ได้ศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของ สัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งบ้านของเจ้าแห่งท้องทะเล หรือปลาฉลามอีกจำนวนมาก ภายอาคารในพบกับ
ตู้ปลาทรงกระบอก (Cylinder)
ใหญ่และสูงที่สุดในเมืองไทย
เปิดโลกใต้ทะเล (The Open Sea)
ชมความงามของปลากระเบนนก
ปลาฉลามครีบดำ ปลาค้างคาว.......
ตู้ยักษ์ใต้สมุทร (Giant Groupter)
พบปลาหมอทะเล ปลากระเบนท้องน้ำ เต่าทะเล
และอุโมงค์ยาว 12.50 เมตร....
ตู้แนวประการัง (Coral reef)
พบกับฝูงปลาขนาดใหญ่ ปลาปักเป้า ปลาผีเสื้อ...
ว่ายวนบนแนวประการังเทียมที่สีสันสวยสดงดงาม
ตู้ประการังสีฟ้าจากโอกินาวา (Okinava blue)เนรมิตประการังภายในตู้เปรียบเสมือน
ประการังแห่งท้องทะเลโอกินาวา ...
อุโมงค์ปลาฉลาม (Shark Tunnel)
ตื่นตากับฝูงปลาฉลามขนาดใหญ่ ฉลามเสือทราย
ฉลาดเสือดาว ฉลามครีบดำ และอุโมงค์ยาว 16 เมตร
กว้าง 6 เมตร ซึ่งเป็นอุโมงค์ปลาที่กว้างที่สุดในโลก.....
ตู้สีสันสิมิลัน (Similan Cliff)
ตกแต่งด้วยประการังสีชมพู กัลปังหาที่สวยงาม
และปลาสีสันสวยงามหลากหลายชนิด
การแสดงการให้อาหารปลาฉลาม
มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์
และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 1 รอบ
ตั้งแต่เวลา 14.00 – 15.00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท  
ชาวต่างชาติ 200 บาท เด็กต่างชาติ 100 บาท
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น.


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:14
3 อุทยานมังกรสวรรค์
พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และหมู่บ้านมังกรสวรรค์

   
มหัศจรรย์งานสร้าง ด้วยแรงเงิน และแรงศัทธา สถานที่รวบรวมเรื่องราวที่มากคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องเรียนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่อาจผ่านเลย
   ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สถานที่เคารพของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร ที่ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุข และยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราว รูปแบบ วิถีชีวิตของชนชาวจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชาวไทยเสมือนพี่กับน้อง เป็นสถานที่ที่สวยงาม ควรค่าแก่การแวะชม






โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:15


ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
   เป็นพุทธปฎิมากรรมสลักบนแผ่นหินแบบนูนต่ำ (Relief) ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ทิเบต ญวน เขมร นับถือ เป็นศิลปะแบบขอมเป็นรูปพระวิษณุกรรมสวมหมวกแขก ในศิลปะไพรกเม็ง อายุประมาณ 1300-1400 ปีมาแล้ว มีพระนามว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ พระนารายณ์สี่กร มีหน้าที่ช่วยเหลือมนุษย์ และเหล่าสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ประสพแต่ความสุขความเจริญ เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม ตามคำบอกเล่าต่อๆกันมา เมื่อประมาณ 150 ปีมาแล้ว มีผู้พบพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จมดินอยู่ตรงริมศาลเจ้าพ่อ ชาวบ้านจึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นข้างบน พร้อมกับสร้างศาลใหม่ให้เป็นที่ประทับ มีคนจีนชื่อ เฮียกงเป็นผู้ดูแลรักษาเรื่อยมา
     เมื่อครั้งโบราณมีคำกล่าวว่า
" ห้ามเจ้าไปเมืองสุพรรณจะทำให้มีอันเป็นไป "
เมื่อ พ.ศ. 2435 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการเมืองสุพรรณ ได้ทรงสักการะเจ้าพ่อหลักเมือง ได้ประทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างศาลเพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองสุพรรณ พระพุทธเจ้าหลวงทรงพระดำรัสว่า "เข้าทีดีหนักหนา แต่เขาไม่ให้เจ้าไปเมืองสุพรรณ ว่าถ้าขืนไปจะเป็นบ้าไม่ใช่หรือ" สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงกราบบังคมทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าไปมาแล้วไม่เห็นเป็นอะไร ยังรับราชการมาจนบัดนี้ พระพุทธเจ้าหลวงทรงตรัสสั้นๆว่า "ไปซิ" จากนั้นพระองค์จึงเสด็จมาเมืองสุพรรณ ในคราวเสด็จประพาสต้นเมื่อ พ.ศ. 2447 และทรงกระทำพลีกรรมเจ้าพ่อหลักเมือง และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อสร้างเขื่อนรอบเนินศาล ทำชานไว้สำหรับคนที่บูชา สร้างกำแพงแก้ว ต่อตัวศาลเพิ่มเติมออกมา ข้างหน้าเป็นแบบเก๋งจีน  โดยทั่วไปศาลหลักเมืองนั้นจะทำด้วยไม้ บนยอดจะเป็นหัวเม็ด แต่หลักเมืองของสุพรรณนี้พิเศษกว่าหลักเมืองทั่วไปคือ จะเป็นหินและมีพุทธปฎิมากรอยู่ด้วย


