Baan Jompra
ชื่อกระทู้: คาถาชนะพญานันโทปนันทนาคราช [สั่งพิมพ์]
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 01:55
ชื่อกระทู้: คาถาชนะพญานันโทปนันทนาคราช
คาถา ชนะพญานันโทปนันทนาคราช
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ.
พญานันโทปนันทนาคราชผู้หลงผิด แผ่ฤทธิ์เดชอันยิ่งใหญ่
พระพุทธองค์โปรดให้พระเถระพุทธบุตรผู้ประเสริฐไปปราบ
ทรงชนะด้วยการแสดงฤทธิ์เดชอันเหนือกว่า
ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 01:55
เล่าเรื่อง
ณ เชตวันมหาวิหาร อนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาในพระบรมพุทธศาสนา เข้ากราบอาราธนา
ทูลเชิญองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมหมู่พระภิกษุสงฆ์สาวก จำนวน ๕๐๐ รูป เข้ารับภัตราหารเพล
ในวันรุ่งขึ้นยังเรือนแห่งตน เมื่อพระพุทธองค์รับอาราธนาแล้ว ทรงเสด็จเข้าประทับยังพระคันธกุฎี (พระกุฎิ
ที่ประทับ)
ครั้นเพลาใกล้รุ่ง พระพุทธองค์ทรงแผ่ข่ายสัพพัญญุตญาณ (พระปรีชาญาณหยั่งรู้อดีต ปัจจุบัน อนาคต)
พิจารณาดูเหล่าสรรพสัตว์ใดบ้างที่มีบุญวาสนาถึงวาระอันควรที่จะได้รับพระธรรมเทศนา เพื่อผลแห่งกาล
บรรลุธรรมในอนาคตกาล
ครานั้น พญานาคราชผู้ทรงฤทธิ์นามว่า "นันโทปนันท" ได้ปรากฏเข้ามาในข่ายพระญาณ พระพุทธองค์
ทรงดำริว่า
"พญานาคราชตนนี้มีฤทธานุภาพมากมายมหาศาล เนรมิตกายาได้ดังใจปรารถนาครอบครองทิพยวิมาน
ห้อมล้อมด้วยนาคบริวารปรนนิบัติ แลด้วยความพร้อมสรรพจากบุญบารมีที่เคยสั่งสมมานั้น จึงถือตัวสำคัญ
ตนว่าเป็นผู้เลิศด้วยฤทธิ์เหนือกว่าผู้อื่นใดในหล้า แต่ด้วยมีวิสัยแห่งการบรรลุธรรมในภายภาคหน้า จึงได้
ปรากฏขึ้นในข่ายพระญาณแห่งเรา มาตรว่าหากจะปลดเปลื้องความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) ทำลายความถือตัว
สำคัญตนว่าเลิศกว่าผู้อื่น (มานะ) ของพญานาคราชแล้วละก็ จักต้องแสดงฤทธานุภาพที่เหนือกว่า ให้เป็น
ที่ประจักษ์และยอมรับอย่างสดุดี แลเมื่อลดตัวไม่ถือตนลงได้เมื่อใด เมื่อนั้นเราจักแสดงธรรมเทศนาสั่งสอน
เพื่อผลแห่งการบรรลุธรรมของพญานาคราชสืบต่อไปในอนาคตกาล"
ครั้นอรุณรุ่ง พระพุทธองค์ทรงพระดำเนินมายังเบื้องหน้าพระคันธกุฎี แลตรัสต่อพระอานนท์ พระสารีบุตร
พระโมคคัลลานะ พระรัฏฐปาล และหมู่พระภิกษุสงฆ์ทั้งปวงว่า
"บัดนี้ เราทั้งหลายจักจาริก (ท่องไปเพื่อสั่งสอน) ยังดาวดึงสเทวโลก เพื่อประโยชน์อันยิ่งของพญานันโทป-
นันทนาคราช ขอท่านทั้งหลายจงกระทำสิ่งอันเป็นมงคลนี้พร้อมกันเถิด"
เมื่อสิ้นพระสุรเสียง พระพุทธองค์ทรงกระทำอิทธิฤทธิ์ศักดานุภาพ เปล่งฉัพพรรณรังสี เสด็จนำหมู่พระภิกษุ
ุสงฆ์สาวกทั้ง ๕๐๐ รูป ดำเนินยังเบื้องบนนภากาศ เพื่อเสด็จยังดาวดึงสเทวโลกในบัดดล
ครานั้น พญานันโทปนันทนาคราชเนรมิตกายาให้งามสม ดุจดังกษัตราธิราชเจ้า สถิตยังรัตนบัลลังค์ทิพย์
สำเริงสำราญกับบรรดาเหล่านาคบริวาร ซึ่งพากันนอบน้อมปรนนิบัติด้วยทิพยสุธาโภชน์อันละเมียดอยู่นั้น
