Baan Jompra

ชื่อกระทู้: คนอดทนคือคนโชคดี [สั่งพิมพ์]

โดย: kit007    เวลา: 2013-4-22 10:18
ชื่อกระทู้: คนอดทนคือคนโชคดี
Sarayut

คนอดทนคือคนโชคดี


ในการที่จะได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งหนึ่งที่เราลืมตระหนักไปก็คือว่า บางครั้ง เราไม่สามารถได้ในสิ่ง ที่เราต้องการ ในเวลาที่เราอยากจะได้ บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่เรา จะทำได้ในการจะได้สิ่งที่ต้องการคือ   รอ ! นั่นคือ รอ.. เวลาที่เหมะสม

แล้วทำงานอย่างอื่นไปก่อน หรือตามความผันอื่น ที่ทำให้คุณมีความสุขและเกิดแรงบันดาลใจ  (เหตุผลนี้ ทำให้ผมมีความฝันหลายอย่างในเวลาเดียวกัน *  เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า ความฝันบางอย่าง เราจำเป็นต้องปล่อยวางไปสักพัก เพราะยังไม่ถึงเวลาของมัน)

นั่นไม่ได้หมายความว่าเราขี้เกียจ รอปาฎิหาริย์ หรือรอโชค แต่บางครั้งเราสู้สุดฤทธิ์แล้ว พยายามทุกวิถีทางแล้ว มันก็ยังไม่สำเร็จสักที มองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” เลย

หมายความว่า ยังไม่ถึงเวลาของมัน เราต้องใช้ ความอดทน มากหน่อย ถ้าเวลาไม่เหมาะสม บางสิ่งที่คุณได้ไปก็ไม่มีประโยขน์

ถ้าคุณได้ตำแหน่งที่สูง ในเวลาที่คุณยังไม่พร้อม หรือมี “กับดัก” ล่ออยู่ แต่คุณไม่ทราบ ในตอนนั้น มีหลายครั้ง ที่ผมพลาดตำแหน่งที่ต้องการให้กับคนอื่นไป

ตอนแรกก็รู้สึกเสียใจ แต่พอเห็นเขาต้องออกจากงานนั้นภายในเวลาอันสั้น เพราะสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเขา เช่น  นัก ดนตรีสไตรค์ เป็นเวลาหลายๆ เดือน

ออร์เคสตราล้มละลาย หรือเขาทะเลาะกับเจ้านายทำงานด้วยกันยาก ทำให้ผมรู้สึก “โชคดี” ที่ไม่ ได้งานนั้น และก็รู้สึกว่า จริงๆ แล้ว ความอดทนก็มีค่าในตัวของมันเอง

คนที่ “ร้อนรน” ไม่มีความอดทน โกรธ หมดหวัง จะดึงดูด “โชคดี” เข้ามาหาไม่ได้ ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ หรืออยากจะช่วย คนที่ทำตัว “สบายๆ” น่าคบ ยิ้มแย้มแจ่มใส อดทน

ทำให้คนอื่นสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ หรือทำธุรกิจด้วย สามารถที่จะมีโชคมากกว่า เพราะว่า “โชคดีของคุณ จะมาจากผู้อื่น”

มีหลายคนที่ไม่ เข้าใจดีเรื่อง กฎแห่งแรงดึงดูด ก็จะบ่นว่า ทำตามที่หนังสือบอกแล้ว แต่ไม่เห็นได้รับเลย

บาง ครั้งสิ่งที่เราต้องการ จะไม่เกิดขึ้นในเวลาที่เราต้องการ แต่พอเรา “ไม่สนใจ” มันไปสักพัก ไปทำอย่างอื่นที่น่าสนใจและให้แรงบันดาลใจกับเรามากกว่าในตอนนั้น สิ่งที่เราต้องการกลับวิ่งเข้ามาหาเราเองโดยไม่รู้ตัว

มีคนเคยถามแฮริสัน ฟอร์ดว่า ทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ เขาตอบว่า “ ความอดทน” ทั้งอธิบายต่อว่า “ในวงการณฮอลลีวูด มีนักแสดงหลายคนที่อยากจะมีชื่อเสียง บางคนก็ล้มเลิกไปกลางคัน เพราะมองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” ผมไม่ได้วิเศษอะไร เพียงแต่ผมเป็น คนสุดท้ายที่ยืนอยู ในเวลาที่คนอื่นเขาเลิกกันไปหมดแล้ว”




จาก หนังสือกฏแห่งความโชคดี


โดย: sriyan3    เวลา: 2013-4-22 13:10
ขอบคุณครับ
โดย: อัปสรา    เวลา: 2013-4-22 13:41
ยังจำคำสอนนี้ได้เสมอค่ะ (แม้บางทีจะทำไม่ค่อยได้ก็เถอะ ^^" )
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-4-27 07:27

"มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะพ่ายแพ้"



ผมเชื่อว่าเราหลายคนคงมีอาการอย่างที่ผมจั่วหัวไว้นะครับว่า "ท้อแท้ ท้อเทียม และท้อถอย" ไอ้อาการทั้งสามท้อดูจะเกิดกับเราได้ในทุกเมื่อเชื่อวัน


ทุกครั้งที่เกิดอาการเหล่านี้ แต่ละท่านมีวิธีจัดการกันอย่างไรบ้างครับ สำหรับผมแล้ว ผมมักใช้เวลาเงียบ ๆ นั่งไตร่ตรองในสิ่งที่ผ่าน ๆ มาแล้วดูว่าตัวเองจะเอาไงต่อไป