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:15




โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:17



พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร

ก่อตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
มีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 20 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2539
   ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ของจีน แบ่งเป็นห้อง 18 ห้อง
รูปแบบแปลกตาด้วยภาพ แสงสีเสียง และเทคนิกพิเศษ น่าชมเป็นอย่างยิ่ง
จีน...เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
และเป็นชนชาติที่มีอารยะธรรมยาวนานกว่า 5000 ปี
ตั้งแต่สมัยเสินหนง....เป็นหัวหน้าเผ่าแซ่เจียง เมื่อ 5,000 ปี ก่อน
เป็นผู้คิดประดิษฐ์คันไถด้วยไม้ - ค้นคิดยาสมุนไพรชนิดต่างๆ
และสอนให้ผู้คนรู้จักการปลูกข้าว ทำไร่ไถนา
เข้ามาในยุคโบราณ..สืบกษัตริย์สายพันธุ์มังกร.......ยุค ราชวงค์เซี่ย...ราชวงค์ซาง...
ราชวงโจว..จนถึงยุค..เลียดก๊ก ซึ่งมี 7 ก๊กใหญ่ที่ครองอำนาจ
จิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นจักรพรรดิองค์แรก
ยุค...ราชวงศืฮั่น.....เป็นยุคที่เจริญรุ่งเรือง และยาวนานที่สุดของชนชาติจีน
ยุค..สามก๊ก.......ยุคราชวงศ์..ถัง .....ราชวงศ์หยวน
ซึ่งถูกปกครองโดย จักรพรรดิ กุบไลข่าน ซึ่งเป็นชาวแมนจู
และเวลาผ่านไป จักรพรรดิองค์ต่อๆมาก็กดขี่ขมเหงชาวจีนอย่างมาก
จนเกิดกบฎ จูหยวนจาง(จักรพรรดิหงหวู่) ได้รวบรวม และก่อตั้งราชวงศ์..หมิง
ในสมัยราชวงศ์ชิง เป็นราชวงศ์ของเผ่าแมนจู
ปูยี....จักรพรรดิองค์สุดท้ายก่อนสถาปนาเป็นระบบสาธารณรัฐ
ดร. ซุนยัดเซ็น ยึดอำนาจจากจักรพรรดิ และสถาปนาระบอบประชาธิปไตย
หลังจากซุนยัดเซ็นเสียชีวิต เป็นช่วงเวลาชิงอำนาจระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย
คือ เจียงไคเช็ค กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ นำโดย เหมาเจ๋อตุง สุดท้ายเหมาเจ๋อตุงเป็นฝ่ายชนะ
เจียงไคเช็คหนีไปยังเกาะไต้หวัน และสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นแทน
กาลเวลาเดินผ่านมาจนถึงวันนี้...
นอกจากความงดงามที่ได้ชมมาแล้ว ยังมีส่วนอื่นๆ
อย่าง ห้องฉายภาพยนตร์ ห้องรับฝากของ จำหน่ายหนังสือ
ห้องจำหน่ายของที่ระลึก และห้องเครื่องเล่นสำหรับเด็ก
ส่วนบริเวณรอบนอกก็จัดตกแต่งสวยงาม มีรูปปั้น ระฆังยักษ์
และน้ำตกขนาดใหญ่สวยงาม คุ้มค่ากับการแวะเที่ยวชม....


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:18
4 สามชุก ตลาดร้อยปี
   ย้อนเวลา... ค้นหาภาพความทรงจำที่อาจลืมเลือน ภาพอดีตที่ยังคงอยู่ แม้เวลาจะผ่านไปแสนนาน ตลาดเก่าที่มีชีวิต และคอยเล่าเรื่องราวของวันเวลาที่กำลังจะจางหายไปจากความรู้สึก และความทรงจำให้กับผู้คนที่ผ่านมายังตลาดแห่งนี้
   ตัวอำเภอยังเป็นตลาดเก่าที่สร้างด้วยไม้เรียงติดกัน อยู่ริมฝังตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ภาพวิถีีชีวิตของผู้คนในชุมชน, สถาปัตยกรรมโบราณ เชิงชายไม้แกะสลัก อาคารพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงค์ จีนารักษ์ - ร้านขายยาจีน - ไทยโบราณ - ร้านกาแฟโบราณ - ร้านถ่ายรูปโบราณ ฯลฯ ยังคงมีสภาพและรูปแบบเดิมเหมาะแก่การอนุรักษ์ และรักษาให้เป็นบันทึกของชีวิตริมแม่น้ำท่าจีนอีกแห่งหนึ่ง .....






โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:19



ในอดีต..บ้านสามชุกได้ชื่อว่าเป็นท่าเรือทางการค้าที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางของจังหวัด ผู้ที่เดินทางจากตัวเมืองไปอำเภออื่นๆที่เลยออกไป จำเป็นต้องหยุดพักที่สามชุก เพราะได้เวลาค่ำพอดี นอกจากนั้นยังเป็นที่ที่พวกกระเหรี่ยงนำของจากป่า บรรทุกเกวียนมาขายให้พ่อค้าทางเรือ และซื้อของจำเป็นกลับไป  
ในสมัยหนึ่งบ้านสามชุกขึ้นกับอำเภอเดิมบางนางบวช เมื่อปี พ.ศ. 2437 ต่อมาปี พ.ศ. 2454 จึงย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งบริเวณหมู่บ้านสำเพ็ง และเปลี่ยนชื่อมาเป็นอำเภอสามชุกเมื่อปี พ.ศ. 2457
มีเนื้อที่ 362 ตารางกิโลเมตร มี 7 ตำบล 68 หมู่บ้าน


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:20




อำเภอสามชุก มีประวัติจารึกว่าเคยเป็น ดินแดนที่มี
ความยิ่งใหญ่ในอดีต ในฐานะที่เป็นเสมือนเมืองท่า
ที่สำคัญของ จังหวัดสุพรรณบุรี เพราะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน ได้เคยเป็นแหล่งอารยะธรรมเก่าแก่มาแต่โบราณ
จากการขุดพบเทวรูปยืน เนื้อหินสีเขียวขนาดใหญ่องค์หนึ่ง ใน พ.ศ. 2522 ที่บ้านเนินพระ ต.บ้านสระ อ.สามชุก ทำให้นักโบราณคดีเริ่มขุดค้น และเชื่อว่าณ ที่นี้เป็นที่ตั้งของโบราณสถานสมัยขอมแห่งหนึ่ง ที่มีความสำคัญ โบราณสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ใน อาณาจักรทวารวดีระหว่าง พ.ศ.ที่ 16-18 จากการขุดพบ ได้พบลายปูนปั้นเป็นจำนวนมาก เช่น เศียรเทวดา พระพิมพ์เนื้อชิน นางอัปสร พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ลายเทพพนม เศียรอสูรขนาดใหญ่ รูปสัตว์ที่ประดับศาสนสถาน  ปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:21



พิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงค์จีนารักษ์
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2547 ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงจีนารักษ์ ได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของ ลุ่มแม่น้ำท่าจีน ซึ่งสัมพันธ์กับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ของเมืองสามชุก ตลาดสามชุก สังคม และสภาพวิถีชีวิต
ของผู้คนสามชุก มีการแสดงประวัติเจ้าของอาคารพิพิธภัณฑ์ คือ ท่านขุนจำนงจีนารักษ์ และกล่าวถึงโครงการสามชุกเมืองน่าอยู่ มีการจัดแสดงผลงานศิลปะผ่านภาพวาด และลายเส้นเกี่ยวกับสามชุกของนักศึกษา

จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  อาคารพิพิธภัณฑ์หลังนี้เดิมเป็นบ้านของ ขุนจำนง จีนารักษ์ ตั้งอยู่ในตลาดสามชุก ซอย 2 ลักษณะเป็นอาคารไม้สามชั้น สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ. ศ. 2459
อายุกว่า 90 ปี มาแล้ว นางเคี่ยวยี่ จีนารักษ์ ทายาทคนปัจจุบัน ได้อนุญาตให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุก ปรับปรุงบ้านจัดทำพิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ของท้องถิ่น และส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:22


5. วัดป่าเลไลยก์
เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง อยู่ทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำสุพรรณ ห่างจากศาลากลางจังหวัด ประมาณ 4 กิโลเมตร ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าวัดป่า ภายในวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต  เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ (คือประทับนั่งห้อยพระบาท)


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:23


6. หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย (บ้านควาย)
ชมการจำลองวิถีชีวิตของชุมชนชาวบ้านในแถบชนบท
ประกอบด้วย กระท่อมหลังคามุงจาก ฝาขัดแตะหลังเล็กสำหรับครอบครัวเริ่มต้น เรือนไทย ยุ้งข้าว เรือนโหราจารย์
ชมการแสดงความสามารถของควายไทย
การแข่งขันวิ่งควาย ดูความน่ารักของควายยิ้ม