พลันทั่วท้องนภากาศปรากฏแสงรัศมีอันรุ่งโรจน์กระทบต้องจักษุพญานาคราชอย่างแรงกล้า ยังความพิโรธให้
บังเกิดขึ้นในทันใด จึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันโกรธขึ้งว่า
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 01:56
"สมณะเหล่านี้ มิได้เกรงในฤทธิ์อำนาจแห่งเราเลย คงคิดจะพากันเหาะเหินเดินอากาศข้ามวิมานของเรา
ไปสู่ยังสวรรค์ดาวดึงส์เป็นแน่แท้ หากเราไม่สกัดกั้นสมณะเหล่านี้ไว้ล่ะก็ ฝุ่นผงละอองดินจากบาทา คงจะ
ร่วงหล่นต้องศีรษะของเราเป็นแม่นมั่น"
เมื่อเสียงแห่งความโกรธาสิ้นสุดลง จึงเนรมิตตนกลับสู่กายพญานาคราช มุ่งตรงยังเขาสิเนรุมาศอันสูงถึง
๘๔,๐๐๐ โยชน์ บันดาลเมฆหมอกให้มืดมัว เนรมิตกายาใหญ่โตมโหฬาร ใช้ขนดหางรัดรอบเขาสิเนรุฯ
ไว้ ๗ รอบ แล้วแผ่พังพานปิดสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งอยู่เหนือยอดเขาเอาไว้ ประหนึ่งจะให้อันตรธานหายไป
จากชั้นฟ้า
ครานั้น พระรัฏฐปาลเถระมองเห็นถึงความผิดปกติ จึงกราบทูลต่อพระพุทธองค์ว่า
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 01:57
พระรัฏฐปาล | : | ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในกาลก่อนนั้นข้าพระองค์ยืนอยู่ยังที่นี้ จักมองเห็นเขาสิเนรุมาศ
และบริภัณฑ์เขาที่ล้อมรอบ อีกทั้งเห็นสวรรค์ดาวดึงส์ แลยอดธงบนปราสาทไพชยนต์
นั้นอีกเล่า บัดนี้ข้าพระองค์ยืนอยู่ยังที่เดิมเช่นกาลก่อน กลับมืดมัวด้วยเมฆหมอก
มองมิเห็นสิ่งใดเลย เหตุไฉนจึงเป็นเช่นนี้พุทธเจ้าข้า
|
พระพุทธองค์ | : | ดูก่อน...รัฏฐปาล เมฆหมอกอันหนาครึ้มยังความมืดมัวไปถ้วนทั่วเช่นนี้ เหตุเพราะ
พญานันโทปนันทนาคราชกำลังสำแดงฤทธานี้ให้ปรากฏแก่เราเหล่าสมณะทั้งหลาย |
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 01:57
พระรัฏฐปาล | : | เมื่อกาลเป็นเช่นนี้ ข้าพระพุทธองค์ขออาสาปราบพญานาคราชตนนี้ เพื่อให้หยุดสำแดง
ฤทธิ์เดชดังปรากฏ พุทธเจ้าข้า
|
พระพุทธองค์ | : | อย่าเลย...รัฏฐปาล พญานาคราชตนนี้ ฤทธานุภาพมากมายเป็นยิ่งนัก เกินวิสัย
ของท่านที่จะปราบให้สิ้นฤทธิ์ลงได้ไม่
|
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 01:58
ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามพระรัฏฐปาลแล้ว ทรงมีพระดำริในพุทธวิธีที่จะอบรมสั่งสอน ด้วยเล็งเห็น
ในอัธยาศัยแห่งพญานาคราชนั้น จึงมีพุทธดำรัสตรัสกับพระโมคคัลลานะผู้เป็นเอตทัคคะ (พระสาวกที่ได้รับ
ยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้ยอดเยี่ยมทางใดทางหนึ่ง) ทางด้านฤทธานุภาพว่า
พระพุทธองค์ | : | พญานาคราชตนนี้ เห็นทีจะเกินวิสัยฤทธานุภาพของสมณะรูปอื่นใด ที่จะปราบให้สิ้น
พยศลงไปได้ แลด้วยอุปนิสัยของพญานันโทปนันทนาคราชนี้ เราขอมอบให้
ท่านโมคคัลลานะ เป็นผู้กระทำการทรมาน (ทำให้ลำบากโดยการข่ม ปราบ และฝึก
ให้สิ้นพยศ เพื่อเปลี่ยนนิสัยให้ละจากความถือตัว) เถิด.