บางทีก็น่าแปลกนะครับที่ชีวิตจำเป็นต้องมี "อุปสรรค" เข้ามาทดสอบอยู่เสมอ หมดอุปสรรคนี้ก็มีอุปสรรคอื่นหยิบยื่นเข้ามาให้ขบคิดกันอยู่เรื่อย ๆ ดูเหมือนปัญหาที่ถั่งโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนนั้นคล้ายจะเป็นเครื่องทดสอบกำลังกายและกำลังใจของชีวิตว่า เราพอจะมีเรี่ยวแรงอดทนทำอะไรต่อไปไหวมั๊ย


ผมเคยนั่งพิจารณาอุปสรรคหรือปัญหาที่เข้ามาพร้อม ๆ กันหลายเรื่องแล้วนั่งไตร่ตรองดูว่าเรื่องไหนควรทำก่อน เรื่องไหนควรค่อยทำ เรื่องไหนอย่าเพิ่งทำ ซึ่งมันก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการรับมือกับปัญหาได้ดี ทำนองเดียวกันการแยกแยะว่าอุปสรรคใดที่เราไม่สามารถแก้ได้คนเดียว บางทีก็จำเป็นต้องปล่อยให้ คนอื่นช่วยกันแก้บ้าง เท่านี้ก็หมดปัญหาแล้ว
แต่ที่ว่ามาเนี่ยเหมือนออกมาจาก "ทฤษฎี" ที่ได้จากการอ่านหนังสือประเภท How to ที่ขายกันอยู่เกลื่อนตลาด แต่พอเอาเข้าจริงเราจะ Can do ได้หรือเปล่าเนี่ยเป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ


ไอ้อาการ "ท้อแท้" มักเกิดขึ้นเวลาที่เราเริ่มสิ้นหวังจากชีวิตครับ เข้าทำนองว่า "มืดแปดด้าน" แต่หากคิดให้ขำหน่อยก็ยังดีว่าเรายังมีด้านที่เก้าที่สิบอีกเยอะแยะไปหมดที่มันยังไม่มืด ด้วยเหตุนี้เราก็พยายามหาด้านอื่น ๆ ที่ไม่อยู่ในแปดด้านให้เจอสิจริงมั๊ยล่ะครับ


ส่วนไอ้อาการ "ท้อเทียม" เนี่ย ผมขอใช้คำว่า "ขี้เกียจจะทำ" หรือศัพท์วัยรุ่นหน่อย คือ "ไม่ไหวจะเคลียร์" ทำนองนั้น ไอ้อาการท้อเทียมมันเป็นอาการเซ็งจริตประเภทหนึ่ง เป็นความรู้สึกประมาณว่า "กรูเบื่อชิบหาย" อยากไปให้พ้น ๆ แมร่งแล้วล่ะ แต่เอาเข้าจริง ไอ้อาการท้อเทียมเนี่ย แก้ง่ายสุดครับ เพียงแคซื้อยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ มานั่งถูจั๊กกูแร้เบา ๆ ประมาณว่าสลัดความขี้เกียจให้สิ้นซากไป
แต่ไอ้อาการ "ท้อถอย" นี่แหละครับที่ผมว่าแก้ยากที่สุด เพราะคนเราจะท้อถอยก็ต่อเมื่อเราเริ่ม "หมดหวัง" ในชีวิตแล้ว แต่ข้อคิดอบ่างหนึ่งของการบอกตัวเองว่าเรายังต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้ไม่ว่าจะในสภาพไหนก็ตาม คือ การยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้และทำความเข้าใจกับสิ่งที่เป็นอยู่มากกว่าสิ่งที่ควรจะเป็น



แต่ไอ้การพูดมันง่ายแหละ แต่พอลงมือทำเนี่ยมันโคตรยากเลย เพราะต้องอาศัยจิตใจที่เข้มแข็งและอดทนอย่างยิ่ง และที่สำคัญที่สุด "ทัศนคติที่ดี" ในการมองโลกเนี่ยนับว่าช่วยได้มากทีเดียว

เคยดูหนังเรื่อง Forrest Gump (1994) ของ Robert Zemeckis มั๊ยครับ???

หนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือของ Winston Groom ที่พูดถึงชีวิตคนที่ว่ากันว่า "ปัญญาอ่อน" แต่กลับกลายเป็น "อัจริยะบุคคล" ที่ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปเสียหมด โดยที่พี่แกก็ไม่ได้ "ยี่หระ" กับความสำเร็จใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะสำหรับ Gump แล้วบางทีการได้ออกเดินทางกลับสำคัญกว่าเป้าหมายปลายทาง

บางทีเราก็ไม่รู้หรอกครับว่าในช็อคโกแล็ตนั้นมันจะมีไส้อะไรอยู่บ้าง หรือบางทีอย่าไปเดาเลย


หนังทำให้เรามานั่งคิดว่าคนอย่างนาย Gump แกเคยเครียด กลัว โกรธ ท้อแท้ ท้อเทียม ท้อถอย มั๊ย เพราะถ้าแกมีอารมณ์เหล่านี้อยู่ผมว่าแกคงไม่สามารถวิ่งแบกเพื่อนหลายสิบคนหลบลูกระเบิดในสงครามเวียดนามได้ คงไม่สามารถวิ่งมาราธอนข้ามทวีปเป็นปี ๆ ได้ คงไม่บ้าพอที่จะไปออกเรือหากุ้งตามคำมั่นสัญญาที่ให้กับเพื่อนรักได้ Gump คงไม่สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างได้หาก Gump มีวิธีคิดแบบที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า rational Man หรือเป็นมนุษย์ที่มีเหตุมีผล


แต่สิ่งที่ Gump ทำกลับอยู่บนฐานของความจริงใจและความตั้งใจที่อยากจะทำมากกว่าที่จะมานั่งถามตัวเองว่าถ้ากรูทำแล้วมันจะได้อะไร ดังนั้นสิ่งที่ Gump จึงไม่ได้ตั้งอยู่บนความคาดหวังกับผลของการกระทำเหล่านั้น