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:24


อันดับที่ 7. อุทยานแห่งชาติพุเตย
เป็นป่าสนสองใบบนยอดเขาพุเตย ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล 700 เมตร ป่าสนสองใบหลายพันต้นนี้ มีอายุกว่า 200-300 ปี บนป่าสนกางเต็นท์พักแรมได้ แต่ไม่มีแหล่งน้ำ ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวทะเลหมอก จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงาม และยอดเขาเทวดา หมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่ ถ้ำ น้ำตก ที่รอนักเดินทางที่ชอบธรรมชาติและการค้นหา  





โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:24


8. ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดสุพรรณบุรี (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ ประกอบไปด้วยพืชพันธุ์มามายหลายชนิด ทั้งไม้ดอกสีสันสดสวยงามตระการตา และไม้ใบ ไม้ดอก ไม้ผล ไม้เมืองหนาว ทุ่งทานตะวัน ทุ่งดอกกระเจียว ทุ่งทิวลิป
และที่ที่เป็นมากกว่า...ต้นไม้...ดอกไม้...


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:25


9. หอคอยบรรหาร-แจ่มใส
และ สวนเฉลิมภัทรราชินี
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี บนถนนนางพิม หอคอยบรรหาร-แจ่มใส เป็นหอคอยแห่งแรกและสูงที่สุดในประเทศไทย
โปรแกรมการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองสุพรรณ จะจบลงด้วยความประทับใจ กับความงดงามยามค่ำคืน ด้วยแสงไฟและเสียงเพลง ในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:26


10. วัดไผ่โรงวัว
วัดมีสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับพุทธศาสนา ได้แก่  “สังเวชนียสถาน 4 ตำบล”  งานประติมากรรมพุทธประวัตินรกภูมิ  รวมทั้งวรรณคดีและประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมี  “พระธรรมจักร”  หล่อด้วยทองสำริดใหญ่ที่สุดในโลก  “พระกะกุสันโธ”  พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก “ฆ้องและบาตร” ใหญ่ที่สุดในโลก  “พระวิหารร้อยยอด”


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:27


11. เขื่อนกระเสียว
เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำสร้างกั้นลำห้วยกระเสียว ยาว 4,250 เมตร สูง 32.5 เมตร พื้นที่กักเก็บน้ำ 28,750 ไร่ ปริมาณ น้ำที่สามารถกักเก็บน้ำได้สูงสุด 240 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นเขื่อนดินที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย และเป็นแหล่ง เพราะพันธุ์ปลาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทิวทัศน์สวยงามครับ


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:27


12. สถานปฏิบัติธรรมปู่ฤๅษีนารอด
ปฏิมากรรม ศาสนา ศัทธา พิธีกรรมกับความเชื่อ
พระฤาษีนารอด เป็นครูของฤาษีทั้งปวง ทรงกำเนิดจากเศียรที่ ๕ ของพระพรมธาดา ทรงเพศเป็นฤาษี พระฤาษีนารอดถือว่าเป็นฤาษีองค์แรกของไตรภูมิ ไม่ว่าจะมีการบูชาสิ่งใด หากไม่มีการเชิญท่านแล้ว พิธีกรรมนั้นมักไม่สมบูรณ์


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:28


13. พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างเจดีย์ขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ
ในสงครามยุทธหัตถี ที่ทรงมีต่อพระมหาอุปราชาแห่งพม่า
เมื่อปี พ.ศ. 2134  ภายในองค์เจดีย์ได้มีการสร้างห้องแสดงประวัติศาสตร์ ทั้งภาพแสงสีเสียงและหุ่นจำลอง การยกทัพของพม่าและไทย หลายร้อยตัว เป็นสถานที่ได้ทั้งความรู้และเพลิดเพลิน


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:28


14. วัดแค คุ้มขุนแผน และต้นมะขามยักษ์
มะขามยักษ์วัดแค ตำนาน หรือ นิทานพื้นบ้าน "ขุนช้าง - ขุนแผน"
เรื่องจริง...เรื่องเล่า...หรือนิทาน...... มะขามยักษ์อายุนับร้อยปี ตัวต่อยักษ์ กับความเชื่อ เรื่องราวเหนือธรรมชาติที่หลายคนมองเป็นเรื่องขบขัน แต่อีกหลายคนเชื่อ และให้ความศัทธา และเดินทางมาเพื่อค้นหาคำตอบ.....


โดย: Metha    เวลา: 2014-4-28 21:29


15. สวนหินธรรมชาติ พุหางนาค
เป็นสถานที่ที่น่าสนใจแห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เต็มไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ สวนหินที่งดงามตามจินตนาการ ด้วยรูปทรงที่หลากหลาย และริ้วรอยที่สรรสร้างโดยธรรมชาติ ดั่งผลงานชิ้นยอดของศิลปินชั้นเยี่ยม ความงามที่แฝงไว้ซึ้งปริศนา






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2