|
พระโมคคัลลานะ | : | พระพุทธเจ้าข้า |
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 01:59
ครั้นเมื่อพระโมคคัลลานะรับพุทธดำรัสของพระพุทธองค์แล้ว จึงมุ่งตรงยังเขาสิเนรุมาศ กระทำฤทธานุภาพ
เนรมิตกายากลายเป็นพญานาคราชใหญ่มหึมายิ่งกว่าถึงสองเท่า กระหวัดขนดหางรัดตรึงทับพญานันโทป-
นันทนาคราชเข้าไว้กับเขาสิเนรุมาศ แม้พญานาคราชจะพยายามขัดขืนดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ
สักเท่าไร ก็ยิ่งถูกบีบรัดตรึงแน่นขึ้นไปทุกขณะ ยังความอึดอัด ร้าวระบม ประหนึ่งกระดูกทุกข้อจะถูกบด
ละเอียดไปทั่วทั้งกายา
ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวกายาอย่างแสนสาหัส พญานาคราชจึงพยายามรวบรวมพละกำลังทั้งหมดสำแดง
ฤทธานุภาพอย่างเต็มกำลัง พ่นควันพิษกลุ่มใหญ่ สลับพ่นเปลวเพลิงอัคนีอันร้อนแรงเข้าใส่พระโมคคัลลานะ
หมายว่าจะให้เสียที แล้วตนจักได้หลุดจากพันธนาการอันทุกข์ทรมานนี้
แต่แล้ว พญานาคราชยิ่งพยายามพ่นควันพิษกลุ่มใหญ่สักเท่าไร พระโมคคัลลานะก็พ่นควันพิษกลุ่มใหญ่กว่า
ผลาญกลบลงไปสิ้น และยิ่งพยายามพ่นเปลวอัคนีอันร้อนแรงสักปานใด พระโมคคัลลานะก็พ่นเปลวอัคนี
อันร้อนแรงยิ่งกว่าเผาผลาญพญานาคราช ให้บังเกิดความร้อนรุ่มปวดแสบปวดร้อนกายา ยังความทุกข์
ทรมานเป็นยิ่งนัก
พญานาคราชคิดตรึกสงสัยเป็นหนักหนาว่า ผู้ที่ต่อกรกับเรานี้เป็นใครกันหนอ เรายิ่งแสดงฤทธานุภาพออกไป
เท่าใด กลับยิ่งได้รับความทุกข์ทรมานจากฤทธานุภาพนั้นเป็นเท่าทวีคูณ เมื่อตนสงสัยเช่นนั้น จึงเอ่ยถาม
ด้วยน้ำเสียงแห่งความทุกข์ทรมานว่า
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 02:00
พญานาคราช | : | เรา...นามว่า "พญานันโทปนันทนาคราช" ทั่วทั้งนภากาศนี้ หามีผู้ใดเสมอด้วย
ศักดานุภาพแห่งเรา ท่านเป็นใครรึ มีจุดประสงค์ในสิ่งใด ถึงกระทำฤทธานุภาพ
ผลาญศักดานุภาพของเราลงเช่นนี้
|
พระโมคคัลลานะ | : | อาตมา...นามว่า "โมคคัลลานะ" เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายแห่งองค์สมเด็จสัมมา-
สัมพุทธเจ้า
|
พญานาคราช | : | เช่นนี้เองรึ! เหล่าสมณะเหาะเหินเดินอากาศ พวกท่านกระทำกรรมอันหยาบช้า
พากันหอบฝุ่นผงละอองดินจากบาทา คิดข้ามวิมานของเราอย่างมิเกรงอกเกรงใจ
เท่านี้คงมิหนำใจ ยังใช้ศักดานุภาพสำแดงฤทธิ์สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเราอีก
|
พระโมคคัลลานะ | : | ดูก่อน...พญานาคราช ตัวท่านนี้เป็นสัตว์เดียรัจฉาน สิ่งใดประเสริฐสุดท่านมิอาจ
รู้จักได้ อันบุคคลเกิดมานับแสนนับล้านชาติก็ยังมิอาจได้พบพานองค์สมเด็จสัมมา-