เอาเข้าจริงดูเหมือนว่าไอ้ปรัชญาการทำอะไรโดยปล่อยวางและไม่คาดหวังในความสมบูรณ์แบบของผลงานนั้นกลับกลายเป็น "จุดสูงสุด" ที่ทำให้ใครหลายคนสามารถบรรลุอะไรบางสิ่งบางอย่างได้นะครับ



มิพักต้องพูดถึงไอ้อารมณ์ทั้งสามที่มาจากตระกูล "ท้อ" เพราะไอ้ท้อเหล่านี้มันมีแต่จะบั่นทอนความรู้สึก กำลังกายและกำลังใจซึ่งส่งผลถึงกันไปหมด



ท้ายที่สุดแล้วผมว่าคนเราเกิดมาเพื่อ "เรียนรู้" ที่จะมีชีวิตอยู่ให้ "รอด" เพราะถ้าอยู่ไม่รอดเราก็คงต้องยอมแพ้กับการมีชีวิตไป เหมือนที่ ป้าป้า เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway) ยอดนักเขียนรางวัลโนเบลไพรซ์เคยกล่าวไว้ว่า...


"มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะพ่ายแพ้"


หรือถ้าแปลเป็นภาษาปะกิตแบบชายเมืองสิงห์เขาจะพูดว่า Man was not born to be defeat !

แต่ตอนสุดท้ายป๋าเฮมแกเสือกยิงตัวตายซะงั้น




มนุษย์เรามีความสามารถทำอะไรได้อีกเยอะแยะเต็มไปหมดนะครับ ขอเพียงมีกำลังใจที่ดี กำลังใจที่ว่านี้มาจากทั้งคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย แต่กำลังใจที่สำคัญที่สุด คือ กำลังใจที่มาจากตัวเองครับ
โลกใบนี้มีอะไรให้เราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา เรียนรู้ทั้งอารมณ์ทุกข์ สุข สิ้นหวัง อิ่มเอม หดหู่ ท้อแท้ ท้อเทียม ท้อถอย ทั้งหมดเป็นการเรียนรู้ของคน ๆ หนึ่งที่เมื่อวันใดที่เราเริ่มเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว เราจะรู้สึกปลดปล่อยและมีอิสรภาพกับชีิวิตอย่างแท้จริง ซึ่งคงไม่่ยากเกินไปนักถ้าเราคิดจะเริ่มทำชิมิครับ


Hesse004


http://www.oknation.net/blog/hesse004/2010/10/28/entry-1





โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-28 07:55
[youtube]Wact9OuIKTg[/youtube]
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-4-28 07:57
[youtube]SUxRF0azdq0[/youtube]
โดย: Metha    เวลา: 2013-4-28 15:47
อดทนแล้วเราจะโชคดี
โดย: touch-578    เวลา: 2013-4-29 10:29
ขอขอบคุณที่  ให้ข้อคิดดีๆคับ  ได้อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจ ในการทำงานขึ้นเยอะเลย  ต้องอดทนฟันฟ่าไปให้ได้  แม้จะไม่เป็นตามที่หวังไว้ก็ไม่เป็นไร  กราบขอบพระคุณคับ
โดย: รามเทพ    เวลา: 2013-5-3 20:48
คนอดทนคือคนโชคดี

โดย: Metha    เวลา: 2013-5-4 09:51

โดย: ยักษา    เวลา: 2013-5-14 06:41
จังหวะที่ดีกว่า ต้องอาศัยการรอคอยอย่างอดทนเสมอ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-7-19 10:31

โดย: thanakorn1    เวลา: 2013-7-19 12:18
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-7-19 10:31

ใช่เลยพี่ เห็นด้วยมากๆ
โดย: Metha    เวลา: 2013-7-24 09:43
คนอดทนคือคนโชคดี
โดย: sritoy    เวลา: 2013-7-24 10:00
ขอบคุณครับ
โดย: Metha    เวลา: 2013-7-26 16:12

ความอดทนย่อมเป็นคนโชคดี
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-9-5 09:10
ผลเสียของการขาดความอดทน


ลองนึกภาพฉากเหตุการณ์ต่อไปนี้: ชายคนหนึ่งขับรถอยู่บนถนนสองช่องทางในช่วงที่ห้ามแซง. ผู้หญิงที่ขับอยู่ข้างหน้าขับในความเร็วที่กำหนด. แต่สำหรับชายที่ใจร้อนคนนี้ เขารู้สึกว่าเธอขับช้ามาก. หลังจากขับจี้ท้ายรถเธออยู่พักหนึ่ง เขาก็หมดความอดทนและขับแซงเธอไปอย่างรวดเร็ว. การทำเช่นนั้นถือว่าผิดกฎหมายและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้.

ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนใจร้อนต้องทำงานกับคนที่เชื่องช้าหรือไม่ฉลาดเท่าเธอ คุณคิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร? หรือผู้ชายที่ยืนรอลิฟต์กดปุ่มลิฟต์อยู่ตลอด อาการของเขาสื่อถึงอะไร? แล้วคุณล่ะ คุณมักหงุดหงิดกับพ่อแม่ที่สูงอายุไหม? หรือคุณเป็นพ่อแม่ที่มักหงุดหงิดกับลูก? คุณรำคาญใจไหมเมื่อคนอื่นทำผิดพลาด?

คงมีบางครั้งที่เราหมดความอดทน แต่ถ้าเกิดขึ้นทุกวันก็อาจก่อผลเสียหายร้ายแรงได้.

ปัญหาสุขภาพ

การขาดความอดทนมักทำให้คนเราหงุดหงิด รำคาญใจ และถึงกับโกรธง่าย. ความรู้สึกเหล่านี้อาจทำให้เราเครียดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ. การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้โดยแพทยสมาคมแห่งอเมริกา รายงานว่า การขาดความอดทนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น แม้แต่ในกลุ่มหนุ่มสาว.

การขาดความอดทนอาจก่อปัญหาสุขภาพอื่นๆด้วย. การศึกษาเมื่อเร็วๆนี้บอกให้รู้ว่า คนที่ขาดความอดทนอาจเป็นโรคอ้วนได้. หนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า “นักวิจัยพบว่าคนที่ขาดความอดทนมักมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนมากกว่าคนที่รอคอยได้.” ในบางประเทศ ฟาสต์ฟูดมีราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่าย หลายคนที่ขาดความอดทนชอบซื้ออาหารแบบนี้

ผัดวันประกันพรุ่ง

การศึกษาโดยศูนย์เศรษฐกิจวิจัยนโยบายซึ่งมีฐานอยู่ที่ลอนดอนพบว่า คนที่ขาดความอดทนมักมีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง. เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาเลื่อนงานที่ใช้เวลามากออกไปเพราะไม่อดทนพอที่จะทำงานนั้นให้สำเร็จ? ไม่ว่าจะอย่างไร แนวโน้มที่จะเลื่อนงานบางอย่างออกไปอาจก่อผลเสียร้ายแรงต่องานและต่อคนคนนั้น. ตามที่กล่าวไว้ในหนังสือพิมพ์เดอะ เทเลกราฟ แห่งลอนดอน นักวิจัยชื่อเออร์เนสโต รูเบน บอกว่า “การผัดวันประกันพรุ่งส่งผลเสียร้ายแรงต่องานและทำให้คนอื่นต้องสูญเงินจำนวนมากเพราะ [คนที่ขาดความอดทน] มักมีนิสัยผัดเลื่อนงานเอกสารออกไปเรื่อยๆ.”

ดื่มจัดและใช้ความรุนแรง

หนังสือพิมพ์ของบริเตนเซาท์เวลส์ แอกโค ได้สรุปผลการสำรวจของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของชายหญิงหลายร้อยคนว่า “คนที่ขาดความอดทนมักดื่มจัดและมีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรง.”


ตัดสินใจไม่รอบคอบ

นักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่งที่ทำงานให้กับศูนย์วิจัยพิว วอชิงตัน ดี.ซี. พบว่า คนที่ขาดความอดทน “มักตัดสินใจเร็วเกินไปและไม่รอบคอบ.” ดร. อิลองโก พรนุสวามี ศาสตราจารย์และหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ที่มหาวิทยาลัยบาห์ราตีดาเซน ประเทศอินเดีย ได้ข้อสรุปคล้ายๆกัน. เขาอธิบายว่า “การขาดความอดทนมีแต่ทำให้คุณเสีย. คุณอาจเสียเงิน เสียเพื่อน ประสบความทุกข์ยาก หรือได้รับผลเสียหายอื่นๆเพราะการขาดความอดทนมักทำให้เราตัดสินใจผิดพลาด.”


ปัญหาเรื่องเงิน

บทวิจารณ์การวิจัย จัดพิมพ์โดยธนาคารกลางของบอสตันสหรัฐอเมริการายงานว่า คนที่ขาดความอดทนมักมี “หนี้สูง.” ตัวอย่างเช่น คู่สมรสใหม่ที่ใจร้อนอาจอยากได้บ้านและเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างทันทีหลังจากแต่งงาน ทั้งๆที่ไม่มีเงินพอที่จะซื้อของเหล่านั้น. ดังนั้น พวกเขาจึงซื้อบ้าน เฟอร์นิเจอร์ รถ และสิ่งของอื่นๆ โดยใช้บัตรเครดิตหรือเงินผ่อน. การทำเช่นนี้อาจก่อผลเสียต่อชีวิตสมรส. นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “คู่สมรสที่เพิ่งแต่งงานและมีหนี้สินรุงรังจะมีความสุขน้อยกว่าคู่สมรสใหม่ที่แทบจะไม่มีหนี้หรือไม่มีหนี้เลย.”

ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ที่สหรัฐ บางคนโทษว่าเป็นเพราะคนที่ขาดความอดทน. นิตยสารด้านธุรกิจฟอบส์ กล่าวว่า “ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นผลจากนิสัยของผู้คนที่ขาดความอดทนและโลภมาก. การขาดความอดทนทำให้หลายพันคนหาซื้อบ้านที่มีราคาแพงกว่าที่พวกเขาจะซื้อได้. พวกเขาจึงต้องกู้เงินจำนวนมาก และขอผ่อนชำระเป็นเวลาหลายปีหรือบางรายก็ไม่สามารถใช้คืนได้เลย.”

เสียเพื่อน

การขาดความอดทนมีผลเสียต่อวิธีที่เราพูดคุยกับคนอื่น. ถ้าคนเราไม่อดทนพอที่จะพูดคุยในแบบที่เสริมสร้าง เขาก็จะพูดออกมาโดยไม่คิด. นอกจากนั้น เขาอาจรู้สึกรำคาญเมื่อต้องฟังคนอื่นพูด. คนแบบนี้ต้องการให้คนอื่นพูดเข้าประเด็นเร็วที่สุด เขาอาจพูดแทนคนนั้นหรือใช้วิธีอื่นเพื่อเร่งคู่สนทนาให้พูดจบเร็วๆ

คนแบบนี้อาจเสียเพื่อน. ดร. เจนนิเฟอร์ ฮาร์ตสไตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตที่อ้างถึงในบทความก่อนบอกว่า ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนที่แสดงอากัปกิริยาที่น่ารำคาญ เช่น คอยดูเวลาอยู่ตลอด. เพื่อนของคุณคงจะตีตัวออกห่างถ้าคุณเป็นคนใจร้อนและไม่มีความอดทน.