สัมพุทธเจ้า อย่าว่าแต่ฝุ่นผงธุลีดินจะร่วงหล่นต้องศีรษะของท่านเลย แม้ว่าพระบาทของ
พระพุทธองค์ต้องศีรษะของท่าน ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาใหญ่หลวงยิ่งนัก
พญานาคราชเอย....อันเหล่าสมณะสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า มีจิตเมตตา
อันบริสุทธิ์ต่อเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นอันมาก เรามิได้กระทำทรมานต่อท่านด้วยกำลัง
แห่งกิเลสตัณหาเลย การทรมานท่านครานี้ พระพุทธองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ
เป็นที่ยิ่ง ในการจะปลดเปลื้องมิจฉาทิฐิ (ความเห็นผิด) ของท่านให้หมดไปเพื่อประโยชน์
ของท่านในอนาคตกาล
|
พญานาคราช | : | เช่นนั้นรึ! แต่วิธีการของพวกท่านนั้น ช่างทารุณเป็นอย่างยิ่ง มิสมควรแก่สมณะภาวะเลย |
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 02:01
เมื่อสิ้นคำบริภาษ (กล่าวโทษ ติเตียน) ของพญานาคราชแล้ว พระโมคคัลลานะจึงเนรมิตกายากลับเป็น
พระสมณะ เดินเข้าช่องหูขวาของพญานาคราชแล้วออกทางช่องหูซ้าย เดินเข้ารูจมูกซ้ายแล้วออกมารูจมูกขวา
หมายเพิ่มความเจ็บปวดทุกข์ทรมานให้บังเกิดขึ้นแก่พญานาคราช เพื่อผลแห่งการสอนสั่งให้บังเกิดสัมมาทิฐิ
(ความเห็นถูก) ในอนาคตอันใกล้นี้
ความทุกขเวทนานั้น เป็นที่ประจักษ์ต่อพญานาคราชอย่างยิ่งยวด แต่ด้วยความทะนงในศักดานุภาพของตน
ก็มิยอมสิ้นพยศให้อับอาย จึงคิดเล่ห์เพทุบายหวังหลอกล่อให้พระสมณะเดินเข้าไปในปาก และเมื่อนั้นก็จะ
เคี้ยวกลืนเป็นภักษาหารเสียให้จบสิ้น
บัดนั้น พระโมคคัลลานะล่วงรู้วาระจิตแห่งการคิดนึกของพญานาคราช และเพื่อสำแดงฤทธานุภาพอันยิ่ง
ให้เป็นที่ประจักษ์ จึงเดินเข้าไปในปากแล้วมุ่งตรงไปภายในอุทร (ท้อง) ของพญานาคราช ทำการเดินจงกรม
จากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก กลับไปกลับมาอยู่ในอุทรเช่นนั้น หมายว่าอานิสงส์แห่งความเมตตานี้
จะคลายความถือดีของพญานาคราชให้เบาบางลงได้บ้าง
ฝ่ายพญานาคราชนั้น เริ่มนึกท้อใจ มิรู้จะทำเช่นไรที่จะต่อกรเอาชนะพระโมคคัลลานะได้ จึงกล่าวด้วยน้ำเสียง
อันน่าเวทนาว่า
พญานาคราช | : | ข้าแต่พระสมณะเจ้า หากท่านมิได้มีจิตคิดทรมานเราให้สิ้นชีพตักษัย ขออย่าได้
้เบียดเบียนเราอีกเลย โปรดออกจากอุทรของเราในกาลบัดนี้เถิด |
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 02:03
เมื่อพระโมคคัลลานะยินคำอ้อนวอนดังนั้น ด้วยจิตเมตตาอันบริสุทธิ์จึงสำแดงฤทธาออกจากอุทร ยืนปรากฏกาย
อยู่เบื้องหน้าพญานาคราช แต่ทันใดนั้น พญานาคราชจะยอมสยบแต่โดยดีก็หาไม่ กลับเบ่งลมจากนาสิก (จมูก)