นี่เป็นผลเสียเพียงไม่กี่อย่างของการขาดความอดทน. บทความถัดไปจะพิจารณาว่าทำอย่างไรคุณจึงจะมีความอดทนมากขึ้น

ที่มา..http://wol.jw.org/th/wol/d/r113/lp-si/102012443


โดย: Metha    เวลา: 2013-11-14 16:57

อดทน อดทน อดทน
โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-12-13 17:03
ทนต่อไป.  
โดย: Metha    เวลา: 2013-12-14 19:16


โดย: lnw    เวลา: 2013-12-14 20:28

โดย: Metha    เวลา: 2013-12-14 20:33
lnw ตอบกลับเมื่อ 2013-12-14 20:28


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-1-22 09:10
ความอดทน

ความอดทนตรงกับภาษาพระว่า ขันติ พระอรรถกถาจารย์กับโบราณาจารย์ไทย อธิบายแตกต่างกันนิดหน่อย ซึ่งก็ "เข้าท่า" และ "เข้าที" ทั้งสองนัย โบราณาจารย์ไทย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าใคร ได้อธิบายไว้ว่า ขันติ หรือความอดทนนั้น มีอยู่ 3 ลักษณะ คือ

ทนลำบาก ได้แก่ ทนทุกขเวทนาความเจ็บปวดต่างๆ ได้ ไม่บ่น ไม่ร้อง เช่น ป่วยเป็นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ทนเอาไว้ ไม่สำออยครางอูย ๆ จะตายให้ได้ หรือเจ็บมาก ๆ ก็พยายามอดกลั้นเอาไว้

ทนตรากตรำ ได้แก่ ทนสู้ทำงานหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อย่างตรากตรำ หนักเอาเบาสู้ไม่ท้อถอย ไม่ใช่คนประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำอะไรจับจด

ทนเจ็บใจ ได้แก่ ทนต่อการว่าร้ายด่าทอจากปากคนอื่น ไม่เอามาเป็นอารมณ์ ใครเขาจะนินทาว่าร้าย หรือด่าเสียดสี อย่างไรก็สงบใจไว้ไม่โต้ตอบ จะทำให้ทะเลาะเบาะแว้งกันเปล่า ๆ

ในทางพระพุทธศาสนานั้น พระอรรถกถาจารย์ท่านแยกความอดทนไว้ 2 ประการ คือ

อดกลั้น หมายถึงเวลาที่ได้รับความเจ็บปวดทางกายก็ดี เวลาตรากตรำทำงานหนักก็ดี เวลามีคนมาว่าร้ายด่าทอก็ดี พยายามอดกลั้นไว้ ไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอ เฉพาะอย่างยิ่งเวลาใครมาฉอด ๆ ต่อหน้าก็เอาหูทวนลมเสีย นึกถึงเพลงของเบิร์ดเข้าไว้ "ลิ้นกับฟันพบกันเมื่อไหร่ก็เรื่องใหญ่" และโอกาสที่จะ "กัด" หรือ "ฟัด" กันก็คงไม่เกิดขึ้น อย่างนี้เรียกว่า อดกลั้น (อธิวาสนะขันติ)

อดทน สูงขึ้นไปกว่านั้น "อดกลั้น" นั้นเรายังเดือดอยู่ในใจแต่สู้ข่มไว้ไม่แสดงออกมา แต่ "อดทน" หมายถึง ไม่โกรธเลย ใครว่าอย่างไรก็เฉยไม่รู้สึกอะไร เป็นความเข้มแข็งของจิตที่ฝึกฝนมาจนทนทานแกร่งกล้าแล้ว (ตีติกขาขันติ)

สรุปง่าย ๆ คือ ความอดกลั้น นั้นใจยังโกรธอยู่แต่ไม่แสดงออก ส่วนความอดทนนั้น จิตใจสงบเย็น ไม่โกรธเลย ขอยกตัวอย่างขันติของพระอานนท์กับของพระพุทธเจ้า มาเปรียบเทียบเพื่อความกระจ่าง คนอันธพาลพวกหนึ่งได้รับสินจ้างให้มาด่าพระพุทธเจ้า พระองค์เสด็จไปไหน ไอ้พวกเวรห้าร้อยก็ตามไปด่าเสียๆ หายๆ พระอานนท์เดือดปุดๆ อยู่ในใจ แต่สู้อดกลั้นไว้ไม่ด่าตอบ ส่วนพระพุทธองค์เสด็จพุทธดำเนินไปดังหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระอานนท์กราบทูลให้หนีไปที่อื่น พระพุทธองค์ตรัสถามว่าจะหนีไปไหน ก็กราบทูลว่าไปเมืองอื่น เมื่อทรงย้อนถามว่า ถ้าคนเมืองนั้นด่าอีกล่ะจะไปไหนอีก "ก็ไปเมืองอื่นอีก" พระพุทธอนุชากราบทูล พระองค์ตรัสว่า "ถ้าอย่างนั้น เราคงหนีกันไม่มีที่สิ้นสุด เพราะโลกนี้มีคนชั่วมาก ไปไหนก็ถูกด่าอยู่ดี อยู่ที่นี่แหละ มันเหนื่อยก็หยุดด่าเอง"


โดย..เสฐียรพงษ์ วรรณปก

โดย: lnw    เวลา: 2014-1-22 23:18
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-1-22 09:10
ความอดทน

ความอดทนตรงกับภาษาพระว่า ขันติ พระอรรถกถาจ ...


โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-4-17 22:54

โดย: majoy    เวลา: 2014-10-3 12:15
"ต้องอดทนนะ คนเราถึงเวลามีทางเดิน"
"คนอดทนคือคนโชคดี"

หนึ่งคำสอนของแม่ หนึ่งคำสอนครูบาอาจารย์

วันนี้ ชีวิตมันไม่ง่าย ร้องไห้ในใจไร้คนเห็น แต่จะยังคงสู้ต่อไป ขอยึดคำสอนเป็นแรงกำลัง


โดย: Nujeab    เวลา: 2014-10-3 12:48
ขอบคุณครับ
โดย: App_9109    เวลา: 2014-10-3 14:54
จะอดทนให้มากที่สุด...ถึงแม้บางครั้งจะขัดกับความรู้สึกบ้าง
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-10-3 14:56
App_9109 ตอบกลับเมื่อ 2014-10-3 14:54
จะอดทนให้มากที่สุด...ถึงแม้บางครั้งจะขัดกับความรู้ส ...

น่าจะทนได้เยอะนะ ดูจาก size แล้ว
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-10-3 20:07
App_9109 ตอบกลับเมื่อ 2014-10-3 14:54
จะอดทนให้มากที่สุด...ถึงแม้บางครั้งจะขัดกับความรู้ส ...

เชื่อได้ป่าวเนี้ย
ขนาดศาลจีนด่าซะเทพกระจาย
โดย: majoy    เวลา: 2014-12-19 07:10
ขอบคุณครับ

ต้องอดทน


โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-3-10 08:50

โดย: majoy    เวลา: 2015-3-10 15:16
อดทน อดทน อดทน
เพราะ คนอดทน คือคนโชคดี
โดย: Metha    เวลา: 2015-3-11 22:34
สาธุ สาธุ อดทนมานานหวังว่าจะสมหวังสักที
โดย: majoy    เวลา: 2015-3-12 12:56

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-4-4 07:11

จริงๆ แล้ว


ความอดทนก็มีค่าในตัวของมันเอง

โดย: majoy    เวลา: 2015-4-4 09:47

โดย: Metha    เวลา: 2015-4-6 02:47

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-11-8 07:08

โดย: majoy    เวลา: 2016-2-28 07:44

โดย: Metha    เวลา: 2016-3-11 16:39
ชีวิต มันสั้นนัก
โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-3-11 18:48
Metha ตอบกลับเมื่อ 2016-3-11 16:39
ชีวิต มันสั้นนัก

แนะนำปรึกษา นิกกี้ ครับ



โดย: majoy    เวลา: 2016-3-12 11:43
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2016-3-11 18:48
แนะนำปรึกษา นิกกี้ ครับ

นิกกี้มีเก้า เสี่ยเขาต้องการถึงสิบครับกัปตัน
โดย: Metha    เวลา: 2016-3-12 16:08

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-3-16 08:10
Sarayut

คนอดทนคือคนโชคดี


ในการที่จะได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งหนึ่งที่เราลืมตระหนักไปก็คือว่า บางครั้ง เราไม่สามารถได้ในสิ่ง ที่เราต้องการ ในเวลาที่เราอยากจะได้ บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่เรา จะทำได้ในการจะได้สิ่งที่ต้องการคือ   รอ ! นั่นคือ รอ.. เวลาที่เหมะสม

แล้วทำงานอย่างอื่นไปก่อน หรือตามความผันอื่น ที่ทำให้คุณมีความสุขและเกิดแรงบันดาลใจ  (เหตุผลนี้ ทำให้ผมมีความฝันหลายอย่างในเวลาเดียวกัน *  เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า ความฝันบางอย่าง เราจำเป็นต้องปล่อยวางไปสักพัก เพราะยังไม่ถึงเวลาของมัน)

นั่นไม่ได้หมายความว่าเราขี้เกียจ รอปาฎิหาริย์ หรือรอโชค แต่บางครั้งเราสู้สุดฤทธิ์แล้ว พยายามทุกวิถีทางแล้ว มันก็ยังไม่สำเร็จสักที มองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” เลย

หมายความว่า ยังไม่ถึงเวลาของมัน เราต้องใช้ ความอดทน มากหน่อย ถ้าเวลาไม่เหมาะสม บางสิ่งที่คุณได้ไปก็ไม่มีประโยขน์

ถ้าคุณได้ตำแหน่งที่สูง ในเวลาที่คุณยังไม่พร้อม หรือมี “กับดัก” ล่ออยู่ แต่คุณไม่ทราบ ในตอนนั้น มีหลายครั้ง ที่ผมพลาดตำแหน่งที่ต้องการให้กับคนอื่นไป

ตอนแรกก็รู้สึกเสียใจ แต่พอเห็นเขาต้องออกจากงานนั้นภายในเวลาอันสั้น เพราะสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเขา เช่น  นัก ดนตรีสไตรค์ เป็นเวลาหลายๆ เดือน

ออร์เคสตราล้มละลาย หรือเขาทะเลาะกับเจ้านายทำงานด้วยกันยาก ทำให้ผมรู้สึก “โชคดี” ที่ไม่ ได้งานนั้น และก็รู้สึกว่า จริงๆ แล้ว ความอดทนก็มีค่าในตัวของมันเอง

คนที่ “ร้อนรน” ไม่มีความอดทน โกรธ หมดหวัง จะดึงดูด “โชคดี” เข้ามาหาไม่ได้ ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ หรืออยากจะช่วย คนที่ทำตัว “สบายๆ” น่าคบ ยิ้มแย้มแจ่มใส อดทน

ทำให้คนอื่นสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ หรือทำธุรกิจด้วย สามารถที่จะมีโชคมากกว่า เพราะว่า “โชคดีของคุณ จะมาจากผู้อื่น”

มีหลายคนที่ไม่ เข้าใจดีเรื่อง กฎแห่งแรงดึงดูด ก็จะบ่นว่า ทำตามที่หนังสือบอกแล้ว แต่ไม่เห็นได้รับเลย