ความแรงประหนึ่งพายุหมุนเข้าถาโถม หมายมั่นจะให้พระโมคคัลลานะปลิวลับหายไปจากท้องนภากาศ
แต่ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งในการเข้า - ออกฌานอย่างรวดเร็วของพระโมคคัลลานะ พายุหมุนนั้นจะถั่งโถมรุนแรง
สักปานใด ก็มิสามารถทำลายองค์ของสมณะให้หวั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย
ครั้นพญานาคราชเห็นดังนั้น ก็รู้สึกเข็ดขยาดกับฤทธิ์อำนาจของพระโมคคัลลานะเป็นอันยิ่ง นึกตรึกในใจว่า
หากขืนต่อกรต่อไป คงต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ถึงกับม้วยมรณาอย่างแน่นอน คิดดังนั้น จึงรีบหลบหนีออกไป
จากที่นั้นอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายพระโมคคัลลานะมิยอมให้การเป็นเช่นนั้น จึงแปลงกายาเป็นพญาครุฑไล่ตามพญานาคราชไปอย่าง
ไม่ลดละ ส่วนพญานาคราชก็เนรมิตกายาต่าง ๆ นานา เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เพื่อหลีกเร้นอย่างสุดแรงกำลัง
พระโมคคัลลานะก็ไล่ติดตามเป็นพัลวัน จนพญานาคราชอ่อนแรงสิ้นกำลังจะหลบหนี ความพยายามที่เคย
หมายจะเอาชนะกลับกลายเป็นความท้อแท้สิ้นหวัง
บัดนี้ พญานันโทปนันทนาคราชสิ้นแล้วซึ่งความพยศ จึงรีบเนรมิตกายาเป็นมาณพหนุ่ม เข้ากราบ
พระโมคคัลลานะ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าว่า
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 02:04
พญานาคราช | : | ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ คราก่อนนั้นข้าพเจ้าสำคัญว่าตนเป็นผู้มีศักดานุภาพมากมาย
ยากนักที่จักมีผู้ใดเสมอด้วยฤทธาของข้าพเจ้าได้
ครานี้ ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ในฤทธิ์อานุภาพอันมหาศาลของพระคุณเจ้าแล้ว อันฤทธา
ของข้าพเจ้านั้น มิอาจเทียบเทียมกับท่านได้เลยแม้แต่น้อย
ข้าพเจ้าถึงซึ่งความแพ้พ่าย และขอยอมสยบต่อท่านอย่างสดุดี ขอโปรดพระคุณเจ้า
ได้เมตตาชี้หนทางอันเกษมนั้นให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
|
พระโมคคัลลานะ | : | ดูก่อน....พญานันโทปนันทนาคราช เราคือสมณะผู้เป็นสาวกของพระพุทธองค์
ผู้ประเสริฐ
มาเถิด....พญานาคราช เราจักนำพาท่านให้พบหนทางอันเกษมนั้นในบัดนี้ |
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 02:04
บัดนั้น พระโมคคัลลานะดำเนินนำพญานาคราชเข้าเฝ้าองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า แลเมื่อได้ประสบพบพักตร์
์พระพุทธองค์แล้ว กระแสพระเมตตาธิคุณของพระพุทธองค์ยังความอัศจรรย์ใจให้พญานาคราชปลาบปลื้ม
เป็นที่ยิ่ง จึงก้มกราบยังเบื้องพระยุคลบาทของพระพุทธองค์ด้วยความนอบน้อมถ่อมตน แล้วนึกตรึกในใจว่า
องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระปรีชาฌานยิ่งนักที่แสดงอุปเท่ห์แห่งฤทธาให้เราประจักษ์ว่า
อันพระโมคคัลลานะผู้ทรงฤทธานุภาพมหาศาลนั้นยังเป็นศิษย์สาวกของพระองค์ท่าน ซึ่งเรายังมิอาจต่อกร
เอาชนะได้เลย แล้วฤทธานุภาพของพระพุทธองค์ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์นั้นเล่า จักทรงอานุภาพสักปานใด
ครานั้น พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นอัธยาศัยความสำนึกอันอ่อนโยนในจิต แลความอ่อนน้อมถ่อมตนของ
พญานันโทปนันทนาคราช พระพุทธองค์จึงตรัสสั่งสอนว่า
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 02:05
พระพุทธองค์ | : | ดูก่อน....พญานาคราช ในพิภพนี้มิมีสิ่งใดเลิศประเสริฐเท่ากับแสงสว่างแห่งปัญญา
ซึ่งเป็นเครื่องนำพาให้พบสุขอันเกษมนั้น
พญานาคราชเอย....ผู้ใดมีมิจฉาทิฐิด้วยสำคัญตนว่าเป็นผู้เลิศกว่าผู้อื่นนั้น ย่อมมิยอม
พิจารณาฟังผู้อื่นเป็นธรรมดา ความเห็นผิดเช่นนี้ย่อมปิดทางสว่างแห่งปัญญาให้สิ้นไป
|
พญานาคราช | : | พระพุทธเจ้าข้า นับเป็นบุญวาสนาของข้าพระพุทธเจ้าที่ได้รับพระธรรมคำสั่งสอน
จากพระพุทธองค์
บัดนี้ ความเห็นผิด (มิจฉาทิฐิ) นั้นได้สิ้นลงแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าซาบซึ้งและสำนึกใน
น้ำพระเมตตาเป็นล้นพ้น และขอมีพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง เพื่อสุขอันเกษมในอนาคต-
กาลนั้น พุทธเจ้าข้า |
โดย: Metha เวลา: 2014-4-27 02:06
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงประทานศีลห้าแก่พญานันโทป-
นันทนาคราช แล้วกระทำอิทธิฤทธิ์ศักดานุภาพเปล่งฉัพพรรณรังสี เสด็จนำหมู่ภิกษุสงฆ์ลงจากเบื้องบนนภากาศ
ดำเนินสู่เรือนอนาถบิณฑิกเศรษฐี เข้ารับภัตราหารเพลพร้อมหมู่ภิกษุสงฆ์สาวกทั้ง ๕๐๐ รูป
อนาถบิณฑิกเศรษฐีเข้าต้อนรับ แล้วกราบทูลถามถึงเหตุแห่งการเสด็จล่าช้ากว่าที่เคย พระพุทธองค์ทรงตรัส
ตอบว่า
พระพุทธองค์ | : | ดูก่อน....ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี การล่าช้าในครานี้ เหตุเพราะพระโมคคัลลานะ
กระทำการฝึกฝนพญานันโทปนันทนาคราชให้ปลดเปลื้องจากมิจฉาทิฐิ ทั้งนี้เพื่อ
การสั่งสมปัญญาที่จะนำพาให้พบสุขอันเกษมในอนาคตกาล
|
อนาถบิณฑิกเศรษฐี | : | ขออนุโมทนาพุทธเจ้าข้า |
ครานั้น อนาถบิณฑิกเศรษฐีมีความโสมนัสเป็นที่ยิ่ง จึงกราบอาราธนาพระพุทธองค์และหมู่ภิกษุสงฆ์สาวก
จำนวน ๕๐๐ รูป เข้ารับภัตตาหารเพื่อบูชาอนุโมทนานี้เป็นเวลาเจ็ดวัน
ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://baanjompra.com/webboard/) |
Powered by Discuz! X3.2 |