บาง ครั้งสิ่งที่เราต้องการ จะไม่เกิดขึ้นในเวลาที่เราต้องการ แต่พอเรา “ไม่สนใจ” มันไปสักพัก ไปทำอย่างอื่นที่น่าสนใจและให้แรงบันดาลใจกับเรามากกว่าในตอนนั้น สิ่งที่เราต้องการกลับวิ่งเข้ามาหาเราเองโดยไม่รู้ตัว

มีคนเคยถามแฮริสัน ฟอร์ดว่า ทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ เขาตอบว่า “ ความอดทน” ทั้งอธิบายต่อว่า “ในวงการณฮอลลีวูด มีนักแสดงหลายคนที่อยากจะมีชื่อเสียง บางคนก็ล้มเลิกไปกลางคัน เพราะมองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” ผมไม่ได้วิเศษอะไร เพียงแต่ผมเป็น คนสุดท้ายที่ยืนอยู ในเวลาที่คนอื่นเขาเลิกกันไปหมดแล้ว”




จาก หนังสือกฏแห่งความโชคดี


โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-3-16 08:20
[youtube]BpRZK_b4acQ[/youtube]
โดย: majoy    เวลา: 2016-3-17 10:56

โดย: รามเทพ    เวลา: 2016-3-18 05:05
มีเรื่องให้หนี

หนีไม่ได้ให้สู้

สู้ได้ห้ามเจ็บ

เจ็บได้ห้ามตาย

ติดคุกมีวันออก


แต่ ตายไม่มีวันฟื้น

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-11-8 12:09
บางครั้ง...

เราไม่สามารถได้ในสิ่งที่เราต้องการ ในเวลาที่เราอยากจะได้


วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราได้ในสิ่งที่ต้องการ คือ..

   รอเวลาที่เหมาะสม .......คนอดทนคือคนโชคดี
โดย: majoy    เวลา: 2016-11-9 23:26

โดย: Sornpraram    เวลา: 2016-11-19 07:45

โดย: kruangbin    เวลา: 2016-11-20 09:15
อดทนแล้วทนต่อไปอย่างมีความสุข
โดย: majoy    เวลา: 2016-11-21 08:01
อด และ ทน อย่างเต็มที่ ภายนอกยิ้มแย้ม ภายในใครจะรู้
โดย: Nujeab    เวลา: 2016-11-21 10:05
majoy ตอบกลับเมื่อ 2016-11-21 08:01
อด และ ทน อย่างเต็มที่ ภายนอกยิ้มแย้ม ภายในใครจะรู้

ขันติบารมี
โดย: Metha    เวลา: 2016-12-21 11:46
อดทนคือคนโชคดี

กับบางคนถึงจะอดทนแค่ไหน ก็ไม่ได้โชคดี
เพราะมูลเหตุ ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะอดทนได้แค่ไหน
แต่ กรรมดีชั่ว ที่เราก่อมันมากมายแค่ไหน
โดย: Metha    เวลา: 2017-1-17 18:33
บางครั้งก็ท้อน่ะ
กับการรอคอย

โดย: Metha    เวลา: 2017-2-20 16:34

โดย: majoy    เวลา: 2017-2-21 08:04
Metha ตอบกลับเมื่อ 2017-1-17 18:33
บางครั้งก็ท้อน่ะ
กับการรอคอย

ทำไป ไม่ต้องรอ ผมเลิกรอมานานละ สมหวังก็ดี ไม่สมหวังก็ช่าง เบื่อจะรอคอย
โดย: Metha    เวลา: 2017-2-22 02:25
majoy ตอบกลับเมื่อ 2017-2-21 08:04
ทำไป ไม่ต้องรอ ผมเลิกรอมานานละ สมหวังก็ดี ไม่สมหวังก็ช่าง เบื่อจะรอคอย

สุดยอดแท้
โดย: majoy    เวลา: 2017-2-22 07:16
Metha ตอบกลับเมื่อ 2017-2-22 02:25
สุดยอดแท้

เป็นคนให้ความสำคัญกับสุดยอด
โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-3-6 06:58
majoy ตอบกลับเมื่อ 2016-11-21 08:01
อด และ ทน อย่างเต็มที่ ภายนอกยิ้มแย้ม ภายในใครจะรู้


โดย: majoy    เวลา: 2017-3-6 07:56
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2017-3-6 06:58

ภายใน ใครจะรู้ ลั้นลากว่าภายนอก เอ๊ย ห่วงกังวลในหลายเรื่องทีเดียว
โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-3-7 06:45
majoy ตอบกลับเมื่อ 2017-3-6 07:56
ภายใน ใครจะรู้ ลั้นลากว่าภายนอก เอ๊ย ห่วงกังวลในหลายเรื่องทีเดียว



โดย: majoy    เวลา: 2017-3-8 08:42
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2017-3-7 06:45

ง่า กังวลจีจีนะครัช
โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-3-10 04:31
majoy ตอบกลับเมื่อ 2017-3-8 08:42
ง่า กังวลจีจีนะครัช


โดย: majoy    เวลา: 2017-3-11 13:55
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2017-3-10 04:31

กังวลว่า ทำไงจะลั้นลาได้สุดติ่ง
โดย: majoy    เวลา: 2017-3-13 21:28
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2017-3-12 06:46
จัดไปครับ..
คุณได้สิทธิ์นั่นเดี๋ยวนี้

ภาพไม่ขึ้น แสดงว่าอาจโดนต้อย ทั่วไทย สวมสิทธิ์ไปแล้ว
โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-3-14 07:55
Sarayut

คนอดทนคือคนโชคดี


ในการที่จะได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งหนึ่งที่เราลืมตระหนักไปก็คือว่า บางครั้ง เราไม่สามารถได้ในสิ่ง ที่เราต้องการ ในเวลาที่เราอยากจะได้ บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่เรา จะทำได้ในการจะได้สิ่งที่ต้องการคือ   รอ ! นั่นคือ รอ.. เวลาที่เหมะสม

แล้วทำงานอย่างอื่นไปก่อน หรือตามความผันอื่น ที่ทำให้คุณมีความสุขและเกิดแรงบันดาลใจ  (เหตุผลนี้ ทำให้ผมมีความฝันหลายอย่างในเวลาเดียวกัน *  เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า ความฝันบางอย่าง เราจำเป็นต้องปล่อยวางไปสักพัก เพราะยังไม่ถึงเวลาของมัน)

นั่นไม่ได้หมายความว่าเราขี้เกียจ รอปาฎิหาริย์ หรือรอโชค แต่บางครั้งเราสู้สุดฤทธิ์แล้ว พยายามทุกวิถีทางแล้ว มันก็ยังไม่สำเร็จสักที มองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” เลย

หมายความว่า ยังไม่ถึงเวลาของมัน เราต้องใช้ ความอดทน มากหน่อย ถ้าเวลาไม่เหมาะสม บางสิ่งที่คุณได้ไปก็ไม่มีประโยขน์

ถ้าคุณได้ตำแหน่งที่สูง ในเวลาที่คุณยังไม่พร้อม หรือมี “กับดัก” ล่ออยู่ แต่คุณไม่ทราบ ในตอนนั้น มีหลายครั้ง ที่ผมพลาดตำแหน่งที่ต้องการให้กับคนอื่นไป

ตอนแรกก็รู้สึกเสียใจ แต่พอเห็นเขาต้องออกจากงานนั้นภายในเวลาอันสั้น เพราะสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเขา เช่น  นัก ดนตรีสไตรค์ เป็นเวลาหลายๆ เดือน

ออร์เคสตราล้มละลาย หรือเขาทะเลาะกับเจ้านายทำงานด้วยกันยาก ทำให้ผมรู้สึก “โชคดี” ที่ไม่ ได้งานนั้น และก็รู้สึกว่า จริงๆ แล้ว ความอดทนก็มีค่าในตัวของมันเอง

คนที่ “ร้อนรน” ไม่มีความอดทน โกรธ หมดหวัง จะดึงดูด “โชคดี” เข้ามาหาไม่ได้ ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ หรืออยากจะช่วย คนที่ทำตัว “สบายๆ” น่าคบ ยิ้มแย้มแจ่มใส อดทน

ทำให้คนอื่นสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ หรือทำธุรกิจด้วย สามารถที่จะมีโชคมากกว่า เพราะว่า “โชคดีของคุณ จะมาจากผู้อื่น”

มีหลายคนที่ไม่ เข้าใจดีเรื่อง กฎแห่งแรงดึงดูด ก็จะบ่นว่า ทำตามที่หนังสือบอกแล้ว แต่ไม่เห็นได้รับเลย

บาง ครั้งสิ่งที่เราต้องการ จะไม่เกิดขึ้นในเวลาที่เราต้องการ แต่พอเรา “ไม่สนใจ” มันไปสักพัก ไปทำอย่างอื่นที่น่าสนใจและให้แรงบันดาลใจกับเรามากกว่าในตอนนั้น สิ่งที่เราต้องการกลับวิ่งเข้ามาหาเราเองโดยไม่รู้ตัว

มีคนเคยถามแฮริสัน ฟอร์ดว่า ทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ เขาตอบว่า “ ความอดทน” ทั้งอธิบายต่อว่า “ในวงการณฮอลลีวูด มีนักแสดงหลายคนที่อยากจะมีชื่อเสียง บางคนก็ล้มเลิกไปกลางคัน เพราะมองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” ผมไม่ได้วิเศษอะไร เพียงแต่ผมเป็น คนสุดท้ายที่ยืนอยู ในเวลาที่คนอื่นเขาเลิกกันไปหมดแล้ว”




จาก หนังสือกฏแห่งความโชคดี

โดย: Metha    เวลา: 2017-3-14 21:33

โดย: majoy    เวลา: 2017-3-16 08:08

โดย: Metha    เวลา: 2017-4-13 13:59

โดย: Metha    เวลา: 2017-5-2 21:50
ท้อ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่ถอยสักที
โดย: Sornpraram    เวลา: 2017-5-4 15:23


โดย: morntanti    เวลา: 2017-5-5 00:04
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย morntanti เมื่อ 2017-5-5 00:05

ท้อ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่ถอยสักที....เหนื่อยก็พัก...คนเรามันไม่ได้มีแรงสู้ตลอดเวลามันก็มีเหนื่อยบางท้อบาง...หยุดเพื่อคิดทบทวน...หายเหนื่อยหายท้อก็ลุกขึ้นก้าวต่อไป...ชีวิตก็แค่นี้เราไม่รู้หรอกบางครั้งรางวัลของชีวิตอาจอยู่ใกล้แค่นิดเดียวถ้าเราก้าวต่อไป...                                           [attach]14375[/attach]


โดย: Metha    เวลา: 2017-5-5 03:28
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2017-5-5 00:04
ท้อ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่ถอยสักที....เหนื่อยก็พัก...คน ...

สู้ๆๆๆ
โดย: majoy    เวลา: 2017-5-11 08:21
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2017-5-5 00:04
ท้อ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่ถอยสักที....เหนื่อยก็พัก...คน ...

ขอบคุณครับผม
โดย: Sornpraram    เวลา: 2020-3-1 10:48

โดย: Metha    เวลา: 2020-3-7 18:17

โดย: Sornpraram    เวลา: 2020-4-14 07:20

โดย: Metha    เวลา: 2020-5-9 11:05

โดย: รามเทพ    เวลา: 2022-5-4 05:56





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2